ชาวประมงบนอานม้าจับกุ้งทะเลรุ่นสุดท้าย

.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
.
Shrimp fishing on horseback
in Oostduinkerke
.
.


ที่ชายฝั่งทะเลช่วงสั้น ๆ
ด้านตะวันตกของ Belgium
ห่างจาก Dunkirk ของ France ราว  20 กิโลเมตร
ชายฝั่งที่เรียกว่า Oostduinkerke
(ความหมาย East Dunkirk)
ชาวประมงในพื้นที่นี้
มีรูปแบบการทำประมงแตกต่างจากที่อื่น
แทนที่จะใช้เรือประมงจับกุ้งจับปลาในทะเล
ชาวประมงเหล่านี้กับนั่งบนอานม้า
แล้วลุยน้ำทะเลลงไปทำการประมงจับกุ้ง
ด้วยแหที่ลากไปตามพื้นทรายเพื่อจับกุ้ง


ชาวประมงเหล่านี้กำลังหากุ้ง
Crangon crangon
หรือกุ้งที่รู้จักกันทั่วไปว่า กุ้งสีเทา
ซึ่งพบได้เฉพาะในเขตภาคใต้ของทะเลเหนือ
และเป็นอาหารอันโอชะใน Belgium


นับเป็นเวลากว่า 500 ปีแล้ว
ที่การทำประมงจับกุ้งทะเลบนหลังม้า  
โดยม้าที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้วเป็นอย่างดี
ทั่วชายฝั่งทะเลเหนือจากฝรั่งเศส
ไปจนถึงเนเธอร์แลนด์และทางตอนใต้อังกฤษ


ในทุกวันนี้
การประมงจับกุ้งทะเลบนอานม้า
มีเพียงแค่ไม่กี่ไมล์บนชายฝั่งทะเล
ใน Oostduinkerke
พื้นที่ครั้งหนึ่งในอดีต  
เคยมีคนทำงานเป็นชาวประมง
แต่ตอนนี้เริ่มกลายเป็นงานอดิเรกเท่านั้น
มีการจัดกิจกรรมเพื่อแสดงให้นักท่องเที่ยวชม
จากชาวประมงบนอานม้าจับกุ้งทะเล
รุ่นสุดท้ายของเมืองนี้
.
1.

.
Credit : Michel VR / Wikimedia
.
.


การทำประมงจับกุ้งเริ่มต้น
ในช่วงที่อากาศอบอุ่นขึ้น
ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน - มิถุนายน  
สิงหาคม - ตุลาคม ในแต่ละปี
ซึ่งกุ้งจะมีรสชาติ/คุณภาพดีในช่วงนี้
เพราะน้ำทะเลไม่เย็นจัดจนเกินไป
กับไม่มีน้ำแข็งล่องลอยเกะกะในทัองทะเล
และจะทำได้ในช่วงน้ำลงวันละราว 1 ชั่วโมงครึ่ง


ช่วงน้ำทะเลกำลังขึ้นน้ำกำลังลง
ชาวประมงมักจะบอกว่าฝูงปลากำลังหิว
กินเหยื่อตก/จับปลาดีนักแล
แต่จริง ๆ น่าจะพวกแพลงตอน/สัตว์น้ำ
ถูกพัดพามามากตอนน้ำทะเลไหลขึ้นลง


ชาวประมงจะขึ้นบนหลังม้า
ด้วยการสวมเสื้อผ้าสีเหลืองสดใส
สวมรองเท้ายางกันน้ำรัดข้อเท้า
แล้วขับขี่ม้าไปตามชายฝั่ง
พร้อมกับแหตาเล็กขนาดใหญ่ด้านหลังม้า
ที่ลากคราดไปบนหน้าทรายตามหลัง
ปากแหแผ่กว้างได้ราว 10 เมตร
แล้วยาวเรียวไปถึงปลายราว 30 เมตร
รูปทรงคล้ายโพงพางจับปลาในทะเล
เพื่อดักจับกุ้งและปลาอื่น ๆ ขนาดเล็ก
ที่แหวกว่ายในคลื่นท้องทะเล


การลุยผ่านน้ำทะเล
เป็นกิจกรรมที่ม้าต้องใช้แรงมาก
เหมาะสำหรับม้าที่ทั้งทนทั้งถึกอย่างพันธุ์ Brabant
ที่รู้จักกันดีถึงแรงม้าขนาดยักษ์ของม้าสายพันธุ์นี้
ในอดีตนิยมไว้ลากของหนัก/ไถนาในบางพื้นที่
ชาวประมงกับม้าต่างต้องรู้ใจซึ่งกันและกัน
ในการทำประมงเพื่อจับกุ้งทะเล


ดังนั้น ชาวประมงกับม้าจะต้องรีบไปรีบกลับ
ในช่วงเวลาได้กุ้งพอสมควรแล้ว/ทุก ๆ 30 นาที
ทั้งคู่จะกลับเข้าฝั่งเพื่อให้ม้าได้พักผ่อน
ส่วนชาวประมงจะลากแหขึ้นบนฝั่ง
แล้วเลือกกุ้งขึ้นมาก่อนโยนทิ้ง
ปู ปลา ปลาดาว ที่ไม่ต้องการทิ้งลงทะเล
แล้วรวบรวมกุ้งใส่ลงในตะกร้าสองข้าง
ที่แขวนไว้บนหลังม้า
ซึ่งในแต่ละครั้งจะได้กุ้งเต็มที่ราว ๆ 10-20 กก.
หลังจากนั้นจะรวบรวมกลับบ้าน
เพื่อต้มกับน้ำเค็มก่อนผึ่งให้แห้ง
เพื่อเตรียมเป็นอาหารต่อไป


เมื่อ 500 ปีก่อนนี้  นี่เป็นวิธีเดียวที่จะจับกุ้งได้
แต่เพราะความต้องการในเชิงพาณิชย์
และอุปสงค์กุ้งที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
ชาวประมงจึงเริ่มลงเรือลุยไปในท้องทะเล
เพื่อจับกุ้งทะเลแทนที่จะรอให้ฝูงกุ้ง
ล่องลอยมาตามกระแสน้ำ


แม้แต่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา
การจับกุ้งทะเลบนหลังม้าก็เริ่มเป็นที่สนใจ
เพราะพบเห็นกันได้ทั่วไป
ตามแนวชายฝั่งของทะเลเหนือ


แต่ทุกวันนี้  มีชาวประมงบนอานม้า
เหลือเพียงแค่ 15 คนใน Oostduinkerke
ที่ยังทำหน้าที่ผู้รักษาวัฒนธรรมพื้นเมือง
แห่งนี้ที่ยังหลงเหลืออยู่ในพื้นที่
หลายคนต่างไม่ใช่ชาวประมงอาชีพ
ที่ทำงานเต็มเวลา บางคนเป็นช่างฝีมือ
ทำงานในท้องถิ่น  บ้างก็เป็นชาวนา


ม้า และ การประมงจับกุ้งในทะเล
เป็นเรื่องของคนที่รักและหลงใหลเรื่องนี้เท่านั้น


เหตุผลที่ว่า ทำไมการประมงจับกุ้ง
จึงมีที่ Oostduinkerke
เพราะที่มีมีบริเวณชายฝั่งที่กว้างมาก
ไม่มีหินโสโครกมากในท้องทะเล
ซึ่งเศษหินอาจจะทำให้แหฉีกขาดหรือติดพันได้
ภูมิประเทศจึงเหมาะอย่างยิ่งกับการจับกุ้งทะเล


ตั้งแต่ปี  1950 จะมีมหกรรม Shrimp Festival
จัดขึ้นเพียง 2 วันในช่วงปลายเดือน
มิถุนายนทุก ๆ ปี ใน Oostduinkerke
เพราะเป็นช่วงย่างเข้าฤดูร้อนของแต่ละปี
จะมีการแสดง Concerts  ตลาดนัดท้องถิ่น
และขบวนพาเหรดเต็มไปด้วยสีสรรค์
ที่มีการเตรียมการมานานหลายเดือน
เพื่อต้อนรับผู้ชมที่มาจากที่ต่าง ๆ
มาเยี่ยมชมมากกว่า  10,000 คนในแต่ละปี


การประมงจับกุ้งทะเลบนหลังม้าหาดูได้ยากแล้ว
ในปี 2013 UNESCO ได้มอบรางวัลให้สถานที่แห่งนี้
เป็นตัวแทนมรดกภูมิปัญญา
ทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ
Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity
.


เรียบเรียง/ที่มา


http://bit.ly/2OArKth
http://bit.ly/2NjVazc
.



.
.
2.

.
Photo credit: David Edgar/Wikimedia
.
.
3.

.
Photo credit: icmmonline.org
.
.
4.

.
Statues of horseback fishermen
in Oostduinkerke.
Photo credit: The Land/Wikimedia
.
.
5.

.
.
6.

.
.
7.

.
.
8.

.
.
9.

.
.
10.

.
.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
.
PLOWING WITH HORSES
.
.
11.

.
.

เรื่องเดิม
.
สตรี 7 คนช่วยชีวิตฝูงม้า 100 กว่าตัวจากน้ำท่วมในเนเธอแลนด์
.

.
.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
.
.
.


เรื่องเล่าไร้สาระ


แถวบ้านที่จะนะ เทพา และสงขลา
ผมมักจะเห็นชาวบ้านรุนเคย
โดยแรงคนหรือใช้เรือลาก
ชาวบ้านมักจะนิยมนำเคยมาแปรรูป
ถนอมอาหารเป็นกะปิหรือเคย
เพราะเก็บรักษาได้นานกว่า
ถ้ามีเหลือเฟือก็นำมาวางขายตามท้องตลาด
เพราะได้ราคาดีกว่าการขายเป็นของสด


แต่กะปิที่ขายได้ราคาดีและรู้จักกันทั่วไป
มักมาจากแหล่งผลิตที่เกาะยอสงขลา
เพราะผู้ผลิตกะปิส่งขายให้ร้านดังสงขลา 2 ร้าน
ซึ่งต่างเคยชนะรางวัลประกวดหลายปีก่อน/นานมาแล้ว
กะปิ 2 ร้านนี้จะตำจนละเอียด
และเนื้อจะเนียนกว่าไม่หยาบมาก
รสชาติจะออกกลาง ๆ ซึ่งคนมาเลย์/คนสยามในมาเลย์
มักจะชอบกว่ารสชาติออกเค็มหรือเนื้อหยาบ ๆ
ซึ่งมักจะมีการผลิตกันหลายแห่งตามชุมชนประมงของไทย
.

.
.
12.

.
.
13.

.
Credit : สดใส สันติวรพงษ์
.
.



อุปกรณ์ผลิตแบบชาวบ้าน ใช้สากตำเคยก่อน
แล้วใช้โม่หินบดเคยตำให้ละเอียด  
ก่อนโรยเกลือยัดใส่ไหเพื่อรอขาย
ปัญหาการผลิตที่มักจะพบก็คือ
ชาวบ้านใช้ประสบการณ์ในการผลิต
ทำให้รสชาติไม่นิ่ง ปัจจัยสำคัญในเรื่องอาหาร
เว้นแต่จะมีการชั่งตวงวัดให้ได้ค่ามาตรฐาน
แบบอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร
หรือร้านอาหารแบบเครือข่ายทั่วโลก
.
.

เคย
Krill  เป็นสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายกุ้ง
ในกลุ่มกุ้ง-กั้ง-ปู ซึ่งเป็นสัตว์สำคัญแพลงก์ตอน
ที่เป็นอาหารของ ปลาวาฬบาลีน
ปลากระเบนราหูน้ำเค็ม
ปลาฉลามวาฬและแมวน้ำกินปู
รวมทั้งนกทะเลบางสปีชีส์
ที่กินเคยแต่เพียงอย่างเดียว


กุ้งเคยจัดเป็นครัสเตเชียนขนาดเล็ก
รูปร่างคล้ายกุ้ง แต่ตัวเล็กกว่า
และไม่มีกรีแหลมๆที่บริเวณหัวเหมือนกุ้ง
ตัวสีขาวใส มีตาสีดำ มีขนาดยาว 1.5 เซนติเมตร
มีเปลือกบางและนิ่ม อาศัยอยู่ตามบริเวณรากไม้
ตามป่าชายเลน เช่น ต้นโกงกาง แสม ลำพู


ชาวบ้านมักจะออกช้อนตัวเคยกันในเวลาเช้า
ช้อนกันได้ทุกวันเพราะมีอยู่มากทุกฤดูกาล
จะดำรงชีวิตอยู่ใกล้ผิวทะเลโดยไม่จมลงไป
ซึ่งอาจจะอยู่ในน้ำลึกประมาณหน้าแข้งถึงระดับหน้าอก
ในแถบขั้วโลกใต้จะเป็นแพลงก์ตอนที่มีขนาดใหญ่
มันจะเป็นอาหารที่สำคัญของปลาวาฬ


ส่วนในอ่าวไทยเป็นแพลงก์ตอนที่มีขนาดเล็ก
อยู่ตามชายฝั่ง ในนากุ้งและบ่อปลา
ลักษณะที่สำคัญคือ
ในตัวเมียจะมีถุงไข่ที่ติดอยู่กับท้องตั้งแต่กำเนิด
จึงมีชื่อเรียกว่า กุ้งโอปอสซั่ม (Opossum shrimp)
.
.
.
14.

.
.
.

อนึ่ง คำว่า เคย  ในภาษาถิ่นใต้บางแห่ง
จะขึ้นกับบริบทในการใช้คำคำนี้
เพราะความหมายเริ่มเบี่ยงแบนไปจากเดิมมาก
แบบคำเดิมที่มีความหมายดีดี เช่นคำว่า จิ๋ม หม้อ


เคย อาจจะหมายถึงเด็กหญิงตัวนุ้ย/หนุ่ย
นุ้ย คือ เล็ก ๆ น่ารัก อาจจะอ้วนตุ้ยนุ้ย
หรือเรียกเด็กชาย ไอ้ไข่นุ้ย ไอ่ไข้หนุ่ย เป็นต้น
หนุ่ย ใช้แทนสรรพนามตนเองว่า หนู ในภาษาบางกอก
เวลาพูดกับพ่อแม่ หรือผู้อาวุโสกว่าตน


เคย  อาจจะหมายถึง
อวัยวะเพศสตรีที่ให้กำเนิดบุตรก็ได้
จึงพึงระมัดระวังเวลาใช้พูดกับสาวใต้
เพราะอาจจะฟังแล้วเข้าใจผิด
แล้วจะกลายเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทได้
เผลอ ๆ อาจจะมีสีแดงปนเปื้อน
ที่บริเวณปากคนพูดได้แบบคนกินหมาก
.
.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่