ก่อนอื่นต้องพูดถึงตัวหนังภาคล่าสุดก่อน
ด้วยความที่เป็นแฟนหนังเรื่องนี้มานาน จึงตั้งความหวังไว้สูง + คำวิจารณ์หลายสำนักที่ว่าตัวหนังดีมาก
แต่เมื่อดูแล้วกลับรู้สึก ผิดหวัง!!

ประการแรก
พล็อตเรื่องมีความเยิ่นเย้อ และรู้สึกอืดอาดเป็นช่วง ๆ หนังพยายามใส่ประเด็นจิตใจของไมเคิล ไมเยอร์ส ว่ามีแรงจูงใจอะไรที่เคยก่อเหตุเมื่อ 40 ปีก่อน แต่หนังก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนมากนักเท่าไหร่ + ประเด็นผู้ล่า ผู้ถูกล่าที่รู้สึกว่าเชยแล้ว จึงทำให้รู้สึกว่าจะใส่เข้ามาทำไม (รวมถึงตัวละครอย่างนักข่าวล่ารางวัลสองคนหนุ่มสาว ที่ใส่มาโดยไม่มีประโยชน์แก่เนื้อเรื่องเลย)

สิริรวมแล้ว พล็อตเรื่องธรรมดามาก
ส่วนความน่ากลัวของหนังไม่ได้ระทึกดังที่คาดไว้ คือภาคนี้มีคนตายเยอะมาก แต่ดูแล้วรู้สึกเบื่อ เหยื่อแต่ละรายที่โดนเก็บนั้น คือเหมือนมาเพื่อโดนฆ่าตายไปเฉยๆ มันจะมีฉากที่ไมเคิลเข้าไปในบ้านสองสามหลัง และโดนไมเคิลทุบๆ จบ และเดินไปฆ่าเหยื่อในบ้านหลังอื่นต่อ มันไม่ได้ให้อารมณ์ลุ้นกับคนดูอย่างเรา แต่กลับทำให้ความน่าสนใจลดลง ความน่าเบื่อทะยานขึ้น
อีกทั้งองก์สุดท้ายที่ไมเคิล จะมาเจอกับลอรี่นั้นคาดหวังว่าจะพีค ระทึก ก็ไม่สมการรอคอย มันมีความกดดันอยู่ระดับนึง แต่เหมือนกับว่าทั้งคู่เล่นซ่อนแอบกันอยู่เท่านั้น ดูจนรู้สึกเหนื่อย คือไม่ได้กลัวจนเหนื่อย แต่เหนื่อยตรงเมื่อไหร่ฉากระทึกจะมาสักที ซึ่งไอ้ฉากตื่นเต้นมันก็มีตื่นเต้นพอดูได้ แต่หนังปล่อยให้เราลุ้นนาน ทิ้งช่องว่างนานเกินไปจนเมื่อพี่แกจะโผล่มา เราก็ไม่ได้รู้สึกกลัว (เช่นฉากที่ไมเคิลหายไป เพื่อแอบดักรอนางเอกอยู่ [จังหวะอย่างนี้แหละที่พูดถึง] เมื่อไมเคิลปรากฏกายออกมากลับไม่ทำให้เรารู้สึกตกใจ แล้วทั้งเรื่องจะมีฉากประมาณนี้อยู่เยอะเหมือนกัน )
ประกอบกับ....
ประการที่สองคือ ดนตรีประกอบ คือเข้าใจนะว่า จอห์น คาร์เพนเตอร์ประพันธ์ธีมอันคุ้นหูอยู่เคียงข้างหนังชุดนี้มาตลอด และยิ่วภาคนี้แกอำนวยการสร้างเอง ภาคนี้ก็เลยจัดหนักเอาธีมเดิมๆจากภาคแรกมาใส่ แต่ขอบอกเถอะว่ามันน่าเบื่อมาก ใส่เพลงเข้ามามันดูประดักประเดิด และดูยัดเยียดเกินไป พอฉากที่ควรจะเอาดนตรีมาเสริมให้ระทึกยิ่งขึ้น กลับทำให้ดรอปลงอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งดนตรีอันนึงที่จะเป็นเสียงเสียดแหลมพิศวงนั่นโคตรจะไม่เข้าเลยกับหนังสมัยใหม่แบบนี้
็ดู Halloween 2018 แล้วอดเอามาเปรียบเทียบกับ Halloween H2O ไม่ได้
ด้วยความที่เป็นแฟนหนังเรื่องนี้มานาน จึงตั้งความหวังไว้สูง + คำวิจารณ์หลายสำนักที่ว่าตัวหนังดีมาก
แต่เมื่อดูแล้วกลับรู้สึก ผิดหวัง!!
ประการแรก
พล็อตเรื่องมีความเยิ่นเย้อ และรู้สึกอืดอาดเป็นช่วง ๆ หนังพยายามใส่ประเด็นจิตใจของไมเคิล ไมเยอร์ส ว่ามีแรงจูงใจอะไรที่เคยก่อเหตุเมื่อ 40 ปีก่อน แต่หนังก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนมากนักเท่าไหร่ + ประเด็นผู้ล่า ผู้ถูกล่าที่รู้สึกว่าเชยแล้ว จึงทำให้รู้สึกว่าจะใส่เข้ามาทำไม (รวมถึงตัวละครอย่างนักข่าวล่ารางวัลสองคนหนุ่มสาว ที่ใส่มาโดยไม่มีประโยชน์แก่เนื้อเรื่องเลย)
ส่วนความน่ากลัวของหนังไม่ได้ระทึกดังที่คาดไว้ คือภาคนี้มีคนตายเยอะมาก แต่ดูแล้วรู้สึกเบื่อ เหยื่อแต่ละรายที่โดนเก็บนั้น คือเหมือนมาเพื่อโดนฆ่าตายไปเฉยๆ มันจะมีฉากที่ไมเคิลเข้าไปในบ้านสองสามหลัง และโดนไมเคิลทุบๆ จบ และเดินไปฆ่าเหยื่อในบ้านหลังอื่นต่อ มันไม่ได้ให้อารมณ์ลุ้นกับคนดูอย่างเรา แต่กลับทำให้ความน่าสนใจลดลง ความน่าเบื่อทะยานขึ้น
อีกทั้งองก์สุดท้ายที่ไมเคิล จะมาเจอกับลอรี่นั้นคาดหวังว่าจะพีค ระทึก ก็ไม่สมการรอคอย มันมีความกดดันอยู่ระดับนึง แต่เหมือนกับว่าทั้งคู่เล่นซ่อนแอบกันอยู่เท่านั้น ดูจนรู้สึกเหนื่อย คือไม่ได้กลัวจนเหนื่อย แต่เหนื่อยตรงเมื่อไหร่ฉากระทึกจะมาสักที ซึ่งไอ้ฉากตื่นเต้นมันก็มีตื่นเต้นพอดูได้ แต่หนังปล่อยให้เราลุ้นนาน ทิ้งช่องว่างนานเกินไปจนเมื่อพี่แกจะโผล่มา เราก็ไม่ได้รู้สึกกลัว (เช่นฉากที่ไมเคิลหายไป เพื่อแอบดักรอนางเอกอยู่ [จังหวะอย่างนี้แหละที่พูดถึง] เมื่อไมเคิลปรากฏกายออกมากลับไม่ทำให้เรารู้สึกตกใจ แล้วทั้งเรื่องจะมีฉากประมาณนี้อยู่เยอะเหมือนกัน )
ประกอบกับ....
ประการที่สองคือ ดนตรีประกอบ คือเข้าใจนะว่า จอห์น คาร์เพนเตอร์ประพันธ์ธีมอันคุ้นหูอยู่เคียงข้างหนังชุดนี้มาตลอด และยิ่วภาคนี้แกอำนวยการสร้างเอง ภาคนี้ก็เลยจัดหนักเอาธีมเดิมๆจากภาคแรกมาใส่ แต่ขอบอกเถอะว่ามันน่าเบื่อมาก ใส่เพลงเข้ามามันดูประดักประเดิด และดูยัดเยียดเกินไป พอฉากที่ควรจะเอาดนตรีมาเสริมให้ระทึกยิ่งขึ้น กลับทำให้ดรอปลงอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งดนตรีอันนึงที่จะเป็นเสียงเสียดแหลมพิศวงนั่นโคตรจะไม่เข้าเลยกับหนังสมัยใหม่แบบนี้