JJNY : 5in1 ชี้บินพบแม้วเพราะผูกพันเคารพกัน/จตุพรโวยไม่จริงปมจับมือ/วิษณุติดตลก/กกต.ลุยสอบ/มะพร้าวราคาตก

กระทู้คำถาม
'วิโรจน์' ชี้ อดีตส.ส.บินพบแม้ว เพราะผูกพันเคารพกัน ไม่เกี่ยวกับพรรค
https://www.matichon.co.th/politics/news_1169719

วิโรจน์ มั่นใจ อดีตส.ส.บินพบ “แม้ว” ไม่เข้าข่ายยุบพรรค

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่อดีตส.ส. ของพรรคพท. เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรีที่ฮ่องกง พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของบุคคลที่มีความผูกพันกัน เคารพนับถือกัน ก็สามารถเดินทางไปพบปะพูดคุยเพื่อถามสารทุกข์สุขดิบได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับพรรค ดังนั้นจึงไม่ใช่เงื่อนไขที่จะนำไปสู่การร้องยุบพรรคได้




“จตุพร” โวย ไม่จริงปมจับมือ “สนธิ”ตั้งพรรค แค่เคยคุยปัญหาบ้านเมืองเท่านั้น
https://www.matichon.co.th/politics/news_1170395

“ตู่” โวย บอกไม่จริงปมจับมือ “สนธิ” ตั้งพรรคสลายสีเสื้อ บอก ต่างคนต่างถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจะมาคุยเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ย้ำ ไม่เคยพูดเรื่องตั้งพรรคกับพรรคไหนทั้งนั้น ส่วน “พรรคเพื่อชาติ” เกิดขึ้นให้นปช.ได้ทำหน้าที่ในสภา-เล่นการเมืองตามกติกา

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวถึงกรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภาออกมาระบุว่าตนจับมือกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งพรรคเพื่อชาติขึ้นมาหวังสลายสีเสื้อเหลือง – แดง ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงเลย เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า เข้าใจว่าที่นายงยุทธพูดแบบนั้น อาจจะเห็นการพูดคุยระหว่างตนกับนายสนธิรวมถึงพุทธะอิสระในเรือนจำ ซึ่งเป็นคนที่เห็นต่างทางการเมืองแต่สามารถพูดคุยหาทางออกให้กับประเทศร่วมกันได้ ถือเป็นภาพความงดงามอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละส่วนกับเรื่องที่จะมาตั้งพรรคการเมืองร่วมกัน เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ต่างคนต่างถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจะมาคุยเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร ยืนยันว่าตนและนายสนธิพูดกันแต่เรื่องปัญหาของชาติบ้านเมืองเท่านั้น ไม่เคยพูดกันเรื่องตั้งพรรคเพื่อชาติหรือตั้งพรรคใดทั้งสิ้น

นายจตุพร กล่าวต่อว่า สำหรับกระแสข่าวเรื่องการตั้งพรรคเพื่อชาตินั้น ยอมรับว่ามีกลุ่ม นปช.บางส่วนที่สนใจอยากเข้ามาทำงานการเมือง อยากมีเวทีที่จะทำงานต่อโดยไม่มีเรื่องของความขัดแย้งมาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญปี 60 ของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ออกแบบมาเพื่อจัดการกับพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าคนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิฯ จึงกระจายกันอยู่ถึง 5 พรรค ทั้งพรรคปชป.พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทยพรรคประชาชนปฏิรูป และพรรคพลังธรรมใหม่ ซึ่งนายสุเทพอ่านขาดตั้งแต่ต้น ขณะที่พรรคพท.จะประสบปัญหาเพราะไม่มีที่เหลือเลย ขณะที่กลุ่ม นปช.มีบางส่วนที่อยากทำหน้าที่ในสภาฯ ก็ต้องมีพรรคเพื่อให้เขาเข้ามาอยู่ภายใต้กติกาเดียวกัน ดังนั้นพรรคเพื่อชาติจึงเกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ให้กลุ่มคนที่รักประชาธิปไตยรวมทั้ง นปช. อย่างไรก็ตาม นปช.ที่มีพื้นที่อยู่ในพรรคพท.อยู่แล้ว ก็สามารถอยู่พรรคพท.ต่อได้ แต่คนที่ไม่มีพื้นที่ก็มาอยู่พรรคเพื่อชาติแทน




'วิษณุ' ติดตลก ระบุไม่ทราบ สนช.วิ่งเต้นเป็น ส.ว.บอกอาจจะจ๊อกกิ้งเล่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_1169601

“วิษณุ” ติดตลก ระบุไม่ทราบ สนช.วิ่งเต้นเป็น ส.ว.บอกอาจจะจ๊อกกิ้งเล่น ชี้กระบวนการเลือก ส.ว.ไม่ต้องรีบ เพราะกฎหมายให้ประกาศชื่อภายใน 3 วันหลังประกาศผลเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 9 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระบวนการคัดสรรสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า ส.ว.มีทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่ 1 จำนวน 6 คนที่ต้องเป็นโดยตำแหน่ง ประเภทที่ 2 จำนวน 50 คน ที่มาจากการเลือกกันเองของกลุ่มอาชีพ ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการอยู่ โดยกระบวนการรับสมัครจะยาวไปถึงประมาณวันที่ 16 ธันวาคม 2561 หลังจากนั้นจะมีการคัดเลือกกันเองจากระดับอำเภอ สู่จังหวัด สู่ประเทศ ให้ได้จำนวน 200 คน ก่อนส่งชื่อให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คัดเลือกเหลือ 50 คน โดย กกต.ระบุว่าจะส่งได้ประมาณวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2562 แต่สามารถส่งได้ช้าสุดในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งเป็น 15 วันก่อนการเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 และประเภทที่ 3 จำนวน 194 คน ที่ คสช.จะตั้งคณะกรรมการคัดเลือกจำนวน 9-12 ขึ้นมา คงเริ่มดำเนินการหลังจากได้ ส.ว.ประเภทที่ 2 จำนวน 50 คนแล้ว เพื่อจะได้ทราบว่า ส.ว.ที่ได้มามีอาชีพอะไรบ้าง และอาชีพใดขาดหายไป จะได้เติมให้ถูกต้อง ซึ่งหากทำพร้อมกันอาจจะทับซ้อนจังหวัดและอาชีพได้




กกต.ลุยสอบแกนนำเพื่อไทยบินพบ"ทักษิณ"
https://www.dailynews.co.th/politics/670531

เมื่อวันที่ 9 ต.ค. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงกรณีแกนนำพรรคเพื่อไทยบินไปหารือกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยที่ฮ่องกงถึงการจัดทัพเลือกตั้งและการตั้งพรรคสำรองหากพรรคเพื่อไทยถูกยุบพรรคนั้น ว่า ตนได้ให้ทางสำนักงานกกต.ติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ เพราะขณะนี้ที่ปรากฏยังเป็นเพียงข่าว สำนักงานกกต.ก็จะต้องรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงทุกเรื่องที่มีการเคลื่อนไหวในช่วงนี้ ทั้งเรื่องกล่าวหาว่ากลุ่มสามมิตรดูดอดีตส.ส. เรื่องการเก็บบัตรประชาชน เรื่องคลิปวีดีโอนายทักษิณชี้นำพรรคเพื่อไทย หากมีหลักฐานเพิ่มเติมถึงขั้นดำเนินการได้ ก็จะมีการดำเนินการ แต่ขณะนี้ทุกเรื่องยังเป็นเพียงข่าว ยังไม่มีมูลไปถึงขั้นว่าเข้าข่ายเป็นการครอบงำพรรค ซึ่งทางกกต.ก็ได้รับทราบข้อมูลต่างๆ และให้นโยบายกับสำนักงานฯว่าถ้าพบว่ามีมูลก็ต้องมีการดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่ตอนนี้ข้อมูลที่มียังไม่ถึงขั้นครอบงำ จึงยังไม่มีเรื่องการตั้งคณะกรรมการสอบสวนที่จะนำไปสู่การพิจารณายุบพรรคเพื่อไทย

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังกล่าวถึงกรณีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยมีการตั้งพรรคสำรองไว้นั้น ว่า  ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560  กำหนดเพียงว่าการตั้งพรรคเป็นเสรีภาพ คนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองรวมกัน 500 คน มีทุนประเดิม 1 ล้านบาท  มีข้อบังคับพรรคและอุดมการณ์ที่ไม่ขัดกฎหมาย  หากมายื่นขอจัดตั้ง กกต.ก็ต้องดำเนินการให้  ตั้งแล้วจะสนับสนุนใครก็เป็นเรื่องแนวนโยบายของพรรค เหมือนที่บางพรรคประกาศสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา เป็นนายกฯอีกครั้ง ก็มีหลายพรรค และอยู่ที่ความนิยมชมชอบของประชาชน  ส่วนพรรคจะตกอยู่ภายใต้การครอบงำของบุคคลภายนอกไม่ได้เป็นสมาชิกหรือกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ ก็ต้องดูการดำเนินการของพรรคในอนาคต หากเกิดขึ้นก็ต้องมาว่ากันตามกฎหมาย

เลขาธิการกกต. ยังกล่าวเตือนถึงการทำกิจกรรมของพรรคการเมืองในขณะนี้ว่า ต้องอยู่ภายในกรอบที่คำสั่งหัวหน้าคสช. 13/2561 อนุญาต ซึ่งสำนักงานกกต. พร้อมที่อำนวยความสะดวกให้ แต่ถ้านอกเหนือจากที่คำสั่งดังกล่าวอนุญาตต้องเข้าใจว่าคำสั่งคสช.ที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน มีผลบังคับใช้อยู่  หากฝ่าฝืนเจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องเข้าไปดูแล และมีโทษทางอาญาด้วย ส่วนการจดจัดตั้งพรรคใหม่นั้น สำนักงานกกต.ได้มีปรับกรอบหลักเกณฑ์ในการพิจารณารับจดแจ้งตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยกำหนดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 45 วันนับแต่วันที่มีการยื่นคำขอจัดตั้งพรรค  

เนื่องจากเห็นว่าขณะนี้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายที่หากกลุ่มการเมืองซึ่งจะจัดตั้งพรรคการเมืองมีความประสงค์จะส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งที่อาจจะมีขึ้นในวันที่ 24 ก.พ. 2562 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. กำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครต้องสังกัดพรรคไม่น้อยกว่า 90 วันจนถึงวันเลือกตั้ง ดังนั้นผู้ที่จะลงสมัครต้องสังกัดพรรคการเมืองอย่างช้าสุดคือวันที่ 26 พ.ย.นี้  ทางสำนักงานฯจึงปรับกรอบหลักเกณฑ์ฯดังกล่าวเพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบเอกสาร หลักฐานต่างๆ ที่แต่ละพรรคยื่นมารวดเร็วขึ้น ความเป็นพรรคจะได้สมบูรณ์ การสังกัดพรรคของสมาชิกเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งก็จะได้ทันกับเวลาในการเลือกตั้ง

เมื่อถามว่าการปรับเกณฑ์ดังกล่าวถูกมองว่าเพื่ออำนวยความสะดวกให้พรรคพลังประชารัฐได้รับการจดจัดตั้งเร็วขึ้น  พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราอำนวยความสะดวกให้กับทุกกลุ่มการเมืองที่มายื่นจัดตั้ง แต่บางพรรครายชื่อผู้ก่อตั้ง 500คนที่เสนอมาเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นสมาชิกซ้ำซ้อนพรรคอื่น บางทีข้อบังคับพรรคก็ไม่สมบูรณ์ ก็จะให้แก้ไข ทำให้การรับรองจัดตั้งค่อนข้างล่าช้าไปบ้าง  แต่ขณะนี้ปรับหลักเกณฑ์เพื่อให้การจดไวที่สุด ถ้ายื่นมา เอกสารหลักฐานค่อนข้างสมบูรณ์ ตรวจแล้วไม่พบอะไร ก็น่าจะได้รับการจดจัดตั้งเร็ว ตอนนี้ที่ขอจัดตั้งพรรคการเมืองมีอยู่ในมือ 25 พรรค นายทะเบียนพรรคการเมืองเพิ่งรับจดไป 9 พรรค ล่าสุดที่กกต.มีมติให้นายทะเบียนรับจดแจ้งเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมาคือพรรคไทยธรรม  เหลืออีก 16 พรรค ก็พยายามเร่งเรามองทุกพรรคเท่าเทียมกันหมด ไม่ได้เร่งเพื่อพรรคใดพรรคหนึ่ง หลักเกณฑ์ที่ปรับเป็นการเร่งรัดการทำงานของ กกต.ในช่วงโค้งสุดท้าย เพื่อให้พรรคการเมืองที่จะส่งผู้สมัครมีความเป็นการเมืองที่สมบูรณ์ได้เร็วขึ้นจะได้ไปหาสมาชิกและสังกัดพรรคได้ทันเวลาตามที่กฎหมายกำหนด

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นับแต่มีการยื่นคำขอจดทะเบียนตั้งพรรคการเมือง ของกลุ่มการเมืองต่างๆตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการพรรคการเมือง 2560   สำนักงานกกต. ใช้เวลาในการตรวจสอบเอกสารหลักฐานของทั้ง 9 พรรคไม่น้อยกว่า 90 วันจึงรับจดจัดตั้งให้ หากพรรคการเมืองใดมีปัญหาในเรื่องของผู้ก่อตั้งเป็นสมาชิกซ้ำซ้อน หรือเลขบัตรประจำตัวประชาชนไม่ตรงกับเอกสารที่ยื่นมาก็จะมีการประสานเป็นการภายในให้พรรคนั้นๆ มาแก้ไขโดยนายทะเบียนพรรคการเมืองไม่ใช้อำนาจตามมาตรา 17 วรรคสอง ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 60 ที่กำหนดว่า ให้นายทะเบียนฯแจ้งให้พรรคนั้นๆ แก้ไขเอกสาร หลักฐานให้แล้วเสร็จภายใน60 วันนับแต่วันได้รับหนังสือ หากพ้นเวลาดังกล่าวไม่มีการแก้ไขให้ครบถ้วนถูกต้องให้เสนอกกต.มีมติไม่รับจดทะเบียน เพราะหากใช้อำนาจดังกล่าวอาจจะต้องมีการดำเนินคดีกับพรรคที่ยื่นเอกสารไม่ถูกต้องตามมาตรา 103 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง  5 ปี  

แต่หลักเกณฑ์ใหม่นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการกกต. ซึ่งรับผิดชอบงานด้านกิจการพรรคเมือง ได้มีการเสนอที่ประชุมกกต.ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้กำหนดกรอบระยะเวลาการจัดตั้งพรรคการเมืองภายใน 45 วันแบ่งเป็น  10 วันนับแต่วันที่ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรค ให้ ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร  เช่นบัญชีผู้แจ้งเตรียมการจัดตั้งพรรค  เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก และส่งหน่วยงานนอก 9 แห่งตรวจสอบคุณสมบัติผู้ร่วมก่อตั้ง  ระยะเวลา20 วันหลังตรวจสอบหน่วยงาน ให้ตรวจสอบข้อบังคับพรรค ทุนประเดิม รายงานการประชุมจัดตั้งพรรค  ความซ้ำซ้อนของสมาชิก แจ้งพรรคการเมืองแก้ไขให้แล้วเสร็จ  ระยะเวลา 7วันหลังรอการตรวจสอบ  ให้สรุปเอกสารทั้งหมดเสนอต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง  เห็นชอบตามที่เสนอจัดตั้ง   หรือเห็นชอบให้แก้ไขตามมาตรา 17 วรรคสอง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ระยะเวลา 8 วันดำเนินการ เสนอให้กกต.พิจารณาเพื่อมีมติ  ทั้งนี้มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบถือปฏิบัติตามปฏิทินปฏิบัติงานแต่ละช่วงเวลาอย่างเคร่งครัด  และช่วงเวลาที่พรรคจะแก้ไขเอกสารให้ถูกต้องได้คือช่วงเวลาเดียวกับที่ส่งให้ 9 หน่วยงานตรวจสอบเท่านั้น ถ้าพ้นระยะเวลาดังกล่าวให้เสนอนายทะเบียนใช้อำนาจตามมาตรา 17.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่