วิเคราะห์บทความเรื่อง คนชั้นกลางไทย โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์
การวิเคราะห์บทความในครั้งนี้เป็นการฝึกการเขียนวิเคราะห์-วิจารณ์ ในรายวิชาศิลปวิจารณ์
บทความอ้างอิง :
https://www.matichon.co.th/columnists/news_207635
คนชั้นกลางคืออะไร คนชั้นกลางในความเห็นเจ้าของกระทู้มีความเห็นว่า คนชั้นกลางหรือชนชั้นกลาง ก็คือคนที่จบการศึกษา มีงานทำ มีรายได้และมีทุนทรัพย์พอจะสามารถดำรงชีวิต เลี้ยงดูความเป็นอยู่ของคนในครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ เพราะการศึกษาเป็นตัวกำหนดให้เกิดทรัพย์สินและรายได้ของบุคคลนั้นๆ และคนชั้นกลางมีอำนาจที่จะขับเคลื่อนสังคมไปในทิศทางที่คิดว่ามีประโยชน์ต่อตัวเอง ส่วนคนชั้นล่างอาจจะมีภาระหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบเยอะประสบกับปัญหาการชักหน้าไม่ถึงหลังจนลูกไม่มีโอกาสได้เรียนในระดับที่สูงขึ้น เพื่อให้ได้การงานที่ดี หรือเงินเดือนที่เพิ่มจำนวณมากขึ้น
คนชั้นกลางยังแบ่งออกไปอีกคือ คนชั้นกลางระดับสูง คนชั้นกลางระดับล่าง และคนชั้นกลางในชนบท จากคำพูดนี้เจ้าของกระทู้ให้ความเห็นว่า คนชั้นกลางระดับสูงคือคนที่มีรายได้-รายจ่ายที่คล่องตัว สามารถซื้อของแพงๆได้ ไม่เดือดร้อนถึงขั้นใกล้เคียงกับคนชั้นสูงแต่ยังคงต้องทำงานรับใช้สังคมอยู่ คนชั้นกลางระดับล่างในเมืองก็คือคนที่ทีรายได้พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไปแต่มีการจับจ่ายใช้สอยที่แตกต่างออกไปพ่วงด้วยความต้องการที่เพิ่มเข้ามา และคนชั้นกลางระดับล่างในชนบทอาจจะเป็นคนที่รายได้กับรายจ่ายเกี่ยวเนื่องกัน หรือทำงานเดือนชนเดือน แต่ไลฟ์สไตล์น่าจะไม่ฟุ่มเฟือยมากเท่าในเมือง เนื่องจากมีการแบ่งคำว่าชนบททำให้นึกถึงสภาพแวดล้อมที่อยู่ส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอย ลักษณะการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย
คนชั้นกลางในไทยกับระบบความคิดของคนสมัยเก่า อาจจะเป็นเพราะแนวคิดที่ว่าการมีลูกจะทำให้ตัวเองสบายขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริง ดูได้จากการมีลูกแล้วบางบ้านสามารถปลดหนี้ได้ หรือว่าการมีลูกนั้นทำให้ตัวเองสบายและยกระดับคุณภาพชีวิต ไม่ต้องลำบากเหมือนตัวเองในอดีต มันเป็นเหมือนการทำธุรกิจที่หวังผลระยะยาวของชนชั้นกลาง ที่ว่าเมื่อลูกหลานเรียนสูงๆจบมา มีงานการที่ดีหรือเป็นมีสิทธ์ข้าราชการเบิกได้ สุดท้ายจะได้กลับมาเลี้ยงดูตนแต่ก็ยังคงมีข้อถกเถียงกันอย่างเป็นวงกว้างเรื่องการมีลูกโดยสถานะทางการเงินไม่พร้อม และเกิดคำว่า'ตลาดล่าง'ขึ้น ถูกพูดกันในวงสนทนาทางอินเตอร์เน็ตและพูดถึงกันเป็นจำนวณมาก
จากการอ่านบทความเรื่องคนชั้นกลางไทย โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เจ้าของกระทู้มีความเห็นว่าผู้เขียนนั้นได้ให้ความสำคัญกับคนชั้นกลางเป็นอย่างมากเพราะว่า คนชั้นกลางในไทยปัจจุบันที่เห็นได้ชัดเลยคือเพิ่มจำนวณมากขึ้นกว่าแต่ก่อน และเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญทางสังคม ไม่ได้เพิ่มขึ้นแค่ในประเทศไทยต่างประเทศก็มีจำนวณคนชั้นกลางเพิ่มขึ้นจำนวณมาก อ้างอิงจากโพสในเฟสบุ๊คเมื่อปี 2016
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[code]https://www.facebook.com/matichonweekly/posts/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99-%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87-%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B0-46-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99-72__________________________%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%81/1314316621929014/[/code]
สัดส่วน 'คนชั้นกลาง' ไทย เพิ่มจากร้อยละ 46 เป็น 72
__________________________
ยูสุเกะ มิยาเบะ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาประจำภูมิภาคของ ฮิล อาเซียนเปิดเผยงานวิจัย "ชนชั้นกลางขั้นเทพ: มุมมองใหม่ของคนชั้นกลางในอาเซียน" สำรวจ 5 เมืองใน 5 ประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ จาการ์ตา และโฮจิมินห์
.
พบว่า มีความแตกต่างกันในเรื่องของการระบุตัวตน ขึ้นอยู่กับทัศนคติ ทั้งรายได้ การใช้จ่าย และไลฟ์สไตล์
.
หากพิจารณาภูมิภาคอาเซียนในด้านตลาดที่เชื่อมโยงจนเป็นหนึ่งเดียวทั้งในด้านบุคคล ผลิตภัณฑ์ และการเงิน จะพบว่า ประเทศต่างๆ ในอาเซียนมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง และมีรายได้ต่อครัวเรือนเพิ่มขึ้นมาก
.
โดยสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นสูงสุด คือ กลุ่มประชากรชนชั้นกลางซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในตลาดอาเซียน
.
จากงานวิจัยล่าสุดอาจจะนำไปสู่ "การให้นิยามใหม่" ของชนชั้นกลาง ด้วยทัศนคติของสังคมชนชั้นกลางที่มองสถานะชนชั้นของตนเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มชนชั้นกลาง โดยไม่มีการพิจารณาจากรายได้รวมแท้จริงที่ได้รับ
.
ผลของงานวิจัยชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มเรื่องการขยับการใช้ชีวิตจากเดิมที่ใช้ชีวิตตามความสามารถที่ใช้จ่ายได้ให้กลายเป็นการหาวิธีเพิ่มรายได้เพื่อให้สามารถมีวิถีชีวิตตามที่ต้องการ
.
หรือหมายถึง "ชนชั้นกลางขั้นเทพ" ซึ่งมีวิธีการอันชาญฉลาดเพื่อหาหนทางใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการ โดยการผสานช่องทางหารายได้กับการใช้จ่ายได้อย่างแนบเนียน และข้ามขีดจำกัดของระดับรายได้เดิม
.
สัดส่วนคนชั้นกลางอาเซียนเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง หรือ 300 ล้านคนในปี 2563 และยังเป็นผู้ขับเคลื่อนตลาดของสินค้าอุปโภคบริโภค
.
โดยไทยมีสัดส่วนร้อยละ 72 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 46 สิงคโปร์มีสัดส่วนร้อยละ 45 มาเลเซียร้อยละ 46 อินโดนีเซียร้อยละ 57 เวียดนามร้อยละ 55
__________________________
คอลัมน์ แนวโน้ม
มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 22 ก.พ. 59
ด้วยเหตุนี้ คนชั้นกลางขั้นเทพดังข้างต้นหรือจะหมายความถึงคนชั้นกลางระดับล่างเท่านั้นที่มีจำนวณเพิ่มมากขึ้น การกล่าวว่าขั้นเทพคงหมายถึงการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของตนเองให้อยู่ในสภาวะสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเช่นนี้ได้ แต่ก็ได้มีการแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าไม่เห็นด้วยต่อโพลที่สำรวจนี้และให้เหตุผลว่า ถ้าคนชั้นกลางเพิ่มมากขึ้นความเจริญที่นำมาสู่สังคมน่าจะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย เทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันแล้วแทบจะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆเลย ตรงกันข้ามกลับมีข่าวในแง่ลบเรื่องคุณภาพชีวิตให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ผู้สร้างสรรค์บทความได้ยกให้คนชั้นกลางเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยเนื่องจากคำกล่าวที่ว่า ทักษะใหม่ของแรงงานซึ่งได้มาโดยผ่านการศึกษา นั้นทำให้เกิดแรงงานจากผลผลิตทางการศึกษาเป็นจำนวณมากที่ใช้ทักษะความรู้เฉพาะทางของตนในการทำงาน เพื่อแลกกับค่าตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น คนชั้นกลางจึงต้องลงทุนกับการศึกษาเยอะขึ้นทำให้คนชั้นกลางมีปริมาณเพิ่มขึ้นนั่นเอง
เหมือนผู้สร้างสรรค์บทความต้องการจะเน้นย้ำถึงสถานะทางเศรษฐกิจของคนชั้นกลางในประเทศไทย กับการลงทุนทางการศึกษาของบุตรหลานเพื่อเปิดทางให้แก่บุตรหลานของตนเองได้มีการศึกษาที่มีคุณภาพแต่สุดท้ายบุตรหลาน ก็ต้องกลับมาสืบทอดธุรกิจของตระกูลอยู่ดี ดังนั้นการศึกษาก็เป็นแค่ทางผ่านของคนชั้นกลางไทยเท่านั้น โยงไปถึงการครอบครองตำแหน่งการบริหารในระบบราชการอีกด้วย ซึ่งในประเทศไทยนั้นระบบราชการที่ไม่ได้มีค่าตอบแทนที่มากนักจนถึงขั้นใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อได้ แต่ก็ให้ความมั่นคงได้มากเลยทีเดียว แต่สถานะภาพทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเหตุผลที่ทำให้คนชั้นกลางไทยไม่ได้มีความสนใจทางการเมืองมากเท่าไหร่นัก สถานการณ์ของคนชั้นกลางในประเทศไทยที่ ผู้สร้างสรรค์บทความได้กล่าวถึงเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด และปัจจุบันยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนชั้นกลางในชนบทก็มีความสนใจในเรื่องของการเมืองและประวัติศาสตร์เพิ่มขึ้น จึงนำมาสู่ความมีเหตุและผล และเข้าใจในระบอบประชาธิปไตย ตลอดจนโลกของอินเตอร์เน็ตสร้างประตูสู่องค์ความรู้ที่มากขึ้น คนหนุ่มสาวสมัยใหม่ก็มีบทบาทในสังคมมากขึ้น การตื่นตัวของสังคมไทยที่กำลังเปลี่ยนผ่าน ผู้สร้างสรรค์อยากให้เราหันไปให้ความสนใจคนชั้นล่างในภาคอุตสาหกรรมหรือเกษตรกรรมอาจจะพบความเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้
และนี่คือทั้งหมดจากมุมมองของเจ้าของกระทู้ แล้วทุกท่านมีความคิดเห็นอย่างไรต่อ'
คนชั้นกลาง'ในปัจจุบันบ้างคะ
ผู้จัดทำขอจบการวิเคราะห์แต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณค่ะ
จัดทำโดย จักรพันธุ์ มันตาพัน 0964626628
สุดารัตน์ คิดอ่าน 0875696096
คนชั้นกลางในสังคมไทย มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดบ้าง
การวิเคราะห์บทความในครั้งนี้เป็นการฝึกการเขียนวิเคราะห์-วิจารณ์ ในรายวิชาศิลปวิจารณ์
บทความอ้างอิง : https://www.matichon.co.th/columnists/news_207635
คนชั้นกลางคืออะไร คนชั้นกลางในความเห็นเจ้าของกระทู้มีความเห็นว่า คนชั้นกลางหรือชนชั้นกลาง ก็คือคนที่จบการศึกษา มีงานทำ มีรายได้และมีทุนทรัพย์พอจะสามารถดำรงชีวิต เลี้ยงดูความเป็นอยู่ของคนในครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ เพราะการศึกษาเป็นตัวกำหนดให้เกิดทรัพย์สินและรายได้ของบุคคลนั้นๆ และคนชั้นกลางมีอำนาจที่จะขับเคลื่อนสังคมไปในทิศทางที่คิดว่ามีประโยชน์ต่อตัวเอง ส่วนคนชั้นล่างอาจจะมีภาระหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบเยอะประสบกับปัญหาการชักหน้าไม่ถึงหลังจนลูกไม่มีโอกาสได้เรียนในระดับที่สูงขึ้น เพื่อให้ได้การงานที่ดี หรือเงินเดือนที่เพิ่มจำนวณมากขึ้น
คนชั้นกลางยังแบ่งออกไปอีกคือ คนชั้นกลางระดับสูง คนชั้นกลางระดับล่าง และคนชั้นกลางในชนบท จากคำพูดนี้เจ้าของกระทู้ให้ความเห็นว่า คนชั้นกลางระดับสูงคือคนที่มีรายได้-รายจ่ายที่คล่องตัว สามารถซื้อของแพงๆได้ ไม่เดือดร้อนถึงขั้นใกล้เคียงกับคนชั้นสูงแต่ยังคงต้องทำงานรับใช้สังคมอยู่ คนชั้นกลางระดับล่างในเมืองก็คือคนที่ทีรายได้พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไปแต่มีการจับจ่ายใช้สอยที่แตกต่างออกไปพ่วงด้วยความต้องการที่เพิ่มเข้ามา และคนชั้นกลางระดับล่างในชนบทอาจจะเป็นคนที่รายได้กับรายจ่ายเกี่ยวเนื่องกัน หรือทำงานเดือนชนเดือน แต่ไลฟ์สไตล์น่าจะไม่ฟุ่มเฟือยมากเท่าในเมือง เนื่องจากมีการแบ่งคำว่าชนบททำให้นึกถึงสภาพแวดล้อมที่อยู่ส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอย ลักษณะการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย
คนชั้นกลางในไทยกับระบบความคิดของคนสมัยเก่า อาจจะเป็นเพราะแนวคิดที่ว่าการมีลูกจะทำให้ตัวเองสบายขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริง ดูได้จากการมีลูกแล้วบางบ้านสามารถปลดหนี้ได้ หรือว่าการมีลูกนั้นทำให้ตัวเองสบายและยกระดับคุณภาพชีวิต ไม่ต้องลำบากเหมือนตัวเองในอดีต มันเป็นเหมือนการทำธุรกิจที่หวังผลระยะยาวของชนชั้นกลาง ที่ว่าเมื่อลูกหลานเรียนสูงๆจบมา มีงานการที่ดีหรือเป็นมีสิทธ์ข้าราชการเบิกได้ สุดท้ายจะได้กลับมาเลี้ยงดูตนแต่ก็ยังคงมีข้อถกเถียงกันอย่างเป็นวงกว้างเรื่องการมีลูกโดยสถานะทางการเงินไม่พร้อม และเกิดคำว่า'ตลาดล่าง'ขึ้น ถูกพูดกันในวงสนทนาทางอินเตอร์เน็ตและพูดถึงกันเป็นจำนวณมาก
จากการอ่านบทความเรื่องคนชั้นกลางไทย โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ เจ้าของกระทู้มีความเห็นว่าผู้เขียนนั้นได้ให้ความสำคัญกับคนชั้นกลางเป็นอย่างมากเพราะว่า คนชั้นกลางในไทยปัจจุบันที่เห็นได้ชัดเลยคือเพิ่มจำนวณมากขึ้นกว่าแต่ก่อน และเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญทางสังคม ไม่ได้เพิ่มขึ้นแค่ในประเทศไทยต่างประเทศก็มีจำนวณคนชั้นกลางเพิ่มขึ้นจำนวณมาก อ้างอิงจากโพสในเฟสบุ๊คเมื่อปี 2016
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ด้วยเหตุนี้ คนชั้นกลางขั้นเทพดังข้างต้นหรือจะหมายความถึงคนชั้นกลางระดับล่างเท่านั้นที่มีจำนวณเพิ่มมากขึ้น การกล่าวว่าขั้นเทพคงหมายถึงการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของตนเองให้อยู่ในสภาวะสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเช่นนี้ได้ แต่ก็ได้มีการแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าไม่เห็นด้วยต่อโพลที่สำรวจนี้และให้เหตุผลว่า ถ้าคนชั้นกลางเพิ่มมากขึ้นความเจริญที่นำมาสู่สังคมน่าจะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย เทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันแล้วแทบจะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆเลย ตรงกันข้ามกลับมีข่าวในแง่ลบเรื่องคุณภาพชีวิตให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ผู้สร้างสรรค์บทความได้ยกให้คนชั้นกลางเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยเนื่องจากคำกล่าวที่ว่า ทักษะใหม่ของแรงงานซึ่งได้มาโดยผ่านการศึกษา นั้นทำให้เกิดแรงงานจากผลผลิตทางการศึกษาเป็นจำนวณมากที่ใช้ทักษะความรู้เฉพาะทางของตนในการทำงาน เพื่อแลกกับค่าตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น คนชั้นกลางจึงต้องลงทุนกับการศึกษาเยอะขึ้นทำให้คนชั้นกลางมีปริมาณเพิ่มขึ้นนั่นเอง
เหมือนผู้สร้างสรรค์บทความต้องการจะเน้นย้ำถึงสถานะทางเศรษฐกิจของคนชั้นกลางในประเทศไทย กับการลงทุนทางการศึกษาของบุตรหลานเพื่อเปิดทางให้แก่บุตรหลานของตนเองได้มีการศึกษาที่มีคุณภาพแต่สุดท้ายบุตรหลาน ก็ต้องกลับมาสืบทอดธุรกิจของตระกูลอยู่ดี ดังนั้นการศึกษาก็เป็นแค่ทางผ่านของคนชั้นกลางไทยเท่านั้น โยงไปถึงการครอบครองตำแหน่งการบริหารในระบบราชการอีกด้วย ซึ่งในประเทศไทยนั้นระบบราชการที่ไม่ได้มีค่าตอบแทนที่มากนักจนถึงขั้นใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อได้ แต่ก็ให้ความมั่นคงได้มากเลยทีเดียว แต่สถานะภาพทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเหตุผลที่ทำให้คนชั้นกลางไทยไม่ได้มีความสนใจทางการเมืองมากเท่าไหร่นัก สถานการณ์ของคนชั้นกลางในประเทศไทยที่ ผู้สร้างสรรค์บทความได้กล่าวถึงเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด และปัจจุบันยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนชั้นกลางในชนบทก็มีความสนใจในเรื่องของการเมืองและประวัติศาสตร์เพิ่มขึ้น จึงนำมาสู่ความมีเหตุและผล และเข้าใจในระบอบประชาธิปไตย ตลอดจนโลกของอินเตอร์เน็ตสร้างประตูสู่องค์ความรู้ที่มากขึ้น คนหนุ่มสาวสมัยใหม่ก็มีบทบาทในสังคมมากขึ้น การตื่นตัวของสังคมไทยที่กำลังเปลี่ยนผ่าน ผู้สร้างสรรค์อยากให้เราหันไปให้ความสนใจคนชั้นล่างในภาคอุตสาหกรรมหรือเกษตรกรรมอาจจะพบความเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้
และนี่คือทั้งหมดจากมุมมองของเจ้าของกระทู้ แล้วทุกท่านมีความคิดเห็นอย่างไรต่อ'คนชั้นกลาง'ในปัจจุบันบ้างคะ
ผู้จัดทำขอจบการวิเคราะห์แต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณค่ะ
จัดทำโดย จักรพันธุ์ มันตาพัน 0964626628
สุดารัตน์ คิดอ่าน 0875696096