[CR] ภูสอยดาว ไม่มีรถก็ไปถึง

ภูสอยดาว ไม่มีรถก็ไปถึงได้
ทริปนี้เราเดินทางกัน 3 วัน 2 คืน จุดหมายปลายทางคือ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
................................................................................

แผนการเดินทาง
22.00 น ออกเดินทางจากหมอชิต ไปพิษณุโลก
3.00 น. เดินทางถึงพิษณุโลก
5.00 น. ซื้อตั๋วเดินทางรอบ 5 น. จากพิษณุโลก ไปลงชาติตระการ
7.30 ถึงชาติตระการ และเช่ารถไปส่งที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
โดยแวะซื้อของกินที่จะเอาไปทำบนภูสอยดาว ที่ตลาดก่อน ที่จะไปภูสอยดาว
10.30 ถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
11.00 เดินขึ้นลานสนภูสอยดาว
16.00 เดินถึงลานสนภูสอยดาว
....................................................................................
ค่าเสียหาย (ขอประมาณราคาโดยคร่าวๆ)
-ค่ารถ กทม->พิษณุโลก ไปกลับ 263 *2 = 526 บาท
-ค่ารถ จากพิษณุโลก -> ชาติตระการ 92 บาท =92*2= 184 บาท
-เช่ารถจาก ชาติตระการไปภูสอยดาว ไป-กลับ รอบละ 800 บาท 800*2=1600
เราเดินทางกันทั้งหมด 4 คน จะตกคนละ 400 บาท
-ค่าอาหารที่ซื้อไปทำบนภูสอยดาว 1000/4 = 250 บาท
-ค่าจ้างลูกหาบ รอบละ 800 *2=1600 หาร 4 ตกคนละ 400 บาท
-ค่ากลางเต้นท์ หลังละ 30 บาท
รวม=526+184+400+250+400+30 = 1,790 บาท
........................................................................................
ทริปนี้เป็นทริปเดินป่า ในสถานที่ท่องเที่ยวทริปแรก มีความประทับใจมาก
เพราะป่ามีควาามอุดมสมบูรณ์ ได้เห็นดอกหงอนนาค บานเต็มลานสน
และทะเลหมอกหนา เต็มไปทั่วทั้งภูเขา
รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ท่ามกลางหมอกตลอดเวลา
แต่ทริปนี้เนื่องจากเราไปหน้าฝน เลยไม่ได้มีโอกาสเดินขึ้นยอด 2100
เพราะลานสนอยู่ที่ระดับความสูง 1633 จากน้ำทะเลเท่านั้น
และทางอุทยานเปิดให้เดินขึ้นตั้งแต่ วันที่ 1 ต.ค ถึงช่วงเดือน ก.พ. เท่านั้น
จากการสอบถามพี่ เจ้าหน้าที่
ในการขึ้นไปลานสนภูสอยดาว ไม่มีโอกาสได้คล้องช้างเผือก
เพราะฟ้าไม่เปิดเลยอดดูดาวทั้ง 2 คืน และมีฝนตกปรอยๆ เป็นช่วงๆ
ทำให้อากาศบนภูค่อนข้างหนาว และมีลมพัดตลอด
สำหรับใครที่อยากไปเดินภูสอยดาว ถือว่าเป็นภูที่ควรจะไป 2 ช่วง
คือช่วงหน้าฝน เพื่อที่จะได้เจอดอกหงอนนาค บานเต็มลานสน
แต่ถ้าใครอยากจะปีนขึ้นไปถึงยอดภู 2100 ต้องไปช่วงหน้าหนาวกันแล้วหล่ะ
..................................................................................................................

ทริปนี้เราเริ่มต้นเดินทางกันที่ หมอชิต ค่ะ ซื้อตั๋วได้ 263 บาท ไปลงที่พิษณุโลกกันก่อนเลย เราได้รอบ 4 ทุ่ม เพื่อกะว่าจะได้ไปทันตั๋วรถรอบแรกที่จะไปชาติตระการคือรอบ ตี 5

ถึงแล้ว บขส.พิษณุโลก เรามาถึงพิษณุโลกประมาณ 3.10 น. ระหว่างนี้ก็นั่งรอเวลาเพื่อที่จะซื้อตั๋วรถทัวร์ ไปที่ชาติตระการ
เราสามารถหาซื้อตั๋ว ไปชาติตระการรอบ ตี 5 ได้ที่นี่ โดยจะเปิดขายตั๋วช่วงประมาณ ตี 4 กว่าๆ

มันก็จะมีความง่วงหน่อยๆ กับที่ต้องตื่นมารอซื้อตั๋วตอนตี 3

ช่องขายตั๋ว ที่ บขส.พิษณุโลก เราสารถซื้อตั๋วรถไปชาติตระการที่นี่เลย เเละเวลากลับก็ซื้อตั๋วกลับกรุงเทพฯ ที่นี่

เวลาประมาณเกือบ ตี 5 เค้าก็เปิดขายตั๋วไปชาติตระการ เราได้มาแล้วในที่สุดราคาตั๋ว 92 บาทต่อคน

นี่คือรถทัวร์ที่เรานั่งไปชาติตระการ


มาถึงชาติตระการแล้ว เราเช่ารถเพื่อไปอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เราได้เช่ารถในราคา 800 เพราะ พนักงานบนรถทัวร์ พอรู้ว่าเราจะไปภูสอยดาว เลยถามว่าจะเช่ารถไหม ให้ราคา 800 บาท เลยตัดสินใจเอาเลย เพราะจากการหาข้อมูลมา เค้าบอกว่าเหมาขึ้นภู 1000 บาท

พอเห็นว่าลดมา 200 เลยตัดสินใจเอาเลย ส่วนใครสนใจ สามารถติดต่อได้ แกชื่อลุงสิทธิ์ ที่เบอร์นี้เลยจ้า 084-5746431
ลุงแกใจดีมาก รอพวกเราได้ไม่บ่นซักคำ 555 แต่รถที่เราไปจะเป็นรถตู้โรงเรียน อย่างที่เห็นในภาพ ไม่ใช่รถกระบะ แต่เราว่าก็สะดวกดีนะ

ก่อนขึ้นภูสอยดาว เราบอกให้ลุงสิทธิ์ พาไปแวะที่ตลาดก่อน เพื่อซื้อของไปทำกินบนลานภูสอยดาว
แกพาไปแวะที่ ตลาดสดป่าแดง ที่นี่มีทั้งอาหารสด อาหารแห้ง ให้เราได้เลือกซื้อ พวกเราเลยซื้อ ข้าวเช้ากินกันที่นี่เลย และนั่งกินบนรถเพื่อไม่ให้เสียเวลา


หลังจากเลือกซื้ออาหารเสร็จ ก็ออกเดินทางต่อ
นี่คือสมาชิกในทริปนี้ ไปกันทั้งหมด 4 คน สภาพรถตู้ภายในจะเป็นอย่างที่เห็น ซึ่งเป็นรถตู้โรงเรียน ถือว่านั่งค่อนข้างสบาย แต่ถ้าไปกันหลายคนอาจจะอึดอัดเหมือนกัน

เราใช้เวลาเดินทางจากตลาด มาอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม
เมื่อมาถึงอุทยานแล้วเราจะต้องจ่ายค่าเข้าอุทยานก่อน คนละ 40 บาท ที่ด่านหน้าอุทยาน

หลังจากนั้นเราก็ไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่อุทยาน ใครจะเช่าเต้นท์ ถุงนอน ต่างๆ ก็ติดต่อที่ด้านใน และจ้างติดต่อลูกหาบที่จุดนี้ก่อนที่จะเดินขึ้นภูสอยดาว

ชั่งน้ำหนักของกันก่อน เพื่อที่จะให้ลูกหาบแบกขึ้นไปบนภูสอยดาว ค่าจ้างลุกหาบคิด กิโลกรัมละ 30 บาท

เมื่อชั่งน้ำหนักแล้ว ก็จ่ายเงิน ค่าลูกหาบ และค่ามัดจำขยะ 200 บาท ซึ่งเราจะได้คืนก็ต่อเมื่อเราเอาถุงขยะที่เราเอาขึ้นไปบนภูกลับลงมาด้วย

เมื่อติดต่อเสร็จเรียบร้อย ก็พร้อมลุย เจ้าหน้าที่พาเรานั่งรถของอุทยาน ไปปล่อยที่จุดเริ่มต้นเดินขึ้นภูสอยดาว ซึ่งต้องนั่งรถไปอีกประมาณ 3 กม

จุดเริ่มต้น จะเริ่มที่น้ำตกภูสอยดาวที่นี่ค่ะ

เบอร์ฉุกเฉิน ติดตัวไว้ก่อนเดินขึ้นภูสอยดาว

นี่คือน้ำตกภูสอยดาว จะอยู่ที่จุดเริ่มต้นเดินขึ้นลานสนภูสอยดาวเลย แค่เห็นน้ำตกก็ตื่นเต้นแล้ว สวยมากก เห็นแล้วอยากขึ้นไปบนลานสนเร็วๆ เลย

ทางเดินขึ้นภูสอยดาว ช่วงแรกเราจะเดินเลียบลำธารไปเรื่อยๆ เป็นทางเลียบ ไม่ชันมาก แต่ต้องระวังลื่นกันด้วย เพราะว่าเรามาเดินป่ากันในหน้าฝน  ที่ภูสอยดาว จะไม่มีเจ้าหน้าที่เดินนำทาง แต่ว่าไม่ต้องกลัวหลง เพราะว่าจะเห็นเป็นทางเดินชัดเจนอย่างนี้เสมออยู่แล้ว

เลียบลำธารมาเรื่อยๆ เราก็มาถึงจุดเริ่มต้นอย่างแท้จริง คือ เนินส่งญาติ นั่นเอง

ในการเดินขึนภูสอยดาว เราจะต้องเดินผ่านทั้งหมด 5 เนิน คือ
1.เนินส่งญาติ
2.เนินปราบเซ๊ยน
3.เนินป่าก่อ
4.เนินเสือโคร่ง
5.เนินมรณะ

หลังจากผ่านเนินแรกมาได้ คือ เนินส่งญาติ ผ่านมาได้แค่ 1 กม. แต่เราใช้เวลาเดินขึ้นเนิน นี้ ร่วม 1 ชม. กันเลยทีเดียว
เหลืออีก 4 เนิน ไม่อยากจะคิดสภาพ

หลังจากเราเดินผ่านเนินปราบเซียนมาได้ซักพัก ฝนก็ตกลงมา เลยต้องรีบใส่เสื้อกันฝนกัน ยกใหญ่ เปียกไปตามๆกัน ยิ่งต้องเร่งเดิน และระวังลื่นไปพร้อมๆกัน

พอเดินมาถึงเนินเสือโคร่ง ฝนก็หยุดตก ระหว่างนั่งพัก ก็เจอลูกหาบเดินผ่านไป และบอกว่าอีกนิดเดียว เนินมรณะ เดินง่าย อากาศปลอดโปร่งกว่า พวกเราเลยฮึดสู้กันใหม่อีกครั้ง

ในที่สุดก็เดินผ่านเนินมระณะมาได้ อีกนิดเดียวจะถึงลานสนภูสอยดาว จุดกางเต้นท์แล้ว เย้ๆ ลูกหาบที่บอกว่าเนินมรณะเดินง่าย นั้นไม่จริง อากาศเย็นสบายกว่าก็จริง แต่เหนื่อยมาก ทางเดินมีความชัน แทบจะเรียกว่า 60-70 องศา เล่นเอาเมื่อยน่อง อยากจะหยุดเดินไปกลางทางเลยจริงๆ


ถึงแล้ว เราก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อเอาของที่จ้างลูกหาบ แบกขึ้นมาให้ และไปเลือกจุดกางเต้นท์ กันต่อ


ตอนเย็นที่ลานสนภูสอยดาว บนลานสนหมอกลงหนาตลอด ฟ้าปิด เลยไม่ได้มีโอกาสได้คล้องช้างเผือกเลยคืนนี้ ดาวก็ไม่ได้ดุ ไว้รอพรุ่งนี้อีกคืน

ขึ้นมาบนภูทั้งที ก็ต้องตื่นขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น เราเลยต้องตื่นกันตั้งแต่ตี 5 แต่ดีใจที่ยันตัวเองตื่นขึ้นมาได้ แม้จะเมื่อยไปทั้งตัวก็ตาม

ตลอดทั้งวันเราเดินเที่ยวบนลานสน บรรยากาศภู เย็นสบาย และหมอกปกคลุมแทบทั้งวัน ธรรมชาติสวยงามด้วยตัวของมันเอง และมีความยิ่งใหญ่ ซ่อนอยู่ให้เราได้ไปค้นหา ^^

ดอกหงอนนาคบานเต็มลานสนเลย
น้ำตกสายทิพย์

ตลอด 3 วัน 2 คืน ที่ภูสอยดาว มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น ความทรงจำดีๆ กับเพื่อนร่วมทริป และความงดงามของธรรมชาติที่สร้างโลกนี้ขึ้นมา
เเม้จะไม่ได้ เห็นดาวเลยซักคืน เพราะฟ้าปิดตลอด แต่ก็ไม่ผิดหวังที่เลือกเดินขึ้นไปช่วงหน้าฝน ถ้ามีโอกาสจะไปซ่อมใหม่แน่นอน เพราะ จะไปปีนยอด 2100 ให้ได้ ^^

สำหรับเพื่อนๆ ที่หลงอ่านมาจนจบ อยากหลงทางไปกับ จขกท อีก ติดตามกันต่อได้ที่ "คนขี้เล่า" ตามลิ้งนี้ได้
https://www.facebook.com/Blackapplenaja/
ชื่อสินค้า:   อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ชีวิตนี้ต้องไปซักครั้ง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่