วันที่ 31 ตุลาคมของทุกปีคือวันสำคัญอันเรียกว่า  "Halloween = ฮาโลวีน" ชาวตะวันตกเชื่อว่าภูตผีปีศาจและวิญญาณจากมิติคนตายจะข้ามฝั่งมาเยือนคนเป็น

วันฮาโลวีนมีประเพณีที่เด็กๆ แต่งตัวแฟนซีตามจินตนาการ และสวมบทภูติผีวิญญาณต่างๆ ออกเคาะประตูตามบ้านเรือนแถวชุมชน  ขอขนมเพื่อแลกกับการละเว้นไม่หลอกหลอนเจ้าของบ้าน (Trick of Treat = หลอกหรือให้)
กับการแกะสลักฟักทองให้มีหน้าตาแบบปีศาจที่เรียกว่า แจ๊ค-โอ'-แลนเทิร์น (jack-o'-lantern)


ค.ศ.1978  ผู้สร้าง, ผู้ประพันธ์ดนตรี และนักเขียนบท 'จอห์น คาร์เพนเตอร์' นำเสนองานภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องหนึ่งซึ่งเขากำกับชื่อ "Halloween-ฮาโลวีน" อันกล่าวถึงฆาตกรโรคจิตผู้วิปริตเกินเยียวยา 'ไมเคิล ไมเยอร์ส' ที่ออกล่าคร่าชีวิตคน ราวกับตนเป็นวิญญาณร้ายในคืนวันดังกล่าว

ผลตอบรับต่อหนังสยองขวัญวันปล่อยผีดีงามจน Halloween กลายเป็นหนังแฟรนไชส์แนวฆาตกรต่อเนื่องเรื่องแรกๆ ที่ได้สร้างภาคต่อออกมาเรื่อยๆ
ตลอดระยะเวลา 40 ปีมีถึง 11 ภาค (รวม Halloween 2018)

ล่าสุดปี 2018 ภาพยนตร์ภาคต่อชื่อเดียวกัน+มีเนื้อเรื่องต่อจากภาคแรกโดยตรง 'Halloween' กำลังจะนำชายโรคจิตสวมหน้ากากผู้แข็งแกร่งผิดมนุษย์มนาและชื่นชอบการเข่นฆ่ากลับมาอีกครั้ง
จึงขอถือโอกาสนำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแฟรนไชส์หนังสยองขวัญนี้
เพื่อเพิ่มอารมณ์ร่วมตอนรับชมภาพยนตร์แก่เหล่าผู้สนใจ และต้อนรับเทศกาลวันปล่อยผีไปพร้อมกัน

Halloween (1978)

จุดเริ่มของเรื่องทั้งหมดทั้งมวลคือคืนฮาโลวีนปี 1963  ณ เมืองสมมุติชื่อ 'แฮดดอนฟิลด์' ซึ่งตั้งอยู่รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐฯ
หลังหญิงสาวนามจูดิธ ไมเยอร์ส ใช้เวลาร่วมกับแฟนหนุ่ม
น้องชายหล่อน 'ไมเคิล ไมเยอร์ส' วัย 6 ขวบ สวมชุด+ใส่หน้ากากตัวตลก และหยิบมีดทำครัวมาถือ   เด็กน้อยรอชายหนุ่มไปพ้นทาง แล้วบุกแทงพี่สาวหลายแผล เสียชีวิตคาบ้าน





15 ปีต่อมา แม้จิตแพทย์ผู้ดูแลไมเคิล 'ดร.แซมูเอล ลูมิส' พยายามบำบัดรักษาอาการป่วยจิตของเขาอย่างยาวนานแต่ก็ไม่ประสบผล
คืนวันที่ 30 ตุลาคม 1978, ขณะดร.แซม และเพื่อนร่วมงานขับรถเยือนโรงพยาบาลเพื่อพาไมเคิลไปขึ้นศาลพิจารณาคดี
ไมเคิลได้ฉวยโอกาสขโมยรถของดร.แซมหลบหนีออกจากโรงพยาบาลสู่แฮดดอนฟิลด์

เช้าวันรุ่งขึ้น 31 ตุลาคม, ไมเคิลขโมยหน้ากากสำหรับใส่รับวันฮาโลวีนสีขาว, มีด และเชือกจากร้านขายของ
เริ่มต้นแอบสะกดรอยตามนักเรียนหญิงมัธยม 'ลอรี่ สโตรด' ตลอดวัน
โดยลอรี่นั้นตะหงิดใจสงสัยเรื่องโดนสะกดรอยอยู่
แต่แอนนี่กับลินดา เพื่อนสาวทั้งสองคนกล่อมว่าเธอวิตกจริตคิดไปเอง





ด้านดร.แซม ลูมิสคาดการณ์ว่าไมเคิลต้องหวนคืนถิ่นกำเนิดเพื่อก่อเหตุสะเทือนขวัญ จึงบึ่งมาแฮดดอนฟิลด์และขอความร่วมมือจากนายอำเภอท้องถิ่นให้ช่วยเฝ้าระวังเหตุร้ายในเมือง
ส่วนตัวดร.คอยเฝ้าบ้านเก่าของครอบครัวไมเยอร์สที่ถูกทิ้งร้าง เผื่อไมเคิลจะแวะมา

คืนนั้น ลอรี่ สโตรดรับงานพี่เลี้ยง ดูแลเด็กชายทอมมี่ขณะพ่อแม่เด็กออกไปเที่ยวนอกบ้าน
ส่วนแอนนี่รับงานพี่เลี้ยง ดูแลเด็กหญิงลินซีย์ที่บ้านใกล้กัน

หลังเริ่มงานได้พักใหญ่แฟนหนุ่มของแอนนี่โทรศัพท์เรียกหล่อนให้ขับรถไปรับเขา
แอนนี่จึงเอาลินซีย์ไปฝากลอรี่ให้ช่วยดูแลเพิ่มอีกคน แล้วปลีกตัวขึ้นรถเตรียมขับไปรับแฟน
ทว่าไมเคิลผู้ซุ่มอยู่เบาะหลังรถปรากฏกายกะทันหัน ใช้แรงควายบีบคอหล่อนตายคามือ

ไม่นานต่อมา ลินดาพาแฟนมาเที่ยวบ้านที่แอนนี่ควรทำงานพี่เลี้ยงเด็กอยู่ เธอไม่เห็นใครในบ้านแต่ไม่ได้ติดใจสงสัย (นึกว่าแอนนี่หนีงานไปเที่ยวกับแฟน)
เมื่อเห็นทางสะดวก คู่รักหนุ่มสาวเลยทำเรื่องอย่างว่าตามประสา  พอเสร็จกิจแฟนหนุ่มแยกตัวไปหาอะไรดื่ม
เข้าทางไมเคิลที่รอเหยื่อแยกกัน เขากระแทกชายหนุ่มยันร่างอีกฝ่ายติดข้างฝาและเสียบมีดปลิดชีวิน  จากนั้นก็ดอดไปฆ่ารัดคอลินดาต่อ


ลอรี่เริ่มรู้สึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านอีกหลัง  พอส่งเด็ก 2 คนเข้านอนแล้วจึงแวะไปดูสถานการณ์ ทำให้พบศพเหยื่อทั้ง 3
ไมเคิลผู้ซ่อนตัวรอ สบจังหวะขณะลอรี่เสียขวัญ ใช้มีดแทงใส่จากด้านหลังเธอ แต่พลาดเป้าหวุดหวิดแค่ถากแขน

ลอรี่ตะเกียกตะกายวิ่งหนีหลบเข้าบ้านอีกหลังที่เด็ก 2 คนนอน แต่ไมเคิลบุกถึงที่ไล่ฆ่าเธอไม่ลดละ
ลอรี่ทั้งล็อคประตูถ่วงเวลา และหาโอกาสจู่โจมกลับไอ้ฆาตกร เพื่อให้เด็กทั้งสองซึ่งถูกปลุกขึ้นมา ได้วิ่งหนีออกนอกบ้านไปขอความช่วยเหลือ

เคราะห์ดีที่ก่อนเหตุการณ์วิกฤติเล็กน้อย  ดร.แซมเห็นรถที่โดนขโมยเลยผละจากบ้านไมเยอร์ส เริ่มเดินหาเบาะแสบนถนน ดร.เห็นเด็กสองคนตอนวิ่งออกจากบ้านพอดี
เขาจึงเจอลอรี่ก่อนถูกพรากชีวี และไม่ลังเลที่จะยิงปืนใส่ไมเคิลไม่ยั้ง ทว่าพอจะตรวจดูศพยืนยันการสังหาร กลับไม่พบศพไมเคิลแต่อย่างใด





ปล. ใครถูกใจ ฝากกดโหวตกระทู้ให้ด้วยครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ติดตามข่าวสารภาพยนตร์และบทความเพิ่มเติมได้ ณ เพจเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/Filmaneo/
หรือติดตามบล็อกรวบรวมบทความทั้งเก่าและใหม่ได้ที่ https://filmaneo.blogspot.com/