ฤดูกาลและวารวัน

๏ หนาวหมอกสลัว..........ขมุกขมัว.............มนตร์มยุรา............ ณ ชะง่อนหิน.........ท่วงท่าสง่า..........ริมสายธารา...............พาฝันหลั่งไหล ๏ พู่หงอนเฉิดฉันท์.........ผ่องพิศผุดพรรณ

ฝนโปรยปรายละอองต้องปลายฟ้า ชะรอยมาพร่ำพรายคล้ายถ้อยฝัน กลิ่นดินหอมลอยล่องกลางจิตพลัน ย้ำคืนวันเหงาเก่ากลับเคล้าคลอ ฟ้าคำรามไกลโพ้นปนเสียงคิด ลมกระซิบเย็นชื้นกลืนใจรอ รอยยิ้มหนึ่งในความหลังยังพะนอ หยด

0 เมื่อแสงเรื่อรองงามแห่งยามรุ่ง ค่อยค่อยฟุ้งฟายอณูเพรียกตรู่สาง คลี่ปลายปีกปักษินล้อมถิ่นทาง โลกเบื้องล่างก็ค่อยฟื้นขึ้นตื่นตัว 0 ดอกดวงมวลน้ำค้าง .. หยาดวางเม็ด พร่างราวเกล็ดแก้วบน .. ความหม่นหลัว ล

ยามราตรีหมอกมัวทั่วพนาศ เสียงจักจั่นขับขานสะท้านไหว แสงจันทร์เพ็ญเย็นชื้นระรื่นใจ แต่เงาไม้กลับเคลื่อนเหมือนมีคน ยินเสียงครวญหวีดแว่วจากแนวป่า คล้ายเสียงผ้าขาวพรายร่ำคร่ำบ่น ผีตายโหงโศกเศร้าระทมทน ยั

ผมได้รวบรวมอุณหภูมิต่ำสุดของเมืองเชียงใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 2544 ถึง 2568 มานำเสนอว่าที่ผ่านมาเดือนพฤศจิกายนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง หมายเหตุ ที่นำเสนอเฉพาะเชียงใหม่ เพราะตัวเมืองนั้นเป็นพื้นที่ที่หนาวได้ยา

๑. ยามอรุณอุ่นแสงแห่งสุรีย์ พร่างพรมศรีสีทองผ่องอำไพ นกโบยบินกลิ่นลมพรมพฤกษ์ไพร พาใจให้ล่องลอยสู่ฟ้าไกล ๒. แดดแผ่วพลิ้วริ้วรื่นชื่นสายหมอก คลื่น:)กระริกระริ้วไหว เหมือนชีวิตคิดฝันพลันเรียงไป ในเส้นสา

ชมเช้าแสงอำพันจรรโลงหล้า เปล่งประกายเปี่ยมเมตตาอรุณรุ่ง ละอองแสงแจรงสีสวยปรนปรุง โอบผดุงกลุ่มพุ่มดอกไม้งาม อวลไอหมอกหยอกน้ำค้างที่ระเหิด ก่อบังเกิดสัมพันธ์อันไหวหวาม หนาวน้ำค้างหรือหนาวหมอกโปรดนิยาม

แสงสุดท้ายคล้อยต่ำค่ำใกล้เร้น ลมเย็นเล่นริ้วน้ำระยับฝัน คลื่นกระทบไม้เก่าดังรำพัน บ้านตรงนั้นนิ่งเงียบเยียบทั้งเรือน เถาวัลย์เลื้อยคลุมชายชายคาเก่า เหมือนโอบเงาอดีตไว้ไม่เลือน หน้าต่างปิดแง้มค้างกลาง

εїз ° °º¤ø, ¸¸, ø¤º° `°º¤ø༄˖°. เจียระไนร้อย ฉลุลายถักสร้อย ดาริกาสรวงละเมียดละไม ดุจแก้วมณีดวง ประดับ