คือน้องเรามาบอกเราว่า มีหมอด้านอารมณ์วัยรุ่นมาที่โรงเรียนแล้วน้องก็ไปปรึกษาคุณหมอ คุณหมอบอกว่าน้องเราเริ่มมีอาการซึมเศร้าเบื้องต้น(ก่อนหน้านี้คนในครอบครัวไม่รู้เลยนะคะว่าน้องมีอาการซึมเศร้า ตอนอยู่ด้วยกันก็ปกติ มารู้อีกทีก็ตอนที่น้องมาบอกนี่แหละค่ะ) แล้วทีนี้คุณหมอท่านแนะนำว่าให้พาคนในครอบครัวที่เข้าใจง่ายๆมาพบหมอที่โรงพยาบาลก่อนคนแรกที่ไปพบคือพ่อค่ะ แล้วต่อมาก็คือเรา ด้านเรากับพ่อยอมรับและพร้อมที่จะให้น้องรับการรักษาค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้บอกแม่ค่ะ เพราะแม่เป็นคนที่มีจุดยืนเลยว่าไม่เชื่อเรื่องโรคซึมเศร้า เราเคยลองๆคุยเรื่องโรคนี้กับแม่ แม่ก็บอกมาเลยว่าแม่ไม่เชื่อ แม่คิดว่าโรคนี้มันไม่มีเหตุไม่มีผล
พ่อกับเราเป็นคนใจเย็นค่ะ น้องสาวเป็นคนใจร้อนค่ะ ส่วนแม่พื้นฐานเป็นคนใจร้อนค่ะ ช่วง4-5ปีมานี้แม่ใจเย็นขึ้นค่ะ ไม่ได้ใจร้อนแทบตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อน แต่ถ้ากับเรื่องบางเรื่องที่แม่ใจเย็นไม่ไหวแม่ก็จัดหนักเลยค่ะ แม่เป็นคนที่พูดตรงๆคิดยังไงก็พูดออกมาเลย ถ้ามีอะไรที่แม่ได้ยินแล้วแม่คิดว่ามันไม่มีเหตุผลหรือแม่ไม่ชอบ(แม่ไม่ค่อยฟังเหตุผลจากคนอื่นค่ะ แม่จะชอบคิดว่าที่แม่รู้คือถูกที่สุดแล้ว) อีกอย่างคือแม่ไม่ค่อยเชื่อในคำพูดของน้อง(เพราะในอดีตมีเหตุการณ์2-3ครั้งที่น้องทำลายความเชื่อใจแม่ค่ะ) และหนึ่งในสาเหตุที่น้องเป็นซึมเศร้าก็มาจากแม่ด้วยค่ะ หนึ่งในอาการของน้องคือน้องบอกเราว่าน้องกลัวเสียงเวลาแม่ดุและเวลาแม่บ่นค่ะ พอได้ยินเสียงปุ๊บ อารมณ์จะทิ้งดิ่งทันที แต่โดยปกติแล้วแม่ก็ไม่ได้เป็นคนดุอะไรนะคะ ช่วงนี้เน้นไปที่บ่นจุกจิกนิดๆหน่อยๆมากกว่า
เรากับพ่อกังวลว่าพอพูดกับแม่เรื่องน้องแล้วแม่จะไม่ยอมรับ และกลายเป็นเถียงกันทะเลาะกันไปอีก กลัวว่าถ้าคุยกับแม่แล้วแม่ไม่เข้าใจแม่จะหันมาว่าน้องแล้วกลัวว่าน้องจะรับไม่ได้ จบที่สติแตกทั้งแม่และน้อง กว่าจะไปพบคุณหมอก็บาดเจ็บทางใจกันไปทั้ง4คน
อยากขอคำปรึกษาค่ะว่าในสถานการณ์แบบนี้ จากนิสัยของแม่เรา เราควรจะบอกแม่ยังไงดี เพราะสุดท้ายในการรักษาแม่ก็ต้องเข้าพบคุณหมอ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรให้แม่เข้าใจ จะเริ่มคุยกับแม่ยังไงดี พูดแบบไหนถึงจะสร้างรอยร้าวได้น้อยที่สุดหรือไม่สร้างเลยก็ดี
ตอนนี้คุยกับพ่อไว้ว่าจะบอกแม่ตอนที่น้องไม่อยู่บ้านค่ะ เช่น เสาร์-อาทิตย์ ตอนที่น้องไปเรียนพิเศษ เพราะเราคาดเดาอาการว่าหลังจากบอกแม่ไปแม่จะเป็นยังไงไม่ออก แม่อาจจะรับฟังและไม่โวยวายอะไร หรืออย่างแย่คือแม่รับไม่ได้และหันไปว่าน้องว่าน้องคิดไปเองกับอาการพวกนั้นอะไรแบบนี้อ่ะค่ะ
จะบอกแม่ว่าน้องเป็นโรคซึมเศร้าอย่างไรดีคะ
พ่อกับเราเป็นคนใจเย็นค่ะ น้องสาวเป็นคนใจร้อนค่ะ ส่วนแม่พื้นฐานเป็นคนใจร้อนค่ะ ช่วง4-5ปีมานี้แม่ใจเย็นขึ้นค่ะ ไม่ได้ใจร้อนแทบตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อน แต่ถ้ากับเรื่องบางเรื่องที่แม่ใจเย็นไม่ไหวแม่ก็จัดหนักเลยค่ะ แม่เป็นคนที่พูดตรงๆคิดยังไงก็พูดออกมาเลย ถ้ามีอะไรที่แม่ได้ยินแล้วแม่คิดว่ามันไม่มีเหตุผลหรือแม่ไม่ชอบ(แม่ไม่ค่อยฟังเหตุผลจากคนอื่นค่ะ แม่จะชอบคิดว่าที่แม่รู้คือถูกที่สุดแล้ว) อีกอย่างคือแม่ไม่ค่อยเชื่อในคำพูดของน้อง(เพราะในอดีตมีเหตุการณ์2-3ครั้งที่น้องทำลายความเชื่อใจแม่ค่ะ) และหนึ่งในสาเหตุที่น้องเป็นซึมเศร้าก็มาจากแม่ด้วยค่ะ หนึ่งในอาการของน้องคือน้องบอกเราว่าน้องกลัวเสียงเวลาแม่ดุและเวลาแม่บ่นค่ะ พอได้ยินเสียงปุ๊บ อารมณ์จะทิ้งดิ่งทันที แต่โดยปกติแล้วแม่ก็ไม่ได้เป็นคนดุอะไรนะคะ ช่วงนี้เน้นไปที่บ่นจุกจิกนิดๆหน่อยๆมากกว่า
เรากับพ่อกังวลว่าพอพูดกับแม่เรื่องน้องแล้วแม่จะไม่ยอมรับ และกลายเป็นเถียงกันทะเลาะกันไปอีก กลัวว่าถ้าคุยกับแม่แล้วแม่ไม่เข้าใจแม่จะหันมาว่าน้องแล้วกลัวว่าน้องจะรับไม่ได้ จบที่สติแตกทั้งแม่และน้อง กว่าจะไปพบคุณหมอก็บาดเจ็บทางใจกันไปทั้ง4คน
อยากขอคำปรึกษาค่ะว่าในสถานการณ์แบบนี้ จากนิสัยของแม่เรา เราควรจะบอกแม่ยังไงดี เพราะสุดท้ายในการรักษาแม่ก็ต้องเข้าพบคุณหมอ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรให้แม่เข้าใจ จะเริ่มคุยกับแม่ยังไงดี พูดแบบไหนถึงจะสร้างรอยร้าวได้น้อยที่สุดหรือไม่สร้างเลยก็ดี
ตอนนี้คุยกับพ่อไว้ว่าจะบอกแม่ตอนที่น้องไม่อยู่บ้านค่ะ เช่น เสาร์-อาทิตย์ ตอนที่น้องไปเรียนพิเศษ เพราะเราคาดเดาอาการว่าหลังจากบอกแม่ไปแม่จะเป็นยังไงไม่ออก แม่อาจจะรับฟังและไม่โวยวายอะไร หรืออย่างแย่คือแม่รับไม่ได้และหันไปว่าน้องว่าน้องคิดไปเองกับอาการพวกนั้นอะไรแบบนี้อ่ะค่ะ