สิบปีผ่านกลางคลื่นและลมกล้า
เหงื่อเค็มเคล้าผืนฟ้าทะเลใหญ่
เรือแล่นฝ่าโขดหินทุกแห่งไกล
จวบจนใจเริ่มล้าในคราวนี้
แสงตะวันเคยแผดบนฟ้าร้อน
เคยหลับตานอนฟังคลื่นแทนเสียงฝันดี
เคยยิ้มให้ฟ้าหลังพายุที่เคยมี
เคยเช็ดหยาดเหงื่อพลีด้วยหัวใจ
ทุกเช้าคลื่นทักทายดั่งเพื่อนเก่า
ทุกค่ำเงาเดือนคล้อยคอยขานไข
แต่วันนี้ลมแผ่วเหมือนกล่อมใจ
ว่าควรพักเสียที…ก่อนฟ้าโรย
ไม่อยากแข่งกับคลื่นอีกต่อแล้ว
ขอเพียงแนวฝั่งสงบให้หลับสวย
อยากวางพาย วางฝัน ที่เหนื่อยรวย
อยู่กับคลื่นเบา ๆ และแสงดาว
ขอเก้าอี้ไม้เก่าหน้าชายฝั่ง
กาแฟอุ่น กลิ่นทะเลยังไม่หนาว
นั่งมองฟ้า เห็นเมฆพร่างพราว
ยิ้มเบาเบาเมื่อฟ้าเริ่มโรยแรง
โลกยังหมุน เรือยังลอยอยู่กลางฝัน
แต่ใจนั้นจอดนิ่งในท้องฟ้ารัก
มองแดดจ้าแผ่วลงอย่างประจักษ์
รู้เพียงว่าตน…ได้ถึงฝั่งโดยสงบใจ 🌤
⚓ กลอนสิบ — ชายเรือผู้ใคร่พัก
สิบปีผ่านกลางคลื่นและลมกล้า
เหงื่อเค็มเคล้าผืนฟ้าทะเลใหญ่
เรือแล่นฝ่าโขดหินทุกแห่งไกล
จวบจนใจเริ่มล้าในคราวนี้
แสงตะวันเคยแผดบนฟ้าร้อน
เคยหลับตานอนฟังคลื่นแทนเสียงฝันดี
เคยยิ้มให้ฟ้าหลังพายุที่เคยมี
เคยเช็ดหยาดเหงื่อพลีด้วยหัวใจ
ทุกเช้าคลื่นทักทายดั่งเพื่อนเก่า
ทุกค่ำเงาเดือนคล้อยคอยขานไข
แต่วันนี้ลมแผ่วเหมือนกล่อมใจ
ว่าควรพักเสียที…ก่อนฟ้าโรย
ไม่อยากแข่งกับคลื่นอีกต่อแล้ว
ขอเพียงแนวฝั่งสงบให้หลับสวย
อยากวางพาย วางฝัน ที่เหนื่อยรวย
อยู่กับคลื่นเบา ๆ และแสงดาว
ขอเก้าอี้ไม้เก่าหน้าชายฝั่ง
กาแฟอุ่น กลิ่นทะเลยังไม่หนาว
นั่งมองฟ้า เห็นเมฆพร่างพราว
ยิ้มเบาเบาเมื่อฟ้าเริ่มโรยแรง
โลกยังหมุน เรือยังลอยอยู่กลางฝัน
แต่ใจนั้นจอดนิ่งในท้องฟ้ารัก
มองแดดจ้าแผ่วลงอย่างประจักษ์
รู้เพียงว่าตน…ได้ถึงฝั่งโดยสงบใจ 🌤