เวลาได้ยินคนพูดว่า ไม่มีความสุขในชีวิต คนที่ได้ฟังส่วนมาก มักแนะนำให้หาความสุขให้กับชีวิต เลี่ยงที่จะให้ไม่เกิด "ความรู้สึกไม่มีความสุขกับชีวิต"
แต่ทุกคนที่มีชีวิต ก็ไม่ได้มีความสุขกันได้หมดทุกคน ใช่ไหมครับ บางคนชีวิตดี บางคนชีวิตทุกข์ หรือบางคนชีวิตดีแต่ไม่มีความสุขก็มี หรือบางคนมีทุกข์แต่กลับมีความสุขกับชีวิตก็มีถมเถ
เลยเกิดคำถามว่า ถ้าไม่มีความสุขกับชีวิตก็ไม่น่าจะเป็นอะไร แล้วยิ่งถ้าไม่รู้สึกทุกข์ได้ด้วยก็ยิ่งน่าจะดี
แต่การบอกแบบนั้น มันคงเป็นความเข้าใจที่เป็นไปได้ยาก เพราะตราบเท่าที่เรามีชีวิตอยู่ ก็ย่อมมีเรื่องให้รู้สึกสุข และให้รู้สึกทุกข์เข้ามาปะทะเสมอ
แต่พออยู่ไปนาน มันเหมือนว่าในการรับรู้ของเรา มันเริ่มค่อยๆ ปรับไปได้เองกับเรื่องที่มากระทบ อย่างเช่น ถ้าเป็นความสุขที่ยังไม่เข้ามา เราอาจจะกระตือรือร้นหรือวูบไหวกับการได้มีความสุขนั้นมาก
แต่ถ้าเราโตแล้ว เหมือนเราจะเข้าใจมันเป็นอีกแบบ พอมีความสุข เหมือนใจเราก็แค่รู้ว่ามันสุข มันเป็นการรู้ของเราคนเดียว เราพึงพอใจกับความรู้สึกนั้น ในแบบที่เหมือนแค่มองเห็นของชิ้นหนึ่ง แล้วรับรู้ซึ่งรูปทรงสีสันของมัน
แต่เหมือนว่า พอความสุขนั้นมันจางไป เราก็รู้ของเราว่า ไม่ได้มีความสุข (ณ ปัจจุบัน) และชีวิตก็ไม่ได้มีความสุข ซึ่งพอเจอเรื่องทุกข์ พอเราใช้มายด์เซ็ทเดียวกันนี้ เราก็จะรู้ว่า มันก็ไม่ได้ทุกข์ เหมือนเรื่องทางพระที่บอกว่า มันอยู่กับจิตเรา เสียมากกว่า
ผมไม่ได้ศึกษาพุทธมาเยอะเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะไปเปรียบเทียบกับแนวทางพระอะไรขนาดนั้น แต่แค่พอเริ่มอายุมาก หลังๆ เริ่มรู้สึกชินชา กับสิ่งต่างๆ (แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รักโลภโกรธหลง)
ใครเคยเป็นแบบนี้บ้างไหมครับ แต่ในทางหนึ่งเราไม่สามารถแชร์สิ่งที่อยู่ภายในนี้ได้หมด เพราะการบอกว่า ไม่รู้สึกมีความสุขกับชีวิต ที่ว่านี้มันค่อนข้างซับซ้อน ไม่ใช่อาการซึมเศร้าหรือปลง แค่รู้ว่ามันรู้สึกเฉยๆ สุขทุกข์ต่างๆ มันก็ยังเข้ามาปกติ แค่เหมือนข้างในเราปรับการรับรู้ (ซึ่งมันรู้ของเราเองคนเดียว) การอธิบายภาวะนี้เป็นถ้อยคำเลยค่อนข้างยาก
เคยรู้สึกไม่มีความสุขกับชีวิต แต่ก็ไม่มีความทุกข์ เป็นความรู้สึกรู้เฉยๆ กันไหมครับ
แต่ทุกคนที่มีชีวิต ก็ไม่ได้มีความสุขกันได้หมดทุกคน ใช่ไหมครับ บางคนชีวิตดี บางคนชีวิตทุกข์ หรือบางคนชีวิตดีแต่ไม่มีความสุขก็มี หรือบางคนมีทุกข์แต่กลับมีความสุขกับชีวิตก็มีถมเถ
เลยเกิดคำถามว่า ถ้าไม่มีความสุขกับชีวิตก็ไม่น่าจะเป็นอะไร แล้วยิ่งถ้าไม่รู้สึกทุกข์ได้ด้วยก็ยิ่งน่าจะดี
แต่การบอกแบบนั้น มันคงเป็นความเข้าใจที่เป็นไปได้ยาก เพราะตราบเท่าที่เรามีชีวิตอยู่ ก็ย่อมมีเรื่องให้รู้สึกสุข และให้รู้สึกทุกข์เข้ามาปะทะเสมอ
แต่พออยู่ไปนาน มันเหมือนว่าในการรับรู้ของเรา มันเริ่มค่อยๆ ปรับไปได้เองกับเรื่องที่มากระทบ อย่างเช่น ถ้าเป็นความสุขที่ยังไม่เข้ามา เราอาจจะกระตือรือร้นหรือวูบไหวกับการได้มีความสุขนั้นมาก
แต่ถ้าเราโตแล้ว เหมือนเราจะเข้าใจมันเป็นอีกแบบ พอมีความสุข เหมือนใจเราก็แค่รู้ว่ามันสุข มันเป็นการรู้ของเราคนเดียว เราพึงพอใจกับความรู้สึกนั้น ในแบบที่เหมือนแค่มองเห็นของชิ้นหนึ่ง แล้วรับรู้ซึ่งรูปทรงสีสันของมัน
แต่เหมือนว่า พอความสุขนั้นมันจางไป เราก็รู้ของเราว่า ไม่ได้มีความสุข (ณ ปัจจุบัน) และชีวิตก็ไม่ได้มีความสุข ซึ่งพอเจอเรื่องทุกข์ พอเราใช้มายด์เซ็ทเดียวกันนี้ เราก็จะรู้ว่า มันก็ไม่ได้ทุกข์ เหมือนเรื่องทางพระที่บอกว่า มันอยู่กับจิตเรา เสียมากกว่า
ผมไม่ได้ศึกษาพุทธมาเยอะเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะไปเปรียบเทียบกับแนวทางพระอะไรขนาดนั้น แต่แค่พอเริ่มอายุมาก หลังๆ เริ่มรู้สึกชินชา กับสิ่งต่างๆ (แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รักโลภโกรธหลง)
ใครเคยเป็นแบบนี้บ้างไหมครับ แต่ในทางหนึ่งเราไม่สามารถแชร์สิ่งที่อยู่ภายในนี้ได้หมด เพราะการบอกว่า ไม่รู้สึกมีความสุขกับชีวิต ที่ว่านี้มันค่อนข้างซับซ้อน ไม่ใช่อาการซึมเศร้าหรือปลง แค่รู้ว่ามันรู้สึกเฉยๆ สุขทุกข์ต่างๆ มันก็ยังเข้ามาปกติ แค่เหมือนข้างในเราปรับการรับรู้ (ซึ่งมันรู้ของเราเองคนเดียว) การอธิบายภาวะนี้เป็นถ้อยคำเลยค่อนข้างยาก