#ภูสอยดาว 2 วัน 1 คืน
#ไม่มีรถส่วนตัว #ไม่จ้างไกด์ #ไม่จ้างลูกหาบ #ไม่ซื้อทริป #ไม่เหมารถ #ไม่ลางาน ละเอียดยิบยิ่งกว่าไปเอง ไม่รอช้า ไปเริ่มกันเลย
🗺 Part 1 : แผนการเดินทาง
22.00 น. - 04.50 น. หมอชิต - บขส. พิษณุโลก
DAY 1
05.00 น. - 08.00 น. บขส. พิษณุโลก - อ. ชาติตระการ
08.30 น. - 10.00 น. อ. ชาติตระการ - อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว - Phusoidao
10.00 น. - 10.30 น. ลงทะเบียนขึ้นอุทยาน
10.45 น. - 16.40 น. เดินเท้าไปยังลานกางเตนท์
DAY 2
06.00 น. - 06.30 น. ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่หลักสองแผ่นดิน
07.00 น. - 07.45 น. มื้อเช้าที่แสนอร่อย
08.00 น. - 09.00 น. เก็บสัมภาระ
09.30 น. - 13.40 น. เดินเท้าลงจากภู
14.00 น. - 15.00 น. อาบน้ำเตรียมตัวบ๊ายบาย
15.30 น. - 19.30 น. ลงทะเบียนออกและเดินทางไป บขส. พิษณุโลก
23.55 น. - 05.50 น. บขส. พิษณุโลก - หมอชิต
💲Part 2 ค่าใช้จ่าย
- รถทัวร์ หมอชิต - บขส. พิษณุโลก 263.-
- รถประจำทาง บขส. พิษณุโลก - อ. ชาติตระการ 84.-
- รถตู้ (จอยกับคนอื่น) 83.-
- ค่าเข้าอุทยาน 40.-
- ค่าอุปกรณ์เครื่องนอน 400.-
- ค่ารถสองแถว จากอุทยาน ไป บขส. พิษณุโลก 150.-
- ค่ารถทัวร์ บขส. พิษณุโลก - หมอชิต 263.-
- ค่าห้องพัก อาบน้ำ ชาร์จแบต นอนรอรถ 75.-
- ค่าอาหารทุกมื้อรวม 300.-
รวม 1,658.- บาท
⛅ Part 3 รายละเอียด การเดินทาง ความสุนทรี ความรู้สึก
ลืมความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากภาระงานในวันศุกร์ที่คนแสนจะเยอะไปเลย เมื่อรู้ว่าปลายทางคือการออกเดินทาง เริ่มต้นที่หมอชิต จองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าประมาณ 3 วันเห็นจะได้ รอบ 22.00 ถึงพิษณุโลก ตอนเช้าพอดี และทันรถประจำทางเที่ยวแรก ออกเวลา 05.00 แป๊ะมาก ไม่ขาด ไม่เกิน เพื่อไป อ. ชาติตระการ โชคดีมากที่ขึ้นจากต้นทาง เพราะคนแน่นมาก ยืนกันแน่น นึกว่าขึ้นรถเมล์ในกทม.เหอะ
ระหว่างทางก็เก็บข้อมูล ถามกระเป๋ารถเมล์ที่น่ารัก คนขับรถที่ใจดี (หรือเปล่าไม่รู้แต่ต้องมองในแง่ดีไว้ก่อนแล้วเขาจะช่วยเราด้วยความเต็มใจ) กระเป๋ารถเมล์ใจดี สอบถามคนบนรถระหว่างตรวจตั๋วว่าใครไปภูสอยดาวบ้าง รวบรวมได้ 12 คน และเขาก็โทร. นัดลุงเสริฐ คนขับรถตู้ให้เราเสร็จสรรพ คาดว่าเขาเป็นญาติกันหรือคงรู้จักกันแหละ พอรถจอดอำเภอชาติตระการปุ๊ป ลุงเสริฐก็มารอรับตรงเวลาเป๊ะ จากนั้นก็พาพวกเราทั้งหมด ไปตลาดเพื่อเตรียมเสบียงสำหรับปรุงอาหารมื้อที่อยู่บนเขา และหามื้อเช้ามาลงท้อง
ระหว่างทางก็ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ และซึมซับบรรยากาศสองข้างทาง ทุ่งนา ทิวเขา สายลม ไอเย็น ทุกอย่างคือดี (เสียอย่างเดียว พวกเรายังไม่ได้อาบน้ำ 5555)
เมื่อถึงอุทยานเราลงจากรถเฉยเลย ลืมจ่ายตังค์ ฮาาาา กลับไปจ่ายแบบเอ๋อ ๆ คนละ 83 บาท อิอิ ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจ จะเที่ยวแล้วมันก็ตื่นเต้นอยู่หน่อย ๆ จากนั้น ลงทะเบียน 1 กรุ๊บ จะเขียนใบลงทะเบียนเพียงใบเดียว ใส่รายละเอียดของคณะเดินทางทุกคน รวมถึงผู้ที่สามารถติดต่อได้กรณีฉุกเฉิน ค่าเข้าอุทยานที่เราจ่ายกันนั้น มีประกันคุ้มครองชีวิตและอุบัติเหตุรวมอยู่ด้วย ไม่ได้ถามรายละเอียด แต่รู้ว่ามีก็ #Happy แล้ว สำหรับใครที่จะจ้างลูกหาบก็ลงทะเบียนได้ที่จุดนี้เลย เจ้าหน้าที่บริการไม่บกพร่อง กิโลกรัมละ 30 บาท ลูกหาบได้รับเต็ม ๆ ใครแบกได้เท่าไรก็ได้รับเท่านั้น สำหรับพวกเราน่ะหรอ พอเอาขึ้นตราชั่งปุ๊ป เอาลงและบอกว่าไม่เอาแล้ว หนูแบกเอง 555 ก็ประหยัดงบอ่ะ ให้ลูกหาบแบกน้ำ 1 แพค 7 ลิตร 210.- บาท แค่นั้นพอ
ป่ะ ๆ ๆ ไปกันต่อ ใครพร้อมก็ไปขึ้นรถที่อุทยานจัดไว้ให้ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ถึง ทางเดินเท้าปุ๊ป ก็ลุยเลยจ้าาา ไม้ไผ่คนละ 1 อัน แล้ว ~เดินด้วยสองขาาาา ตาก็มองฟ้าาาา~ 6 ชั่วโมง เดินกันให้อ้วกไปข้าง โหดพอสมควรนะ สูงและชันมากกกก วิธีเตรียมร่างกายของเราคือวิ่งวันละ 5 กิโลเมตร (ไม่พองงงง ควรคาดิโอมาด้วย ตอนนี้ยังเดี๊ยงอยู่เลย)
ถึงแล้วก็ไม่รอช้า หาที่กางเตนท์ และก่อกองไฟ เราสามารถเช่าอุปกรณ์เพิ่มเติมได้ด้านบน เช่น เตา หม้อสนาม ถุงนอน แผ่นรองนอน ขัน ถังน้ำ หรืออื่น ๆ ไม่ถึงกับสะดวกสบาย แต่ก็อำนวยความสะดวกไปได้มาก ราคาก็ไม่ได้เกินงบประมาณ
หกโมงแล้วววว ดวงตะวันค่อย ๆ คล้อยไปทางทิศตะวันตก เราเริ่มเดินตามแนวสน ไปอยู่ให้ใกล้ดวงตะวันมากที่สุด แล้วโบกมือลาวันนี้ พรุ่งนี้พบกันใหม่นะ แสงสีชมพู ตัดกับขอบฟ้า ใบหญ่าไหวเอนไปตามลม อากาศหนาวเย็นทำให้นึกถึงใครบางคน พลันเห็นท้องฟ้าเกลี้ยงเกลา แสง สี เป็นใจ เป็นสัญญาณว่า . . . ด า ว . . . คงสวยกว่าคืนไหน ๆ และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ กาแลคซี่ทางช้างเผือกปรากฎกายให้เห็นด้วยตาเปล่า หนาวมาก สวยมาก เหงามาก 555 (ข้าม ๆ ก่อนจะมีดราม่า)
กินชาบู ชาบู ชาบู อกไก่สด ไส้กรอก หมูยอ วุ้นเส้น ผักกะหล่ำปลี ผักบุ้ง น้ำจิ้มรสเด็ด และไข่ไก่ ที่ถูกเจียวมาแล้วอย่างดีระหว่างทาง เรียกได้ว่า มื้อนี้คือมื้อพิเศษมาก ๆ มื้อหนึ่งเลย กินเสร็จก็ทำภารกิจส่วนตัว ถัง และ ขัน มีประโยชน์มาก เพราะถ้าอยากใช้น้ำ ต้องไปตักน้ำในลำธาร ทั้งใส ทั้งเย็น แล้วหิ้วไปเข้าห้องน้ำเอง นั่งดูดาวกันสักพัก ไม่เบื่อเลย มีดาวตกให้เห็นทั้งคืน จังหวะนี้ถ้ามีใครแบ่งเสื้อกันหนาวมาให้นะ จะตกหลุมรักให้ดู ตื่นแป๊ป 555 แล้วเข้านอน
เช้าแล้ววววว ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันนนน เย่ คิดภาพตามอย่างไรก็ไม่ฟินเท่ากับไปเอง ไอน้ำบนยอดหญ้า ดอกหงอนนาคที่กำลังหลับไหล เมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ทะลุทิวสน แสงค่อย ๆ ลอดผ่านม่านเมฆ กระทบกับน้ำค้างบนยอดไม้ สะท้อนระยิบระยับบนทุ่งหญ้าสีเหลือง ดอกหงอนนาคค่อย ๆ ตื่นบานตามแสงอาทิตย์ ทุกชีวิตเริ่มกระตือรือร้นและมีรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้าของผู้คน #ดีใจที่ได้เห็นภาพเหล่านี้
มื้อเช้าคือของที่เก็บแบ่งไว้จากเมื่อคืน หรือเรียกว่าเหลือก็ได้ 555 กินเสร็จก็แปลงร่าง เก็บข้าวของ เตรียมตัวลง ขาลงเป็นจังหวะที่แสงค่อนข้างสวย เหลือแบตไว้ถ่ายรูปกันด้วยน้าาาาา เหนื่อยและล้ามากเลยนะแต่รับรองว่าคุ้ม
ถึงพื้นราบไม่เกินบ่ายสอง เรากินชาเขียวปั่นหวานน้อยที่เราชอบแล้วไปอาบน้ำและเตรียมไปหาจอยรถไปพิษณุโลกกับคนอื่น ๆ
ถึงที่ทำการอุทยานก็ขออาศัยเพื่อนร่วมทางเขาเช่ารถไว้ตั้งแต่ขามา ขากลับเราสี่คนเสนอตัวช่วยหาร อิอิ รถสองแถวยิงตรงยาวจากอุทยานไปถึง บขส. พิษณุโลกเลยจ้า ระหว่างนั้นเราจะจองตั๋วออนไลน์ เพื่อไปหมอชิต แต่มันเต็มเสียแล้ว ต้องไป walk in เอง ถึงบขส. ประมาณทุ่มตรง ซื้อตั๋วได้รอบ 5 ทุ่ม ด้วยความเหนื่อยล้า พวกเราเปิดห้องนอน ห้องแอร์ มีห้องน้ำในตัว รูชาร์จแบตเพียบ ราคาไม่เกิน 300.- บาท เสียอย่างเดียว ได้ห้องชั้น 4 ไม่มีลิฟท์ เมื่อยยยยยยย เข้าใจไหม เมื่อยยโว้ยยย ปวดขาโว้ยยยย พอถึงเวลาก็ลงมารอรถ นู้นนน เลทไปถึง 5 ทุ่ม 55 นาที เดินทางถึงหมอชิต 05.50 น. รีบเดินทางต่อไปทำงาน สภาพแย่ ๆ หน่อย อย่าลืมเติมแป้งและทารองพื้นสักนิด เติมปากสักหน่อย เดี๋ยวเพื่อนที่ทำงานจะตกใจ
📒 Part 4 จำเป็นต้องมี แต่บางทีเราอาจลืม
- ไม้เท้าเดินป่า Trekking pole (ถ้าไม่มีควรหาไม้ไผ่มาถือไว้ในมือ บอกเลยว่าช่วยได้มาก)
- มีดทำครัว และ เขียงพกพา คุณจะค้นพบว่า หายืมยากมากกกก เพราะคนมักจะลืม ถ้าคุณไม่ลืม คุณคือมิสยูนิเวิร์สบนนั้น
- น้ำหวาน หรือเกลือแร่ ระหว่างที่คุณเดิน มันกระหายมากจริง ๆ พกน้ำเปล่าอย่าเดียว มันไม่ชื่นใจ เราอยากแทบตายแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนเดิน 555 เอาไปเผื่อเถอะ มันเพิ่มพลังได้มากจริง ๆ
- ช้อน จาน พลาสติก ถ้าไม่อยากนั่งดูกับข้าวแสนอร่อยด็ควรพกส่วนตัว ไม่หนักหรอก แบก ๆ ไปเถอะ
- สเปรย์กันแมลง ทาาาดาาาาา ช่วยได้นะ ระหว่างอยู่ในป่า มันมีตัวคุ่น เราโดนกัดเจ็บมาก เราจะฉีดแล้วแหละ แต่พอดีมันหมด
-แบตสำรอง ยูเตรียมไปเยอะ ๆ เลย มันจำเป็น
📍Part 5 สำหรับคนตามหาเพื่อนเดินทาง
หากอยากสอบถามเพิ่มเติมก็ทักทายเรามาได้ที่ FB ส่วนตัว เราจะแปะ QR Code ไว้ที่ รูปสุดท้ายนะ หรือถ้าสนใจอยากมาร่วมเดินทางไปด้วยกัน ก็รอติดตามในกิจกรรมบนเพจน้าาา จะพยายามอัพเดตเรื่อย ๆ
🙏 Past 6 ขอบคุณ
เพื่อนร่วมทาง พี่มัท พี่ต๊ะ LP และเพื่อนระหว่างทาง พี่โอม
ภูสอยดาว 2 วัน 1 คืน 5-7 ต.ค. 2561
#ไม่มีรถส่วนตัว #ไม่จ้างไกด์ #ไม่จ้างลูกหาบ #ไม่ซื้อทริป #ไม่เหมารถ #ไม่ลางาน ละเอียดยิบยิ่งกว่าไปเอง ไม่รอช้า ไปเริ่มกันเลย
🗺 Part 1 : แผนการเดินทาง
22.00 น. - 04.50 น. หมอชิต - บขส. พิษณุโลก
DAY 1
05.00 น. - 08.00 น. บขส. พิษณุโลก - อ. ชาติตระการ
08.30 น. - 10.00 น. อ. ชาติตระการ - อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว - Phusoidao
10.00 น. - 10.30 น. ลงทะเบียนขึ้นอุทยาน
10.45 น. - 16.40 น. เดินเท้าไปยังลานกางเตนท์
DAY 2
06.00 น. - 06.30 น. ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่หลักสองแผ่นดิน
07.00 น. - 07.45 น. มื้อเช้าที่แสนอร่อย
08.00 น. - 09.00 น. เก็บสัมภาระ
09.30 น. - 13.40 น. เดินเท้าลงจากภู
14.00 น. - 15.00 น. อาบน้ำเตรียมตัวบ๊ายบาย
15.30 น. - 19.30 น. ลงทะเบียนออกและเดินทางไป บขส. พิษณุโลก
23.55 น. - 05.50 น. บขส. พิษณุโลก - หมอชิต
💲Part 2 ค่าใช้จ่าย
- รถทัวร์ หมอชิต - บขส. พิษณุโลก 263.-
- รถประจำทาง บขส. พิษณุโลก - อ. ชาติตระการ 84.-
- รถตู้ (จอยกับคนอื่น) 83.-
- ค่าเข้าอุทยาน 40.-
- ค่าอุปกรณ์เครื่องนอน 400.-
- ค่ารถสองแถว จากอุทยาน ไป บขส. พิษณุโลก 150.-
- ค่ารถทัวร์ บขส. พิษณุโลก - หมอชิต 263.-
- ค่าห้องพัก อาบน้ำ ชาร์จแบต นอนรอรถ 75.-
- ค่าอาหารทุกมื้อรวม 300.-
รวม 1,658.- บาท
⛅ Part 3 รายละเอียด การเดินทาง ความสุนทรี ความรู้สึก
ลืมความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากภาระงานในวันศุกร์ที่คนแสนจะเยอะไปเลย เมื่อรู้ว่าปลายทางคือการออกเดินทาง เริ่มต้นที่หมอชิต จองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าประมาณ 3 วันเห็นจะได้ รอบ 22.00 ถึงพิษณุโลก ตอนเช้าพอดี และทันรถประจำทางเที่ยวแรก ออกเวลา 05.00 แป๊ะมาก ไม่ขาด ไม่เกิน เพื่อไป อ. ชาติตระการ โชคดีมากที่ขึ้นจากต้นทาง เพราะคนแน่นมาก ยืนกันแน่น นึกว่าขึ้นรถเมล์ในกทม.เหอะ
ระหว่างทางก็เก็บข้อมูล ถามกระเป๋ารถเมล์ที่น่ารัก คนขับรถที่ใจดี (หรือเปล่าไม่รู้แต่ต้องมองในแง่ดีไว้ก่อนแล้วเขาจะช่วยเราด้วยความเต็มใจ) กระเป๋ารถเมล์ใจดี สอบถามคนบนรถระหว่างตรวจตั๋วว่าใครไปภูสอยดาวบ้าง รวบรวมได้ 12 คน และเขาก็โทร. นัดลุงเสริฐ คนขับรถตู้ให้เราเสร็จสรรพ คาดว่าเขาเป็นญาติกันหรือคงรู้จักกันแหละ พอรถจอดอำเภอชาติตระการปุ๊ป ลุงเสริฐก็มารอรับตรงเวลาเป๊ะ จากนั้นก็พาพวกเราทั้งหมด ไปตลาดเพื่อเตรียมเสบียงสำหรับปรุงอาหารมื้อที่อยู่บนเขา และหามื้อเช้ามาลงท้อง
ระหว่างทางก็ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ และซึมซับบรรยากาศสองข้างทาง ทุ่งนา ทิวเขา สายลม ไอเย็น ทุกอย่างคือดี (เสียอย่างเดียว พวกเรายังไม่ได้อาบน้ำ 5555)
เมื่อถึงอุทยานเราลงจากรถเฉยเลย ลืมจ่ายตังค์ ฮาาาา กลับไปจ่ายแบบเอ๋อ ๆ คนละ 83 บาท อิอิ ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจ จะเที่ยวแล้วมันก็ตื่นเต้นอยู่หน่อย ๆ จากนั้น ลงทะเบียน 1 กรุ๊บ จะเขียนใบลงทะเบียนเพียงใบเดียว ใส่รายละเอียดของคณะเดินทางทุกคน รวมถึงผู้ที่สามารถติดต่อได้กรณีฉุกเฉิน ค่าเข้าอุทยานที่เราจ่ายกันนั้น มีประกันคุ้มครองชีวิตและอุบัติเหตุรวมอยู่ด้วย ไม่ได้ถามรายละเอียด แต่รู้ว่ามีก็ #Happy แล้ว สำหรับใครที่จะจ้างลูกหาบก็ลงทะเบียนได้ที่จุดนี้เลย เจ้าหน้าที่บริการไม่บกพร่อง กิโลกรัมละ 30 บาท ลูกหาบได้รับเต็ม ๆ ใครแบกได้เท่าไรก็ได้รับเท่านั้น สำหรับพวกเราน่ะหรอ พอเอาขึ้นตราชั่งปุ๊ป เอาลงและบอกว่าไม่เอาแล้ว หนูแบกเอง 555 ก็ประหยัดงบอ่ะ ให้ลูกหาบแบกน้ำ 1 แพค 7 ลิตร 210.- บาท แค่นั้นพอ
ป่ะ ๆ ๆ ไปกันต่อ ใครพร้อมก็ไปขึ้นรถที่อุทยานจัดไว้ให้ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ถึง ทางเดินเท้าปุ๊ป ก็ลุยเลยจ้าาา ไม้ไผ่คนละ 1 อัน แล้ว ~เดินด้วยสองขาาาา ตาก็มองฟ้าาาา~ 6 ชั่วโมง เดินกันให้อ้วกไปข้าง โหดพอสมควรนะ สูงและชันมากกกก วิธีเตรียมร่างกายของเราคือวิ่งวันละ 5 กิโลเมตร (ไม่พองงงง ควรคาดิโอมาด้วย ตอนนี้ยังเดี๊ยงอยู่เลย)
ถึงแล้วก็ไม่รอช้า หาที่กางเตนท์ และก่อกองไฟ เราสามารถเช่าอุปกรณ์เพิ่มเติมได้ด้านบน เช่น เตา หม้อสนาม ถุงนอน แผ่นรองนอน ขัน ถังน้ำ หรืออื่น ๆ ไม่ถึงกับสะดวกสบาย แต่ก็อำนวยความสะดวกไปได้มาก ราคาก็ไม่ได้เกินงบประมาณ
หกโมงแล้วววว ดวงตะวันค่อย ๆ คล้อยไปทางทิศตะวันตก เราเริ่มเดินตามแนวสน ไปอยู่ให้ใกล้ดวงตะวันมากที่สุด แล้วโบกมือลาวันนี้ พรุ่งนี้พบกันใหม่นะ แสงสีชมพู ตัดกับขอบฟ้า ใบหญ่าไหวเอนไปตามลม อากาศหนาวเย็นทำให้นึกถึงใครบางคน พลันเห็นท้องฟ้าเกลี้ยงเกลา แสง สี เป็นใจ เป็นสัญญาณว่า . . . ด า ว . . . คงสวยกว่าคืนไหน ๆ และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ กาแลคซี่ทางช้างเผือกปรากฎกายให้เห็นด้วยตาเปล่า หนาวมาก สวยมาก เหงามาก 555 (ข้าม ๆ ก่อนจะมีดราม่า)
กินชาบู ชาบู ชาบู อกไก่สด ไส้กรอก หมูยอ วุ้นเส้น ผักกะหล่ำปลี ผักบุ้ง น้ำจิ้มรสเด็ด และไข่ไก่ ที่ถูกเจียวมาแล้วอย่างดีระหว่างทาง เรียกได้ว่า มื้อนี้คือมื้อพิเศษมาก ๆ มื้อหนึ่งเลย กินเสร็จก็ทำภารกิจส่วนตัว ถัง และ ขัน มีประโยชน์มาก เพราะถ้าอยากใช้น้ำ ต้องไปตักน้ำในลำธาร ทั้งใส ทั้งเย็น แล้วหิ้วไปเข้าห้องน้ำเอง นั่งดูดาวกันสักพัก ไม่เบื่อเลย มีดาวตกให้เห็นทั้งคืน จังหวะนี้ถ้ามีใครแบ่งเสื้อกันหนาวมาให้นะ จะตกหลุมรักให้ดู ตื่นแป๊ป 555 แล้วเข้านอน
เช้าแล้ววววว ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันนนน เย่ คิดภาพตามอย่างไรก็ไม่ฟินเท่ากับไปเอง ไอน้ำบนยอดหญ้า ดอกหงอนนาคที่กำลังหลับไหล เมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ทะลุทิวสน แสงค่อย ๆ ลอดผ่านม่านเมฆ กระทบกับน้ำค้างบนยอดไม้ สะท้อนระยิบระยับบนทุ่งหญ้าสีเหลือง ดอกหงอนนาคค่อย ๆ ตื่นบานตามแสงอาทิตย์ ทุกชีวิตเริ่มกระตือรือร้นและมีรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้าของผู้คน #ดีใจที่ได้เห็นภาพเหล่านี้
มื้อเช้าคือของที่เก็บแบ่งไว้จากเมื่อคืน หรือเรียกว่าเหลือก็ได้ 555 กินเสร็จก็แปลงร่าง เก็บข้าวของ เตรียมตัวลง ขาลงเป็นจังหวะที่แสงค่อนข้างสวย เหลือแบตไว้ถ่ายรูปกันด้วยน้าาาาา เหนื่อยและล้ามากเลยนะแต่รับรองว่าคุ้ม
ถึงพื้นราบไม่เกินบ่ายสอง เรากินชาเขียวปั่นหวานน้อยที่เราชอบแล้วไปอาบน้ำและเตรียมไปหาจอยรถไปพิษณุโลกกับคนอื่น ๆ
ถึงที่ทำการอุทยานก็ขออาศัยเพื่อนร่วมทางเขาเช่ารถไว้ตั้งแต่ขามา ขากลับเราสี่คนเสนอตัวช่วยหาร อิอิ รถสองแถวยิงตรงยาวจากอุทยานไปถึง บขส. พิษณุโลกเลยจ้า ระหว่างนั้นเราจะจองตั๋วออนไลน์ เพื่อไปหมอชิต แต่มันเต็มเสียแล้ว ต้องไป walk in เอง ถึงบขส. ประมาณทุ่มตรง ซื้อตั๋วได้รอบ 5 ทุ่ม ด้วยความเหนื่อยล้า พวกเราเปิดห้องนอน ห้องแอร์ มีห้องน้ำในตัว รูชาร์จแบตเพียบ ราคาไม่เกิน 300.- บาท เสียอย่างเดียว ได้ห้องชั้น 4 ไม่มีลิฟท์ เมื่อยยยยยยย เข้าใจไหม เมื่อยยโว้ยยย ปวดขาโว้ยยยย พอถึงเวลาก็ลงมารอรถ นู้นนน เลทไปถึง 5 ทุ่ม 55 นาที เดินทางถึงหมอชิต 05.50 น. รีบเดินทางต่อไปทำงาน สภาพแย่ ๆ หน่อย อย่าลืมเติมแป้งและทารองพื้นสักนิด เติมปากสักหน่อย เดี๋ยวเพื่อนที่ทำงานจะตกใจ
📒 Part 4 จำเป็นต้องมี แต่บางทีเราอาจลืม
- ไม้เท้าเดินป่า Trekking pole (ถ้าไม่มีควรหาไม้ไผ่มาถือไว้ในมือ บอกเลยว่าช่วยได้มาก)
- มีดทำครัว และ เขียงพกพา คุณจะค้นพบว่า หายืมยากมากกกก เพราะคนมักจะลืม ถ้าคุณไม่ลืม คุณคือมิสยูนิเวิร์สบนนั้น
- น้ำหวาน หรือเกลือแร่ ระหว่างที่คุณเดิน มันกระหายมากจริง ๆ พกน้ำเปล่าอย่าเดียว มันไม่ชื่นใจ เราอยากแทบตายแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนเดิน 555 เอาไปเผื่อเถอะ มันเพิ่มพลังได้มากจริง ๆ
- ช้อน จาน พลาสติก ถ้าไม่อยากนั่งดูกับข้าวแสนอร่อยด็ควรพกส่วนตัว ไม่หนักหรอก แบก ๆ ไปเถอะ
- สเปรย์กันแมลง ทาาาดาาาาา ช่วยได้นะ ระหว่างอยู่ในป่า มันมีตัวคุ่น เราโดนกัดเจ็บมาก เราจะฉีดแล้วแหละ แต่พอดีมันหมด
-แบตสำรอง ยูเตรียมไปเยอะ ๆ เลย มันจำเป็น
📍Part 5 สำหรับคนตามหาเพื่อนเดินทาง
หากอยากสอบถามเพิ่มเติมก็ทักทายเรามาได้ที่ FB ส่วนตัว เราจะแปะ QR Code ไว้ที่ รูปสุดท้ายนะ หรือถ้าสนใจอยากมาร่วมเดินทางไปด้วยกัน ก็รอติดตามในกิจกรรมบนเพจน้าาา จะพยายามอัพเดตเรื่อย ๆ
🙏 Past 6 ขอบคุณ
เพื่อนร่วมทาง พี่มัท พี่ต๊ะ LP และเพื่อนระหว่างทาง พี่โอม