ผลสรุปค่ะ
https://pantip.com/topic/38011690
================================================================
อัพเดตอยู่ที่ คคห. 110 นะคะ
================================================================
อัพเดตอยู่ที่ คคห. 105 นะคะ
================================================================
อัพเดตอยู่ที่ คคห. 49, 66 และ 98 นะคะ
ล่าสุดเมื่อวานนี้ KTC ติดต่อมาบอกว่า ได้ประสานไปทาง สถานีตำรวจปากเกร็ดแล้ว และจะขอเข้าพบ จขกท. วันนี้ ตอน 10.30 น. ค่ะ แล้วจะมาอัพเดตอีกครั้งนะคะ
ขอบพระคุณทุกคำแนะนำที่ดีค่ะ
================================================================
สวัสดีค่ะ
.
นี่เป็นกระทู้เล่าเรื่องเท่านั้นนะคะ ถือว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์และขอคำแนะนำแล้วกันค่ะ
.
เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ส.ค. 2561 ที่ผ่านมา ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี กระเป๋าสะพายของดิฉันถูกขโมยไปจากสถานที่จัดงาน
.
ดิฉันรู้ตัวประมาณเที่ยง 12.00 น.
.
โทร.ไปอายัติบัตรต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือบัตรเครดิต KTC ของธนาคารกรุงไทย เวลา 12.15 น. ((ก่อนหน้านั้นคือตกใจ หากระเป๋า ไปดูตามห้องน้ำ เผื่อโจรเอาเงินเสร็จแล้วเอาไปทิ้ง วิ่งไปเฝ้ารถ เพราะในกระเป๋าสะพายมีกุญแจรถพร้อมบัตรจอด ฯลฯ))
.
ตอนคุยกับ จนท. อายัติบัตรพบว่า ได้มีการรูดบัตร ณ ร้านค้า 2 แห่ง ยอดสูงพอสมควร ในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า จึงได้ไปสอบถามที่ร้านค้า 2 แห่งดังกล่าว
.
ดิฉันได้ถ่ายภาพสลิปบัตรที่รูดไป ซึ่งลายเซ็นไม่มีความใกล้เคียงกับที่สลักอยู่หลังบัตรเลยแม้แต่นิดเดียว และได้ทำการแจ้งความเรียบร้อย
.
ดิฉันติดต่อ KTC เพื่อขอวงเงินคืนตรงนี้ เนื่องจากไม่ได้เป็นคนใช้ ซึ่ง KTC มีแบบฟอร์มมาให้กรอก
.
ดิฉันกรอกฟอร์มเรียบร้อย ส่งไปพร้อมหลักฐานคือ ใบแจ้งความ ((ซึ่งมีรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพอสมควร)) และภาพถ่ายของสลิปที่รูดพร้อมลายเซ็นโจรทั้งสองใบไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
.
วันนี้ จนท. ของ KTC โทร.มา เพื่อขอให้เล่าเหตุการณ์โดยละเอียดให้ฟังอีกครั้ง ((เหมือนในใบแจ้งความเปี๊ยบ)) พอฟังจบแล้ว จนท. บอกให้ทำจดหมาย
ขอความอนุเคราะห์ ถึง
กรรมการผู้จัดการ บมจ. บัตรกรุงไทย เพิ่มเติมไป เพื่อ "รับการพิจารณาว่าทาง KTC จะ
ช่วยเหลือได้อย่างไร" เพราะ
รายการใดๆ ที่ถูกใช้ก่อนการอายัติบัตรอยู่ในความรับผิดชอบของลูกค้า
.
โดยแจ้งว่าจะมีการพิจารณาเป็น 3 แนวทาง คือ
1. ธนาคารคืน 100%
2. รับผิดชอบ 50/50 %
3. ลูกค้าจ่าย 100%
.
ถามไปว่า ทำไมต้องทำจดหมายเพิ่มไปอีก ในเมื่อแบบฟอร์มก็ลงรายละเอียดครบถ้วนแล้ว หลักฐานก็แนบแล้ว เหตุการณ์ก็เหมือนในใบแจ้งความ
.
จนท. ยืนยันว่า "ผมต้องใช้เอาไปคุยกับผู้ใหญ่เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกค้า"
.
ถามไปว่า ทางธนาคารไม่สามารถไปเก็บเงินจากทางร้านค้าที่ไม่ได้ดูลายเซ็นว่าไม่ตรงกับบัตรเลยไม่ได้หรือ
.
จนท. ตอบว่า ไม่ได้ ไม่มีอำนาจ ไม่มีขอบเขต เนื่องจากร้านค้าเหล่านั้นมีธนาคารอื่นดูแลอยู่ -- อันนี้สงสัยมาก ทำไมถึงไม่ได้คะ ใครสามารถตอบได้บ้าง ว่าทำไมธนาคารถึงไม่สามารถปฏิเสธยอดได้ ในเมื่อร้านค้าเป็นผู้สะเพร่า ไม่ดูลายเซ็นให้ตรงกับหลังบัตร
.
เลยถามไปว่า แล้วการเซ็นสลักหลังจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อมันช่วยอะไรไม่ได้เลย
.
จนท. บอกว่า "ลูกค้าสามารถไปฟ้องร้องร้านค้าเอาเอง เนื่องจากร้านค้าไม่ตรวจสอบลายเซ็นหลังบัตร" --- อันนี้ใครมีประสบการณ์ + ทนาย แนะนำทีว่าต้องทำไงคะ เพิ่งเคยทราบว่า ลูกค้าจะต้องไปฟ้องร้องเอง
.
บอกตรงๆ ว่า รู้สึกเฟลมากๆ ในฐานะผู้เสียหาย สงสัยว่าธนาคารทำไมจะต้องมี level ในการพิจารณา โดยเฉพาะข้อที่ 2 เพราะมันตลกมากในความรู้สึก -- ถ้ามีหลักฐานก็แปลว่าลูกค้าไม่ได้ใช้จริง ก็ควรคืนวงเงินให้ลูกค้าไม่ใช่หรือคะ
.
ตอนนี้ก็ได้ทำจดหมาย
อนุเคราะห์ขอความช่วยเหลือ ในฐานะผู้เสียหายเพิ่มเติมไปตามที่ จนท. บอกแล้วค่ะ รอฟังผลว่าจะยังไง
.
ขอสอบถามค่ะว่า ธนาคารอื่นมีให้ทำแบบนี้ไหมคะ กรอกแบบฟอร์มแล้วยังต้องทำจดหมายไปขอความอนุเคราะห์เพิ่มเติมอีก เพราะรู้สึกว่า การถูกขโมยของก็เสียหายมากพออยู่แล้ว ยังต้องรับภาระตรงนี้ ทั้งที่หลักฐานอะไรก็มีพร้อมอีก รู้สึกวุ่นวายมากค่ะ
.
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ
ขอแชร์ประสบการณ์ขอคืนวงเงินบัตรเครดิต KTC ซึ่งถูกขโมยไปรูดโดยมิจฉาชีพค่ะ
https://pantip.com/topic/38011690
================================================================
อัพเดตอยู่ที่ คคห. 110 นะคะ
================================================================
อัพเดตอยู่ที่ คคห. 105 นะคะ
================================================================
อัพเดตอยู่ที่ คคห. 49, 66 และ 98 นะคะ
ล่าสุดเมื่อวานนี้ KTC ติดต่อมาบอกว่า ได้ประสานไปทาง สถานีตำรวจปากเกร็ดแล้ว และจะขอเข้าพบ จขกท. วันนี้ ตอน 10.30 น. ค่ะ แล้วจะมาอัพเดตอีกครั้งนะคะ
ขอบพระคุณทุกคำแนะนำที่ดีค่ะ
================================================================
สวัสดีค่ะ
.
นี่เป็นกระทู้เล่าเรื่องเท่านั้นนะคะ ถือว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์และขอคำแนะนำแล้วกันค่ะ
.
เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ส.ค. 2561 ที่ผ่านมา ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี กระเป๋าสะพายของดิฉันถูกขโมยไปจากสถานที่จัดงาน
.
ดิฉันรู้ตัวประมาณเที่ยง 12.00 น.
.
โทร.ไปอายัติบัตรต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือบัตรเครดิต KTC ของธนาคารกรุงไทย เวลา 12.15 น. ((ก่อนหน้านั้นคือตกใจ หากระเป๋า ไปดูตามห้องน้ำ เผื่อโจรเอาเงินเสร็จแล้วเอาไปทิ้ง วิ่งไปเฝ้ารถ เพราะในกระเป๋าสะพายมีกุญแจรถพร้อมบัตรจอด ฯลฯ))
.
ตอนคุยกับ จนท. อายัติบัตรพบว่า ได้มีการรูดบัตร ณ ร้านค้า 2 แห่ง ยอดสูงพอสมควร ในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า จึงได้ไปสอบถามที่ร้านค้า 2 แห่งดังกล่าว
.
ดิฉันได้ถ่ายภาพสลิปบัตรที่รูดไป ซึ่งลายเซ็นไม่มีความใกล้เคียงกับที่สลักอยู่หลังบัตรเลยแม้แต่นิดเดียว และได้ทำการแจ้งความเรียบร้อย
.
ดิฉันติดต่อ KTC เพื่อขอวงเงินคืนตรงนี้ เนื่องจากไม่ได้เป็นคนใช้ ซึ่ง KTC มีแบบฟอร์มมาให้กรอก
.
ดิฉันกรอกฟอร์มเรียบร้อย ส่งไปพร้อมหลักฐานคือ ใบแจ้งความ ((ซึ่งมีรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพอสมควร)) และภาพถ่ายของสลิปที่รูดพร้อมลายเซ็นโจรทั้งสองใบไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
.
วันนี้ จนท. ของ KTC โทร.มา เพื่อขอให้เล่าเหตุการณ์โดยละเอียดให้ฟังอีกครั้ง ((เหมือนในใบแจ้งความเปี๊ยบ)) พอฟังจบแล้ว จนท. บอกให้ทำจดหมาย ขอความอนุเคราะห์ ถึง กรรมการผู้จัดการ บมจ. บัตรกรุงไทย เพิ่มเติมไป เพื่อ "รับการพิจารณาว่าทาง KTC จะช่วยเหลือได้อย่างไร" เพราะ รายการใดๆ ที่ถูกใช้ก่อนการอายัติบัตรอยู่ในความรับผิดชอบของลูกค้า
.
โดยแจ้งว่าจะมีการพิจารณาเป็น 3 แนวทาง คือ
1. ธนาคารคืน 100%
2. รับผิดชอบ 50/50 %
3. ลูกค้าจ่าย 100%
.
ถามไปว่า ทำไมต้องทำจดหมายเพิ่มไปอีก ในเมื่อแบบฟอร์มก็ลงรายละเอียดครบถ้วนแล้ว หลักฐานก็แนบแล้ว เหตุการณ์ก็เหมือนในใบแจ้งความ
.
จนท. ยืนยันว่า "ผมต้องใช้เอาไปคุยกับผู้ใหญ่เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกค้า"
.
ถามไปว่า ทางธนาคารไม่สามารถไปเก็บเงินจากทางร้านค้าที่ไม่ได้ดูลายเซ็นว่าไม่ตรงกับบัตรเลยไม่ได้หรือ
.
จนท. ตอบว่า ไม่ได้ ไม่มีอำนาจ ไม่มีขอบเขต เนื่องจากร้านค้าเหล่านั้นมีธนาคารอื่นดูแลอยู่ -- อันนี้สงสัยมาก ทำไมถึงไม่ได้คะ ใครสามารถตอบได้บ้าง ว่าทำไมธนาคารถึงไม่สามารถปฏิเสธยอดได้ ในเมื่อร้านค้าเป็นผู้สะเพร่า ไม่ดูลายเซ็นให้ตรงกับหลังบัตร
.
เลยถามไปว่า แล้วการเซ็นสลักหลังจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อมันช่วยอะไรไม่ได้เลย
.
จนท. บอกว่า "ลูกค้าสามารถไปฟ้องร้องร้านค้าเอาเอง เนื่องจากร้านค้าไม่ตรวจสอบลายเซ็นหลังบัตร" --- อันนี้ใครมีประสบการณ์ + ทนาย แนะนำทีว่าต้องทำไงคะ เพิ่งเคยทราบว่า ลูกค้าจะต้องไปฟ้องร้องเอง
.
บอกตรงๆ ว่า รู้สึกเฟลมากๆ ในฐานะผู้เสียหาย สงสัยว่าธนาคารทำไมจะต้องมี level ในการพิจารณา โดยเฉพาะข้อที่ 2 เพราะมันตลกมากในความรู้สึก -- ถ้ามีหลักฐานก็แปลว่าลูกค้าไม่ได้ใช้จริง ก็ควรคืนวงเงินให้ลูกค้าไม่ใช่หรือคะ
.
ตอนนี้ก็ได้ทำจดหมาย อนุเคราะห์ขอความช่วยเหลือ ในฐานะผู้เสียหายเพิ่มเติมไปตามที่ จนท. บอกแล้วค่ะ รอฟังผลว่าจะยังไง
.
ขอสอบถามค่ะว่า ธนาคารอื่นมีให้ทำแบบนี้ไหมคะ กรอกแบบฟอร์มแล้วยังต้องทำจดหมายไปขอความอนุเคราะห์เพิ่มเติมอีก เพราะรู้สึกว่า การถูกขโมยของก็เสียหายมากพออยู่แล้ว ยังต้องรับภาระตรงนี้ ทั้งที่หลักฐานอะไรก็มีพร้อมอีก รู้สึกวุ่นวายมากค่ะ
.
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ