เรื่องราวเริ่มต้นจากการจองห้องพัก โดยการใช้แต้ม Citibank แลก voucher ห้องที่เราต้องการคือห้องสวีท ช่องทางการแลกแต้มและจองโรงแรมจองผ่านทาง Citibank และ Citibank ไปจองโรงแรมผ่านทาง Expedia และ Citibank ส่งอีเมลคอนเฟิร์มกลับมาให้เรา
ทางเราโทรไปทางโรงแรมเพื่อสอบถามว่าต้องการข้อมูลหรือเอกสารอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าเนื่องจากเราไม่ได้รับ voucher ตรง เราเลยโทรไปยืนยันเพื่อความแน่ใจ คำตอบที่ได้สร้างความแปลกใจให้อยู่เหมือนกัน คำตอบคือเห็น booking ชื่อนี้เข้ามา แต่ทางเราไม่ทราบ ไม่มีข้อมูล ต้องรบกวนติดต่อ Citibank ตรง ซึ่งเราก็แจ้งไปว่า Citibank คอนเฟิร์มแล้วแต่เราต้องการคอนเฟิร์มจากโรงแรมด้วยเพื่อความแน่ใจ ช่วย sync ข้อมูลกันให้หน่อย ทางโรงแรมจึงต่อสายกับ Citibank ให้ แต่เราไม่ใช่เจ้าของบัตร ทางสามีจึงต้องติดต่อกลับอีกครั้ง ไม่เป็นไร เราเข้าใจจุดนี้
หลังจากสามีติดต่อไปใหม่ ทางเราต้องรอให้ Citibank คอนเฟิร์มอยู่หลายวัน สุดท้าย Citibank โทรมายืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อย เข้าพักได้ เราก็เลยโทรกลับไปคอนเฟิร์มกับทางโรงแรมอีกครั้ง เรากลับได้คำตอบคล้ายเดิมจากโรงแรมว่า ต้องติดต่อทาง Citibank (อีกแล้ว) ตอบเหมือนเดิมว่าเห็น booking จาก Expedia แต่ไม่ทราบว่าจองมาจากที่ไหนยังไง ซึ่งตรงนี้เราไม่ได้คาดหวังว่าต้องรู้แล้วละ แต่เราคาดหวังที่จะได้คำตอบว่ามาพักได้เลย เอกสารต้องการอะไร จะมีปัญหาตอนไปถึงมั้ย แต่คำตอบคือทางโรงแรมตอบว่าตอบไม่ได้ ต้องเช็ค Citibank หรือ Expedia เท่านั้น แต่คุณคือโรงแรม คุณต่างหากละที่ควรจะตอบได้ว่าเราไปได้โดยไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ เรายืนยันขอคำตอบ สุดท้ายทางคุณยอมไปเช็คและตอบมาว่ามาได้เลยค่ะ ส่วนเอกสาร "คิดว่า" ปรินท์คอนเฟิร์มจาก Citibank มา "น่าจะ" ไม่มีปัญหา เราจำคำพูดไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่คำว่า น่าจะ ไม่ควรใช้นะคะ ควรจะแน่ใจมากกว่าหรือเปล่าคะ แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไร ก็บอกตัวเองว่าช่างมันเถอะ คงไม่มีปัญหาอะไร
วันแรกที่มาพัก เรามาพักในนาม group ของบริษัทสามีและคืนที่ 2 จึงจะเป็นคิวของห้องสวีทที่เราได้จองกันไว้
หลังจากพักคืนแรกที่ห้องชั้น 4 แล้ว เช้าวันถัดไปเวลาประมาณ 9-10 โมงเช้า เราโทรไปถาม reception ว่าเรารอย้ายเข้าห้องสวีทที่เราจะเข้าพักต่อ เราไม่แน่ใจว่าห้องจะเสร็จ พร้อมให้เข้าพักได้เมื่อไหร่ ทางคุณตอบมาว่าตอนนี้ห้องยังไม่เรียบร้อย ให้เรารอที่ห้องเดิม ถ้าห้องใหม่เรียบร้อย จะโทรแจ้งอีกครั้ง
เรารอจนถึงราวๆเที่ยง มีแม่บ้านมาเคาะห้องแจ้งทำความสะอาด เราแจ้งกลับไปว่ายังไม่เรียบร้อย จากนั้นเราโทรไปถามว่าห้องน่าจะใกล้เสร็จหรือยังเพราะเราจะออกไปทานข้าว เลยเวลาทานข้าวลูกสาวเราแล้ว คำตอบคือพนักงานคนเดิมที่บอกให้เรารอในห้อง บอกให้เราเก็บของ นำของไปฝากที่รีเซฟชั่นและออกไปทานข้าว เพราะห้องยังไม่เรียบร้อย เราแจ้งว่าเราไม่สะดวกเอาของไปรีเซฟชั่น เพราะเรามีนมแม่และอุปกรณ์ต่างๆแช่ในตู้เย็นและของเราเยอะมากเพราะเราเป็นแม่ลูกอ่อน บวกกับมีของลูกสาวคนโตอีกค่อนข้างเยอะ ทางคุณจึงเสนอที่จะนำรถมาขนของให้แต่เราไม่โอเคกับการที่จะต้องเอาของไปไว้ที่รีเซฟชั่น เราทราบว่าคุณมีตู้เย็นแช่นมให้เรา แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าคุณคือคนที่บอกให้เรารอในห้อง แล้วเราพักโรงแรมมาเราก็ไม่เคยมีปัญหาว่าระหว่างรอจะต้องเอาของไปฝากไว้ ทุกโรงแรมที่ผ่านมามีการจัดการที่ชัดเจน ข้าวของเราไม่เคยต้องไปฝากที่รีเซฟชั่นและที่สำคัญเราไม่เคยต้องไปนั่งรอเวลาโดยไม่มีห้องพักให้เรา คุณควรจะเลือกว่าจะให้เราอยู่ห้องใดห้องหนึ่ง ให้แน่ใจว่าเรามีที่พัก เพราะการที่พักของเราคือมาพักจริงๆ เราต้องการการพักผ่อนที่โรงแรมมากกว่าออกไปข้างนอก ไม่อย่างงั้นเราคงไม่เลือกห้องสวีทแน่ๆค่ะ สุดท้ายทางโรงแรมยอมให้เราเก็บของไว้ที่ห้องเดิมและออกไปทานข้าว แต่พอเรากำลังจะออกไป ปรากฏว่า key card ของเราโดนตัดเพราะข้อมูลไม่ sync กัน เราต้องไปที่รีเซฟชั่นเพื่อสื่อสารอีกครั้ง พร้อมด้วยคำถามจากคุณว่าจะกลับมาจากทานข้าวกี่โมง เนื่องจากแม่บ้านต้องรีบทำความสะอาดห้องที่มีของเราอยู่ เราแจ้งไปว่าเราตอบไม่ได้เพราะเราก็ไม่รู้จริงๆว่าจะใช้เวลาในการทานข้าวนานแค่ไหน แต่เราก็ตั้งใจไว้ว่าทานข้าวเสร็จ เราก็จะมาย้ายของให้ เราแค่ไม่สามารถรอจนกว่าคุณจะทำห้องให้เราเสร็จได้ โดยที่คุณก็บอกไม่ได้ว่าห้องจะเสร็จกี่โมง
หลังจากกลับจากทานข้าว ห้องใหม่พร้อมให้เข้าพักแล้ว เราได้รับข้อเสนอเป็น late check out 1pm เป็นการขอโทษ เราขอบคุณมากแต่เราคงไม่ได้ใช้ข้อเสนอนั้นอยู่แล้ว
เราคิดว่าทุกอย่างจะโอเคหมดแล้ว เราออกไปทานขนมไปทานข้าวเย็น กลับมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพาลูกเข้านอน สิ่งที่เราเจอตอน 9pm ก่อนนอนคือไฟ master ที่ zone ห้องนอนมีปัญหา ปิดไม่ได้ ห้องสว่างจ้า ไม่สามารถนอนได้ ทางคุณให้ช่างเข้ามาดูและพบว่าไฟ master เสีย ช่างสามารถปิดทั้งหมดให้เราได้ แต่นั่นคือเราต้องอยู่ในความมืดตลอดเวลา หรือถ้าจะแก้ไขต้องรอราวๆ 30 นาที ณ ตอนนั้น 9.30pm ลูกสาวเราควรจะต้องนอนแล้ว แล้วเราก็ไม่รู้ด้วยว่าซ่อมแล้วจะหายมั้ย จะ 30 นาทีรึเปล่า เราจึงต้องย้ายห้องอีกครั้ง
เราอยากให้ลองนึกภาพอีกครั้ง ข้าวของของแม่ลูกสอง พร้อมข้าวของที่แช่ในตู้เย็น เราต้อง pack ของทั้งหมดอีกครั้ง ไหนจะนมในตู้เย็น ไหนจะอุปกรณ์ที่เราล้าง ผึ่งไว้รอแห้ง และอื่นๆอีกมากมาย ยังไม่รวมถึงเวลานอนของลูกสาวที่ช้าไปทำให้เค้าหลับยากขึ้น ทำให้แผนการปั๊มนมของเราเปลี่ยนแปลง ไม่ได้นอน และที่สำคัญทำให้การพักผ่อนของเรากลายเป็นความเหนื่อยทั้งกายและใจ
นอกเหนือจากนี้เรื่องของรสชาดอาหารของโรงแรมที่ไม่ได้คุณภาพตามที่ควรจะเป็นและ in room dining ก็เช่นกัน เราสั่งอาหารเด็กสปาเกตตี้ เราสอบถามไปว่า plain spaghetti คืออะไร คำตอบคือสปาเก็ตตี้ผัดกับโอลีฟส์ออย เราไม่แน่ใจว่าตัวเราเข้าใจผิดเองหรือยังไง เราเข้าใจว่าด้วยราคาและสิ่งที่ควรจะเป็นคืออย่างน้อยควรมีผักหรือโปรตีนอะไรบ้าง แต่สิ่งที่เราได้คือสปาเก็ตตี้เปล่าผัดโอลีฟส์ออย เราว่าคุณภาพและราคามันไปคนละทิศทางค่ะ
เรื่องสุดท้ายที่เราผิดหวังมาก วันแรกที่เราเอานมปั๊มไปฝาก เราบอกคุณว่ารบกวนวางนอนนะคะเพราะไม่อย่างนั้นถุงนมจะป่อง เราจะเก็บกลับไม่ได้ คำตอบที่ได้คือน้ำเสียงเหวี่ยงๆและบอกว่าทราบค่ะ โอเคทราบนะคะ แต่วันที่สอง น่าจะรอบที่ 5-6 ที่เราเอานมไปฝากเพิ่ม เจ้าหน้าที่คนเดิมที่พูดจากับเราดีขึ้น ได้แจ้งว่า ขอเรียนแจ้งก่อนนะคะว่าทางเราวางนอนให้ทุกถุงแต่อาจจะมีบางถุงที่เบี้ยวไปบ้างเพราะมีคนฝากนมแม่เยอะมาก พื้นที่มีจำกัด เราไม่มีปัญหาแต่เราแปลกใจที่รอบถัดไปเราเอา ice pack ไปฝากเพิ่มอีก 3 ก้อนด้วยความเกรงใจแต่คุณกลับดูไม่กังวลเรื่องพื้นที่เลย เราเริ่มไม่แน่ใจว่าปัญหาคือพื้นที่หรือวิธีการวาง แต่สุดท้ายแล้ว ในตอนที่เราไปรับนมกลับมา ในภาพคือสภาพนมแม่ของเรา เราไม่สามารถบรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ ถ้าคุณวางนอนจริง นมทั้งหมดจะไม่ลงไปกองอยู่ที่ก้นอย่างแน่นอน โรงแรมคุณมีคุณแม่มาฝากนมมากมาย การเอามาฝากในแต่ละครั้ง เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่มีใครแปลกใจหรือสงสัยว่าต้องทำอย่างไรกับนม แต่สิ่งที่เราได้กลับมาคือสภาพนี้ ตอนเราปั๊มนมให้ลูกสาวคนโต เราไปฝากนมที่ญี่ปุ่นกับบาหลี เจ้าหน้าที่ทุกคนตื่นเต้น เป็นเรื่องแปลกใหม่ และทุกคนต้องสอบถามว่านี่คืออะไร แต่หลังจากที่เราอธิบายว่าคือนมแม่ ลูกเราไม่ได้มาด้วย เราจะเอาเก็บกลับบ้าน และวิธีการวางเราขอให้ช่วยวางนอนให้เรา สิ่งที่เราได้กลับมาคือนมทุกถุงเรียบร้อยดี อาจมีบ้างที่ถุงเบี้ยวจากการวางบ้าง แต่เราเข้าใจได้ เราขอแค่ให้เรามีพื้นที่เก็บกลับ หากมีเสียหายบ้าง ต้องทิ้งบ้าง เราไม่มีปัญหา แต่สิ่งนี้ที่เราได้รับจาก Marriott จากปากเจ้าหน้าที่ที่บอกเราว่าทราบค่ะ คือถุงนมที่วางไว้ได้เกลื่อนกลาด ถุงนมบวมทุกถุง เราว่าด้วยสภาพนี้เราไม่ควรนำมาฝากตั้งแต่แรก เราเชื่อใจโรงแรม เราเชื่อใจคนที่บอกว่าทราบค่ะมากเกินไป เราหมดคำพูดจริงๆกับความเหนื่อยล้า กับการมาพักผ่อน 2 คืนที่โรงแรมแห่งนี้

เราได้มีโอกาสแจ้งปัญหากับทาง Assistant Front Office Manager ที่ยื่นขอเสนออัพเกรดห้องเป็น Studio corner room ในการพักครั้งถัดไป แต่เราได้ปฏิเสธไปเพราะเราไม่ได้คาดหวังจะได้รับห้องหรือสิ่งใดๆ เราหวังว่ากรณีของเรา จะทำให้โรงแรมของคุณนำกลับไปศึกษาและปรับปรุงการบริการของคุณให้ดีขึ้น เราไม่อยากให้ใครมาใช้บริการและเจอปัญหาเดิมๆแบบที่เราเจอ สุดท้ายเราอยากบอกว่า การมาครั้งนี้คือการมาพักผ่อนที่เราไม่รู้สึกถึงการมาพักผ่อนและไม่ worth staying เลยค่ะ
[CR] Marriott Rayong ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
ทางเราโทรไปทางโรงแรมเพื่อสอบถามว่าต้องการข้อมูลหรือเอกสารอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าเนื่องจากเราไม่ได้รับ voucher ตรง เราเลยโทรไปยืนยันเพื่อความแน่ใจ คำตอบที่ได้สร้างความแปลกใจให้อยู่เหมือนกัน คำตอบคือเห็น booking ชื่อนี้เข้ามา แต่ทางเราไม่ทราบ ไม่มีข้อมูล ต้องรบกวนติดต่อ Citibank ตรง ซึ่งเราก็แจ้งไปว่า Citibank คอนเฟิร์มแล้วแต่เราต้องการคอนเฟิร์มจากโรงแรมด้วยเพื่อความแน่ใจ ช่วย sync ข้อมูลกันให้หน่อย ทางโรงแรมจึงต่อสายกับ Citibank ให้ แต่เราไม่ใช่เจ้าของบัตร ทางสามีจึงต้องติดต่อกลับอีกครั้ง ไม่เป็นไร เราเข้าใจจุดนี้
หลังจากสามีติดต่อไปใหม่ ทางเราต้องรอให้ Citibank คอนเฟิร์มอยู่หลายวัน สุดท้าย Citibank โทรมายืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อย เข้าพักได้ เราก็เลยโทรกลับไปคอนเฟิร์มกับทางโรงแรมอีกครั้ง เรากลับได้คำตอบคล้ายเดิมจากโรงแรมว่า ต้องติดต่อทาง Citibank (อีกแล้ว) ตอบเหมือนเดิมว่าเห็น booking จาก Expedia แต่ไม่ทราบว่าจองมาจากที่ไหนยังไง ซึ่งตรงนี้เราไม่ได้คาดหวังว่าต้องรู้แล้วละ แต่เราคาดหวังที่จะได้คำตอบว่ามาพักได้เลย เอกสารต้องการอะไร จะมีปัญหาตอนไปถึงมั้ย แต่คำตอบคือทางโรงแรมตอบว่าตอบไม่ได้ ต้องเช็ค Citibank หรือ Expedia เท่านั้น แต่คุณคือโรงแรม คุณต่างหากละที่ควรจะตอบได้ว่าเราไปได้โดยไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ เรายืนยันขอคำตอบ สุดท้ายทางคุณยอมไปเช็คและตอบมาว่ามาได้เลยค่ะ ส่วนเอกสาร "คิดว่า" ปรินท์คอนเฟิร์มจาก Citibank มา "น่าจะ" ไม่มีปัญหา เราจำคำพูดไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่คำว่า น่าจะ ไม่ควรใช้นะคะ ควรจะแน่ใจมากกว่าหรือเปล่าคะ แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไร ก็บอกตัวเองว่าช่างมันเถอะ คงไม่มีปัญหาอะไร
วันแรกที่มาพัก เรามาพักในนาม group ของบริษัทสามีและคืนที่ 2 จึงจะเป็นคิวของห้องสวีทที่เราได้จองกันไว้
หลังจากพักคืนแรกที่ห้องชั้น 4 แล้ว เช้าวันถัดไปเวลาประมาณ 9-10 โมงเช้า เราโทรไปถาม reception ว่าเรารอย้ายเข้าห้องสวีทที่เราจะเข้าพักต่อ เราไม่แน่ใจว่าห้องจะเสร็จ พร้อมให้เข้าพักได้เมื่อไหร่ ทางคุณตอบมาว่าตอนนี้ห้องยังไม่เรียบร้อย ให้เรารอที่ห้องเดิม ถ้าห้องใหม่เรียบร้อย จะโทรแจ้งอีกครั้ง
เรารอจนถึงราวๆเที่ยง มีแม่บ้านมาเคาะห้องแจ้งทำความสะอาด เราแจ้งกลับไปว่ายังไม่เรียบร้อย จากนั้นเราโทรไปถามว่าห้องน่าจะใกล้เสร็จหรือยังเพราะเราจะออกไปทานข้าว เลยเวลาทานข้าวลูกสาวเราแล้ว คำตอบคือพนักงานคนเดิมที่บอกให้เรารอในห้อง บอกให้เราเก็บของ นำของไปฝากที่รีเซฟชั่นและออกไปทานข้าว เพราะห้องยังไม่เรียบร้อย เราแจ้งว่าเราไม่สะดวกเอาของไปรีเซฟชั่น เพราะเรามีนมแม่และอุปกรณ์ต่างๆแช่ในตู้เย็นและของเราเยอะมากเพราะเราเป็นแม่ลูกอ่อน บวกกับมีของลูกสาวคนโตอีกค่อนข้างเยอะ ทางคุณจึงเสนอที่จะนำรถมาขนของให้แต่เราไม่โอเคกับการที่จะต้องเอาของไปไว้ที่รีเซฟชั่น เราทราบว่าคุณมีตู้เย็นแช่นมให้เรา แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าคุณคือคนที่บอกให้เรารอในห้อง แล้วเราพักโรงแรมมาเราก็ไม่เคยมีปัญหาว่าระหว่างรอจะต้องเอาของไปฝากไว้ ทุกโรงแรมที่ผ่านมามีการจัดการที่ชัดเจน ข้าวของเราไม่เคยต้องไปฝากที่รีเซฟชั่นและที่สำคัญเราไม่เคยต้องไปนั่งรอเวลาโดยไม่มีห้องพักให้เรา คุณควรจะเลือกว่าจะให้เราอยู่ห้องใดห้องหนึ่ง ให้แน่ใจว่าเรามีที่พัก เพราะการที่พักของเราคือมาพักจริงๆ เราต้องการการพักผ่อนที่โรงแรมมากกว่าออกไปข้างนอก ไม่อย่างงั้นเราคงไม่เลือกห้องสวีทแน่ๆค่ะ สุดท้ายทางโรงแรมยอมให้เราเก็บของไว้ที่ห้องเดิมและออกไปทานข้าว แต่พอเรากำลังจะออกไป ปรากฏว่า key card ของเราโดนตัดเพราะข้อมูลไม่ sync กัน เราต้องไปที่รีเซฟชั่นเพื่อสื่อสารอีกครั้ง พร้อมด้วยคำถามจากคุณว่าจะกลับมาจากทานข้าวกี่โมง เนื่องจากแม่บ้านต้องรีบทำความสะอาดห้องที่มีของเราอยู่ เราแจ้งไปว่าเราตอบไม่ได้เพราะเราก็ไม่รู้จริงๆว่าจะใช้เวลาในการทานข้าวนานแค่ไหน แต่เราก็ตั้งใจไว้ว่าทานข้าวเสร็จ เราก็จะมาย้ายของให้ เราแค่ไม่สามารถรอจนกว่าคุณจะทำห้องให้เราเสร็จได้ โดยที่คุณก็บอกไม่ได้ว่าห้องจะเสร็จกี่โมง
หลังจากกลับจากทานข้าว ห้องใหม่พร้อมให้เข้าพักแล้ว เราได้รับข้อเสนอเป็น late check out 1pm เป็นการขอโทษ เราขอบคุณมากแต่เราคงไม่ได้ใช้ข้อเสนอนั้นอยู่แล้ว
เราคิดว่าทุกอย่างจะโอเคหมดแล้ว เราออกไปทานขนมไปทานข้าวเย็น กลับมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพาลูกเข้านอน สิ่งที่เราเจอตอน 9pm ก่อนนอนคือไฟ master ที่ zone ห้องนอนมีปัญหา ปิดไม่ได้ ห้องสว่างจ้า ไม่สามารถนอนได้ ทางคุณให้ช่างเข้ามาดูและพบว่าไฟ master เสีย ช่างสามารถปิดทั้งหมดให้เราได้ แต่นั่นคือเราต้องอยู่ในความมืดตลอดเวลา หรือถ้าจะแก้ไขต้องรอราวๆ 30 นาที ณ ตอนนั้น 9.30pm ลูกสาวเราควรจะต้องนอนแล้ว แล้วเราก็ไม่รู้ด้วยว่าซ่อมแล้วจะหายมั้ย จะ 30 นาทีรึเปล่า เราจึงต้องย้ายห้องอีกครั้ง
เราอยากให้ลองนึกภาพอีกครั้ง ข้าวของของแม่ลูกสอง พร้อมข้าวของที่แช่ในตู้เย็น เราต้อง pack ของทั้งหมดอีกครั้ง ไหนจะนมในตู้เย็น ไหนจะอุปกรณ์ที่เราล้าง ผึ่งไว้รอแห้ง และอื่นๆอีกมากมาย ยังไม่รวมถึงเวลานอนของลูกสาวที่ช้าไปทำให้เค้าหลับยากขึ้น ทำให้แผนการปั๊มนมของเราเปลี่ยนแปลง ไม่ได้นอน และที่สำคัญทำให้การพักผ่อนของเรากลายเป็นความเหนื่อยทั้งกายและใจ
นอกเหนือจากนี้เรื่องของรสชาดอาหารของโรงแรมที่ไม่ได้คุณภาพตามที่ควรจะเป็นและ in room dining ก็เช่นกัน เราสั่งอาหารเด็กสปาเกตตี้ เราสอบถามไปว่า plain spaghetti คืออะไร คำตอบคือสปาเก็ตตี้ผัดกับโอลีฟส์ออย เราไม่แน่ใจว่าตัวเราเข้าใจผิดเองหรือยังไง เราเข้าใจว่าด้วยราคาและสิ่งที่ควรจะเป็นคืออย่างน้อยควรมีผักหรือโปรตีนอะไรบ้าง แต่สิ่งที่เราได้คือสปาเก็ตตี้เปล่าผัดโอลีฟส์ออย เราว่าคุณภาพและราคามันไปคนละทิศทางค่ะ
เรื่องสุดท้ายที่เราผิดหวังมาก วันแรกที่เราเอานมปั๊มไปฝาก เราบอกคุณว่ารบกวนวางนอนนะคะเพราะไม่อย่างนั้นถุงนมจะป่อง เราจะเก็บกลับไม่ได้ คำตอบที่ได้คือน้ำเสียงเหวี่ยงๆและบอกว่าทราบค่ะ โอเคทราบนะคะ แต่วันที่สอง น่าจะรอบที่ 5-6 ที่เราเอานมไปฝากเพิ่ม เจ้าหน้าที่คนเดิมที่พูดจากับเราดีขึ้น ได้แจ้งว่า ขอเรียนแจ้งก่อนนะคะว่าทางเราวางนอนให้ทุกถุงแต่อาจจะมีบางถุงที่เบี้ยวไปบ้างเพราะมีคนฝากนมแม่เยอะมาก พื้นที่มีจำกัด เราไม่มีปัญหาแต่เราแปลกใจที่รอบถัดไปเราเอา ice pack ไปฝากเพิ่มอีก 3 ก้อนด้วยความเกรงใจแต่คุณกลับดูไม่กังวลเรื่องพื้นที่เลย เราเริ่มไม่แน่ใจว่าปัญหาคือพื้นที่หรือวิธีการวาง แต่สุดท้ายแล้ว ในตอนที่เราไปรับนมกลับมา ในภาพคือสภาพนมแม่ของเรา เราไม่สามารถบรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ ถ้าคุณวางนอนจริง นมทั้งหมดจะไม่ลงไปกองอยู่ที่ก้นอย่างแน่นอน โรงแรมคุณมีคุณแม่มาฝากนมมากมาย การเอามาฝากในแต่ละครั้ง เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่มีใครแปลกใจหรือสงสัยว่าต้องทำอย่างไรกับนม แต่สิ่งที่เราได้กลับมาคือสภาพนี้ ตอนเราปั๊มนมให้ลูกสาวคนโต เราไปฝากนมที่ญี่ปุ่นกับบาหลี เจ้าหน้าที่ทุกคนตื่นเต้น เป็นเรื่องแปลกใหม่ และทุกคนต้องสอบถามว่านี่คืออะไร แต่หลังจากที่เราอธิบายว่าคือนมแม่ ลูกเราไม่ได้มาด้วย เราจะเอาเก็บกลับบ้าน และวิธีการวางเราขอให้ช่วยวางนอนให้เรา สิ่งที่เราได้กลับมาคือนมทุกถุงเรียบร้อยดี อาจมีบ้างที่ถุงเบี้ยวจากการวางบ้าง แต่เราเข้าใจได้ เราขอแค่ให้เรามีพื้นที่เก็บกลับ หากมีเสียหายบ้าง ต้องทิ้งบ้าง เราไม่มีปัญหา แต่สิ่งนี้ที่เราได้รับจาก Marriott จากปากเจ้าหน้าที่ที่บอกเราว่าทราบค่ะ คือถุงนมที่วางไว้ได้เกลื่อนกลาด ถุงนมบวมทุกถุง เราว่าด้วยสภาพนี้เราไม่ควรนำมาฝากตั้งแต่แรก เราเชื่อใจโรงแรม เราเชื่อใจคนที่บอกว่าทราบค่ะมากเกินไป เราหมดคำพูดจริงๆกับความเหนื่อยล้า กับการมาพักผ่อน 2 คืนที่โรงแรมแห่งนี้
เราได้มีโอกาสแจ้งปัญหากับทาง Assistant Front Office Manager ที่ยื่นขอเสนออัพเกรดห้องเป็น Studio corner room ในการพักครั้งถัดไป แต่เราได้ปฏิเสธไปเพราะเราไม่ได้คาดหวังจะได้รับห้องหรือสิ่งใดๆ เราหวังว่ากรณีของเรา จะทำให้โรงแรมของคุณนำกลับไปศึกษาและปรับปรุงการบริการของคุณให้ดีขึ้น เราไม่อยากให้ใครมาใช้บริการและเจอปัญหาเดิมๆแบบที่เราเจอ สุดท้ายเราอยากบอกว่า การมาครั้งนี้คือการมาพักผ่อนที่เราไม่รู้สึกถึงการมาพักผ่อนและไม่ worth staying เลยค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้