▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เดินป่า
Backpack
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เที่ยวภูเขา
ภาพถ่ายทิวทัศน์
[CR] ดอยหลวง - ดอยหนอกพะเยา ความทรงจำ เพื่อนใหม่ กับทุกสภาพอากาศที่ได้เจอ
สมาชิกในครั้งนี้มีทั้งหมด 9 คน ดอยหนอก เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติดอยหลวง ที่มีพื้นที่ครอบคลุม 3 จังหวัดคือ 1.เชียงราย 2.ลำปาง 3.พะเยา เหตุที่เรียกว่าดอยหนอกก็เพราะว่า ยอดสูงสุดของดอยแห่งนี้มีลักษณะเป็นภูเขาหินสูงดูคล้าย "หนอกวัว" ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้า ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า "ดอยหนอก"
สำหรับใครที่อยากจะมาเดินป่าที่นี่ จะนิยมขึ้นทางฝั่งดอยหลวง จ.พะเยา (ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร) เราติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานให้มารับที่สถานีขนส่งจังหวัดพะเยา ให้ไปส่งเราที่จุดเริ่มเดิน
เราเริ่มออกเดินเวลา 11.00 น. หมอกลงหนามากปกคลุมไปทั่วป่าจนมองไม่เห็นวิวรอบด้านเลย แต่มันก็สวยไปอีกแบบนึงนะ ทางเดินในช่วงแรกๆเป็นทางราบๆ เดินชิลๆอากาศเย็นสบาย (จึงพอมีมีภาพบรรยากาศบ้าง)
เดินไปสักพักฝนดันตกเก็บกล้องนอนอยู่ในกระเป๋าสิครับ (จากนั้นไม่มีรูประหว่างทางอีกเลยย = =) รีบหยิบเสื้อกันหนาว เอ้ย!! กันฝนมาใส่แทบไม่ทัน
ทางเดินที่ผ่านมานี่คือแค่เรียกน้ำย่อย ทางเดินต่อไปนี้นี่สิของจริง เราต้องเดินขึ้นเขาอีกทั้งหมด 4 ลูก แต่ละลูกไม่ต้องพูดถึงชันๆทั้งนั้น บวกกับที่ฝนตกตลอดทางทำให้ทางค่อนข้างลื่น ( ในใจคิดว่าทริปนี้มาเสียเที่ยวแน่ๆ เพราะว่าเจอทั้งหมอกและฝน วิวรอบข้างมันขาวไปหมด
1. "สันหมูแม่ด้อง" คือ หมูตัวเมียที่เลี้ยงลูก ร่างกายซูบผอมจึงทำให้เห็นกระดูกสันหลัง ที่เล็กและแคบ เขาลูกนี้ชันและแคบสองข้างทางจะเห็นวิวทั้งสองด้านแต่ตอนที่ผมไปมองไม่เห็นอะไรเลย 555555555
มีอยู่ 1 รูปที่ถ่ายจากกล้องไอโฟน
2. "เด่นสะแกง" คือ ที่ราบโล่งๆ ลาดเอียงเดินขึ้นเนินไปเรื่อยๆ แต่ก็เล่นเอาเหนื่อยใช่เล่น
3. "บันไดก่ายฟ้า" จุดที่ชันที่สุดของเส้นทาง เป็นทางที่แคบและชันเปรียบดั่งการไต่บันไดที่พาดกับท้องฟ้า เขาลูกนี้จะเป็นเขาหินจะต้องปีนขึ้นไป
4. "ดอยหลวง" เนินสุดท้ายเพื่อขึ้นไปพิชิตดอยหลวง ที่ความสูง 1,694 เมตร
และแล้วเราก็มาถึงจุดกางเต็นท์ในคืนแรก จากที่เริ่มเดิน 11 โมงมาถึงประมาณ 5 โมงเย็น เดินประมาณ 6 ชั่วโมง สภาพตอนนั้นคือหมดแรง ตัวเปียกเป้เปียกหมด
พักกันสักแปปนึงก็เริ่มกางเต็นท์และทำกับข้าวเย็นกมื้อนี้พวกเราทำสุกี้กินกัน มองไปรอบๆด้าน หมอกก็ยังฟุ้งอยู่จนมองไม่เห็นอะไรเลย ผิดหวังมากๆตอนนั้น พอกินเสร็จเราก็นั่งเล่นพูดคุยทำความรู้จักกันแล้วก็แยกย้ายกันไปนอน
ผมรีบตื่นมาตั้งแต่ตี 4 กว่าๆเพราะยังมีหวังว่าฟ้าจะเปิด และจะได้เห็นทะเลหมอกสวยๆ สุดท้ายธรรมชาติก็ให้รางวัลแก่เราฟ้าเปิดเจอหมอกหน้าเต็นท์แบบอลังการมาก
มันสวยมากๆจนลูกหาบยังหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ลูกหาบบอกกับผมว่าตั้งแต่ขึ้นมาที่นี่ มีครั้งนี้แหละที่เจอหมอกสวยแบบนี้ครั้งแรก แต่มันก็จริงอย่างที่พี่เค้าบอกมันสวยจริงๆ ไปดูรูปกันเลย
หลังจากที่ถ่ายรูปกันสักพัก ก็เริ่มเก็บของไปดอยหนอกซึ่งจะเป็นที่พักของเราในคืนที่สอง ซึ่งทางไปดอยหนอกเป็นทางเดินลงเนินซึ่งชันมาก แถมยังลื่นมากอีกด้วย ก่อนถึงที่พักในคืนที่สอง เราจะพบกับดอยหนอก ซึ่งเราแวะปีนขึ้นไปบนนั้นก่อนแล้วค่อยไปกางเต็นท์เนื่องจากขี้เกียจเดินกลับมาอีกรอบ อีกอย่างกลุ่มที่มาก่อนเราเค้าไปกางเต็นท์กันแล้วเราจึงชิงปีนขึ้นก่อน การที่เราจะขึ้นไปพิชิตดอยหนอกได้นั้นเราจะต้องไต่สริงขึ้นไปซึ่งมันชันมากผมนี่ขาสั่นเลยตอนหันหลังกลับไปดู (ไม่แนะนำสำหรับคนที่กลัวความสูง) บนดอยหนอกจะมีพระพุทธรูป รอยพระพุทธบาท ไว้ให้เราไปสักการะกัน
นี่คือวิวเมื่อมองจากดอยหนอกลงมาครับ
ภาพดอยหนอก ดูคนบนนั้นปีนขึ้นไปได้ยังไง
เมื่อกางเต็นท์เก็บของกันเรียบร้อย พวกผมก็ไปอาบน้ำกัน ภาพที่คิดคือเป็นน้ำตกหรือไม่ก็เป็นลำธารให้เราลงไปอาบ เมื่อตัดมาความจริงคือ
นี่คืออาหารเย็นของเราในเย็นนี้ จัดหนัก!! จัดเต็ม!!
กินข้าวกันเสร็จแล้วก็นั่งคุย นั่งเล่นกันรอพระอาทิตย์ตกดิน
วันนี้โชคดีมากฟ้าเปิดมีสิทธิ์ จะได้เห็นทางช้างเผือก แล้วก็ได้เห็นจริงๆ
หลวงพ่อทันใจ & ทางช้างเผือก
ถ่ายรูปดาวเสร็จเราก็แยกย้ายกันไปนอน เช้าวันต่อมาเตรียมตัวเดินลงพี่ลูกหาบอาสาจะพาไป "ถ้ำหมี" พี่เค้าบอกที่นี่ยังไม่เคยมีใครลงไปเลยและยังไม่เปิดเป็นสถานที่อีกด้วย ส่วนตัวผมว่าเพราะมันอันตรายเพราะเดินลงไปชันมากและข้างล่างก็เป็นเหวอีกด้วย (จะบอกว่าเดินก็ไม่ถูกเพราะจริงๆแล้วคลานลงไป) ถ้ำหมีเป็นถ้ำเล็กๆเวลาเข้าต้องนอนตะแคงแล้วค่อยๆเข้าไป ส่วนด้านในมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ภายในนั้น
พอเราไปถ้ำหมีเสร็จแล้วก็เริ่มเดินลง ทางลงช่วงแรกๆชันมากๆแทบจะ 90 องศาลื่นกันเป็นแถบๆ เลยไม่ได้หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเลยเพราะต้องค่อยๆเดินลง และคอยจับกิ่งไม้ ต้นไม้เพื่อทรงตัว เดินลงมาได้เกือบๆครึ่งทางเราก็จะมาเจอทางน้ำตกชื่อ "ผานางจูบ" เส้นทางต่อไปนี้จนถึงจุดสิ้นสุดจะเป็นทางที่เดินลัดเลาะลำธารไปเรื่อยๆ มันสวยมากเสียใจที่ไม่ได้ถ่ายภาพเก็บไว้เลย และแล้วเราก็เดินมาถึงจุดสิ้นสุดเราใช้เวลาไปทั้งหมดประมาณ 4 ชั่วโมงแล้วก็นั่งรถอีแต๊กที่ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ไว้แล้วให้ไปส่งที่ทำการอุทยาน
ปล.1 หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้เพราะกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผม
ปล.2 ขอบคุณผู้ร่วมทริปทุกคนที่มาเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำที่ดีมากๆของผม
ปล.3 ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบ
หรือมีของสงสัยหรืออยากติดตาม https://www.facebook.com/kitsada.duangchang
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น