ตามรักคืนเรือน ตอนที่ 4

กระทู้สนทนา
ตรู๊ดดดด.....  เสียงโทรศัพท์ ดังเกือบ สองนาที กว่าเจ้าของห้องจะงัวเงีย ขึ้นมารับสาย

   “ฮัลโหล สวัสดีคะ” น้ำเสียงนั้นยังงัวเงียเต็มที่

   “ยายหวาน เหรอ ตะวันจะส่องก้นแล้วยังไม่ตื่นอีกเหรอ”

   “น้าเกียรติ เหรอค่ะ?” วาณี จำเสียงน้าได้ทันที ก็จะมีใครที่จะสวด เทศนา หล่อนได้ตั้งแต่ ทักทายคำแรกได้ เหมือนก้องเกียรติ น้าชายคนเดียวของหล่อน

    “เออ น้าเองจะโทรมาส่งข่าวว่า คุณตากิจ เสียแล้ว”

        แม้จะรู้มานานเกือบปี แล้วว่าคุณตา กิจจา สุขภาพย่ำแย่ เข้าออกโรงพยาบาล แทบจะเดือนเว้นเดือน ในช่วงสอง สามปีหลัง แต่ข่าวที่ได้รับก็ทำให้วาณี ใจหายวูบ ต่อไปหล่อนจะไม่ได้เห็นคุณตาอีกแล้ว คุณตาที่เงียบขรึมแต่ใจดี แม้จะมีคนบอกว่าท่านเคยเป็นนักเลงใหญ่ มาก่อนแต่สำหรับหล่อน ชายชราร่างเล็กนั้นเป็นญาติผู้ใหญ่ ฝั่งมารดา คนเดียวที่หล่อนนับถือ เสียงผู้เป็นน้า บอกชื่อวัดที่อยู่ละแวกบ้านสวนในจังหวัด สมุทรสาคร พร้อมทั้งกำหนดสวดพระอภิธรรม หล่อนได้แต่ ส่งเสียง “ค่ะ” ตอบรับไป

   “แล้วส่งข่าวบอกแม่แกด้วยละ ว่ายังมีญาติมีเชื้อเหลืออยู่อีก”

   คำพูดทิ้งท้าย ของน้าชายทำให้ อารมณ์เศร้าของหล่อนลดหายไปกว่าครึ่ง ก็ญาติคนเดียวเพิ่งจะเสียไป คนอื่นที่เหลือ เคยนับครอบครัวหล่อนเป็นญาติด้วยหรือ ยามที่ครอบครัวของหล่อนต้องการที่พึ่งพิงอาศัย มีใครเคยยื่นมือ เข้ามาโอบอุ้มไหม จะมีก็เพียงแต่คุณตากิจา คนเดียวที่ฉุดรั้งประคอง ให้สองคนแม่ลูก ยืนหยัดได้อีกครั้ง  

   “ค่ะ แล้วหวานจะบอกคุณแม่ให้ ท่านอาจจะมาทัน สวดวันสุดท้าย หรืออาจจะมาวันเผาเลย ”เสียงตอบรับนั้นเรียบเฉยจนหล่อนเองยังแปลกใจ หล่อนกดวางสาย โดยหยุดนิ่งมองโทรศัพท์ตรงหน้าอยู่ครู่ใหญ่ มีเรื่องต้องทำเพิ่มขึ้นหลายอย่างวันนี้

   วาณี เหลือบมองนาฬิกา ติดฝาผนัง เกือบ 9 โมงแล้ว เมื่อคืนหล่อนนั่งร่างแบบงานจนเกือบตีสอง แต่สุดท้ายก็ยังไม่เสร็จ  หลังจากจัดแจงอาบน้ำแต่งตัว เลือกเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงยีนส์ รวบผมด้วยหนังยางลองพื้นหน้าด้วยแป้งบางๆ เป็นอันเสร็จพิธี ก่อนออกจากห้องเลือกกระโปรงดำพับใส่เป้อีกตัวไว้เปลี่ยนที่ทำงาน ออกจากห้องส่วนตัวมาที่ห้องโถงกลาง ก็เห็นว่าพี่ชาย ทอดไข่ดาว ไส้กรอกไว้ให้ พร้อมกับกระดาษโน้ตเหน็บใต้จาน
          
        ‘กินด้วย ถ้าเย็นก็ใส่เวฟ’

     วาณีหยิบกระดาษแผ่นน้อยขี้นมาอ่านแล้วก็คิดในใจ ทำไมเรื่องทำกับข้าว แค่ทอดไข่ หล่อนถึงสู้พี่ชายไม่ได้เลย จนกลายเป็นหน้าที่ที่ ปริญญาจะทำอาหารเช้าให้ตัวเองและเผื่อให้ หล่อนก่อนออกไปทำงานทุกวันถ้าเขามาพักด้วย


       วันนี้หล่อนคงไม่กลับมากินข้าวเย็น ต้องโทรรายงานพี่ปุ่นก่อน เรื่องงานศพคุณตากิจ บางทีพี่ชายอาจจะไปด้วย ถึงจะไม่ได้เป็นญาติกัน แต่ปริญญา ก็คุ้นเคยกับคุณตากิจพอสมควรหล่อนจดโน้ตไว้ ว่าต้องโทรหาพี่ชายตอนเที่ยง ก่อนจะยกหูโทรศัพท์ถึงปลายทาง ที่รีสอร์ท บนเกาะสมุย

   “ตะวันริน รีสอร์ท สวัสดีคะ”

   “คุณกัลยา อยู่ไหม นั้นจอย  หรือ อิ๋ว”

   “คุณหวาน เหรอค่ะ? จอยคะ” เสียงจากอีกปลายสายถามกลับมา “นายหญิง ออกไปจ่ายตลาดค่ะ อีกเดี๋ยวก็คงกลับ จะสั่งอะไรไว้ไหมค่ะ”

   “บอกให้คุณแม่โทรกลับหาฉันด้วย แล้วคุณลุงเป็นไงบ้างจ๊ะหายป่วยหรือยัง”

   “นายใหญ่ ลุกขึ้นมาทำงานได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ วันนี้ก็ขับรถไปให้นายหญิง ”

   “ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ จอยอย่าลืม บอกให้คุณแม่โทรกลับ หาฉันด้วยละ” หล่อนย้ำให้แน่ใจอีกครังก่อนจะวางสาย

   หลังจากที่ แม่  ฟ้องหย่าขาดจากพ่อ หล่อนและแม่ก็มาอาศัยบ้านสวนของคุณตากิจจา เพื่อหลบจากอิทธิพลของผู้เป็นพ่อ เรื่องฟ้องหย่าครั้งนั้น เป็นที่ครึกโครม ไปทั้งจังหวัด เพราะ อิทธิพ่อของหล่อน เป็นลูกเจ้าของโรงสีใหญ่ ข่าวเรื่องการทุบตีภรรยาจนโดนฟ้องหย่า เป็นหัวข้อข่าว  ที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั่วทั้งจังหวัดพ่อของหล่อนนั้นแค้นแม่มาก เพราะพ่อหวังจะลงสมัครผู้แทนแต่เพราะเรื่องหย่าทำให้พ่อไม่ได้รับเลือกจากพรรค

   แม่ได้งานทำที่เกาะ สมุย จากการฝากฝังของคุณตา ที่นั้นเอง แม่ได้พบกับ ลุงปลื้ม พ่อของพี่ปุ่น ก่อนที่ลุงปลื้มพ่อม่ายใหญ่ จะสละโสดรอบสอง กับกับแม่ของหล่อน ในวันที่หล่อนอายุครบ สิบสองขวบ หล่อนได้ของขวัญ เป็นพ่อเลี้ยงใจดี หนึ่งคนกับพี่ชาย ที่น่ารักและทำอาหารเก่งอีกหนึ่งคน

   -------------------------------------------------

   “เล็ก เย็นนี้ว่างหรือเปล่า” เสียงคุ้นหูถามขึ้นแบบไม่มีคำทักทาย หลังจากเคาะประตูห้องพอเป็นพิธี แม้ถามว่าว่างไหม แต่ สำหรับวิวัฒน์ แล้วคุ้นเคยกับคำถามแนวนี้ของ จิระ ดี รู้ว่าต่อให้เขาบอกว่าไม่ว่าง จิระ ก็จะลากเขาไปจนได้

   “พีจิ จะไปลุยไหนเหรอครับ”

   “เฮ้ย เรื่องงาน คุณกิจจา เจ้าของที่ แปลงในสุดเสียแล้ววันนี้เล็กไปกับพี่ เอาหรีดในนามบริษัทไปเคารพศพ  ส่วนพี่จะไปหยั่งดูทางญาติๆก่อนว่า ใครได้ที่ไป”

   “แล้ว สวดวัดไหนครับ ผมจะได้โทรไปสั่งหรีดให้เขาไปส่งให้ก่อน“

   “เฮ้ย ไม่ได้ เล็กต้องถือเข้าไปเอง ตอนแนะนำตัวกับทางญาติเล็กไม่ได้เป็นลูกน้องพี่  แต่ไปในฐานะหุ้นส่วนบริษัท  แต่เรื่องเจรจา พี่ออกหน้าเอง “พูดจบก็หยิบกระดาษ จดแผนที่วัดยื่นส่งให้

   “ไปรถแกนะ รถพี่มันโทรมกลัวจะไปไม่ถึง”

   “โห พี่จิ เลิกงานแล้วจะออกไปทันเหรอ” แผนที่ระบุเส้นทางวัดในจังหวัดสมุทรสาคร ทำให้เขาอดจะโอดครวญไม่ได้

   “ก็รอให้เลิกงานทำไม ไปงานศพนี่ก็ไปทำงาน ควรจะได้โอที ด้วยซ้ำไป แกออกไปสั่งหรีด ตั้งแต่ตอนนี้เลย บ่ายๆ  ออกไปเอาหรีด ด้วยกันแล้วเลยไปเลย”

   “โอเค ครับพี่” สำหรับคำว่าตอนนี้ ของจิระ หมายถึง ตอนนี้จริงๆ เขาเก็บแฟ้มงานที่อ่านค้าง  เพื่อจะออกไปร้านดอกไม้ข้างๆบริษัท เพื่อสั่งพวงหรีด ขณะที่จิระ เดินกลับไปทำงานที่ห้องของตัวเองแล้ว

     สำหรับ ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่าย ห้องทำงานของเขาออกจะพิเศษ ทั้งขนาดและความเป็นส่วนตัว เป็นอภิสิทธิเล็กๆที่ได้จากการเป็นลูกชายหุ้นส่วนผู้ก่อตั้งบริษัท จะมีก็แต่จิระที่ปฏิบัติต่อเขาไม่ต่างจากพนักงานทั่วไป นี่คงเป็นสาเหตุที่บิดาเลือกที่จะให้เขามาฝึกงานกับจิระ

   โครงการ แรกที่เขาเข้ามารับงาน คือ ช้อปปิ้งมอลล์ขนาดกลาง พร้อมทั้งอาคารโรงแรม ในจังหวัดสมุทรสาคร และหัวใจสำคัญของโครงการนี้คือ ที่ดินแปลงที่ติดกับคลอง ของนายกิจจา ถ้าได้ที่ดินแปลงนี้มา ก็จะเจรจากับ ทางโรงแรมขนาดใหญ่เให้ข้ามาร่วมทุนจะง่ายขึ้นมาก ติดอยู่ที่ นายกิจจา ปฏิเสธที่จะขายมาโดยตลอด  จนจิระ เองก็ตัดสินใจถอยโดย ลดขนาโครงการลง ข่าวการเสียชีวิต ของนายกิจจาคงทำให้ จิระตัดสินใจ ฮึดที่จะเดินหน้าตามแผนเดิมอีกครั้งแม้ว่าจะยังไม่รู้เลยว่าใครจะได้ มรดกที่แปลงนี้ไป
  
   วิวัฒน์ กดเบอร์โทรศัพท์ ภายใน ไปยังโต๊ะ เลขารองประธาน กรรมการผู้จัดการ รอจนได้ยินเสียง รับสาย

   “คุณแม่ เหรอครับ วันนี้เล็กไม่กลับไปทานข้าวเย็น นะครับ"

      --------------------------------------------------------

แม้จะรู้ว่านายกิจจา โชติแสงสกุลวงศ์ เป็นผู้กว้างขวาง แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพของผู้คนเต็มวัดขนาดนี้ รถยนต์สปอร์ตสีแดงขับตามสัญญาณมือ ของเจ้าหน้าที่ของวัดเข้าไปจอด ต่อแถวในลานดินแดงข้างๆวัด แม้จะไกลจากวัด แต่มี ไฟนีออน ติดเสาไม้ ปักไว้เป็นช่วงๆ ตลอด แนวอำนวยความสะดวกให้กับผู้มาร่วมงาน ช่วงกลางคืน

   สองหนุ่มเดินผ่านเข้าประตูวัด ศาลาสวดศพนั้นมีเพียงสองศาลาแต่วันนี้ถูกจัดไว้สำหรับงานเดียวโดยทางวัดตั้ง เต็นท์ยาวเชื่อมศาลาทั้งสองฝั่งเข้าด้วยกัน จัดเรียงเก้าอี้ เป็นแถวยาวไว้เต็มพื้นที่ มีคนนั่ง อยู่ราวหนึ่งในสามแล้ว วิวัฒน์เหลือบมองกระดานที่หน้างานถึงรู้ว่าเป็นวันสวดวันแรก แสดงว่าจิระ ไม่เคยตัดใจเรื่องที่ดินเลยไม่งั้นคงไม่เฝ้าตามข่าวของ กิจจา ตลอดเวลา จึงทราบข่าวทันทีตั้งแต่เช้า

   จิระเดินเข้าไปทักทาย และกล่าวแสดงความเสียใจกับญาติของผู้ตาย นาย ก้องเกียรติ นั้นจิระคุ้นเคยดี เพราะติดต่อซื้อที่กันมาก่อน        ก้องเกียรติยังเป็นนายหน้าช่วยรวบรวมที่อีกหลายๆแปลงให้กับบริษัท ฟันค่านายหน้าไปหลายแสน ตัวเขาเองก็เคยพบกับก้องเกียรติ หลายครั้งแต่ไม่ได้มีการแนะนำกันอย่างเป็นทางการ ปกติจิระจะบอกแค่เขาเป็นผู้ช่วยแค่นั้น  
  
   “สวัสดีครับ คุณเกียรติ” จิระทักทายก่อน

   “สวัสดีครับ คุณจิระ ทราบข่าวไวจริง ขอบคุณครับที่อุตส่าห์มา”

   “นี่คุณ วิวัฒน์ ลูกชายคุณวิทยา หุ้นส่วนบริษัทครับ ตอนนี้ฝึกงานเป็นผู้ช่วยผมอยู่” จิระหันไปแนะนำ วิวัฒน์ คำแนะนำทำให้ท่าทีของ ก้องเกียรติ เปลี่ยนไป  กุลีกุจอ เข้ามารับพวงหรีดที่เขาถืออยู่ ก่อนจะส่งให้ลูกน้องไปจัดที่วางไว้ด้านหน้า

   “ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ ผมมีโอกาสเข้าไปพบท่านหลายครั้งยังเห็นว่ายังแข็งแรงดีอยู่เลย”

   “คงโดนคุณพ่อ ท่านไล่ออกมาสิครับ ถึงเห็นว่าท่านแข็งแรง ถ้าเป็นเรื่องที่ดินริมน้ำนั่นละก็ คุณพ่อจะมีแรงฮึดขึ้นมาทันที ใครก็เข้าหน้าไม่ติดหรอกครับ”

   “เดี๋ยวผมขอตัวไป เคารพศพก่อนนะครับ” จิระเข้ามาตัดบทก่อนจะหันมาชวนเขา “เล็กเข้าไปเคารพศพก่อน”

   วิวัฒน์กับจิระเดินออกจากศาลาที่ตั้งศพหลังจากเข้าไปเคารพศพแล้ว จิระนั้นเข้ามาสะกิดเขาก่อนจะกระซิบเบาๆ

   “ไปนั่งข้างหลังกัน”

   เลือกที่นั่งด้านหลัง ที่ไม่ค่อยมีคนนั่งได้ ตรงเต็นท์ด้านหนึ่ง

   “จำที่พี่เล่าให้ฟังบนรถได้ไหม ว่ากรมชลได้ งบขยายคลองมาก้อนสำหรับรอกคลอง กับขยายแนวคลองออกไป ทั้งสองฝั่ง”

   “ครับจำได้”

   “ถ้าคลองกว้างขึ้น ลึกขึ้น เรือขนาดกลาง ก็จะเข้ามาได้สายพี่ที่ที่ดิน บอกว่ามีคนกำลังรวบรวมที่ดิน แปลงติดๆกับเราอยู่เหมือนกัน แล้วนายหน้าก็ไม่ใช่ใคร นายก้องเกียรติ นี่แหละ”

   “กลุ่มไหนพี่จิรู้ไหมครับ”

   “ยังไม่รู้เลย  ให้พรรคพวกตามสืบอยู่ แต่วันนี้ยืมหัวโขนเล็ก มาช่วยเสริมบารมีพี่ แต่ท่าทีนายก้องเกียรติ ดูจะไม่ค่อยแคร์ทางเราแล้ว อีกฝ่ายคงให้มากกว่าเราเยอะ”

   พูดจบก็ชะโงกหน้า โบกมือเหมือนเจอคนรู้จักกัน

   “เล็กนั่งฟังสวดคนเดียวนะ พีเจอพวกที่ที่ดินจังหวัด จะไปนั่งฟังสวด เม้าท์กับพวกนั้นเผื่อได้ข่าวอะไรบ้าง สวดจบแล้วรอด้วยละ”

   สั่งเสร็จ จิระก็เดินเข้าไปสมทบกับกลุ่มข้าราชการที่เดินเข้ามาใหม่กลุ่มใหญ่
  
             ------------------------------------------------------------------
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่