จากการอ่านไปเจอบทความเรื่อง Complex PTSD
https://sophysophia.wordpress.com/2018/08/25/complex-ptsd-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%87%E0%B8%87/
เราคิดถึงเหตุการณ์นึงเมื่อในอดีต
เราขออธิบายเรื่องทั้งหมดในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมา เพื่อเก็บไว้ให้ใครซักคนที่เกี่ยวข้องได้เห็นและรับรู้
ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะสภาพจิตใจเราเอง
ที่เหมือนชั้นที่เป็นภูเขาน้ำแข็งมันทะลายลง แค่เค้าเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ ไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้เราป่วยทางจิต
เคยได้ยินทฤษฎีภูเขาน้ำแข็งไหม? ที่บอกว่า การแสดงออกของคนหรืออัตลักษณ์ภายนอกของคนๆนึงนั้น
เหมือนแค่ยอดภูเขาที่โผล่ขึ้นมาพ้นน้ำ แต่ลึกๆแล้วยังมีภูเขาที่ยิ่งใหญ่จมอยู่ภายใต้ และหลับใหลอยู่
เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
เรื่องที่ 1 ความรักและความสัมพันธ์กับครอบครัวที่เรารู้จัก
เราอยู่กับแม่ โดยที่พ่อทำงานต่างจังหวัด ดังนั้นสำหรับเราแล้ว พ่อคือคนแปลกหน้า ผู้ชายแปลกหน้าที่แค่แวะมาเยี่ยมหา และไปทำงาน เราเคยกลัวพ่อจนกระทั่งสั่นไปหมด ร้องไห้ ไม่ยอมให้อุ้ม (จากที่แม่เล่า) ดังนั้นสำหรับเราที่เป็นเด็กแล้ว เราโดนใครก็ไม่รู้มาแตะต้องตลอดเวลา ทำให้เรามีปฏิสัมพันธ์ ผูกมิตรต่อคนแปลกหน้าง่ายดาย แต่ไม่ยอมให้ก้าวเข้ามาลึกเกินกว่าที่เราจะอนุญาต
เรื่องที่ 2 ความรักครั้งแรก
เด็กน้อยวัยสามขวบ หลังจากที่เฝ้ารอคอยมาตลอดถึงการเกิดของน้องสาวฝาแฝด ตามที่แม่พร่ำบอก (ตอนที่น้องอยู่ในท้อง)
ความคาดหวังและความรักครั้งแรกของการเป็นพี่ ของเด็กสามขวบคนนึง ได้แหลกสลายลงเมื่อน้องเกิดได้สามเดือน
น้องสาวเราเสียชีวิต คนนึง เราไม่เคยโทษน้องหรือแม่ แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นอาจไม่เข้าใจหรอกว่าการที่น้องเสียไม่ได้เกี่ยวกับแม่
และการที่แม่ความจำเสื่อมไม่ได้เกี่ยวกับการที่น้องเกิดมา
เรื่องที่ 3 ความเจ็บปวดที่ถูกงัดออกมาทุกครั้งที่ตัวเองกำลังจะรักใครซักคน
หลังจากที่น้องเสีย แม่เราสูญเสียความทรงจำ แม้จะเป็นเหตุการณ์แค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง และ ณ ตอนนี้ แม่ยังกลับมาจำได้
แต่ ณ เวลานั้นที่เด็กผู้หญิงวัย 3 ขวบ กำลังต้องการครอบครัวและแม่อย่างมาก กลับสูญเสียทุกอย่างไป เพราะอะไรที่เราเกลียดความเงียบ ทำไมเราถึงชอบจะเป็นคนที่ตอบลงท้ายประโยคทุกๆครั้ง เรามาใคร่ครวญตัวเอง อาจเพราะครั้งหนึ่งเมื่อในอดีต
เราเรียกคนที่เป็นแม่ แล้วเราได้รับแต่ความเงียบกลับมา แม่ที่จำอะไรไม่ได้ เวลาที่ผ่านไป บาดแผลที่เด็กวัยสามขวบคนนั้นได้รับไม่เคยหายไป เรามักจะเรียกร้องจนกว่าที่จะได้รับคำตอบ เพราะเรากลัวความเงียบ และการนิ่งเฉยจากคนที่รักต่างหาก
เรื่องที่ 4 การไปโรงเรียน
ในขณะที่เสียน้อง แม่จำอะไรไม่ได้ เด็กสามขวบกับสภาวะที่ต้องสูญเสียของสำคัญไป เรายังต้องไปโรงเรียน
และถูกบังคับให้ต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆ เราคิดว่าเราคงไม่อยากพูดกับเพื่อนคนไหนซักคนหรอก ณ เวลานั้น
ในความทรงจำเราเคยเดินตากฝนกลางร่มอยู่คนเดียวกลางสนามหญ้า จนครูต้องเข้ามาพาส่งกลับบ้าน
ณ ตอนนี้ก็จำรายละเอียดไม่ได้ มันลึกเกินไป เราไม่รู้หรอกว่าเด็กคนนั้นคิดอะไรถึงทำแบบนั้น แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ
การเรียนรู้ที่จะมีเพื่อน จนถึง ณ ปัจจุบัน ค่อนข้างต่ำสำหรับเราด้วย เราชอบอยู่เงียบๆ อยู่กับบ้าน อยู่กับตัวเองมากกว่า
เราไม่เคยชอบการไปโรงเรียน เคยทั้งแกล้งป่วย และสมองบังคับตัวเองให้ป่วยจริงๆเพราะอยากอยู่บ้าน ไม่อยากไปเจอคนอื่น
ถ้าเป็นปัจจุบัน เด็กสามขวบคงนั้นน่าจะเรียกได้ว่ามีอาการซึมเศร้าได้อยู่มั้ง
5. การเติบโต
เราเติบโตขึ้น ลืมเลือนเรื่องพวกนั้นไป แม่ความทรงจำกลับมา เราย้ายบ้านเปลี่ยนจังหวัด เราเหมือนเป็นผู้ใหญ่
ไปใช้ชีวิตต่างจังหวัดคนเดียว ออกบินร่อนไปทั่วโดยที่เราไม่เคยรู้เลยว่า ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจ มันไม่เคยได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี
6. การมีความรักและการอกหัก
จนในที่สุด ความบังเอิญของเหตุการณ์ก็เกิดขึ้น เราถามตัวเองตลอดว่า ทำไมเราอกหักได้หนักกว่าคนธรรมดา ทำไมอารมณ์เรารุนแรงจนควบคุมไม่ได้ จนป่วยเป็นจิตเภท ทำไมเราถึงหวาดกลัวและร้องไห้ได้ราวกับเป็นคนบ้าจนกระทั่งหายใจไม่ออก
ทำไมเราถึงเจ็บปวดได้มากมายขนาดนั้น ช่วงนึงที่เราเจ็บร้าวไปทั้งตัวจนไม่อยากลุกและลืมตาไม่ขึ้นด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้เป็นอะไร
เราไปทำอาสาที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในเหตุการณ์ที่เราได้รับความเงียบจากคนที่เรามอบความรักให้ เหตุการณ์ทั้งหมด
คล้ายคลึงกับที่เด็กสามขวบคนนั้นพบเจอ เหตุการณ์ที่โลกทั้งใบแหลกสลายลงหลังจากความคาดหวังที่มีตลอดหนึ่งปีว่า
หลังจากที่เรารอคอย แล้วเราจะสมหวัง เหตุการณ์นั้น ดึงเรื่องทั้งหมดที่เลวร้ายในความทรงจำของเราออกมา
ในสภาพแวดล้อมที่กดดันจากการทำงานและสังคมไกลบ้าน ไม่มีครอบครัว ไม่มีแม่ และไม่มีใคร เหมือนเด็กน้อยสามขวบคนนึง
ในที่สุด เราก็แบกรับภูเขาน้ำแข็งไม่ไหว และช๊อค
จนกระทั่งเราทิ้งทุกอย่าง แต่ก็ยังมีจุดเชื่อมอยู่ นั่นคือบุคคลปริศนาที่เป็นต้นเหตุของความเงียบที่เกิดขึ้นจากคนที่เรามอบความรักให้
ถ้าถามเราตอนนี้ คือไม่มีใครผิดเลย แค่เหตุการณ์มันดันซ้อนทับกับปมในใจของเราเท่านั้น
แต่แล้ววันนึง เมื่อหยุดทุกอย่าง ใคร่ครวญอยู่กับตัวเอง พิจารณาความกลัวลึกๆของตัวเองและหันหน้าชนกับมัน
เมื่อเราได้รับข้อความตอบกลับ เมื่อเราได้รับคำตอบ ความรู้สึกอุ่นๆ ทำลายภูเขาน้ำแข็งไปจนหมด เรากลับเป็นคนเดิมที่ ... เติบโตขึ้น
และรู้จักตัวเองมากขึ้น อย่างน้อยก็ดีที่รู้ เมื่อรู้ก็จะได้ระวัง เพราะความรู้สึกรัก เชื่อใจ ไว้ใจ มั่นใจ กับตัวเราเองนั้น
มันละเอียดอ่อนเพราะมันซับซ้อนและผูกอยู่ตลอดเวลากับการคาดหวัง การลาจาก และความนิ่งเฉยที่เด็กผู้หญิงสามขวบคนนึงเคยได้รับ
โรคทางจิตเหมือนกับโรคทางกาย เป็นได้ ป่วยได้ หายได้ ถ้าหาสาเหตุให้เจอ
หรือไม่ ก็อาจเป็นเพราะสารเคมีจริงๆก็ได้
บางครั้ง การที่รู้จักตัวเองดีขึ้นก็ทำให้รู้ว่าลึกๆแล้ว ในใจเรามีปมมากมายที่แกะไม่ออก
https://sophysophia.wordpress.com/2018/08/25/complex-ptsd-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%87%E0%B8%87/
เราคิดถึงเหตุการณ์นึงเมื่อในอดีต
เราขออธิบายเรื่องทั้งหมดในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมา เพื่อเก็บไว้ให้ใครซักคนที่เกี่ยวข้องได้เห็นและรับรู้
ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะสภาพจิตใจเราเอง
ที่เหมือนชั้นที่เป็นภูเขาน้ำแข็งมันทะลายลง แค่เค้าเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ ไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้เราป่วยทางจิต
เคยได้ยินทฤษฎีภูเขาน้ำแข็งไหม? ที่บอกว่า การแสดงออกของคนหรืออัตลักษณ์ภายนอกของคนๆนึงนั้น
เหมือนแค่ยอดภูเขาที่โผล่ขึ้นมาพ้นน้ำ แต่ลึกๆแล้วยังมีภูเขาที่ยิ่งใหญ่จมอยู่ภายใต้ และหลับใหลอยู่
เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
เรื่องที่ 1 ความรักและความสัมพันธ์กับครอบครัวที่เรารู้จัก
เราอยู่กับแม่ โดยที่พ่อทำงานต่างจังหวัด ดังนั้นสำหรับเราแล้ว พ่อคือคนแปลกหน้า ผู้ชายแปลกหน้าที่แค่แวะมาเยี่ยมหา และไปทำงาน เราเคยกลัวพ่อจนกระทั่งสั่นไปหมด ร้องไห้ ไม่ยอมให้อุ้ม (จากที่แม่เล่า) ดังนั้นสำหรับเราที่เป็นเด็กแล้ว เราโดนใครก็ไม่รู้มาแตะต้องตลอดเวลา ทำให้เรามีปฏิสัมพันธ์ ผูกมิตรต่อคนแปลกหน้าง่ายดาย แต่ไม่ยอมให้ก้าวเข้ามาลึกเกินกว่าที่เราจะอนุญาต
เรื่องที่ 2 ความรักครั้งแรก
เด็กน้อยวัยสามขวบ หลังจากที่เฝ้ารอคอยมาตลอดถึงการเกิดของน้องสาวฝาแฝด ตามที่แม่พร่ำบอก (ตอนที่น้องอยู่ในท้อง)
ความคาดหวังและความรักครั้งแรกของการเป็นพี่ ของเด็กสามขวบคนนึง ได้แหลกสลายลงเมื่อน้องเกิดได้สามเดือน
น้องสาวเราเสียชีวิต คนนึง เราไม่เคยโทษน้องหรือแม่ แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นอาจไม่เข้าใจหรอกว่าการที่น้องเสียไม่ได้เกี่ยวกับแม่
และการที่แม่ความจำเสื่อมไม่ได้เกี่ยวกับการที่น้องเกิดมา
เรื่องที่ 3 ความเจ็บปวดที่ถูกงัดออกมาทุกครั้งที่ตัวเองกำลังจะรักใครซักคน
หลังจากที่น้องเสีย แม่เราสูญเสียความทรงจำ แม้จะเป็นเหตุการณ์แค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง และ ณ ตอนนี้ แม่ยังกลับมาจำได้
แต่ ณ เวลานั้นที่เด็กผู้หญิงวัย 3 ขวบ กำลังต้องการครอบครัวและแม่อย่างมาก กลับสูญเสียทุกอย่างไป เพราะอะไรที่เราเกลียดความเงียบ ทำไมเราถึงชอบจะเป็นคนที่ตอบลงท้ายประโยคทุกๆครั้ง เรามาใคร่ครวญตัวเอง อาจเพราะครั้งหนึ่งเมื่อในอดีต
เราเรียกคนที่เป็นแม่ แล้วเราได้รับแต่ความเงียบกลับมา แม่ที่จำอะไรไม่ได้ เวลาที่ผ่านไป บาดแผลที่เด็กวัยสามขวบคนนั้นได้รับไม่เคยหายไป เรามักจะเรียกร้องจนกว่าที่จะได้รับคำตอบ เพราะเรากลัวความเงียบ และการนิ่งเฉยจากคนที่รักต่างหาก
เรื่องที่ 4 การไปโรงเรียน
ในขณะที่เสียน้อง แม่จำอะไรไม่ได้ เด็กสามขวบกับสภาวะที่ต้องสูญเสียของสำคัญไป เรายังต้องไปโรงเรียน
และถูกบังคับให้ต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆ เราคิดว่าเราคงไม่อยากพูดกับเพื่อนคนไหนซักคนหรอก ณ เวลานั้น
ในความทรงจำเราเคยเดินตากฝนกลางร่มอยู่คนเดียวกลางสนามหญ้า จนครูต้องเข้ามาพาส่งกลับบ้าน
ณ ตอนนี้ก็จำรายละเอียดไม่ได้ มันลึกเกินไป เราไม่รู้หรอกว่าเด็กคนนั้นคิดอะไรถึงทำแบบนั้น แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ
การเรียนรู้ที่จะมีเพื่อน จนถึง ณ ปัจจุบัน ค่อนข้างต่ำสำหรับเราด้วย เราชอบอยู่เงียบๆ อยู่กับบ้าน อยู่กับตัวเองมากกว่า
เราไม่เคยชอบการไปโรงเรียน เคยทั้งแกล้งป่วย และสมองบังคับตัวเองให้ป่วยจริงๆเพราะอยากอยู่บ้าน ไม่อยากไปเจอคนอื่น
ถ้าเป็นปัจจุบัน เด็กสามขวบคงนั้นน่าจะเรียกได้ว่ามีอาการซึมเศร้าได้อยู่มั้ง
5. การเติบโต
เราเติบโตขึ้น ลืมเลือนเรื่องพวกนั้นไป แม่ความทรงจำกลับมา เราย้ายบ้านเปลี่ยนจังหวัด เราเหมือนเป็นผู้ใหญ่
ไปใช้ชีวิตต่างจังหวัดคนเดียว ออกบินร่อนไปทั่วโดยที่เราไม่เคยรู้เลยว่า ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจ มันไม่เคยได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี
6. การมีความรักและการอกหัก
จนในที่สุด ความบังเอิญของเหตุการณ์ก็เกิดขึ้น เราถามตัวเองตลอดว่า ทำไมเราอกหักได้หนักกว่าคนธรรมดา ทำไมอารมณ์เรารุนแรงจนควบคุมไม่ได้ จนป่วยเป็นจิตเภท ทำไมเราถึงหวาดกลัวและร้องไห้ได้ราวกับเป็นคนบ้าจนกระทั่งหายใจไม่ออก
ทำไมเราถึงเจ็บปวดได้มากมายขนาดนั้น ช่วงนึงที่เราเจ็บร้าวไปทั้งตัวจนไม่อยากลุกและลืมตาไม่ขึ้นด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้เป็นอะไร
เราไปทำอาสาที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในเหตุการณ์ที่เราได้รับความเงียบจากคนที่เรามอบความรักให้ เหตุการณ์ทั้งหมด
คล้ายคลึงกับที่เด็กสามขวบคนนั้นพบเจอ เหตุการณ์ที่โลกทั้งใบแหลกสลายลงหลังจากความคาดหวังที่มีตลอดหนึ่งปีว่า
หลังจากที่เรารอคอย แล้วเราจะสมหวัง เหตุการณ์นั้น ดึงเรื่องทั้งหมดที่เลวร้ายในความทรงจำของเราออกมา
ในสภาพแวดล้อมที่กดดันจากการทำงานและสังคมไกลบ้าน ไม่มีครอบครัว ไม่มีแม่ และไม่มีใคร เหมือนเด็กน้อยสามขวบคนนึง
ในที่สุด เราก็แบกรับภูเขาน้ำแข็งไม่ไหว และช๊อค
จนกระทั่งเราทิ้งทุกอย่าง แต่ก็ยังมีจุดเชื่อมอยู่ นั่นคือบุคคลปริศนาที่เป็นต้นเหตุของความเงียบที่เกิดขึ้นจากคนที่เรามอบความรักให้
ถ้าถามเราตอนนี้ คือไม่มีใครผิดเลย แค่เหตุการณ์มันดันซ้อนทับกับปมในใจของเราเท่านั้น
แต่แล้ววันนึง เมื่อหยุดทุกอย่าง ใคร่ครวญอยู่กับตัวเอง พิจารณาความกลัวลึกๆของตัวเองและหันหน้าชนกับมัน
เมื่อเราได้รับข้อความตอบกลับ เมื่อเราได้รับคำตอบ ความรู้สึกอุ่นๆ ทำลายภูเขาน้ำแข็งไปจนหมด เรากลับเป็นคนเดิมที่ ... เติบโตขึ้น
และรู้จักตัวเองมากขึ้น อย่างน้อยก็ดีที่รู้ เมื่อรู้ก็จะได้ระวัง เพราะความรู้สึกรัก เชื่อใจ ไว้ใจ มั่นใจ กับตัวเราเองนั้น
มันละเอียดอ่อนเพราะมันซับซ้อนและผูกอยู่ตลอดเวลากับการคาดหวัง การลาจาก และความนิ่งเฉยที่เด็กผู้หญิงสามขวบคนนึงเคยได้รับ
โรคทางจิตเหมือนกับโรคทางกาย เป็นได้ ป่วยได้ หายได้ ถ้าหาสาเหตุให้เจอ
หรือไม่ ก็อาจเป็นเพราะสารเคมีจริงๆก็ได้