การพบกันอีกครั้งในรอบเกือบสิบปี ไม่เลวร้ายอย่างที่น้ำคิด อาจเป็นเพราะบาดแผลในใจของเขามันจางหรือหายไปหมดแล้ว ตอนนี้สำหรับนัท หล่อนคงเป็นแค่อดีตเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยอย่างที่เขาบอกใครๆจริงๆ
“น้ำย้ายมาอยู่กรุงเทพฯนานแล้วเหรอ” ชายหนุ่มจ้องหญิงสาวเมื่อตั้งคำถาม
“ฮื่ม…ก็หลายปีแล้วล่ะ” น้ำเอาแต่จ้องจานและเขี่ยอาหารในจานเล่น หล่อนไม่รู้สึกหิวเลยด้วยซ้ำ
“แล้วนัทล่ะ” หญิงสาวถามทั้งๆที่รู้เรื่องราวเขาอยู่แล้วเป็นอย่างดี
“เรากลับมาเมื่อปีที่แล้ว เรียนจบก็ทำงานที่โน่นก่อน” ชายหนุ่มหมายถึงกลับมาจากต่างประเทศ หลังไปศึกษาต่อจนจบปริญญาโท
เขายังจ้องจ้องจ้อง จนน้ำอึดอัด
“น้ำไม่เปลี่ยนเลยเนอะ ยังเหมือนเดิม”
“บ้า…แก่ขึ้นตั้งเยอะ” หญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้ “แต่ นาย เอ้อ..นัทอ่ะ เหมือนเดิมนะ”
“เรียก นาย เหมือนเดิมน่ะดีแล้ว…ไม่เห็นต้องเปลี่ยนสรรพนามเลย”
“อื่อ ฮึ…แล้วเป็นไงบ้าง ทำงานลงตัวหรือยัง” หญิงสาวถามต่อ
“ก็ดี แต่ก็ยาก เพราะความคาดหวังมันเยอะ”
“เป็นธรรมดา…แต่ดูเหมือนนายจะทำได้ดีนะ…อืม…เจอโตบ้างหรือเปล่า”
“บ่อยไป บ้านอยู่ใกล้กันแค่นี้…ทำไมก้มหน้าตลอดล่ะ เงยหน้าได้ไหม”
หญิงสาวถอนหายใจ ไม่มีประโยชน์ที่จะหลบเลี่ยง หล่อนเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
“ดีใจที่ได้เจอนะ…ไม่คิดว่าจะได้เจอนัทที่นี่เหมือนกัน” น้ำไม่รู้จะพูดอะไรต่อๆได้แต่ยิ้มแห้งๆ
ชายหนุ่มชะงัก รอยยิ้มจางหายไป เขามองหล่อน พยายามกดน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความน้อยใจและเสียใจเอาไว้
“เรารู้สึกเหมือรน้ำหลบหน้าเรามากกว่า ถามโตมันก็บอกแต่ไม่รู้ๆ…จริงๆเรามีหลายอย่างอยากถาม เรา…”
ชายหนุ่มยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียงมือถือของน้ำก็ดังขึ้นมา หญิงสาวสะดุ้ง หลังจากดูชื่อที่หน้าจอ ใบหน้าหล่อนเป็นกังวลขึ้นมาทันที
หญิงสาวทำสัญลักษณ์ขอตัวก่อนลุกออกจากโต๊ะ แต่ก็ทันที่ชายหนุ่มจะได้ยิน…
“ค่ะ…พี่เอก…มีอะไรหรือเปล่า” หายไปพักใหญ่ ชลธีกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่ปิดไม่มิดว่ากังวลมาก
“นัท เราขอโทษ เรามีธุระด่วน…ไว้เรานัดมากินข้าวกันสามคนกับโตนะ เราขอโทษจริงๆ” ประโยคหลังเสียงเศร้าจนชายหนุ่มรับรู้ได้ว่าคำขอโทษนี้ มันหมายถึงเรื่องอื่นๆด้วย
ชายหนุ่มอึ้งไป ความจริงที่ว่าหล่อนรีบร้อนจากไปหลังจากคนๆนั้นโทรมา ทำให้ความเจ็บปวดที่คิดว่าไม่เหลือแล้ว กลับติ๊ดๆขึ้นมาอีก
น้ำเดินออกไปจากร้านแล้ว ทั้งรู้ว่าหล่อนไม่มีรถ แต่นัทไม่แม้แต่อยากอาสาไปส่ง
เขาพึ่งรู้ว่า สิ่งที่คิดว่าลืมไปแล้ว มันไม่ใช่ ทั้งๆที่คิดว่า หากบังเอิญได้เจอกัน จะยอมให้อภัย เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม เขารู้แล้วว่าตัวเองทำไม่ได้ ชายหนุ่มกดหาเบอร์โทรที่คุ้นเคย
“เฮ้ย โต กูเอง” เสียงปลายสายงัวเงียตอบมา “วันนี้ไม่ไปทำงานหรือไง” เสียงปลายสายตอบมา ชายหนุ่มอมยิ้ม
“วันนี้อยากชวนกินเหล้าว่ะ…ไม่ว่างเหรอ…ได้ งั้นเป็นพรุ่งนี้”
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ณ บ้านชานเมืองหลังหนึ่ง น้ำขึ้นบันไดไปชั้นบนอย่างเร่งรีบ หญิงสาวคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี
“พี่เอก” หญิงสาวเขย่าตัวชายหนุ่มร่างบางที่นอนขดตัวบนที่นอนเบาๆ เขากำลังร้องไห้
“น้ำ…น้ำ…” ชายหนุ่มพลิกตัว ลุกทันทีขึ้นมากอดหญิงสาวแน่น
น้ำได้แต่ลูบหลังปลอบโยนชายหนุ่ม หญิงสาวหันไปพยักหน้ากับป้าละม่อม แม่บ้านซึ่งยืนอยู่ตรงประตู เป็นสัญญาณว่าให้ปล่อยเธอกับเขาไว้ตามลำพัง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สาวิตตรีกำลังโม้แหลกอย่างสนุกสนาน เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้
“โหย พี่ก้องขา ถ้าพี่ก้องอยู่ในเหตุการณ์วันนี้นะ…อืมหืม อีตาคุณปฐพีน่ะกำลังจะอ้าปากด่าเราอยู่แล้ว พอคุณธนากรสุดหล่อได้ยินชื่อพี่น้ำเท่านั้นแหล่ะ
เหตุการณ์กลับตาลปัตรในบัดดล หน้าแกงี้บานสุดๆ งานเรางี้ผ่านฉลุยเลย”
“เฮ้ย ๆ เว่อร์ป่าวแก” ยอดชายขัด แต่ใจหนึ่งก็อดเชื่อไม่ได้ เพราะจากที่เขาไปนำเสนอล่าสุด คู่แข่งอีกรายมาแรงทีเดียว ด้วยโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม อย่างน้อยเขาคิดว่า หากชนะประมูล ราคาที่ปิดคงจะต่ำลงไปกว่านี้ แต่นี่…ไม่ต่อรองสักคำ เป็นไปได้ไง
“จริงพี่…พรุ่งนี้เค้าจะส่งหนังสือแจ้งคอนเฟิร์มจ้างงานมาให้ หลังแก้แบบ แล้วค่อยทำสัญญา” สาวิตตรีทำหน้าภูมิใจ ราวกับหล่อนเป็นคนปิดงานนี้เอง
หนุ่มๆทั้งสาม เกริกก้อง ยอดชาย กานต์ทำหน้าหมั่นไส้ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับที่สาเล่า
“คุณธนากรเนี่ย เค้าดูดีสุดๆเลยนะพี่ ไม่บอกก็รู้ว่าครบเครื่อง รูปหล่อ บ้านต้องรวยมากแน่เลย มาดแกมันได้อ่า” สายังรำพันต่อ
“แกไม่รู้เหรอว่าเค้าเป็นลูกชายเจ้าของเจเอสทีกรุ๊ป” ยอดชายปิดบังน้ำเสียงริษยาไม่มิด
“เฮ้ย ยอด เพลาๆหน่อย ผู้หญิงประชดประชันยังพอรับได้ แต่แกเนี่ย…มันดูไม่จืด” เกริกก้องดักคอ
“อ้อ ไอ้สา ชั้นจะไม่เชื่อที่แกเล่าจนกว่าชั้นจะได้หนังสือแจ้งนั้น…” พูดยังไม่ทันจบ
“พี่ก้องคะ มีโทรศัพท์จากลูกค้า เจเอสทีซัพพลายค่ะ พี่จะรับข้างนอกหรือในห้องคะ” เลขาแผนกชะโงกหน้ามาถาม
ก้องชะงักสบตากับน้องๆ แล้วทำสัญญาณว่าจะไปรับในห้อง หายไปครู่ใหญ่ เขากลับออกมาพร้อมหน้าตาบึ้งตึง
“ไอ้สา…พวกแกไปทำอะไรกันมาแน่ ที่แกพูดมาทั้งหมดนี่….”
“พี่ก้อง…ทำไมเหรอคะ…บอกสามาเร็ว เค้าโทรมาแคนเซิ่ลเหรอคะ” สาใจคอไม่ดี
เกริกก้องเปลี่ยนสีหน้าเป็นฉีกยิ้มสุดทันทีทันใด “….ชั้นเชื่อแล้วว่ะ…เราได้งานโว้ย ฮ่าฮ่า อย่างงี้ต้องฉลอง มะรืนชั้นจะเข้าไปรับสัญญา”
ยอดยิ้มปลื้ม ทำนองว่า –ผลงานโพ๊ม-
“งานออกแบบตกแต่งเซอร์วิสเซ็นเตอร์ ตั้งกี่สาขาวะเนี่ย” กานต์ยกนิ้วให้ยอดอย่างซูฮก
“แต่…งานนี้เค้าระบุให้ไอ้น้ำต้องเข้าร่วมโปรเจ็คด้วยนะ” ก้องทิ้งท้ายก่อนเดินผิวปากเข้าห้อง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ชายหนุ่มนั่งจมอยู่ในความคิดที่ยังวนเวียนถึง “อดีตเพื่อน”
ตั้งแต่กลับมาถึงออฟฟิศ นัทแทบไม่มีสมาธิในการทำงาน ความทรงจำต่างๆ ผลุดขึ้นมาราวกับพึ่งเกิดเมื่อวานนี้ สิ่งที่พยายามลืมและคิดว่าลืมได้แล้วมาตลอดหลายปี วันนี้ไหลทะลักกลับมาราวกับถูกกักกั้นไว้นาน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(เก้าปีที่แล้ว)
ทั้งน้ำและโตสนุกสนานกับการพยายามจับคู่ให้เขาภายใต้ชื่อ เอ็นเจโปรเจ็ค (มาจากนัทและจ๊ะจ๋า) หลายวิธีถูกนำมาใช้โดยไม่ได้ถามความสมัครใจจากเขาเลยสักนิด
บางครั้งชายหนุ่มก็รู้สึกอึดอัด ตอนแรกเขาสนใจจ๊ะจ๋าก็จริง แต่ก็เพียงผิวเผิน
การที่มาเข้าร่วมชมรม หลักๆคือต้องการทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัย อีกทั้งตอนอยู่ปีหนึ่ง โตมักจะเล่าเรื่องความสนุกสนานในการออกค่ายและเรื่องแผลงๆที่ทำร่วมกับน้ำให้เขาฟังบ่อยๆ
โตมาสนิทกับน้ำก็เพราะอยู่ชมรมเดียวกันนี่แหล่ะ
ส่วนเขากับโตนั้นสนิทกันมาตั้งแต่ประถมทีเดียว เพราะบ้านก็อยู่ใกล้กัน พ่อแม่รู้จักกัน เรียนประถมมัธยมที่เดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องต่างพ่อต่างแม่ยังได้
พอปีสองชายหนุ่มก็ตัดสินใจสมัครเข้าชมรมตามเพื่อนทั้งๆที่เขาก็ยังเป็นสมาชิกอีกชมรมอยู่
วันแรกที่เขาเดินเข้าชมรมนี้ ก็เป็นโตนั่นแหล่ะที่บอกเขาว่าที่ชมรมมีน้องๆน่ารักทั้งนั้น และถามความคิดเห็นเขาว่าใครโดดเด่นที่สุด ชายหนุ่มมองไปรอบๆ สะดุดตาที่จ๊ะจ๋า ด้วยหน้าตาที่น่ารักทั้งยังดูมีน้ำใจ หล่อนกำลังเดินเสริฟน้ำให้เพื่อนๆในชมรม
โตมองตามแล้วทำปากจุ๊ๆ “ตาถึงนี่หว่า…น้องจ๊ะจ๋าคณะแพทย์ กูก็เล็งอยู่…อ๊ะ เพื่อเพื่อน กูยกให้…”
–พูดอย่างกับเป็นแฟนมันแล้ว- และก็เป็นที่มาของ เอ็นเจโปรเจ็คนั่นแหล่ะ
หลายวิธีถูกสรรหามาเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เขาได้ใกล้ชิดน้องจ๊ะจ๋า
เล่นเกมคู่กันเอย ทำกิจกรรมกลุ่มเดียวกัน บังเอิญเจอกันที่โรงอาหารเลยได้ทานข้าวโต๊ะเดียวกัน และอื่นๆอีกมากมาย
ชายหนุ่มพยายามบอกเพื่อนทั้งสองว่า เขายังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น แต่ทั้งคู่ดูกู่ไม่กลับแล้ว
ยังไงก็ตามนัทยอมรับว่าเขารู้สึกสนุกไปด้วย อีกอย่างเขาชอบที่จะอยู่ใกล้ๆน้ำ บอกไม่ได้ว่าเป็นความชอบแบบไหน ไม่ได้อยากเป็นแฟน เขามีความสุขกับมิตรภาพแบบนี้
เขาชอบมองดูเธอทำอะไรตลกๆไม่ห่วงสวย เขาชอบการที่เธอเอาศอกกระทุ้งสีข้างเขาเวลาที่เห็นน้องจ๊ะจ๋า และอื่นๆอีกหลายอย่าง
ปกติชมรมจะมีประชุมแค่สัปดาห์ละสองครั้ง มีกิจกรรมออกค่ายอาสาย่อยเดือนเว้นเดือน และออกค่ายใหญ่ปีละครั้งทุกปิดภาคการศึกษา
แรกๆนัทเจอน้ำแค่วันเข้าชมรม ต่อๆมา เขาเริ่มมารวมกลุ่มกับน้ำและโตตอนพักกลางวันในบางครั้ง ด้วยความที่ว่าคณะสถาปัตย์ฯที่ทั้งคู่เรียนกับคณะวิศวกกรรมฯอยู่ใกล้ๆกันจึงไม่ยากที่จะเดินมาหา ชายหนุ่มจึงพลอยรู้จักจักกับเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มของทั้งคู่โดยปริยาย
นับจนถึงตอนนี้พวกเขาก็กลายเป็นกลุ่มสามเกลอที่สนิทกันมาก
วันนี้ทั้งสามคนกำลังนั่งอ่านหนังสือที่ม้านั่งข้างสระน้ำ เนื่องจากอีกไม่กี่วันจะมีสอบปลายภาค ศอกอันคุ้นเคยกระทุ้งสีข้างเขา ถึงชายหนุ่มไม่ได้หันไปมองแต่การกระทุ้งถี่ๆแบบนี้ มีอยู่ไม่กี่เรื่อง
“อืม…ว่าไง” ตายังมองหนังสือ
“จ๊ะจ๋า” น้ำกระซิบเบาๆ
“แล้วไง….” ตายังมองหนังสือ มีแต่โตเงยหน้ามองตามที่น้ำบอก
“เธอมองมาด้วย…”
“ก็ทักเธอสิ” ตายังมองหนังสือ
“เธอผ่านไปแล้ว”…เงียบ...เขารับรู้นิดๆจากน้ำเสียงว่าน้ำชักมีน้ำโห หญิงสาวกระแทกดินสอลงบนโต๊ะ...
“เฮ้ย…ชั้นรู้แล้วล่ะ ทำไมมันไม่สำเร็จสักที พวกเราทุ่มสุดตัวกับโปรเจ็คนี้ แต่นายเอาแต่เฉยชา… ตกลงว่าชั้นหรือโตเป็นฝ่ายชอบน้องเขาหรือไงฮึ ทำไมเราต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย”
“น้ำมาโกรธอะไรเราเนี่ย… เราอยู่ของเราดีดี” ตายังมองหนังสือ
น้ำยื่นมือมาปิดหนังสือเขา โตตาเหลือก “เฮ้ยๆ ไอ้น้ำ ใจเย็น”
“ก็นาย…ก็นาย นายมันไม่ให้ความร่วมมือ พวกเราเหมือนทำอะไรที่เสียเปล่าเลย”
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ หันมามองหน้าหญิงสาว หล่อนกำลังโกรธจริงด้วยแฮะ… แต่ตอนนี้เขาก็ชักโกรธจริงๆเหมือนกัน
“เราขอให้ช่วยหรือไง เราเคยขอร้องน้ำเหรอ เราเคยพูดว่าเราชอบน้องเขา ช่วยหน่อยเหรอไง”
ที่หางตา เขาเห็นแล้วว่าโตค่อยๆเก็บหนังสือข้าวของอย่างรวดเร็ว
“นายพูดงี้ได้ไง…ถ้านายไม่ขอ ไม่พูด แล้วพวกชั้นจะทำงี้เหรอ”
“เราพูดเหรอ น้ำแน่ใจนะว่าได้ยินจากปากเรา”
“อ๋อ แน่สิ ก็โตบอกว่า…” หล่อนชะงักไป ทำท่านึกๆ…
“…โต..เฮ้ย…” หล่อนหันขวับไปอีกฝั่ง แต่ตัวต้นเหตุอันตธานหายไปแล้ว
“เอ่อ..เอ่อ…ยังไงก็เหอะ นายก็ผิด ถ้านายไม่ชอบไม่คิด ทำไมนายไม่ปฏิเสธล่ะ นิ่งเป็นสากกระเบืออยู่ได้ นายมัน…”
“แล้วน้ำไม่สนุกหรือไง” ชายหนุ่มสวนขึ้นมาอย่างเหลืออด หญิงสาวอึ้ง
“เพราะน้ำสนุก เราเลยปล่อยไป… ถามจริงๆเถอะ…อยากให้เราเป็นแฟนกับน้องเค้าจริงๆเหรอ” และโดยไม่รอฟังคำตอบ ชายหนุ่มเก็บของและลุกเดินออกไป
น้ำนั่งนิ่ง เขาไม่อยากสนใจแล้วว่าหล่อนจะคิดยังไง มันน่าหงุดหงิด
นัทเดินจากมาอย่างหัวเสีย แต่พอนึกถึงคำพูดของตัวเอง เขาก็หน้าแดง อะไรทำให้เขาถามไปอย่างนั้น ด้วยความโมโหมากกว่ากระมัง
วันต่อมาพวกเขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น น้ำยังคุยเล่นเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่มีเอ็นเจโปรเจ็คอีกต่อไป
อีกอย่างที่ไม่เหมือนเดิม คือความรู้สึกของเขาเอง
นัทยังไม่เคยมีความรักที่จริงจัง เขาเคยคบผู้หญิงคนหนึ่งตอนม.ปลาย เธอเป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
พอตกลงเป็นแฟนกัน เธอก็เริ่มเรียกร้องมากมาย สิ่งที่เคยยอมกันได้กลับไม่ได้ขึ้นมา สุดท้ายเลยเลิกกัน แต่เขาไม่เคยใจเต้นกับเธอคนนั้น
เขายังสงสัยความรู้สึกที่มีกับน้ำ หากมันเหมือนคราวนั้น ชายหนุ่มก็ไม่อยากสูญเสียมิตรภาพแบบนั้นอีก แค่คิดว่าเขาอาจไม่เจอและได้คุยกับเธอ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเลย
แต่ทำไม… เขากลับยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
เวลานั่งด้วยกันสามคน โตมักจะนั่งคั่นกลางเสมอ
เป็นโตนั่นเองที่กอดคอหยอกล้อน้ำอย่างสนุกสนาน
และเป็นโตอีกนั่นแหล่ะที่หล่อนมักจะโทรหาเป็นคนแรกเมื่อต้องการความช่วยเหลือ
โตมักจะอยู่ข้างๆน้ำเสมอ เขาเป็นฝ่ายที่ต้องเดินเข้าไปสมทบ
ถึงจะรู้ว่ามันสมเหตุสมผล แต่เขากำลังอิจฉาเพื่อน… เดี๋ยวนี้เวลาบังเอิญสัมผัสโดนตัวน้ำ ใจเขาก็เต้นแรง
ความรักของสายน้ำ...ตอนที่ ๒ ความรักในอดีต
“น้ำย้ายมาอยู่กรุงเทพฯนานแล้วเหรอ” ชายหนุ่มจ้องหญิงสาวเมื่อตั้งคำถาม
“ฮื่ม…ก็หลายปีแล้วล่ะ” น้ำเอาแต่จ้องจานและเขี่ยอาหารในจานเล่น หล่อนไม่รู้สึกหิวเลยด้วยซ้ำ
“แล้วนัทล่ะ” หญิงสาวถามทั้งๆที่รู้เรื่องราวเขาอยู่แล้วเป็นอย่างดี
“เรากลับมาเมื่อปีที่แล้ว เรียนจบก็ทำงานที่โน่นก่อน” ชายหนุ่มหมายถึงกลับมาจากต่างประเทศ หลังไปศึกษาต่อจนจบปริญญาโท
เขายังจ้องจ้องจ้อง จนน้ำอึดอัด
“น้ำไม่เปลี่ยนเลยเนอะ ยังเหมือนเดิม”
“บ้า…แก่ขึ้นตั้งเยอะ” หญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้ “แต่ นาย เอ้อ..นัทอ่ะ เหมือนเดิมนะ”
“เรียก นาย เหมือนเดิมน่ะดีแล้ว…ไม่เห็นต้องเปลี่ยนสรรพนามเลย”
“อื่อ ฮึ…แล้วเป็นไงบ้าง ทำงานลงตัวหรือยัง” หญิงสาวถามต่อ
“ก็ดี แต่ก็ยาก เพราะความคาดหวังมันเยอะ”
“เป็นธรรมดา…แต่ดูเหมือนนายจะทำได้ดีนะ…อืม…เจอโตบ้างหรือเปล่า”
“บ่อยไป บ้านอยู่ใกล้กันแค่นี้…ทำไมก้มหน้าตลอดล่ะ เงยหน้าได้ไหม”
หญิงสาวถอนหายใจ ไม่มีประโยชน์ที่จะหลบเลี่ยง หล่อนเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
“ดีใจที่ได้เจอนะ…ไม่คิดว่าจะได้เจอนัทที่นี่เหมือนกัน” น้ำไม่รู้จะพูดอะไรต่อๆได้แต่ยิ้มแห้งๆ
ชายหนุ่มชะงัก รอยยิ้มจางหายไป เขามองหล่อน พยายามกดน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความน้อยใจและเสียใจเอาไว้
“เรารู้สึกเหมือรน้ำหลบหน้าเรามากกว่า ถามโตมันก็บอกแต่ไม่รู้ๆ…จริงๆเรามีหลายอย่างอยากถาม เรา…”
ชายหนุ่มยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียงมือถือของน้ำก็ดังขึ้นมา หญิงสาวสะดุ้ง หลังจากดูชื่อที่หน้าจอ ใบหน้าหล่อนเป็นกังวลขึ้นมาทันที
หญิงสาวทำสัญลักษณ์ขอตัวก่อนลุกออกจากโต๊ะ แต่ก็ทันที่ชายหนุ่มจะได้ยิน…
“ค่ะ…พี่เอก…มีอะไรหรือเปล่า” หายไปพักใหญ่ ชลธีกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่ปิดไม่มิดว่ากังวลมาก
“นัท เราขอโทษ เรามีธุระด่วน…ไว้เรานัดมากินข้าวกันสามคนกับโตนะ เราขอโทษจริงๆ” ประโยคหลังเสียงเศร้าจนชายหนุ่มรับรู้ได้ว่าคำขอโทษนี้ มันหมายถึงเรื่องอื่นๆด้วย
ชายหนุ่มอึ้งไป ความจริงที่ว่าหล่อนรีบร้อนจากไปหลังจากคนๆนั้นโทรมา ทำให้ความเจ็บปวดที่คิดว่าไม่เหลือแล้ว กลับติ๊ดๆขึ้นมาอีก
น้ำเดินออกไปจากร้านแล้ว ทั้งรู้ว่าหล่อนไม่มีรถ แต่นัทไม่แม้แต่อยากอาสาไปส่ง
เขาพึ่งรู้ว่า สิ่งที่คิดว่าลืมไปแล้ว มันไม่ใช่ ทั้งๆที่คิดว่า หากบังเอิญได้เจอกัน จะยอมให้อภัย เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม เขารู้แล้วว่าตัวเองทำไม่ได้ ชายหนุ่มกดหาเบอร์โทรที่คุ้นเคย
“เฮ้ย โต กูเอง” เสียงปลายสายงัวเงียตอบมา “วันนี้ไม่ไปทำงานหรือไง” เสียงปลายสายตอบมา ชายหนุ่มอมยิ้ม
“วันนี้อยากชวนกินเหล้าว่ะ…ไม่ว่างเหรอ…ได้ งั้นเป็นพรุ่งนี้”
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ณ บ้านชานเมืองหลังหนึ่ง น้ำขึ้นบันไดไปชั้นบนอย่างเร่งรีบ หญิงสาวคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี
“พี่เอก” หญิงสาวเขย่าตัวชายหนุ่มร่างบางที่นอนขดตัวบนที่นอนเบาๆ เขากำลังร้องไห้
“น้ำ…น้ำ…” ชายหนุ่มพลิกตัว ลุกทันทีขึ้นมากอดหญิงสาวแน่น
น้ำได้แต่ลูบหลังปลอบโยนชายหนุ่ม หญิงสาวหันไปพยักหน้ากับป้าละม่อม แม่บ้านซึ่งยืนอยู่ตรงประตู เป็นสัญญาณว่าให้ปล่อยเธอกับเขาไว้ตามลำพัง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สาวิตตรีกำลังโม้แหลกอย่างสนุกสนาน เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้
“โหย พี่ก้องขา ถ้าพี่ก้องอยู่ในเหตุการณ์วันนี้นะ…อืมหืม อีตาคุณปฐพีน่ะกำลังจะอ้าปากด่าเราอยู่แล้ว พอคุณธนากรสุดหล่อได้ยินชื่อพี่น้ำเท่านั้นแหล่ะ
เหตุการณ์กลับตาลปัตรในบัดดล หน้าแกงี้บานสุดๆ งานเรางี้ผ่านฉลุยเลย”
“เฮ้ย ๆ เว่อร์ป่าวแก” ยอดชายขัด แต่ใจหนึ่งก็อดเชื่อไม่ได้ เพราะจากที่เขาไปนำเสนอล่าสุด คู่แข่งอีกรายมาแรงทีเดียว ด้วยโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม อย่างน้อยเขาคิดว่า หากชนะประมูล ราคาที่ปิดคงจะต่ำลงไปกว่านี้ แต่นี่…ไม่ต่อรองสักคำ เป็นไปได้ไง
“จริงพี่…พรุ่งนี้เค้าจะส่งหนังสือแจ้งคอนเฟิร์มจ้างงานมาให้ หลังแก้แบบ แล้วค่อยทำสัญญา” สาวิตตรีทำหน้าภูมิใจ ราวกับหล่อนเป็นคนปิดงานนี้เอง
หนุ่มๆทั้งสาม เกริกก้อง ยอดชาย กานต์ทำหน้าหมั่นไส้ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับที่สาเล่า
“คุณธนากรเนี่ย เค้าดูดีสุดๆเลยนะพี่ ไม่บอกก็รู้ว่าครบเครื่อง รูปหล่อ บ้านต้องรวยมากแน่เลย มาดแกมันได้อ่า” สายังรำพันต่อ
“แกไม่รู้เหรอว่าเค้าเป็นลูกชายเจ้าของเจเอสทีกรุ๊ป” ยอดชายปิดบังน้ำเสียงริษยาไม่มิด
“เฮ้ย ยอด เพลาๆหน่อย ผู้หญิงประชดประชันยังพอรับได้ แต่แกเนี่ย…มันดูไม่จืด” เกริกก้องดักคอ
“อ้อ ไอ้สา ชั้นจะไม่เชื่อที่แกเล่าจนกว่าชั้นจะได้หนังสือแจ้งนั้น…” พูดยังไม่ทันจบ
“พี่ก้องคะ มีโทรศัพท์จากลูกค้า เจเอสทีซัพพลายค่ะ พี่จะรับข้างนอกหรือในห้องคะ” เลขาแผนกชะโงกหน้ามาถาม
ก้องชะงักสบตากับน้องๆ แล้วทำสัญญาณว่าจะไปรับในห้อง หายไปครู่ใหญ่ เขากลับออกมาพร้อมหน้าตาบึ้งตึง
“ไอ้สา…พวกแกไปทำอะไรกันมาแน่ ที่แกพูดมาทั้งหมดนี่….”
“พี่ก้อง…ทำไมเหรอคะ…บอกสามาเร็ว เค้าโทรมาแคนเซิ่ลเหรอคะ” สาใจคอไม่ดี
เกริกก้องเปลี่ยนสีหน้าเป็นฉีกยิ้มสุดทันทีทันใด “….ชั้นเชื่อแล้วว่ะ…เราได้งานโว้ย ฮ่าฮ่า อย่างงี้ต้องฉลอง มะรืนชั้นจะเข้าไปรับสัญญา”
ยอดยิ้มปลื้ม ทำนองว่า –ผลงานโพ๊ม-
“งานออกแบบตกแต่งเซอร์วิสเซ็นเตอร์ ตั้งกี่สาขาวะเนี่ย” กานต์ยกนิ้วให้ยอดอย่างซูฮก
“แต่…งานนี้เค้าระบุให้ไอ้น้ำต้องเข้าร่วมโปรเจ็คด้วยนะ” ก้องทิ้งท้ายก่อนเดินผิวปากเข้าห้อง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ชายหนุ่มนั่งจมอยู่ในความคิดที่ยังวนเวียนถึง “อดีตเพื่อน”
ตั้งแต่กลับมาถึงออฟฟิศ นัทแทบไม่มีสมาธิในการทำงาน ความทรงจำต่างๆ ผลุดขึ้นมาราวกับพึ่งเกิดเมื่อวานนี้ สิ่งที่พยายามลืมและคิดว่าลืมได้แล้วมาตลอดหลายปี วันนี้ไหลทะลักกลับมาราวกับถูกกักกั้นไว้นาน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(เก้าปีที่แล้ว)
ทั้งน้ำและโตสนุกสนานกับการพยายามจับคู่ให้เขาภายใต้ชื่อ เอ็นเจโปรเจ็ค (มาจากนัทและจ๊ะจ๋า) หลายวิธีถูกนำมาใช้โดยไม่ได้ถามความสมัครใจจากเขาเลยสักนิด
บางครั้งชายหนุ่มก็รู้สึกอึดอัด ตอนแรกเขาสนใจจ๊ะจ๋าก็จริง แต่ก็เพียงผิวเผิน
การที่มาเข้าร่วมชมรม หลักๆคือต้องการทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัย อีกทั้งตอนอยู่ปีหนึ่ง โตมักจะเล่าเรื่องความสนุกสนานในการออกค่ายและเรื่องแผลงๆที่ทำร่วมกับน้ำให้เขาฟังบ่อยๆ
โตมาสนิทกับน้ำก็เพราะอยู่ชมรมเดียวกันนี่แหล่ะ
ส่วนเขากับโตนั้นสนิทกันมาตั้งแต่ประถมทีเดียว เพราะบ้านก็อยู่ใกล้กัน พ่อแม่รู้จักกัน เรียนประถมมัธยมที่เดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องต่างพ่อต่างแม่ยังได้
พอปีสองชายหนุ่มก็ตัดสินใจสมัครเข้าชมรมตามเพื่อนทั้งๆที่เขาก็ยังเป็นสมาชิกอีกชมรมอยู่
วันแรกที่เขาเดินเข้าชมรมนี้ ก็เป็นโตนั่นแหล่ะที่บอกเขาว่าที่ชมรมมีน้องๆน่ารักทั้งนั้น และถามความคิดเห็นเขาว่าใครโดดเด่นที่สุด ชายหนุ่มมองไปรอบๆ สะดุดตาที่จ๊ะจ๋า ด้วยหน้าตาที่น่ารักทั้งยังดูมีน้ำใจ หล่อนกำลังเดินเสริฟน้ำให้เพื่อนๆในชมรม
โตมองตามแล้วทำปากจุ๊ๆ “ตาถึงนี่หว่า…น้องจ๊ะจ๋าคณะแพทย์ กูก็เล็งอยู่…อ๊ะ เพื่อเพื่อน กูยกให้…”
–พูดอย่างกับเป็นแฟนมันแล้ว- และก็เป็นที่มาของ เอ็นเจโปรเจ็คนั่นแหล่ะ
หลายวิธีถูกสรรหามาเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เขาได้ใกล้ชิดน้องจ๊ะจ๋า
เล่นเกมคู่กันเอย ทำกิจกรรมกลุ่มเดียวกัน บังเอิญเจอกันที่โรงอาหารเลยได้ทานข้าวโต๊ะเดียวกัน และอื่นๆอีกมากมาย
ชายหนุ่มพยายามบอกเพื่อนทั้งสองว่า เขายังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น แต่ทั้งคู่ดูกู่ไม่กลับแล้ว
ยังไงก็ตามนัทยอมรับว่าเขารู้สึกสนุกไปด้วย อีกอย่างเขาชอบที่จะอยู่ใกล้ๆน้ำ บอกไม่ได้ว่าเป็นความชอบแบบไหน ไม่ได้อยากเป็นแฟน เขามีความสุขกับมิตรภาพแบบนี้
เขาชอบมองดูเธอทำอะไรตลกๆไม่ห่วงสวย เขาชอบการที่เธอเอาศอกกระทุ้งสีข้างเขาเวลาที่เห็นน้องจ๊ะจ๋า และอื่นๆอีกหลายอย่าง
ปกติชมรมจะมีประชุมแค่สัปดาห์ละสองครั้ง มีกิจกรรมออกค่ายอาสาย่อยเดือนเว้นเดือน และออกค่ายใหญ่ปีละครั้งทุกปิดภาคการศึกษา
แรกๆนัทเจอน้ำแค่วันเข้าชมรม ต่อๆมา เขาเริ่มมารวมกลุ่มกับน้ำและโตตอนพักกลางวันในบางครั้ง ด้วยความที่ว่าคณะสถาปัตย์ฯที่ทั้งคู่เรียนกับคณะวิศวกกรรมฯอยู่ใกล้ๆกันจึงไม่ยากที่จะเดินมาหา ชายหนุ่มจึงพลอยรู้จักจักกับเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มของทั้งคู่โดยปริยาย
นับจนถึงตอนนี้พวกเขาก็กลายเป็นกลุ่มสามเกลอที่สนิทกันมาก
วันนี้ทั้งสามคนกำลังนั่งอ่านหนังสือที่ม้านั่งข้างสระน้ำ เนื่องจากอีกไม่กี่วันจะมีสอบปลายภาค ศอกอันคุ้นเคยกระทุ้งสีข้างเขา ถึงชายหนุ่มไม่ได้หันไปมองแต่การกระทุ้งถี่ๆแบบนี้ มีอยู่ไม่กี่เรื่อง
“อืม…ว่าไง” ตายังมองหนังสือ
“จ๊ะจ๋า” น้ำกระซิบเบาๆ
“แล้วไง….” ตายังมองหนังสือ มีแต่โตเงยหน้ามองตามที่น้ำบอก
“เธอมองมาด้วย…”
“ก็ทักเธอสิ” ตายังมองหนังสือ
“เธอผ่านไปแล้ว”…เงียบ...เขารับรู้นิดๆจากน้ำเสียงว่าน้ำชักมีน้ำโห หญิงสาวกระแทกดินสอลงบนโต๊ะ...
“เฮ้ย…ชั้นรู้แล้วล่ะ ทำไมมันไม่สำเร็จสักที พวกเราทุ่มสุดตัวกับโปรเจ็คนี้ แต่นายเอาแต่เฉยชา… ตกลงว่าชั้นหรือโตเป็นฝ่ายชอบน้องเขาหรือไงฮึ ทำไมเราต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย”
“น้ำมาโกรธอะไรเราเนี่ย… เราอยู่ของเราดีดี” ตายังมองหนังสือ
น้ำยื่นมือมาปิดหนังสือเขา โตตาเหลือก “เฮ้ยๆ ไอ้น้ำ ใจเย็น”
“ก็นาย…ก็นาย นายมันไม่ให้ความร่วมมือ พวกเราเหมือนทำอะไรที่เสียเปล่าเลย”
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ หันมามองหน้าหญิงสาว หล่อนกำลังโกรธจริงด้วยแฮะ… แต่ตอนนี้เขาก็ชักโกรธจริงๆเหมือนกัน
“เราขอให้ช่วยหรือไง เราเคยขอร้องน้ำเหรอ เราเคยพูดว่าเราชอบน้องเขา ช่วยหน่อยเหรอไง”
ที่หางตา เขาเห็นแล้วว่าโตค่อยๆเก็บหนังสือข้าวของอย่างรวดเร็ว
“นายพูดงี้ได้ไง…ถ้านายไม่ขอ ไม่พูด แล้วพวกชั้นจะทำงี้เหรอ”
“เราพูดเหรอ น้ำแน่ใจนะว่าได้ยินจากปากเรา”
“อ๋อ แน่สิ ก็โตบอกว่า…” หล่อนชะงักไป ทำท่านึกๆ…
“…โต..เฮ้ย…” หล่อนหันขวับไปอีกฝั่ง แต่ตัวต้นเหตุอันตธานหายไปแล้ว
“เอ่อ..เอ่อ…ยังไงก็เหอะ นายก็ผิด ถ้านายไม่ชอบไม่คิด ทำไมนายไม่ปฏิเสธล่ะ นิ่งเป็นสากกระเบืออยู่ได้ นายมัน…”
“แล้วน้ำไม่สนุกหรือไง” ชายหนุ่มสวนขึ้นมาอย่างเหลืออด หญิงสาวอึ้ง
“เพราะน้ำสนุก เราเลยปล่อยไป… ถามจริงๆเถอะ…อยากให้เราเป็นแฟนกับน้องเค้าจริงๆเหรอ” และโดยไม่รอฟังคำตอบ ชายหนุ่มเก็บของและลุกเดินออกไป
น้ำนั่งนิ่ง เขาไม่อยากสนใจแล้วว่าหล่อนจะคิดยังไง มันน่าหงุดหงิด
นัทเดินจากมาอย่างหัวเสีย แต่พอนึกถึงคำพูดของตัวเอง เขาก็หน้าแดง อะไรทำให้เขาถามไปอย่างนั้น ด้วยความโมโหมากกว่ากระมัง
วันต่อมาพวกเขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น น้ำยังคุยเล่นเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่มีเอ็นเจโปรเจ็คอีกต่อไป
อีกอย่างที่ไม่เหมือนเดิม คือความรู้สึกของเขาเอง
นัทยังไม่เคยมีความรักที่จริงจัง เขาเคยคบผู้หญิงคนหนึ่งตอนม.ปลาย เธอเป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
พอตกลงเป็นแฟนกัน เธอก็เริ่มเรียกร้องมากมาย สิ่งที่เคยยอมกันได้กลับไม่ได้ขึ้นมา สุดท้ายเลยเลิกกัน แต่เขาไม่เคยใจเต้นกับเธอคนนั้น
เขายังสงสัยความรู้สึกที่มีกับน้ำ หากมันเหมือนคราวนั้น ชายหนุ่มก็ไม่อยากสูญเสียมิตรภาพแบบนั้นอีก แค่คิดว่าเขาอาจไม่เจอและได้คุยกับเธอ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเลย
แต่ทำไม… เขากลับยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
เวลานั่งด้วยกันสามคน โตมักจะนั่งคั่นกลางเสมอ
เป็นโตนั่นเองที่กอดคอหยอกล้อน้ำอย่างสนุกสนาน
และเป็นโตอีกนั่นแหล่ะที่หล่อนมักจะโทรหาเป็นคนแรกเมื่อต้องการความช่วยเหลือ
โตมักจะอยู่ข้างๆน้ำเสมอ เขาเป็นฝ่ายที่ต้องเดินเข้าไปสมทบ
ถึงจะรู้ว่ามันสมเหตุสมผล แต่เขากำลังอิจฉาเพื่อน… เดี๋ยวนี้เวลาบังเอิญสัมผัสโดนตัวน้ำ ใจเขาก็เต้นแรง