In to the wind. ความเงียบเสียงดังมาก ที่ดอยหลวง - ดอยหนอก จ. พะเยา 2 วัน 1 คืน

หมายเหตุ: พิมพ์ชื่อกระทู้ผิด อย่าดราม่าใส่เค้าน้า เค้าแก้ไม่ทันภายใน 1 ชม.

Into the wild. ความเงียบเสียงดังมากที่ ดอยหลวง - ดอยหนอก จ. พะเยา

รีวิวแบบหมดเปลือก 2 วัน 1 คืน

🍃Part 1 แผนการเดินทางคร่าว ๆ
20.20 - 07.20 น. เริ่มต้นจากหมอชิต ถึง บขส. จ. พะเยา
07.30 - 09.15 น. ทำภารกิจส่วนตัว เตรียมมื้อกลางวัน กินมื้อเช้า และเสบียง
09.15 - 09.40 น. นั่งรถกระบะ (เช่าหารเฉลี่ย) ไปยัง จุดเริ่มต้นเส้นทางเดินเท้า
09.40 - 09.50 น. พบเจ้าหน้าที่ และลูกหาบ ลงทะเบียน
09.50 - 16.10 น. เดินเท้า ถึงจุดกางเตนท์ ดอยหลวง หลังจากนั้นก็หาจุดกลางเตนท์ของตัวเอง ชมวิว ดื่มด่ำธรรมชาติ ทำอาหาร เสวนากัน และต่างคนต่างแยกย้ายกันหลับใหล
06.30 - 07.30 น. สูดอากาศบริสุทธิ์ เก็บสัมภาระ กินมื้อเช้า เก็บภาพทะเลหมอก
07.40 - 14.00 น. เริ่มเดินเท้า จากดอยหลวง สู่ดอยหนอก ไปยังลำธาร น้ำตก และสิ้นสุดอีกฟากหนึ่งของเขาเทือกนี้
14.10 - 16.00 น. พักกินอาหาร ชำระล้างร่างกาย เตรียมบ๊ายบายพะเยาจ๋า
16.00 - 16.30 น. จากตีนเขา ถึง บขส. พะเยา จากนั้น รอรถชิล ๆ จิบกาแฟใหชื่นใจ ที่ คาเฟ่เล็ก ๆ แถวนั้น
19.00 - 07.30 บขส. พะเยา ถึงหมอชิต

🍃 Part 2 ค่าใช้จ่าย (นี่เปลืองสุด ๆ แล้วนะ)
- ค่ารถ บขส. เที่ยวละ 484 บาท ไปกลับ 968 บาท
- ค่าเจ้าหน้าที่ 1,000 บาท คนละ 100 บาท
- ค่าลูกหาบ 1,000 บาท คนละ 100 บาท
- ค่าอาหารเสบียงทานร่วมกัน กลางวัน เย็น และเช้าของอีกวัน อย่างปรีเปรม น้ำดื่ม ข้าวสาร กุ้งหมึกเพียบ 1,700 บาท คนละ 170 บาท
- ค่ารถ รับส่ง จาก บขส. - จุดเดินเท้า 1,600 บาท คนละ 160 บาท
- ค่ารถรับจ้าง (อีแก่)จากตีนเขาออกมาหมู่บ้าน 500 บาท คนละ 50 บาท
- ค่าเข้าอุทยาน ค่าพื้นที่กางเตนท์ 700 บาท คนละ 70 บาท
- ค่าขนมอื่น ๆ 100 บาท
รวมทั้งสิ้น คนละ 1,718 บาท

🍃 Part 3 เรื่องราวระหว่างทาง และรายละเอียด

บขส. บริการเหนือชั้นมากขึ้นจากสมัยก่อน อาจเพราะทางเลือกของผู้บริโภคมีมากขึ้น การแข่งขันสูงขึ้น จึงเกิดการพัฒนา ดีใจและชื่นชมนะคะ น้ำ ขนม อาหารระหว่างทาง ผ้าห่มที่ผ่านการซักหอมสะอาด คนขับมีมาตรฐาน ไม่ขับเร็วหรือช้าเกินไป ไม่หวาดเสียว เราวางใจ และหลับสบายตลอดทาง รวมไปถึงการบริการเสิร์ฟน้ำร้อนยามเช้าเพื่อชงกาแฟด้วย

เช้าลืมตาตื่นประมาณหกโมงเช้า ที่ลำปางพอดี หมอกหนาตา ซ้ายขวามีบ้านเรือนน้อยใหญ่ สลับกับขุนเขา ห้างร้าน และชีวิตช้า ๆ ตามสไตร์ต่างจังหวัด หันมาข้าง ๆ เจอเพื่อนร่วมทางที่คุ้นเคย จะมีอะไรดีไปกว่านี้ ว่าไหม?

เวลาประมาณ 07.30 น. ถึง บขส. จ. พะเยา นัดรถที่เวลา 08.00 น. ระหว่างนี้เราสลัดคราบเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นเสื้อออกกำลังกาย กางเกงขาสั้น รองเท้าสำหรับเดินง่าย ๆ รวบผม ใส่หมวก ลืมคนเมื่อคืนไปเลยจ้า

จากนั้นกินข้าว และสั่งมื้อกลางวันจากร้านเดียวกันนั่นเอง ใครใคร่ซื้ออะไรซื้อ ใครใคร่ทำอะไรทำ เราซื้อลูกอม และเจเล่ไลท์ คือของจำเป็นระหว่างทางของเรามาก จากนั้น กินอิ่มแล้ว รถพร้อมแล้ว ข้าวปลาอาหาร น้ำดื่ม และเสบียง พร้อมแล้ว ก็ออกเดินทางกันเล้ย

ถึงจุดเดินเท้า พบเจ้าหน้าที่และลูกหาบ จัดเตรียมของใช้ คัดแยกจำเป็นและไม่จำเป็นออกจากกระเป๋า ต่างคนต่างแบกของใช้ส่วนตัวกันเอง แต่ละคนก็อยู่ที่ประมาณ 10 - 15 กิโลกรัม เห็นจะได้ ส่วนเสบียงกองกลาง จ้างลูกหาบ 1 คน

เริ่มเดินเท้า ความรู้สึกแรก เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่าเขาลูกอื่น ๆ ที่เราเคยเดิน ลูกนี้เดินขึ้นจากริมถนน เงยหน้าขึ้นไป คือชันตั้งแต่ด่านแรก เรี่ยวแรงและกำลังขาอ่อนล้าจากภูสอยดาวเมื่อสัปดาห์ก่อนอีก แต่ด้วยความที่ทางสวยมาก และพี่ ๆ ร่วมทริป ก็มีแต่สายโหด อีกอย่าง เป็นผู้หญิงคนเดียว ก็ไม่อยากเป็นภาระใคร ไม่อยากให้ใครลำบาก เทคแคร์กันบ้าง นิด ๆ หน่อย ให้พออุ่นใจก็พอ พี่ ๆ เดินเร็วมาก จนเรารู้สึกว่าขาเราสั้นหรือเปล่า ฮ่า ๆ ๆ ๆ

ระหว่างทาง จะบอกว่ากล้วยไม้ป่า เยอะมากกกกกก ตระกูลเอื้อง ตระกูลสิงโต มีให้เห็นตลอดทาง ดอกไม้ใบหญ้า หนาทึบ เส้นทางเดินมองเห็นไม่ชัดเท่าไร อาจเพราะเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่ขึ้นมาหลังจากที่อุทยานเพิ่งแจ้งวันเปิด (กลุ่มเราคือชุดที่ 3 หลังจากเปิดให้เดินเท้าในปีนี้) ดอยหลวง - ดอยหนอก ที่นี่ครบรสทุกอารมณ์จริง ๆ ด้วยระยะที่ไกลพอสมควร ความชัน และความยากที่โหดใช่เล่น มีจังหวะหนึ่งที่เราช้ากว่ากลุ่มแล้วเจอทางแยก เราไม่แน่ใจว่ามาถูกทางไหม มันเงียบและวังเวง ใจเราเต้นแรงและแอบกลัวอยู่หน่อย ๆ แต่โชคดีที่มีเพื่อนร่วมชะตากรรม 1 คน ต้องขอบคุณมาก ๆ ที่ยอมรั้งท้ายให้ ขอบคุณจริง ๆ เดินไปสักพักใจไม่ค่อยดี เราทั้งคู่หยุดเดิน กำลังจะกลับลำ พลันได้ยินเสียงเรียก วู้วววววว พอดี จึง วู้ววววว กลับไป และเดินตามเสียงเรียกนั้น ยอมรับเลยว่าทางไม่ชัดจริง ๆ ป่าคือป่าของแท้เลย หลุดจากดงทึบนั้น มาโผล่ที่ เด่นสะแกง คือทุ่งหญ้าในตำนานของที่นี่เอง หลุดจากเขามา เบื้องหลังเป็นเขา เบื้องหน้าก็คือเขา หมอกหน้าตา มองทางข้างหน้าไม่เห็น จุดนี้แหละ ที่ความเงียบเสียงดังมาก เราเก็บภาพนิดหน่อยจากมือถือ และเดินต่อไป เขาลูกต่อไป มองไม่เห็นทางเลยจริง ๆ ต้องฟ่าหมอกไป เก้าต่อเก้า จุดต่อจุด หันหลังกลับไปนี่ไม่เห็นอะไรเลย มีแต่ความขาวโพลนไปหมด ใจเต้นแรง ทั้งสนุก ทั้งตื่นเต้น สูงก็สูง ชันก็ชัน เอาวะ ปีนก็ปีน ไปเจอกันข้างหน้าละกัน หลุดจากความเวิ้งว้าง สู่สันเขาอีกครั้ง มุ่งหน้าต่อไป ต่อไปเรื่อย ๆ โหดบ้าง ยากบ้าง ง่ายบ้าง คือความสนุกของการเดินป่า ในใจคิด ขาลงหนูจะพยายามไม่หลุดจากกลุ่ม หนูกลัว ฮ่า ๆ ๆ  ผ่านไป เดินไปเรื่อย ๆ เจอจุดพีค บันไดก่ายฟ้า อื้อหือ ถึงกับเบรคไม่ทันเลยทีเดียว ก่ายกับหินก้อนซ้าย ย้ายไปก้อนขวา เบื้องล่างคืออะไรไม่รู้ มองไม่เห็น เห็นแต่ผืนป่ากว้างใหญ่ลึกมาก บอกเลยเราใจหวิว แต่เราชอบ ระหว่างก็มีล้มลุกคลุกคลานบ้าง เจ็บบ้างพอเป็นรสชาติของการเดินป่า เราพยายามมาก ๆ  อย่างหนึ่งคือ ไม่ให้เท้าพลิก คือถ้าเท้าพลิกนี่ทุกอย่างจะจบลงทันที เดินไปเรื่อย ๆ มีพี่ในกลุ่มที่ล่วงหน้านำไปก่อน เขาถึงก่อนเราเกือบชั่วโมง คือ เร็วโคตร ๆ อ่ะ เราว่า 6 ชม. ของเราก็เร็วสุดชีวิตแล้วนะ ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นทาซานหรือเปล่า เมื่อถึงแล้วก็จัดการหาำนที่กางเตนท์ ต้องขอบคุณผู้เสียสละ เพื่อนร่วมทริปและลูกหาบคนเก่ง ไปตักน้ำที่แหล่งตาน้ำให้พวกเราได้ดื่มกินและเป็นเสบียงสำหรับเช้าวันใหม่ โดนทากกัดหลังเลือดเต็มเสื้อ นี่เห็นแล้วตกใจ

จากนั้นก็ยกเวทีให้กับธรรมชาติ เปิดฟลอให้ก้อนเมฆเต้นรำ แสงตะวันคล้อย ค่อย ๆ ลับขอบฟ้าทำหน้าที่กำหนดคิวแสดง แสงลับไป พระจันทร์เสี้ยวในคืนมืดมิดปรากฎกาย มีแดนเซอร์คือดวงดาวพร่างพราย สายลมและแมลงต่าง ๆรับผิดชอบในการถ่ายทอดเสียงด้วยระบบเซอร์ราวน์ รอบทิศทาง พลันเบื้องล่าง ดาวบนดิน ค่อย ๆ ปรากฎกายต่อผู้ชมเช่นเรา บ้านเรือนในเมืองพะเยา แสงสีขาว สลับกับสีส้มทำให้มองเห็นเป็นขอบของกว๊านพะเยาชัดเจน เคล้ากับอากาศที่หนาวเย็น เคยได้ยินคำนี้ไหม อ้อมกอดกลางความหนาวเหน็บ อุ่นกว่า คนเดียวลำพังท่ามกลางแสงแดด คืนนั้นพวกเรานั่งดูพ่อครัวฝีมือเยี่ยมทำอาหาร และเสวนากันอย่างออกรส มื้อเย็นที่แสนพิเศษนี้จดจำมิรู้ลืม คืนนี้ลาไปก่อน ราตรีสวัสดิ์นะ

เช้าตื่นมาด้วย เสียงปลุกของความหนาว เราแปลงร่างในเตนท์ ซักแห้ง เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า รอบนี้เราใส่เสื้อม่อฮ่อม แขนสามส่วน กางเกงขายาว รองเท้าคู่เดิม เพราะขาลงต้องเจอกับดงทาก เปิดเตนท์ออกมา คือหมอกหนามาก ถึงกับลุ้นเลยว่า หนาขนาดนี้ฟ้าจะเปิดให้เห็นทะเลหมอกไหม และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง 07.30 น. โดยประมาณ ธรรมชาติเปิดเวทีการแสดงอีกครั้ง ดวงอาทิตย์เจิดจรัสเบื้องหน้า เบื้องล่างที่เมื่อคืนคือดาวดินและกว๊านพะเยา กลายเป็นหมอกหน้าทึบขาวล้วนเหมือนปุยนุ่นหรือสายไหมสีขาวน่ากินมาก ห้วงความรู้สึกนั้น เข้าใจเลยว่า "ธรรมชาติเลือกคน" เป็นเช่นไร ความอิ่มใจที่เกิดขึ้น หาไม่ได้จากที่อื่นเลย มันอยู่ที่ใจของเรานี่เอง

เมื่อการแสดงของธรรมชาติจบลง ได้เวลาออกเดินทางต่อ เรากินข้าว 1 ทับพี กับปลาอะไรอบแห้งสักอย่าง อร่อยดีมีพี่เอามา และขนมปังราดช็อคโกแลต 2 แผ่น เพียงพอสำหรับเป็นพลังงานในการเดิน

เมื่อวานโหดแล้ว วันนี้โหดกว่ามาก ลงสุดเท้า ก้าวสุดขา เบรกสุดปลายนิ้ว เกร็งเข่าสุดขั้ว ย่อกันจนเข่าเสื่อม ลื่นจนปวดก้นไปหมด ฮ่าาาา แต่มันมาก สนุกสุด ๆ ถึงดงทากปุ๊บ ไม่สนใจอะไร อั้วะจะวิ่งแทนเดินให้ได้ ก็ยังไม่วายหลุดออกมา อั้วะติดมา 5 ตัว เจาะหลังอั้วะมาตัวนึงด้วย โคตรจะหลอน เป็นการลงที่โหดมาก ด้วยความที่เราจะไม่แวะพักเพื่อนอนอีก 1 คืนนี่เอง พี่ ๆ สายโหด ยิงยาว จากดอยหลวงที่เรานอน ผ่านดอยหนอก ผ่านเหว ผ่านน้ำตก โหดไปถึงทางออก บอกตรง ๆ เลยว่าล้าสุด ๆ อันตรายมากด้วยเช่นกัน ถ้าล้ม คือเจ็บแน่นอน ด้วยน้ำหนักกระเป๋าและความชัน บวกกับหินซับซ้อน เราถือว่ายากมากเลย แต่นาทีนั้น ท่องในใจเลยว่า ช้าแต่ชัวร์ ห้ามล้ม ห้ามเจ็บ ห้ามเป็นอะไร เพราะนอกจากจะกลัวเป็นภาระแล้ว ไม่อยากให้ใครต้องมาคอยเป็นห่วงตลอดด้วย พีคมากอีกจุดคือ หลุดจากความอันตรายคือถึงที่หมายเลย เดินทางเรียบเรื่อย ๆ ประมาณไม่ถึง 2 กิโลเมตร ก็ถึงจุดขึ้นรถ เป็นลุงรถอีแก่ไว้สำหรับขนวัว ประตูรถไม่มีกระจก ไม่มีแม้ที่สำหรับเปิดประตู ต้องเปิดจากด้านใน เราจะบอกว่า เราชอบการเดินทางก็ตรงนี้แหละ คือเราไม่รู้ว่าเราจะเจอกับอะไร ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอความสวยหรู แต่สัมผัสความสุขและมิตรภาพระหว่างทางคือที่สุดแล้วล่ะ

จากลุงรถขนวัว ไปที่บ้านหลังหนึ่ง ไม่ไกลจากตีนเขา ราว ๆ ไม่เกิน 3 กิโลเมตร พี่รถเช่าของเราจอกรออยู่เบื้องหน้า จุดนี้เป็นบ้าน ขายก๋วยเตี๋ยวและเปิดบ้านให้อาบน้ำ คนละ 20 บาท พวกเรา 10 คน ทำภารกิจส่วนตัวกันที่นี่จนครบ เนื่องจากความไวของเท้าทาซานของพวกพี่แก ทำให้มีเวลามากพอ

จบทริปไม่มีอะไรมาก ไปบขส. เดินทางกลับ กทม. จอบอ บ๊ายบาย

🍃 Part 4 ของจำเป็นที่ควรพก
- น้ำหวานระหว่างทาง กี่ทริป กี่ทริป เราก็ยังยืนยันว่าน้ำหวานช่วยให้สดชื่นและมีพลังขึ้นจริง ๆ ระหว่างทางเราจิบไม่ต้องเยอะ เพราะเป็นผู้หญิงเนาะ ถ้าจะฉี่เนี่ย มันลำบากกว่าผู้ชาย เราจะกินก็ตอนที่รู้ว่าใกล้ ๆ จะถึงอ่ะ จากนั้นจะไปหาจุดเช็คอินก็ค่อยว่ากัน
- น้ำดื่ม สำหรับทริปนี้ ขวดลิตรเราว่าน้อยไป เพราะระยะทาง 9.5 กิโลเมตรสำหรับขาขึ้น ความชัน และความยากระดับนี้ อาจจะต้อง 1.5 - 2 ลิตร
- ไฟฉาย สำหรับไปทำภารกิจส่วนตัวกลางป่า
- ถุงกันทาก
- ปลอกแขน เพราะหญ้าคามันคมมาก แถมหนาและรกมากด้วย ช่วยกันแดดได้ด้วย
- สเปรย์กันยุง ยุงไม่มีนะ ใช้กันแมลงอื่น ๆ
- ทิชชู่เปียก แห้ง ควรมีส่วนตัวคนละ 1 ชุด เพราะใช้ทั้งเช็ดตัวและ เข้าห้องน้ำ (อ๊ะ ๆ แล้วใช้เสร็จอย่าลืมเก็บมาเผาหรือนำกลับลงไปทิ้งด้านล่างด้วยนะจ๊ะ
- อีกหนึ่งอย่างที่ 1 กลุ่มควรมีสัก 1 อัน คือ พรั่ว สำหรับพรวนดิน เอาไว้ขุดหลุมฝังระเบิดของตัวเอง
- ขาดไม่ได้คือแบตสำรอง ไม่ได้ห่วงโซเชียลหรอกนะ แต่การสื่อสารมันสำคัญและจำเป็น ไม่ควรให้แบตหมดน้า อีกอย่าง จุดสวย ๆ เยอะ ถ้ามีแบตไว้เก็บภาพไว้แบ่งปันให้คนอื่นดูบ้าง ก็ดีไม่น้อยเลย ว่าไหม?

🍃 Part 5 ขอบคุณ
พี่รมย์ ผู้นำทริป,  'จารย์ พี่อั๋น พ่อครัวหัวป่า, พี่เพชร โซเชียลสายฮา, พี่เจี๊ยบ สายอะไร ให้พี่ ๆ มาเติม, พี่ตี๋ขี้แกล้ง, คู่หูคู่ผอม, น้องเล็กคนเงียบ, เพื่อนคุ้นเคย, ลูกหาบ, เจ้าหน้าที่, พี่ขับรถ, ลุงรถขนวัว, แก๊งเจ้เปา เฮียกอล์ฟ พี่เอก และเพื่อนร่วมรุ่นดอยหลวง - ดอยหนอก ทุกคน สีสันของการเดินทาง ก็คุณ คุณ และคุณนั่นแหละ เราต่างเติมอะไรบางอย่างให้กัน ขอบคุณมากค่ะ

🍃 Part 6 คำเตือน
จากใจจริง ๆ นะ สำหรับเรา เราว่าโหด แต่ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้มา อยากแนะนำว่าให้คาดิโอมาสัก 2 สัปดาห์ จะได้บรรเทาความล้าไปได้บ้าง เรื่องอุปกรณ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าไม่มีก็ไปหายืมมานะไม่งั้นจะลำบาก Trekking pole จะกลายเป็นสิ่งที่คุณร้องหา แผ่นรองนอน ถุงนอน เสื้อคลุมกันลม สำคัญอีกอย่างคือรองเท้าดี ๆ สักคู่ แนะนำว่าควรเป็นหุ้มข้อ เพราะช่วยลดอัตราการขาพลิกลงไปได้

จอบอ จบแล้ว ขอบคุณมากที่อ่าน
เหมือนเดิมเลย ใครอยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ถามเข้ามาได้ Direct มาได้ cha.char.charri อะไรบอกได้เราจะบอกนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่