
วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์เรื่องเพื่อนให้ฟังกันค่ะ คือช่วงเราเข้ามหาลัยใหม่ๆแล้วมีเพื่อนมาจากที่เดียวกันมาเรียนด้วยเลยตัดสินใจอยู่หอด้วยกัน เค้าเป็นเพื่อนที่ดีมากค่ะ อยู่ด้วยกันไม่เคยหงาปรึกษาได้ทุกเรื่อง เราปรึกษากันและกันค่ะ เราคุยเรื่องไร้สาระกันได้ไม่มีขัด เฮฮาตามประสาวัยรุ่น ไปไหนก็ไปด้วยกัน จนวันหนึ่งเพื่อนเรามีแฟน จนเริ่มไม่สนใจเรา เรารับได้เพราะเข้าใจว่าวัยรุนเป็นแบบนี้ เราต้องอยู่คนเดียวเหงามากๆนะ เค้าก็ไม่ได้คิดถึงเราหรือนึกถึงเท่าไหร่ แต่เราก็โอเคค่ะ เพื่อนเราห่างหายจากเรื่องรักๆมานานคิดว่าได้มีสักทีก็เอาให้เต็มที่ละกัน เราอยู่ข้างๆเค้าเสมอถึงเค้าจะไปไหนมาไหนไม่บอกเรา ไปกับเพื่อน(เพื่อนเราเหมือนกัน)ไม่ค่อยชวนเรามีบางครั้งที่น้อยใจนะเป็นคนถูกลืม แต่อย่างว่าแหละศรีทนได้ค่ะ
เรื่องที่สองว่าด้วยเพื่อนที่ชอบทักมาขอลอกงาน ทำไมอ่ะ ทักเรามาทีไรถามแค่งานพอเจอหน้าไม่คิดทักทายแถมเมินเราอีก เราเลยตัดปัญหาโดยการไม่ตอบแชทหรือดองข้ามวันไปเลย จนเพื่อนพวกนั้นไม่กล้าทักมาเอง เราไม่ใช่คนหยิ่งหรือใจร้ายนะ เรามีเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันคนหนึ่ง เข้ากันยังกับข้าวร้อนกับไข่เจียวเพียงแค่ไม่ได้พักอยู่หอเดียวกัน(คิดว่าอนาคตคงจะพักด้วยกันค่ะ) ท่าทางของเพื่อนคนนี้ที่เจอกันครั้งแรกบอกเลยว่าไม่ถูกโฉลกมาก ดูอ่อนต่อโลก ซึ่งภาพลักษณ์นี้ถูกทำลายลงตอนเม้ากันไม่หยุดแล้วรู้จักกันสุดๆ รู้ใจกันชนิดที่เรียกว่ามองตาก็รู้ว่าคิดอะไร เพื่อนคนนี้ไม่เคยทำให้เราหนักใจคิดต้องกังวลเพราะเป็นห่วง เค้าเป็นมิตรกับทุกคนด้วย หากเพื่อนคนอื่นๆต้องการติดต่อเราจะติดต่อผ่านคนนี้ก่อนเสมอ อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ เราไม่ใช่คนหยิ่งค่ะ ไม่ได้สายตาสั้นด้วย แค่ภาพลักษณ์เราดูเป็นแบบนั้น หน้าตาเราดูนิ่งๆและไม่รู้จะเริ่มตรงไหนเฉยๆทุกคนก็กลัวเราแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นเกราะป้องกันที่ดีค่ะ
เรื่องสุดท้ายละกัน ความจริงมีเยอะมาก เป็นคนเจอคนมาหลายรูปแบบตั้งแต่เด็ก สิ่งที่หนีไม่พ้นคือ การแบกงานกลุ่มนั่นเอง คิดว่าหลายๆคนคงได้สัมผัสโมเม้นนี้ คือทุกคนมีความสามารถนะ แต่ไม่คิดจะเอามาใช้เอง คิดแค่ว่าเดี๋ยวก็มีคนทำ เดี๋ยวก็มีคนคิด เราแค่รอนำเสนอหรือแค่รอเอาคะแนนอะไรแบบนี้ เราคิดว่ามันเห็นแก่ตัวสุดๆ ถึงจะพูดแบบนั้นไปวันที่ต้องพรีเซ้นกลับไม่มีการเตรียมตัวแต่อย่างใด ทุกอย่างไม่เป็นเรื่องราวและเกือบไม่รอด เราเอือมกับเพื่อนแบบนี้มากๆ และไม่เคยหนีพ้นกลุ่มนี้สักที ไม่ว่าครั้งไหนๆก็กลุ่มนี้ อาจจะมีคนบอกว่าก็ไม่ต้องเอาชื่อมันลงสิ ไม่ได้หรอกค่ะมันเป็นการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการเกินไป ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น อาจารย์คนที่สอนจะรู้ดีที่สุดว่าใครทำหรือไม่ได้ทำ เอาไว้ให้ข้อสอบมันทำนายตัวเค้าเอง พอหลังจากควิซแล้ว โอ้มายโทษทุกสิ่งบลาๆ คือไม่แน่ใจว่าเค้าพูดติดตลกหรือไม่เข้าใจกันแน่ว่าตัวเองไม่พยายามเอาซะเลย พอเจอคนที่เค้าทำได้ก็นินทาและประจบตอนทำงาน เห็นแบบนี้จนชินตาซะแล้ว

สงสัยต้องพอแค่นี้แล้วค่ะ ต้องไปปั่นงานละ จอกันกระทู้หน้าถ้ามีเวลา บั้ยบัย
-see ya-
เพื่อนแท้ เพื่อนเทียม
เรื่องที่สองว่าด้วยเพื่อนที่ชอบทักมาขอลอกงาน ทำไมอ่ะ ทักเรามาทีไรถามแค่งานพอเจอหน้าไม่คิดทักทายแถมเมินเราอีก เราเลยตัดปัญหาโดยการไม่ตอบแชทหรือดองข้ามวันไปเลย จนเพื่อนพวกนั้นไม่กล้าทักมาเอง เราไม่ใช่คนหยิ่งหรือใจร้ายนะ เรามีเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันคนหนึ่ง เข้ากันยังกับข้าวร้อนกับไข่เจียวเพียงแค่ไม่ได้พักอยู่หอเดียวกัน(คิดว่าอนาคตคงจะพักด้วยกันค่ะ) ท่าทางของเพื่อนคนนี้ที่เจอกันครั้งแรกบอกเลยว่าไม่ถูกโฉลกมาก ดูอ่อนต่อโลก ซึ่งภาพลักษณ์นี้ถูกทำลายลงตอนเม้ากันไม่หยุดแล้วรู้จักกันสุดๆ รู้ใจกันชนิดที่เรียกว่ามองตาก็รู้ว่าคิดอะไร เพื่อนคนนี้ไม่เคยทำให้เราหนักใจคิดต้องกังวลเพราะเป็นห่วง เค้าเป็นมิตรกับทุกคนด้วย หากเพื่อนคนอื่นๆต้องการติดต่อเราจะติดต่อผ่านคนนี้ก่อนเสมอ อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ เราไม่ใช่คนหยิ่งค่ะ ไม่ได้สายตาสั้นด้วย แค่ภาพลักษณ์เราดูเป็นแบบนั้น หน้าตาเราดูนิ่งๆและไม่รู้จะเริ่มตรงไหนเฉยๆทุกคนก็กลัวเราแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นเกราะป้องกันที่ดีค่ะ
เรื่องสุดท้ายละกัน ความจริงมีเยอะมาก เป็นคนเจอคนมาหลายรูปแบบตั้งแต่เด็ก สิ่งที่หนีไม่พ้นคือ การแบกงานกลุ่มนั่นเอง คิดว่าหลายๆคนคงได้สัมผัสโมเม้นนี้ คือทุกคนมีความสามารถนะ แต่ไม่คิดจะเอามาใช้เอง คิดแค่ว่าเดี๋ยวก็มีคนทำ เดี๋ยวก็มีคนคิด เราแค่รอนำเสนอหรือแค่รอเอาคะแนนอะไรแบบนี้ เราคิดว่ามันเห็นแก่ตัวสุดๆ ถึงจะพูดแบบนั้นไปวันที่ต้องพรีเซ้นกลับไม่มีการเตรียมตัวแต่อย่างใด ทุกอย่างไม่เป็นเรื่องราวและเกือบไม่รอด เราเอือมกับเพื่อนแบบนี้มากๆ และไม่เคยหนีพ้นกลุ่มนี้สักที ไม่ว่าครั้งไหนๆก็กลุ่มนี้ อาจจะมีคนบอกว่าก็ไม่ต้องเอาชื่อมันลงสิ ไม่ได้หรอกค่ะมันเป็นการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการเกินไป ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น อาจารย์คนที่สอนจะรู้ดีที่สุดว่าใครทำหรือไม่ได้ทำ เอาไว้ให้ข้อสอบมันทำนายตัวเค้าเอง พอหลังจากควิซแล้ว โอ้มายโทษทุกสิ่งบลาๆ คือไม่แน่ใจว่าเค้าพูดติดตลกหรือไม่เข้าใจกันแน่ว่าตัวเองไม่พยายามเอาซะเลย พอเจอคนที่เค้าทำได้ก็นินทาและประจบตอนทำงาน เห็นแบบนี้จนชินตาซะแล้ว
-see ya-