เก็บรัก-เก็บเกาลัด Autumn in Italy.

สวัสดีค่ะ หลังจากที่เคยมาเล่าเรื่องโน่นนี่นั่นมา 4-5 กระทู้แล้ว วันนี้จะเขียนเรื่องวิถีชีวิตในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของชาวอิตาเลียนแถบทางเหนือ ติดชายแดนสวิส แถวที่อิชั้นอยู่เรียกว่า Valtellina เป็นเขตภูเขา+ที่ราบนิดหน่อย ไม่กล้าการันตีว่าทั้งย่านนี้มีประชากรกี่คน ค้นหาไม่เจอเลย แต่เอาเป็นว่า เล็กๆ แคบๆ อยู่กันตามประสา ค่อนข้างปลอดภัย ชีวิตเรียบง่ายไม่หวือหวา บนเขาที่มีหิมะ ก็กลายร่างเป็นหมู่บ้านสำหรับนักท่องเที่ยว อย่างหมู่บ้าน Aprica ของอิชั้น หรือ Bormio or Livigno ที่อิชั้นเคยมาตั้งกระทู้พาเที่ยวไปแล้ว ส่วนย่านที่ราบหรือเนินๆเขาก็ปลูกแอปเปิ้ล ปลูกองุ่นทำไวน์กันไป และหมู่บ้าน Tirano ที่มีรถไฟสาย Bernina Express วิ่งจากติราโน่ฝั่งอิตาลี ไปสิ้นสุดที่เมือง St. Moritz ฝั่งสวิส วิวสวยมากมายทุกฤดูกาล มาค่ะ มาเที่ยวแถบนี้กันเถอะ


โอเค มาเข้าเรื่องเกาลัดของเรากันดีกว่า ก่อนที่อิชั้นจะพาออกทะเลไปซะก่อน นี่คือการเขียนโดยมีการร่างไว้ก่อนในโปรแกรม word นะคะ เพราะเคยเขียนสดๆไปแล้วเหนื่อยมาก คำผิดก็เพียบ เลยทะยอยๆเขียนเก็บไว้ก่อนดีกว่า จะได้มีเวลาแก้ไขเพิ่มเติมส่วนที่ขาดๆหายๆ


ในช่วงปลายเดือนกันยายน ย่านที่พวกเราอยู่ อากาศก็เริ่มเย็นลงๆทุกวัน และแน่นอนว่าใบไม้ใบหญ้าก็เริ่มสะดุ้งสะเทือนไปกับความเปลี่ยนแปลงนั้น ยิ่งเข้าเดือนตุลาคม แดดอ่อนๆ ลมเย็นๆ ชาวบ้านชาวช่องแต่งตัวรัดกุม จูงลูกจูงหลานเข้าป่าใกล้บ้าน ไปเก็บลูกวอลนัทที่ร่วงเต็มพื้น (วอลนัทราคาที่นี่ก็ค่อนข้างแพง บางที่บางเจ้าก็ติดป้ายห้ามเก็บในที่ๆของเค้า) หรือเก็บเกาลัดที่อิชั้นจะเอารูปมาให้ดูกันในวันนี้ ยิ่งเสาร์อาทิตย์นี่ ป่าดงต้นเกาลัดจะเต็มไปด้วยลูกเด็กเล็กแดง หิ้วหุงผ้ากันคนละใบสองใบ เก็บเกาลัดใส่ถุงกันสนุกสนาน ใส่รองเท้าหุ้มส้นหรือรองเท้าหนาๆหน่อยนะคะเพราะว่าช่อของลูกเกาลัดมีหนามด้านนอก บางทีเกาลัดก็ไม่หลุดออกจากช่อ ต้องใช้เท้าเหยียบให้หลุดออกมาจากฝักหนามนั่น วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขับรถผ่านดงต้นเกาลัดเห็นรถจอดข้างทางเยอะแยะเลย ดงต้นเกาลัดนั่นมีเจ้าของนะคะ แต่ต้นเกาลัดเป็นต้นไม้ที่ไม่ต้องไปดูแลอะไรมาก ปล่อยให้งอกเอง  โตเอง ตายเอง ช่างมันไป 555 เจ้าของที่เค้าก็ปล่อยให้เข้าไปเก็บตามสบาย คือมันมีเยอะมากๆ แบ่งๆกันเก็บกันกินไปเถอะ


และตามธรรมเนียมของบ้านเราคือ ช่วงฤดูใบไม้ร่วง พอเกาลัดเริ่มร่วง เราจะยกขบวนไปกินมื้อเที่ยงบ้านหลานชาย ที่อยู่อีกหมู่บ้านนึง บนเขาอีกลูกนึง หลังมื้อเที่ยงอิชั้นกับหลานชายก็จะไปเก็บเกาลัดที่ป่าข้างบ้านนั่นแหละ สักชั่วโมงก็กลับมาคั่วเกาลัดที่หลานชายเก็บไว้หลายวันแล้ว ตากแดดสักวันสองวันแล้วให้เนื้อเกาลัดมันแห้งๆลงบ้าง เวลาคั่วจะได้แกะเปลือกง่ายๆหน่อย และคนที่จะก่อไฟคั่วให้พวกเรากินคือคุณปู่ของหลานมัตเตียวัยเกือบ 90 ปีคนนี้ค่ะ กระทะที่ใช้คั่วก็จะเจาะรูหลายๆรูด้านล่าง เพื่อให้ไฟมันเลียไปที่เม็ดเกาลัดจะได้ได้สุกเร็วๆ
หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ อิชั้นก็หยิบเสื้อกั๊กสีขาวผ้าบางๆมาสวมทับเสื้อแขนยาว กลัวหนาวว่างั้นเหอะ แต่สุดท้ายแล้วพับเก็บใส่เป้แทบไม่ทัน อากาศดีมาก 20 องศา อิชั้นและหลานปั่นจักรยานกันไป ขาไปนั้นลงเนินตลอด สบายมาก ห้านาทีถึงป่าเกาลัด ใกล้บ้านของเพื่อนหลาน มัตเตียเดินเข้าไปทักหมาที่บ้านเพื่อนด้วย อิชั้นได้แต่ยืนมองไกลๆ กลัวหมากระโจนออกมางับขา หน้าแปลกๆอยู่ด้วยนะเรา

จอดจักรยานกันกลางป่ากันแบบนี้ ใบของต้นเกาลัดก็ร่วงเต็มพื้นเช่นกัน




แต่งตัวรัดกุม หลังๆก็ร้อน อุณหภูมิราวๆ 20 องศา ถอดเหลือแต่เสื้อแขนสั้นด้านใน ดงต้นเกาลัดนี่ มีแสงแดด ผ่านเข้ามารำไรอยู่นะคะ




มัตเตียกำลังมุ่งมั่นกับภารกิจเก็บเกาลัดของเค้ามากๆ ตอนปั่นลงเนินมานี่ มีการเบรกชะลอ ถามป้าว่าโอเคไหม ปั่นได้ไหม โธ่ แค่นี้จิ๊บๆ สบายมาก



ฝักของเกาลัดที่เม็ดไม่หลุดออกมาจากหนามแหลมๆนั่น ต้องใช้เท้าเหยียบ ใส่รองเท้าหนาๆหน่อยนะคะ



หลังจากเก็บตรงนั้นไปได้ไม่เกินครึ่งชั่วโมง มัตเตียบอกว่า ตรงนี้เม็ดเกาลัดมันเล็กเกินไป เปลี่ยนที่เถอะ ไปเก็บใกล้บ้านเราดีกว่า ว่าแล้วฮีก็จูงจักรยานเดินขึ้นเนินกลับทางเดิมเฉยเลย ป้าก็ได้แต่จูงและเดินตามหลังไป เราจูง+ปั่นจักรยานสลับกันขึ้นเนินไปเรื่อยๆ ที่ดูเหมือนไม่ชันมาก แต่เอาเข้าจริง ป้าเหงื่อแตกซิกๆ ไอ้ที่ออกกำลัง+ปั่นจักรยานในบ้านมาหลายเดือน ไม่เท่ากับออกแรงวันนี้เลย มัตเตียมีการหันมาเชียร์อัพให้ป้ามีแรงปั่นขึ้นเนินเป็นระยะๆ  ป้าได้แต่พยักหน้ารับ งึกๆ ป้าเริ่มไม่ไหวแล้วโว้ย พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ตรูไม่ได้ใช่เด็กเก้าขวบอย่างเอ็งนะ ถึงได้มีแรงปั่นขนาดนั้น สุดท้ายแล้ว ฮีจอดจักรยานข้างทาง และเก็บเกาลัดที่ร่วงลงบนถนน เม็ดใหญ่เบิ้มอย่างที่ฮีพูดจริงๆ เราเลือกเก็บเฉพาะเม็ดใหญ่ๆเท่านั้น เก็บมาได้กิโลกว่าๆเอง

*พอแล้ว กลับบ้านเหอะป้า*

ฮีชวนกลับทันใด อิชั้นเข้าใจดี หลานชายคนนี้เค้าจะเป็นแบบนี้ พอเบื่อๆทำอะไรสักอย่างก็จะเปลี่ยนใจไปทำอย่างอื่นทันที ทิ้งงานและทิ้งป้าได้เช่นกัน

*ป้าๆ มาทางนี้ เดี๋ยวจะพาไปทางลัด*

แล้วฮีก็พาป้าปั่นกลับบ้าน ทางลัดที่ว่าคือการปั่นผ่านดงต้นแอปเปิ้ล ผ่านสนามหญ้าแห้งๆที่มีลูกแอปเปิ้ลเริ่มเน่า ร่วงเต็มพื้น ป้าปั่นไปหลบลูกแอปเปิ้ลไปด้วย ป้าแทบจะเสยต้นแอปเปิ้ลไปหลายรอบละนะ

กลับมาถึงบ้าน ในสภาพหัวเหิงรุงรัง หน้าซีดเซียว หิวน้ำ ขอน้ำหลานชายดื่มสักแก้ว ฮีบอกว่า

*ในโรงรถมีก๊อกน้ำนะป้า ไปเปิดกินได้เลย*

อืม จ๊ะ กินน้ำก๊อกก็ได้จ้า



แต่ที่ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งคือ คุณปู่ของมัตเตียได้ก่อไฟด้วยไม้ฟืนในสนามหญ้าหลังบ้าน ที่มองออกไปเห็นวิวทิวเขา และเห็นสนามฟุตบอลของหมู่บ้านเค้าด้วย  คุณปู่ใช้ไม้อันเหมาะมือคนๆเกาลัดในกะทะที่เจาะรูด้านล่าง ไฟจะได้ลามไปถูกเม็ดเกาลัด จะได้สุกไวๆ ถึงแม้อาจจะไหม้ไปบ้าง ตอนแกะมือก็ดำไปหน่อย แต่ก็โอเค เป็นหนึ่งในกิจกรรมดีๆที่ทำให้ครอบครัวได้มาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แกะเม็ดเกาลัดเข้าปากไปด้วย โม้เม้าท์คุยกันไปด้วย เป็นหนึ่งกิจกรรมของครอบครัวเราที่อิชั้นโปรดปรานมากๆ เด็กๆจะได้ซึมซับวิถีการกินการอยู่ตามฤดูกาล แบบที่เคยทำๆกันมา ได้ใกล้ชิดกับปู่ย่าตายาย มานั่งคุยกันสัพเพเหระ เพราะชีวิตไม่ใช่มีแค่การนั่งปาดมือถือไปวันๆ


หลังจากที่อิชั้นไปล้างมือ ดื่มน้ำจากก๊อกน้ำในโรงรถแล้ว พอเข้าไปนั่งบนเก้าอี้พลาสติกที่คุณย่าเอามาวางเรียงๆกันรอบๆกองไฟ คุณปู่ก็เลือกเม็ดที่สุกแล้ว โยนลงบนแผ่นพลาสติกที่ปูไว้กับพื้นหญ้า อิชั้น คุณสามีและพ่อสามีก็นั่งบนเก้าอี้ เริ่มแกะเปลือกเกาลัดกันทันที กินตอนร้อนๆนี่มันช่างวิเศษนัก รสชาติหวานมัน เราแกะไปกินไป บางเม็ดก็แกะใส่กล่องไว้ เอามากินที่บ้านต่อด้วย หรือถ้ากินไม่หมดทันทีใส่ถุงแล้วใส่ช่องฟรีซไว้ค่ะ เวลาเอาออกมากินก็ใส่ไมโครเวฟสักนาทีนึงก็หายเย็นแล้ว รสชาติอาจดร๊อปลงบ้าง แต่ก็ยังอร่อยอยู่ดี




และมีคุณย่าของมัตเตียมานั่งแกะเกาลัดกินเป็นเพื่อนเราด้วย คุยกันไปเรื่อยๆ สามคนวัย สว. แต่ละคนก็เกือบๆ 90 ปีนั้นเค้าคุยกันด้วยภาษาถิ่น อิชั้นก็พอจะฟังออกอยู่บ้าง แต่พูดไม่ได้นะคะ ออกเสียงยากมาก เอาแค่ภาษาอิตาเลียนก็แทบจะเอาตัวไม่รอดแล้ว

หลังจากนั้นต้องร่ำลาคุณปู่คุณย่า เพราะเราสามคนต้องไปเชียร์พี่ชายของมัตเตียแข่งบาส มัตเตียและแม่ของเค้าลุกออกไปเชียร์ก่อนหน้าเราแล้ว พอเราไปถึงโรงยิมอันใหญ่โต ได้รับการรักษาดูแลดีอยู่นะ ก็ได้เห็นว่าหลานชายคนโตของเราที่สูงเกือบๆ 190 นั้น (อายุ 14) ร่างกายกำยำกว่าใครเพื่อน แต่ทีมของเค้าก็แพ้ให้กับทีมเยือนไปห้าคะแนน คือทีมของหลาน พอชู้ทลูกบาสไม่ลงห่วง แล้วทีมของเค้าเก็บลูกมาเล่นต่อไม่ได้เลย ฝั่งโน้นเค้าเก็บได้หมด บร๊ะ คราวหน้าค่อยแก้มือกันไปเนอะ






และนี่คือรูประหว่างทาง ขากลับ ถ่ายในรถ ไม่ชัดเลย หมู่บ้านของเราอยู่ตรงหมุดสีเหลืองด้านซ้ายของรูปค่ะ ส่วนที่ราบด้านล่างนั่น มีถนนสายหลักและมีรางรถไฟวิ่งตรงไปมิลานด้วนนะคะ เป็นรางเดี่ยว ไม่ใช่รางคู่ ใช้เวลาราวๆ 2.20 ชั่วโมง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่