ทริปนี้มีเรื่องมาเล่า #Chapter 6# พิชิตยอด "ดอยหลวงเชียงดาว" "ดอยผ้าห่มปก" ตะลอนเที่ยวเชียงใหม่ 4 วัน 4 คืน
>> เราก็มาพบกับเรื่องเล่ากันอีกแล้วนะครับ จะว่าไปทริปนี้จะเป็นทริปพิชิตดอยหลวงเชียงดาวอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ เพราะเราก็เที่ยวกันแบบดุดันหลายที่มากๆ แต่วัตถุประสงค์หลักของทริปครั้งนี้ที่เกิดขึ้นได้ก็เพราะเราอยากไปปีนดอยหลวงเชียงดาวนั่นละ
>> ซึ่งบอกเลยว่าผมมาที่นี่ช่วงปี 2566 แต่พึ่งจะได้นำมาเล่าให้ฟัง ตอนนั้นเป็นช่วงที่เริ่มๆ กลับมาเดินป่าอีกครั้งหลังจากหายไปนาน ซึ่งก็น่าจะเป็นป่าที่ 2 หลังจากภูสอยดาวเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ครั้งล่าสุดก็ปี 2560 ที่ภูกระดึง ซึ่งที่นั้นเป็นป่าแรกเริ่มดึกดำบรรพ์ของผมเลย เดินแบบต่อเนื่อง 3 ปี ติดโดยไม่ไปที่อื่น อาจเพราะเดินทางสะดวกไม่ไกลจากบ้านมาก มีรถผ่าน และที่ภูสอยดาวก็เป็นจุดบรรดาใจให้ผมมาที่ดอยหลวงเชียงดาวอีกด้วย
>> นั่นก็เพราะผมไปดูข้อมูลของภูสอยดาวที่ผมมีโอกาสได้ปีนยอดสูงสุด 2102 เมตร (เดียวเป็นเรื่องเล่าในตอนต่อๆ ไปครับ) ที่นี่มีความสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศนี่นา แล้วอันดับอื่นๆ ละ เลยทำให้ผมสนใจ และอยากไปพิชิตยอดเขาเหล่านั้นทั้งหมดขึ้นมาทันที ซึ่งอันดับ 1 ก็คือ ดอยอินทนนท์ อันดับ 2 ดอยผ้าห่มปก อันดับ 3 ดอยหลวงเชียงดาว อ้าวอยู่เชียงใหม่หมดเลยนี่ แบบนี้วางทริปเที่ยวได้หมดเลยนะเนี้ย เรามีช่วงหยุดยาววันตรุษจีนด้วยเข้าทางเลยงานนี้
>> ผมเลยรวมคณะจากเพื่อนที่ทำงาน ทั้งที่เก่า และที่ใหม่ เพื่อนที่เจอในทริปภูสอยดาว เพื่อที่จะได้ช่วยกันหารเฉลี่ยค่าใช้จ่ายส่วนกลางต่างๆ ค่ารถ ค่าลูกหาบ และเที่ยวหลายๆ คนสนุกดี จนสรุปทริปนี้มีไปด้วยกันทั้งหมด 12 คน เพื่อนภูสอยดาว 4 คน เพื่อนที่ทำงาน 5 คน ตัวผม แม่ และป้าของผม ซึ่งพี่ที่ทำงานอีก 1 คนจะไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยแต่ไม่ปีนดอยหลวงเชียงดาว ส่วนแม่กับป้าผมอยากพาไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วย เลยได้คนดูแลแม่กับป้าให้ช่วงที่ผมไปปีนเขาเลย ซึ่งผมขับรถส่วนตัวไปจากสมุทรปราการพร้อมกับแม่ ป้า และพี่ที่ทำงานอีก 2 คน รวมเป็น 5 คน อีกกลุ่มมาจากขอนแก่นขับรถมาเอง 3 คน อีกกลุ่มนั่งรถไฟจากกรุงเทพไปลงเชียงใหม่ และเช่ารถแดงจากตัวเมืองให้ไปส่งต่อที่จุดนัดพบ 4 คน
>> พอถึงวันเปิดจองในระบบ ซึ่งผมได้รวบรวมข้อมูลจากเพื่อนๆ ในทริปไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ทำการลงทะเบียนให้ทุกคนเลย พร้อมกับจองวันอบรมไปด้วย
มาดูรายละเอียด และวิธีการจอง ซึ่งผมนำของรอบปี 2567 มาให้ดูครับ
>> ซึ่งถ้าจำไม่ผิดปีที่ผมไปยังต้องจองแบบกลุ่ม กลุ่มละไม่เกิน 10 คน ต้องปริ้นเอกสารออกมากรอกข้อมูล และสแกนส่ง และต้องนำเอกสารตัวจริงไปยื่นด้วยวันที่ไปเดินป่า อันนี้ผมก็ไม่ชัวร์เท่าไร เพราะนานแล้ว แต่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปตามข้อมูลด้านล่างครับ
** เปิดจองตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2567 เวลา 08.00 น. ถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 เวลา 16.30 น. และเริ่มเดินตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 - 12 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งแต่ละปีกำหนดวันอาจเปลี่ยนไป
** ตรวจสอบการเปิดจองขึ้นดอยหลวงเชียงดาว >>
facebook ดอยหลวงเชียงดาว
** ลงทะเบียนจอง และดาวน์โหลดเอกสาร >>
เว็บไซด์ ดอยหลวงเชียงดาว
** รายละเอียดประกอบการสมัคร
> จำกัดนั่งท่องเที่ยว 100 คน/วัน พักค้างคืนไม่เกิน 1 คืน
> การจองสิทธิ์รายบุคคล 1 คน ต่อ 1 การจอง ต่อ 1 สิทธิ์ ไม่มีการจองแบบกลุ่มแล้ว
> อายุผู้มีสิทธิ์จอง 10 - 70 ปี ณ วันจองสิทธิ์ โปรดตรวจสอบวันเดือนปีเกิด ตรวจคำนวณอายุให้เรียบร้อย ก่อนการรับรอง หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าอายุน้อยกว่าหรือมากกว่าตามประกาศจะไม่อนุญาตให้เข้าเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
> การจองรถยนต์รับ-ส่งจากจุดลงทะเบียนถึงหน่วยพิทักษ์ป่าขุนห้วยแม่กอก (เด่นหญ้าขัด) และกลับลงมาจุดลงทะเบียน เป็นรถยนต์แบบแชร์ 5 คน ต่อ 1 คัน (ไม่มีการเหมา)
> การกรอกข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือพาสปอร์ตสำคัญมากอย่าให้ผิด เนื่องจากปีนี้ไม่มีการอัปโหลดเอกสารส่วนบุคคลใด ๆ เลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือเลขพาสปอร์ตจะต้องตรงกับเอกสารและคนที่มาแสดงตัวอบรมและเดินศึกษาธรรมชาติ
> การจองลูกหาบช่วยแบกสัมภาระต้องกดเลือกในระบบ (จ่ายเงินตรงกับลูกหาบหน้างาน) การจองปีนี้สัมภาระฝากลูกหาบได้ไม่เกิน 10 กิโลกรัม ต่อนักศึกษาธรรมชาติ 1 คน
> เอกสารที่จะต้องอัปโหลดมีเพียงหนังสือขออนุญาตเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่กรอกข้อมูลแล้ว (แนวทางปฏิบัติข้อ 5) จำนวน 3 แผ่น ตามตัวอย่าง
** ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากเว็บไซด์ @kapook!
** วิธีการสมัคร



** รายการของที่จองสามารถรับได้ที่จุดกางเต็นท์เลย เพราะเข้ามีที่เก็บไว้ด้านบน เต็นท์ก็มีกางไว้เรียบร้อยแล้ว




** ตำแหน่งที่ตั้งของ "วัดถ้ำเชียงดาว" ที่เป็นสถานที่อบรม
** ตำแหน่งที่ตั้งของ "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยหลวงเชียงดาว" จุดลงทะเบียน และขึ้นรถ
>> หลังจากลงทะเบียนส่งเอกสารเรียบร้อย และเลือกวันอบรมแล้ว ผมก็ได้แต่นับวันรอถึงวันออกเดินทาง 20 มกราคม ผมก็ฝอยนอกเรื่องมาเยอะแล้ว ไปที่การเดินทางของเรากันเลยครับ
>> เราออกเดินทางกันวันที่ 19 มกราคม เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ซึ่งผมต้องขับรถทั้งคืนเดินทางกันประมาณ 11-12 ชม. เพื่อไปถึงที่กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ โดยเราตั้งใจว่าจะไปเดินกิ่วแม่ปานในเช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งในรถก็มีคนขับรถเป็น 2 คน ผมกับพี่อีกคน ผมที่พึ่งขับรถเป็นได้ไม่นานเท่าไหร่ กับพี่อีกคนที่ไม่กล้าขับขึ้นเขาโค้งเยอะๆ เราเลยต้องเลี่ยงเส้นทางถนนหมายเลข 106 ช่วง อ.เถิน ลำปาง ไป อ.ลี้ ลำพูน ที่ขึ้นเขาโค้งเยอะมากๆ ถึงแม้จะลดระยะทางไป 50 กิโลเมตรก็ตาม จากระยะทางสมุทรปราการไปกิ่วแม่ปาน 770 กิโลเมตร ซึ่งนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้ขับรถขึ้นเหนือเลย ไม่มีความคุ้นเคยทั้งถนน และเส้นทาง การเดินทางก็วิ่งตาม GPS อย่างเดียว
>> ผมขับรถยาวคนเดียวต่อเนื่องซึ่งก็นอนครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มกราคม ตอน 7 โมงเช้าที่ตื่นไปทำงาน ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้ว 20-21 ชม. แล้วที่ผมยังไม่ได้นอน ผมพยายามโดฟกาแฟเรื่อยๆ แวะพักเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเพื่อให้ตาสว่าง ซึ่งก็มีแม่กับป้าคอยชวนผมคุยตลอดการเดินทาง ส่วนพี่อีก 2 คน หลับไปแล้วจร้า แต่ก็ดูเหมือนว่าผมจะง่วงมากเกินไปแล้ว จึงได้หยุดพักรถยาวๆ ที่ปั๊มแก๊สแห่งหนึ่งริมถนนหมายเลข 116 ตรง อ.ป่าซาง ลำพูน เพื่อที่จะขอหลับพักสายตาสักหน่อย ซึ่งตอนนั้นประมาณตีสี่แล้ว แต่การนอนบนรถมันก็ไม่เหมือนนอนบนพื้นราบผมนอนไม่หลับเลย หลังจากลองนอนไป 10 นาที ผมก็ไม่นอนละไปต่อเลยดีกว่า แต่เปลี่ยนให้พี่อีกคนมาขับแทน เดี๋ยวผมจะขอนอนบนรถนี่ละ และจะเปลี่ยนมาขับอีกทีช่วงก่อนขึ้นดอยอินทนนท์ เพราะพี่เขาไม่กล้าขับแน่ๆ
>> หลังจากเปลี่ยนให้พี่อีกคนมาขับแทน และผมเปลี่ยนไปนอนที่เบาะหลัง ทั้งแม่ และป้าก็นอนหลับเลยจร้า ให้พี่เขาคุยกันไป 2 คน แล้วกัน แต่ผมก็นอนไม่หลับเลย เพราะเหมือนขับมาต่อเนื่องนาน พอจะหลับก็รู้สึกเหมือนตัวเองขับรถแต่จะหลับใน ไหงเป็นงั้นได้ แต่ก็ยังดีได้พักสายตา จนผ่านไปสัก 30 นาทีได้ เราก็มาถึงที่ปั๊มน้ำมันบนถนนหมายเลข 108 ที่ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนกับพี่มาขับเอง ซึ่งเหลือระยะทางอีก 7 กิโลเมตร ก่อนเลี้ยวเข้าสู่ถนนหมายเลข 1009 เพื่อขึ้นดอยอินทนนท์ ผมเลยต้องล้างหน้าล้างตา กินลูกอม อัดกาแฟ ให้ตาสว่าง
>> เวลา ณ ตอนนั้นก็ประมาณตีห้าได้ ซึ่งฟ้าก็ยังมืดอยู่ หลังจากตาสว่างขึ้นมาบ้างผมก็ขับรถลุยต่อ โดยผมต้องขับรถต่ออีกเกือบ 50 กิโลเมตร หรือประมาณ 1 ชม. ในการขึ้นไปถึงกิ่วแม่ปาน ก็น่าจะทันชมพระอาทิตย์ยามเช้าพอดี ซึ่งพอเลี้ยวเข้าสู่ถนนหมายเลย 1009 เราก็จะค่อยๆ เริ่มขึ้นเขากันแล้ว บอกเลยว่าถนนดี และสว่างมากๆ ไม่ใช่เพราะแสงไฟ แต่เป็นแสงไฟรถที่สะท้อนกับแผ่นสะท้อนที่ไม้กั้นกันชนทั้ง 2 ข้างทาง ทำให้ขับรถได้ง่ายมากๆ ผมเองก็แอบๆ หวั่นๆ หน่อยๆ เพราะเป็นครั้งแรกเลยในการได้ขับรถขึ้นเขาแบบนี้
>> ประมาณเจ็ดโมงเช้าผมก็ขับรถขึ้นมาถึงที่ลานจอดรถของกิ่วแม่ปาน บอกเลยว่าคนเยอะมากๆ จนลานจอดรถเต็ม แต่ก็ยังมีความโชคดีที่มีรถออกให้เราได้จอด 1 ทีพอดีเลย
>> และก็พอดีกับพระอาทิตย์ยามเช้าก็ขึ้นให้เราได้เห็นพอดี
[CR] ทริปนี้มีเรื่องมาเล่า #ตอนที่ 6> พิชิตยอดเขา "ดอยหลวงเชียงดาว" ตะลอนเที่ยวเชียงใหม่
>> เราก็มาพบกับเรื่องเล่ากันอีกแล้วนะครับ จะว่าไปทริปนี้จะเป็นทริปพิชิตดอยหลวงเชียงดาวอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ เพราะเราก็เที่ยวกันแบบดุดันหลายที่มากๆ แต่วัตถุประสงค์หลักของทริปครั้งนี้ที่เกิดขึ้นได้ก็เพราะเราอยากไปปีนดอยหลวงเชียงดาวนั่นละ
>> ซึ่งบอกเลยว่าผมมาที่นี่ช่วงปี 2566 แต่พึ่งจะได้นำมาเล่าให้ฟัง ตอนนั้นเป็นช่วงที่เริ่มๆ กลับมาเดินป่าอีกครั้งหลังจากหายไปนาน ซึ่งก็น่าจะเป็นป่าที่ 2 หลังจากภูสอยดาวเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ครั้งล่าสุดก็ปี 2560 ที่ภูกระดึง ซึ่งที่นั้นเป็นป่าแรกเริ่มดึกดำบรรพ์ของผมเลย เดินแบบต่อเนื่อง 3 ปี ติดโดยไม่ไปที่อื่น อาจเพราะเดินทางสะดวกไม่ไกลจากบ้านมาก มีรถผ่าน และที่ภูสอยดาวก็เป็นจุดบรรดาใจให้ผมมาที่ดอยหลวงเชียงดาวอีกด้วย
>> นั่นก็เพราะผมไปดูข้อมูลของภูสอยดาวที่ผมมีโอกาสได้ปีนยอดสูงสุด 2102 เมตร (เดียวเป็นเรื่องเล่าในตอนต่อๆ ไปครับ) ที่นี่มีความสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศนี่นา แล้วอันดับอื่นๆ ละ เลยทำให้ผมสนใจ และอยากไปพิชิตยอดเขาเหล่านั้นทั้งหมดขึ้นมาทันที ซึ่งอันดับ 1 ก็คือ ดอยอินทนนท์ อันดับ 2 ดอยผ้าห่มปก อันดับ 3 ดอยหลวงเชียงดาว อ้าวอยู่เชียงใหม่หมดเลยนี่ แบบนี้วางทริปเที่ยวได้หมดเลยนะเนี้ย เรามีช่วงหยุดยาววันตรุษจีนด้วยเข้าทางเลยงานนี้
>> ผมเลยรวมคณะจากเพื่อนที่ทำงาน ทั้งที่เก่า และที่ใหม่ เพื่อนที่เจอในทริปภูสอยดาว เพื่อที่จะได้ช่วยกันหารเฉลี่ยค่าใช้จ่ายส่วนกลางต่างๆ ค่ารถ ค่าลูกหาบ และเที่ยวหลายๆ คนสนุกดี จนสรุปทริปนี้มีไปด้วยกันทั้งหมด 12 คน เพื่อนภูสอยดาว 4 คน เพื่อนที่ทำงาน 5 คน ตัวผม แม่ และป้าของผม ซึ่งพี่ที่ทำงานอีก 1 คนจะไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยแต่ไม่ปีนดอยหลวงเชียงดาว ส่วนแม่กับป้าผมอยากพาไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วย เลยได้คนดูแลแม่กับป้าให้ช่วงที่ผมไปปีนเขาเลย ซึ่งผมขับรถส่วนตัวไปจากสมุทรปราการพร้อมกับแม่ ป้า และพี่ที่ทำงานอีก 2 คน รวมเป็น 5 คน อีกกลุ่มมาจากขอนแก่นขับรถมาเอง 3 คน อีกกลุ่มนั่งรถไฟจากกรุงเทพไปลงเชียงใหม่ และเช่ารถแดงจากตัวเมืองให้ไปส่งต่อที่จุดนัดพบ 4 คน
>> พอถึงวันเปิดจองในระบบ ซึ่งผมได้รวบรวมข้อมูลจากเพื่อนๆ ในทริปไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ทำการลงทะเบียนให้ทุกคนเลย พร้อมกับจองวันอบรมไปด้วย มาดูรายละเอียด และวิธีการจอง ซึ่งผมนำของรอบปี 2567 มาให้ดูครับ
>> ซึ่งถ้าจำไม่ผิดปีที่ผมไปยังต้องจองแบบกลุ่ม กลุ่มละไม่เกิน 10 คน ต้องปริ้นเอกสารออกมากรอกข้อมูล และสแกนส่ง และต้องนำเอกสารตัวจริงไปยื่นด้วยวันที่ไปเดินป่า อันนี้ผมก็ไม่ชัวร์เท่าไร เพราะนานแล้ว แต่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปตามข้อมูลด้านล่างครับ
** เปิดจองตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2567 เวลา 08.00 น. ถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 เวลา 16.30 น. และเริ่มเดินตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 - 12 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งแต่ละปีกำหนดวันอาจเปลี่ยนไป
** ตรวจสอบการเปิดจองขึ้นดอยหลวงเชียงดาว >> facebook ดอยหลวงเชียงดาว
** ลงทะเบียนจอง และดาวน์โหลดเอกสาร >> เว็บไซด์ ดอยหลวงเชียงดาว
** รายละเอียดประกอบการสมัคร
> จำกัดนั่งท่องเที่ยว 100 คน/วัน พักค้างคืนไม่เกิน 1 คืน
> การจองสิทธิ์รายบุคคล 1 คน ต่อ 1 การจอง ต่อ 1 สิทธิ์ ไม่มีการจองแบบกลุ่มแล้ว
> อายุผู้มีสิทธิ์จอง 10 - 70 ปี ณ วันจองสิทธิ์ โปรดตรวจสอบวันเดือนปีเกิด ตรวจคำนวณอายุให้เรียบร้อย ก่อนการรับรอง หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าอายุน้อยกว่าหรือมากกว่าตามประกาศจะไม่อนุญาตให้เข้าเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
> การจองรถยนต์รับ-ส่งจากจุดลงทะเบียนถึงหน่วยพิทักษ์ป่าขุนห้วยแม่กอก (เด่นหญ้าขัด) และกลับลงมาจุดลงทะเบียน เป็นรถยนต์แบบแชร์ 5 คน ต่อ 1 คัน (ไม่มีการเหมา)
> การกรอกข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือพาสปอร์ตสำคัญมากอย่าให้ผิด เนื่องจากปีนี้ไม่มีการอัปโหลดเอกสารส่วนบุคคลใด ๆ เลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือเลขพาสปอร์ตจะต้องตรงกับเอกสารและคนที่มาแสดงตัวอบรมและเดินศึกษาธรรมชาติ
> การจองลูกหาบช่วยแบกสัมภาระต้องกดเลือกในระบบ (จ่ายเงินตรงกับลูกหาบหน้างาน) การจองปีนี้สัมภาระฝากลูกหาบได้ไม่เกิน 10 กิโลกรัม ต่อนักศึกษาธรรมชาติ 1 คน
> เอกสารที่จะต้องอัปโหลดมีเพียงหนังสือขออนุญาตเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่กรอกข้อมูลแล้ว (แนวทางปฏิบัติข้อ 5) จำนวน 3 แผ่น ตามตัวอย่าง
** ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากเว็บไซด์ @kapook!
** วิธีการสมัคร
** รายการของที่จองสามารถรับได้ที่จุดกางเต็นท์เลย เพราะเข้ามีที่เก็บไว้ด้านบน เต็นท์ก็มีกางไว้เรียบร้อยแล้ว
** ตำแหน่งที่ตั้งของ "วัดถ้ำเชียงดาว" ที่เป็นสถานที่อบรม
** ตำแหน่งที่ตั้งของ "เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยหลวงเชียงดาว" จุดลงทะเบียน และขึ้นรถ
>> หลังจากลงทะเบียนส่งเอกสารเรียบร้อย และเลือกวันอบรมแล้ว ผมก็ได้แต่นับวันรอถึงวันออกเดินทาง 20 มกราคม ผมก็ฝอยนอกเรื่องมาเยอะแล้ว ไปที่การเดินทางของเรากันเลยครับ
>> เราออกเดินทางกันวันที่ 19 มกราคม เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ซึ่งผมต้องขับรถทั้งคืนเดินทางกันประมาณ 11-12 ชม. เพื่อไปถึงที่กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ โดยเราตั้งใจว่าจะไปเดินกิ่วแม่ปานในเช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งในรถก็มีคนขับรถเป็น 2 คน ผมกับพี่อีกคน ผมที่พึ่งขับรถเป็นได้ไม่นานเท่าไหร่ กับพี่อีกคนที่ไม่กล้าขับขึ้นเขาโค้งเยอะๆ เราเลยต้องเลี่ยงเส้นทางถนนหมายเลข 106 ช่วง อ.เถิน ลำปาง ไป อ.ลี้ ลำพูน ที่ขึ้นเขาโค้งเยอะมากๆ ถึงแม้จะลดระยะทางไป 50 กิโลเมตรก็ตาม จากระยะทางสมุทรปราการไปกิ่วแม่ปาน 770 กิโลเมตร ซึ่งนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้ขับรถขึ้นเหนือเลย ไม่มีความคุ้นเคยทั้งถนน และเส้นทาง การเดินทางก็วิ่งตาม GPS อย่างเดียว
>> ผมขับรถยาวคนเดียวต่อเนื่องซึ่งก็นอนครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มกราคม ตอน 7 โมงเช้าที่ตื่นไปทำงาน ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้ว 20-21 ชม. แล้วที่ผมยังไม่ได้นอน ผมพยายามโดฟกาแฟเรื่อยๆ แวะพักเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเพื่อให้ตาสว่าง ซึ่งก็มีแม่กับป้าคอยชวนผมคุยตลอดการเดินทาง ส่วนพี่อีก 2 คน หลับไปแล้วจร้า แต่ก็ดูเหมือนว่าผมจะง่วงมากเกินไปแล้ว จึงได้หยุดพักรถยาวๆ ที่ปั๊มแก๊สแห่งหนึ่งริมถนนหมายเลข 116 ตรง อ.ป่าซาง ลำพูน เพื่อที่จะขอหลับพักสายตาสักหน่อย ซึ่งตอนนั้นประมาณตีสี่แล้ว แต่การนอนบนรถมันก็ไม่เหมือนนอนบนพื้นราบผมนอนไม่หลับเลย หลังจากลองนอนไป 10 นาที ผมก็ไม่นอนละไปต่อเลยดีกว่า แต่เปลี่ยนให้พี่อีกคนมาขับแทน เดี๋ยวผมจะขอนอนบนรถนี่ละ และจะเปลี่ยนมาขับอีกทีช่วงก่อนขึ้นดอยอินทนนท์ เพราะพี่เขาไม่กล้าขับแน่ๆ
>> หลังจากเปลี่ยนให้พี่อีกคนมาขับแทน และผมเปลี่ยนไปนอนที่เบาะหลัง ทั้งแม่ และป้าก็นอนหลับเลยจร้า ให้พี่เขาคุยกันไป 2 คน แล้วกัน แต่ผมก็นอนไม่หลับเลย เพราะเหมือนขับมาต่อเนื่องนาน พอจะหลับก็รู้สึกเหมือนตัวเองขับรถแต่จะหลับใน ไหงเป็นงั้นได้ แต่ก็ยังดีได้พักสายตา จนผ่านไปสัก 30 นาทีได้ เราก็มาถึงที่ปั๊มน้ำมันบนถนนหมายเลข 108 ที่ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนกับพี่มาขับเอง ซึ่งเหลือระยะทางอีก 7 กิโลเมตร ก่อนเลี้ยวเข้าสู่ถนนหมายเลข 1009 เพื่อขึ้นดอยอินทนนท์ ผมเลยต้องล้างหน้าล้างตา กินลูกอม อัดกาแฟ ให้ตาสว่าง
>> เวลา ณ ตอนนั้นก็ประมาณตีห้าได้ ซึ่งฟ้าก็ยังมืดอยู่ หลังจากตาสว่างขึ้นมาบ้างผมก็ขับรถลุยต่อ โดยผมต้องขับรถต่ออีกเกือบ 50 กิโลเมตร หรือประมาณ 1 ชม. ในการขึ้นไปถึงกิ่วแม่ปาน ก็น่าจะทันชมพระอาทิตย์ยามเช้าพอดี ซึ่งพอเลี้ยวเข้าสู่ถนนหมายเลย 1009 เราก็จะค่อยๆ เริ่มขึ้นเขากันแล้ว บอกเลยว่าถนนดี และสว่างมากๆ ไม่ใช่เพราะแสงไฟ แต่เป็นแสงไฟรถที่สะท้อนกับแผ่นสะท้อนที่ไม้กั้นกันชนทั้ง 2 ข้างทาง ทำให้ขับรถได้ง่ายมากๆ ผมเองก็แอบๆ หวั่นๆ หน่อยๆ เพราะเป็นครั้งแรกเลยในการได้ขับรถขึ้นเขาแบบนี้
>> ประมาณเจ็ดโมงเช้าผมก็ขับรถขึ้นมาถึงที่ลานจอดรถของกิ่วแม่ปาน บอกเลยว่าคนเยอะมากๆ จนลานจอดรถเต็ม แต่ก็ยังมีความโชคดีที่มีรถออกให้เราได้จอด 1 ทีพอดีเลย
>> และก็พอดีกับพระอาทิตย์ยามเช้าก็ขึ้นให้เราได้เห็นพอดี
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้