หนูแค่อยากเกิดมามีความสุข

สวัสดีค่ะชาวพันทิปทุกท่าน นี่เป็นกระทู้แรกของหนู อาจจะใช้ภาษาไม่เหมาะสมอย่างไรต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ยังอ่อนประสบการณ์ค่ะ

     ต้องเกริ่นก่อนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องจริงทั้งหมด ไม่มีการใส่สีตีไข่ใด ๆ ลงไปทั้งสิ้น และไม่ได้เขียนบิวท์ให้ชีวิตตัวเองดูดราม่า ตั้งมาเพื่อขอความเห็นว่าหนูควรจะทำอย่างไรต่อไป หรือไม่ควรทำอย่างไรต่อไปค่ะ

     ปัญหามันเกิดขึ้นจากวันนี้ เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา หนูกับแม่ได้มีปากเสียงกันครั้งใหญ่ เพราะเป็นครั้งที่หนูกล้าที่จะแย้งกลับค่ะ

     ครอบครัวของหนูอยู่ด้วยกัน 4 คน คือ พ่อ แม่ หนู แล้วก็น้องของหนูค่ะ บอกปูพื้นไว้ตรงนี้ก่อนว่าครอบครัวหนูไม่ได้อบอุ่นมาตั้งแต่แรก พ่อกับแม่ของหนูหัวรุนแรงทั้งคู่ รวมถึงน้องของหนู..แล้วก็อาจจะรวมถึงหนูด้วย

     ตอนเด็ก ๆ หนูจำได้ว่าเวลาหนูกับน้องทะเลาะกันสิ่งที่พ่อทำคือโยนมีดมาให้สองเล่มแล้วเดินขึ้นห้องไป พ่อจะพกมีดอีโต้และขวดแบรนด์ใส่น้ำไว้ในรถ เจอคันไหนขับไม่ถูกใจ เขาก็ใช้ให้หนูหยิบมีดจะเอาเลือดหัวเขาออกบ้างล่ะ เอาขวดแบรนด์ปาให้เฉี่ยวหูช้างเขาบ้างล่ะ เจอรถไม่เปิดไฟเลี้ยวก็เปิดประตูลงไปต่อยกับเขา ด่าหยาบคายชูนิ้วกลาง พอบอกว่ากลัวเขาก็จะบอกว่าพ่อพร้อมตาย...แล้วถามหนูสักคำไหมว่าหนูพร้อมด้วยหรือเปล่า

     ค่ะ หนูเติบโตมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบนั้น เรื่องดี ๆ ก็มีเยอะ แต่มันเอามาหักล้างกันไม่ได้หรอกค่ะ

     ความโหดร้ายของคำว่าหัวรุนแรงในที่นี้คือ เขาจะใช้ทั้งคำพูด ทั้งกำลัง จิกกัดด่าทอหนู ไล่ให้ไปตาย(อันนี้บ่อยมาก) เวลาที่หนูทำไม่ได้ดั่งใจเขา แม้ยามเขาทะเลาะกันเองยังยกรองเท้ามาฟาดกัน เขวี้ยงถังน้ำ ตบหน้า.. ครั้งหนึ่งเขาให้หนูไปซักรองเท้า แต่หนูต่อรองเขาด้วยเหตุผลที่ว่าขอทำการบ้านหน้านี้ให้เสร็จก่อน ตอนนั้นหนูเพิ่งจะสิบขวบต้น ๆ เขาก็ทวงแล้วทวงอีก จนหนูรำคาญ(ขออนุญาตใช้คำนี้นะคะ) รำคาญที่ว่าทำไมไม่ฟังหนูบ้างว่าหนูก็มีเหตุผล หรือบางทีเขาอาจจะไม่ฟัง..หนูเลยเดินไปหยิบกาละมังแปรงแปรงรองเท้า เก้าอี้พลาสติกและรองเท้ามาในครั้งเดียว ทำให้ของในมือหล่นระเนระนาดกระจัดกระจาย ระหว่างที่หนูไล่จัดเก็บของพวกนั้นให้เข้าที่ ก็ได้ยินเสียงกร่นด่าว่าทำสะบัดสะบิ้งไม่พอใจ กระฟัดกระเฟียดใส่ผู้ใหญ่ ซึ่งต่อให้หนูจะอธิบายให้เขาฟัง ณ ตอนนั้นยังไงเขาก็คงไม่ฟัง หนูก็ก้มหน้าก้มตาเก็บไปพร้อมกับจานกระเบื้องลายดอกกุหลาบที่ถูกเขวี้ยงมา เพล้ง.. เฉี่ยวเอ็นข้อเท้าเลือดซิบ ๆ
     ไม่มีคำขอโทษทั้งจากฝั่งหนูและฝั่งคนปา นอกจากนั้นเขายังด่าทอ ให้หนูไล่เก็บเศษจานที่เขาเขวี้ยงแตกเป็นเสี่ยง ๆ นั่นอีก
     แต่ตอนนั้นหนูยังเด็ก เลยแค่ร้องไห้แล้วลืมมันไปซะ

     เขาเคยสอนหนูว่าเวลาทะเลาะกัน มีอยู่สี่สิ่งที่ห้ามทำ คือ อย่าขึ้นเสียง อย่าใช้กำลัง อย่าขุดเรื่องเก่า และ ถ้าทำไม่ได้ให้เดินออกจากตรงนั้นไปเลย

     ซึ่งที่กล่าวมานั้นท่านทำทุกข้อ

     ทำตัวไม่ถูกใจ นี่แหนะตุ๊กตากระเบื้องไล่ฝนของสายรหัส จงตายไปซะ เพล้ง! ด่าโคตรเหง้า(เขียนผิดขออภัยค่ะ)ของฝ่ายตรงข้าม ฮึ แกมันลูกเจ๊กขายหมู เก้าอี้แฟ้มเฟิ้มกระจาย รีโมทถ่านกระจุย  หัวใจถูกกัดกินด้วยน้ำตาใช่ความหนาว..

     และอื่น ๆ อีกมากมายที่หนูโดนกระทำแต่ถ้าให้เล่าคงเล่าไม่หมด อีกอย่างรู้สึกบาปเกินไป แหะ(ตกนรกทั้งทีก็ไปให้สุดเส้)

     หนูไม่ใช่คนเรียนเก่งหรือหัวดี ไม่มีดีด้านใดเลยนอกจากภาษาที่ดูจะโดดขึ้นมาจากวิชาอื่น...ห่วยแตกขนาดนี้แต่หนูก็ยังอยากหาเรื่องให้เขาภูมิใจ หวังจะได้ยินคำชม รอยยิ้ม จากเขาบ้าง แต่คงผิดเองที่หวังสูงเกินไป..

     ตั้งแต่ประถม แข่ง Singing Contest ผ่านรอบแรก ก็ไร้ความสนใจ ได้ไปร้องเพลงนำสวดมนต์หน้าสถานเชิญธง ก็ไม่มีใครจำได้...พอขึ้นมัธยม สอบติดห้องเรียนพิเศษ เขาก็บอกว่าฟลุ๊ค กวาดรางวัลคัดลายมือภาษาไทยมาทุกปี ที่หนึ่งสองสามบ้างสลับกันไป(มีอังกฤษด้วยรอบหนึ่ง) เอาประกาศินียบัตรไปอวดก็ได้รับหน้านิ่ง ๆ พร้อมมือที่เก็บเข้าแฟ้มไปเป็นรางวัล..

     ความน้อยใจเริ่มปรากฏออกมาให้เห็น ได้รางวัลอะไรมาหนูเลือกที่จะบอกเพื่อนก่อนบอกพ่อแม่ หรือไม่ก็บอกแค่เพื่อน เพราะรู้สึกว่าบอกไปก็เท่านั้น จนมอห้าปีนี้เกิดอะไรขึ้นกับหนูก็ไม่รู้ สอบกลางภาคได้ท็อปสี่วิชา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษหลัก(ทั้งห้องมีผ่านอยู่สามคน) ภาษาอังกฤษเพิ่ม และคณิตศาสตร์ ซึ่งปกติคณิตศาสตร์หนูจะตกทุกเทอม ไม่ผ่านแม้แต่สอบย่อย ภาษาไทยก็คาบเส้น ภาษาอังกฤษก็งั้น ๆ มันเลยอเมซิ่งสำหรับหนูมาก เลยมีกำลังใจขึ้นมาว่าถ้าบอกแม่เรื่องนี้อาจจะได้รับคำชมกลับมาบ้าง พยักหน้ารับรู้สักครั้งก็ยังดี..
     โอ๊ย เจ็บจังเลยหวังสูงไป..ไม่มีคำชมค่า แถมยังโดนตอกกลับมาอีกว่า "แค่การแข่งขันในโรงเรียน ที่ผ่านมาก็แย่จะตาย ครั้งนี้ได้ดีครั้งเดียวอย่ามาเหลิง แล้วคณิตผ่านนี่ผ่านเท่าไหร่ 13!? อย่าใช้คำว่าผ่านเลย.." แล้วก็วิเคราะห์ไปแบบนี้ทีละวิชา วิชา วิชา..

      หนูเลยเกิดความคิดที่ว่า ถึงหนูจะไปเหยียบดาวเนปจูนได้ เขาก็คงขมวดคิ้วแล้วบอกว่า "ทำไมไม่ไปให้ถึงพลูโต?"

      จนทุกวันนี้ หนูได้รางวัลอะไรมาก็แทบไม่บอกให้เขารู้เลย ได้ใบประกาศมาก็เก็บใส่แฟ้มเอาไปทำพอร์ต ขนาดออดิชั่นค่ายเกาหลีค่ายหนึ่งผ่านหนูยังเลือกที่จะบอกเขาเป็นคนสุดท้ายเลย ไม่รู้ว่าเขาจะน้อยใจไหมถ้ารู้ว่าตัวเองรู้ที่หลังสุด แต่หนูก็แค่ขอเวลาเซฟใจตัวเอง.. พอบอกไปเขาก็ตอบกลับมาว่าสนใจแต่ด้านบันเทิง คณิตศาสตร์ล่ะ.. แล้วก็ลากยาวไปปปปปปป

     มันจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่หนูตัดสินใจบอกอะไรเขาไป หนูยื่นผ้าสีขาวให้เขาเขาก็จะโยนผ้าสีดำกลับมาให้ เป็นแบบนี้ทุกครั้งจนหนูเริ่มเหนื่อย.. เหนื่อยกับการเป็นลูกที่พยายามสุดตัวเท่าไหร่ก็เป็นได้แค่คนไม่เอาไหนสำหรับเขา

     หนูร้องไห้แทบทุกครั้งที่เขาปฏิเสธความดีใจของหนู ต่อหน้าเพื่อนหนูเป็นเด็กร่าเริง ยิ้มง่าย หัวเราะเก่ง ชอบเล่นมุกตลกขำ ๆ เป็นคนบ้าคนหนึ่งในโรงเรียนชนิดที่ว่าตอนเราร้องไห้เพราะเลิกกับแฟนครั้งแรกเพื่อนยังรับมือไม่ถูกเลย

     สภาพแวดล้อมบีบบังคับให้หนูต้องฝึกฝีมือการแสดงให้เป็นนักแสดงมืออาชีพ ใส่หน้ากากให้ถูกด้าน เล่นให้เนียนที่สุดแม้จะร้องไห้แทบขาดใจ

     นำแสดงโดยฉัน กำกับการแสดงโดยครอบครัว ผู้รับชมคือทุกคนที่วนเวียนอยู่ในชีวิต และไร้ซึ่งตอนจบ

     จนถึงเหตุการณ์ของวันนี้ ตุ๊กตาของหนูหายไปแบบไม่ทิ้งร่องรอย หนูตามหาจนทั่วบ้าน ตามหาจนร้องไห้ จนถึงตอนนอนยังหมอนเปียกเพราะมันมีคุณค่าทางจิตใจสูงมากสำหรับหนู ในใจคิดไปหมื่นพันแล้วว่าเอาไปลืมไว้ที่ไหนหรือเปล่า แต่ก็ไม่น่าใช่เพราะหนูไม่เคยเอามันออกไปนอกห้อง คือกังวลมาก ตื่นเช้ามายังก้มดูใต้เตียงอยู่เลย(คือหนูเป็นพวกศรัทธาในตุ๊กตาอะค่ะ เชื่อว่ามันอาจจะมีความรู้สึก เพราะฉะนั้นเลยรักและทะนุถนอมมันเป็นพิเศษ)

     มาถึงตัวละครสุดท้ายอย่างน้องสาวของหนูดีกว่าค่ะ (ขอไม่พูดอะไรมาก รู้ไว้แค่ว่าหนูกับนางไม่ถูกกันเพราะเหตุผลบางอย่าง ซึ่งพ่อแม่ยังห้ามอะไรไม่ได้) กลับมาบ้านตอนเย็นวันนี้หนูเลยถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าของนาง..แล้วสิ่งที่หนูหามาร่วมวันก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า

     วินาทีนั้นคือน้ำตาไหล ไม่รู้ว่าเพราะเจอตุ๊กตาแล้วหรือเพราะโกรธกันแน่..

     วินาทีนั้นหนูตัดสินใจส่งรูปตุ๊กตาที่อยู่คาตู้ของน้องไปให้แม่ดูเพื่อจะแจ้งพฤติกรรมของนาง ว่าหนูทนไม่ไหวแล้ว และจะไม่ทนด้วย เพราะไม่ได้โดนครั้งนี้ครั้งแรก การแกล้งเพื่อเอาความสะใจเนี่ย แกล้งสำเร็จคงรู้สึกดีมากสินะ

     แต่สิ่งที่แม่หนูตอบกลับมาคือ อย่าดราม่า มันก็แค่ตุ๊กตา ให้กลับไปคุยกัน คือมันไม่มีอะไรจะต้องคุยต้องแก้ตัวแร้วแมมมมม่ หลักฐานคาตา เมื่อวานยังเสแสร้งบอกไม่รู้อยู่ไหน เปิดประตูตู้ไปอ่าวเห้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา...หนูว่าหลักฐานหนูแน่นและมัดตัวอยู่ หนูรู้นิสัยมันดีแม้จะอยากลืมแทบตาย หนูหวังดีกับมันตลอดนะ อยากไปคอนเสิร์ตใช่ไหม อะเล่นบัตรฟรีมาให้ ไปเอาบัตรให้จากตึกทรู ขนาดหนูได้บัตรแฟนมีตของศิลปินวงนึงมา(ใบเดียว)หนูยังชวนมันไปนั่งหน้าคอน เผื่อว่าศิลปินเขาจะเดินออกมา..ซึ่งงานนั้นศิลปินก็ออกมาเดินทักทายนกน้อยหน้าคอนอย่างที่หนูบอกจริง ๆ แต่ดูสิ่งที่นางตอบแทนหนูสิคะ55555555 เอาฟอลน้ำไดโซะหนูไปตัดเป็นฝอย ๆ เอาตุ๊กตาหนูไปถ่ายรูปลงทวิตอวดอ้างว่าเป็นของตัวเอง สีไม้ยืมไปเพื่อทำหาย สไลม์ที่หนูทำไว้ก็เอาไปเล่น ของของหนูทุกอย่างโดนนางขโมยไปใช้หมด! ฮ่า ล่าสุดคือแกล้งเอาตุ๊กตาไปซ่อนเพื่อให้หนูเสียใจเล่นซะแล้ว

     ที่น้อยใจไม่ใช่อะไร พอไลน์ปรึกษาแม่แม่ก็บอกว่าหนูใช้อารมณ์ ซึ่งหนูก็มั่นใจอยู่พอควรว่าใจเย็นสุดแล้ว เพื่อนทั้งโลกแม้แต่พ่อเป็นพยานได้ ว่าหนูน่ะ ใจ เย็น ที่ สุด ใน บ้าน และ ใจ เย็น กับ ทุก คน แล้ว ! เขาจะชอบเอาเรื่องหนูใช้อารมณ์มาอ้าง และครั้งนี้หนูตัดพ้อใส่เขาไปพอสมควร ว่าถ้าไม่ใช่ตุ๊กตาแต่เป็นเงินเก็บของหนูถูกเอาเข้าไปซ่อนในตู้เสื้อผ้านาง หนูจะยังมีสิทธิ์ไม่พอใจอยู่ไหม? หนูโกรธนางได้หรือเปล่า? สัญญาเลยว่าจะรีบเรียนให้จบหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งแล้วจะย้ายที่อยู่ มันไม่ไปหนูไปเอง หลายครั้งที่ยอม หลายครั้งที่ทน พยายามเข้าใจ คิดเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็คิดไปแล้ว พยายามมองโลกในแง่ดีสุด แต่ก็มาจบที่การมองโลกตามความเป็นจริง

     กลับมาบ้านเขาก็ด่าหนูเป็นชุดเลยค่ะ ไอ้เสื้อ! ไอ้กางเกง! ไอ้กางเกงใน!(อึ๊ย ไม่ใช่ชุดแบบน้าน) บอกว่าใช้คำพูดเกินตัว โตแล้วคิดได้แค่นี้ แก้ปัญหาสิ อะตอนนี้หนูยังไม่เข้าใจว่าต้องแก้ปัญหายังไงก็เลยถามเขาว่าแก้ปัญหาที่ว่าเนี่ยแก้ยังไง แก้ที่ตัวหนูเหรอ  แก้ที่ตุ๊กตางี้? เขาก็เงียบ...พร้อมบอกว่าหนูต้องเก็บของให้เป็นระเบียบ................

     สเตย์ โอ๊วววว เงิบเรยตกลงคือผิดที่หนูเก็บของไม่เป็นระเบียบ เลยถูกน้องเอาไปซ่อนงั้นดิ? ถามว่าน้องโดนว่าไหมก็โดนค่า ว่าเอาของของคนอื่นมาหัดขออนุญาตบ้าง บลา ๆๆ แล้วก็จบด้วยคำว่า 'ถ้ามั่นใจว่าไม่ได้แกล้งก็บอก จะได้หมายความว่าพี่เขาเข้าใจผิด' ฮ่ะ ฮ่า ๆๆ ขำจังค่ะ

     สรุปเรื่องนี้ก็คือเหมือนเขาจะเชื่อน้องและเชื่อหนูด้วย ทำไมอะ ทำไมเขาถึงเชื่อว่าน้ำเป็นของแข็งทั้ง ๆ ที่มันเป็นของเหลว เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ามันผิด หรือต้องการจะรักษาน้ำใจก็ไม่รู้เนอะ รักษาน้ำใจเหนื่อยไหม รักษาใจเหนื่อยมาก..

     พิมพ์เหนื่อม้ากกกกก ร้องไห้ตลอดที่เคาะแป้น555555555555 อาจจะงง ๆ ไปบ้าง ขอโทษด้วยค่ะ แง

     ทุกวันนี้ใช้ชีวิตของใครอยู่ก็ไม่รู้ ทำอะไรก็โดนติ ทำดียังไงให้โดนด่าน้าา5555555555555 อยากเป็นเด็กที่แสดงอาการได้ปกติเวลาอยู่กับครอบครัว ดีใจก็ร้องเฮ ตลกก็หัวเราะ มีความสุขกับสิ่งที่ทำ เสียใจก็ร้องไห้ เหนื่อยก็บ่นได้ไม่ใช่บ่นไปแล้วโดนตอกกลับว่าเหนื่อยกว่า..

     เหนื่อยไปหมด ทั้งกายทั้งใจ การโดนไล่ให้ไปตายบ่อย ๆ ก็บั่นทอนจิตใจหนูเหลือเกิน

     ชีวิตของหนูไม่มีความสุขเลย หลายครั้งที่หนูคิดจะฆ่าตัวตายแต่ก็กลัวเขาต้องลำบากมาเก็บศพ หนูเสิร์ชหารีวิววิธีฆ่าตัวตายที่ทรมานน้อยที่สุด(ซึ่งเพื่ออะไร55555 ถ้าเขาตายเขาจะมาเขียนรีวิวได้ไหมเล่าโด่ว5555555555555) อยากจะไปตายไกล ๆ แต่ก็ไปไม่ได้เพราะห่วงตุ๊กตา ห่วงศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบ กลัวเกิดมาชาติหน้าจะไม่ได้รักเขาอีก รู้สึกว่าชาตินี้ยังรักเขาไม่พอ ยังไม่อยากไปไหน เขายังคงเป็นแรงบันดาลใจในทุก ๆ วัน แน่นอนว่าเขาคงไม่รู้เกี่ยวกับการจากไปแบบไม่มีวันกลับของแฟนคลับหนึ่งในหลายล้านของเขาหรอก ขาดเราไปก็พร้อมจะมีคนใหม่มาแทนที่ได้เสมอ แต่หนูก็ยังไม่ไปไหน ยังรู้สึกว่าชีวิตยังมีอะไรอีกมากมายมากกว่าเรื่องเศร้า ๆ ในครอบครัว ที่จนตายก็ยังคงปรับความเข้าใจกันไม่ได้ ความต่างของวัยมันมากเกินไป จูนกันไม่ติด หนูพยายามแล้ว..

     จะครบหมื่นตัวอักษรแล้วยังงง ๆ อยู่เลย ฮือ555555 ขอโทษจริง ๆ นะคะมาบรรยายอะไรแบบนี้ไม่เก่งจริง ๆ T-T ได้แต่หวังว่าจะมีใครสักคนจะหลุดเข้ามาอ่านกระทู้นี้จนจบและให้คำตอบกับหนูได้ว่าจะจัดการกับตัวเองยังไงดีไม่ให้คิดว่าชีวิตนี้ช่างไร้ค่า..ความคิดความอ่านในบางเรื่องของหนูอาจจะยังเด็ก หนูอายุ 16 ปีค่ะ เป็นวัยแห่งการสับสน หากต้องการจะแนะนำอะไรก็แนะนำได้เลยนะคะ ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้มาก ๆ ค่า เยิ้ปยูววว
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 43
โลกใบนี้คงไม่เหลือที่ว่างให้แก่คนขี้แพ้อ่อนแออย่างเรา จบปัญหาด้วยการเสียน้ำตาคนเดียวความหวังก็เป็นเพียงเงา คงจะดีถ้าเราหายไปสักคนโลกนี้ก็คงจะเบา ไม่อยากทนให้ใครเขาต้องมองด้วยแววตาที่เหมือนไม่มีใครเอา..


หลังจากได้อ่านคอมเมนต์ของหลาย ๆ ท่าน จากหลาย ๆ ที่แล้ว ก็ช่วยให้คิดตามได้เยอะเลยค่ะ ปกติหนูเป็นคนคิดมากคิดเยอะ สมองไม่เคยว่างเลย คิดขนาดจะพูดประโยคแต่ละประโยคออกไปยังต้องเรียบเรียงว่าคู่สนทนาของเราคือใคร ระดับความสนิท จะพูดเรื่องที่กระทบจิตใจเขายังไงให้เซฟใจเขาได้มากที่สุด สื่อความหมายอย่างไรไม่ให้เขาเข้าใจผิดและไม่ต้องถามซ้ำ ชอบให้ความรักคนอื่นแต่ไม่ชินกับการที่คนอื่นจะมารัก อยากไปหาหมอมาก ๆ T-T  แต่ติดที่ว่าไม่มีญาติพี่น้องคนไหนที่หนูจะกล้าไว้ใจเลย ไม่รู้ว่าโลกเหวี่ยงหนูมาผิดที่หรือเป็นกรรมของหนูตามธรรมชาติของมนุษย์ที่จะต้องเจอคนหลาย ๆ รูปแบบ เราเองก็ต้องปรับตัวเนอะ ปัญหาทั้งหมดทั้งมวลบนโลกจะหมดไปถ้าเราเอาใจเขามาใส่ใจเราค่ะ ถ้าเราคิดถึงฝ่ายตรงข้าม คงไม่มีการทะเลาะกันเพราะผิดใจ การหักหลัง หรือการไม่รักษาสัญญา แค่ลองคิดเล่น ๆ ว่าถ้าหากเป็นเราที่โดนกระทำแบบนั้นจะยังยิ้มได้อยู่ไหม ความรู้สึกจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า คิดแค่นี้เลยแต่ไม่ใช่คิดแทนนะคะ คนละอย่างกัน

เหล็กกว่าจะสวยได้รูป กว่าจะขายได้ราคาแพง ก็ต้องถูกเผาถูกตี

ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ ตีได้แต่อย่าเผาหนูเลยค่ะขอร้องจากใจ แค่นี้ไฟนรกก็เบิร์นจนหน้าหนาวไม่ต้องใส่เสื้อหนาวแล้ว(ทำไมไม่เบิร์นแคลอรี่กุบ้าง)

น่าเสียดายที่ตลอดไปไม่มีจริง แต่ก็น่ายินดีเช่นกันที่ตลอดไปไม่มีจริง

เวลาไม่ได้ช่วยให้เราลืม ขณะเดียวกัน เวลาก็ไม่อาจรักษาทุกสิ่ง แต่ความจริงจะรักษาทุกอย่าง

หนูเชื่ออย่างนั้นนะคะ อย่างที่พี่ ๆ หลายคนบอกไว้เลย ว่าสักวันมันคงจะมีวันที่หนูยิ้มออกมาจากใจได้จริง ๆ  แม้ว่าอาจจะไม่มีใครมาเป็นคอมฟอร์ทโซนหรือไม่ได้มีใครเข้าใจเราจริง ๆ ก็ไม่เป็นไร ถ้าเราเข้าใจตัวเอง รู้ว่าตัวเองชอบอะไร สบายใจกับอะไร ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของโลก มองทุกอย่างอย่างเป็นมิตร ลดอคติลง ก็คงจะปล่อยวางได้มากกว่าตอนนี้เยอะ

ขอบคุณทุกกำลังใจและคำแนะนำมาก ๆ ค่ะ ตอบไม่หมดจริง ๆ แง ไม่นึกว่าจะมีคนให้ความสนใจมากขนาดนี้ร้องไห้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
รักษาอารมณ์ดีอย่างนี้ของหนูไว้เถอะลูก
ได้เกิดมาเป็นคน
ได้มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้
ก็ถือว่าเป็นบุญหนักหนาแล้ว

วันนี้มันอาจจะไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ถูกใจใคร
วันข้างหน้า ถ้าเขาไม่อยู่กับเราแล้ว
หนูอาจจะอยากให้เขายังอยู่กับหนูก็ได้

อย่าคิดอะไรในแง่ลบ แล้วเอามันมาทำร้ายตัวเองเลย

ปล่อยวาง ไม่สน ไม่แคร์ เงียบ หันหลังให้ซะ ให้มันหมดไปวันๆนึง

แล้วก็บอกตัวเองว่า อนาคตมันต้องมีวันของเรา ซักวันนึง
เพียงแต่ว่า มันไม่ได้มาง่ายๆ

การมีลมหายใจอยู่ เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดแล้ว

มีเพื่อให้เรา มีโอกาส ได้ทำในสิ่งที่เรายังไม่ได้ทำ

เป็นกำลังใจให้นะ

เวลาจะคิดอะไรในแง่ลบ
ก็หาดูอะไรที่คนอื่น เค้าแย่กว่าเรา
เลวร้ายกว่าเรา

แล้วก็บอกตัวเองไว้เลยว่า

ชีวิตเราไม่แย่ขนาดเค้า
ยังไง จะเลวได้แค่ไหน ก็จะสู้ฟันฟ่ามันต่อไป

พาพันไฟท์ติ้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่