ฉบับที่ ๕๒ วันพุธที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑

เรื่อง มาสาย หักเงินลูกจ้าง โดนคุก!!! แล้วพระพุทธองค์ทรงให้โทษอย่างไร?
เมื่อวาน ฉบับที่ 51 ทุกท่านคงชัดเจนเรื่องหน้าที่ของนายจ้างและลูกจ้างจากคำสอนพระพุทธองค์ แต่...วันนี้ต้องขยายความเพิ่มอีกเรื่องหักเงิน...มาสาย...
เนื่องจากเหตุการณ์ เพจ สายตรงกฎหมายได้ โพสต์ข้อความว่า “เชื่อว่าในสถานประกอบกิจการต่างๆ ลูกจ้างคงจะโดนหักเงินจากนายจ้างมิใช่น้อย ซึ่งจริงๆ แล้ว ตามกฎหมายเค้าห้ามนายจ้างหักเงินมั่วๆ โดยเฉพาะเมื่อมาสาย นายจ้างจะหักเงินได้แค่ที่กฎหมายกำหนด”
ใน พรบ คุ้มครองแรงงาน มาตรา 76 ระบุว่า ห้ามมิให้นายจ้างหักค่าจ้าง นายจ้างจะหักค่าจ้างได้กรณีดังนี้
- หักภาษีหรือชำระเงินอื่นๆ ที่กฎหมายกำหนด
- หักค่าสหภาพ
- ชำระหนี้สหกรณ์
- หักเงินประกันบางประเภท หรือหักค่าเสียหายโดยลูกจ้างต้องยินยอม
- หักเงินสะสม”
“ดังนั้น มาสาย หักเงินไม่ได้ ใครโดนก็ไปร้องเรียนได้ที่ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานครับ หากฝ่าฝืนมีโทษสูงสุด คุก 6 เดือน ปรับ 1 แสน ตามมาตรา 144”
หลังจากนั้นก็มีข่าวลงภาพ รถติดพร้อมมีภาพประกอบและข้อความดังรูป “มาสายทำงานไม่มีสิทธิ์หักเงิน”
ผู้เขียนเกิดความสงสัยว่า มาสายหักเงินไม่ได้ แล้วจะลงโทษอย่างไร เพื่อให้ลูกจ้างเอาใจใส่มากขึ้น ถ้าสุดวิสัยเรื่องรถติดอันเนื่องจากอุบัติเหตุ หรืออะไรก็ตาม เป็นสิ่งที่รับได้ แต่คนที่อ้างบ่อย ๆ เรื่องนั้น นี้ โน้น มันก็เอือมเหลือเกิน จะไล่ออกก็มีกฏหมายอีก (ค่าจ้างไม่เพิ่มให้แน่นอน 555 คนขยันเราก็มีเบี้ยขยัน เพิ่มเงินเดือน โบนัสมากมาย...)
สำหรับคำตอบในฐานะชาวพุทธ ผู้เขียนพบว่า พระพุทธองค์ทรงมอบให้มากมาย โดยเฉพาะพระสูตรชื่อว่า “สิงคาลกสูตร” เรื่องโทษของคนไม่ขยัน เกียจคร้านการทำงาน ซึ่งเป็น 1 ในอบายมุข 6 (หนทางแห่งความ

) ดังนี้
โทษของความเกียจคร้าน มี 6 ประการ คือ :-
(1) ชอบอ้างว่า หนาวนัก แล้วไม่ทำการงาน
(2) ชอบอ้างว่า ร้อนนัก แล้วไม่ทำการงาน
(3) ชอบอ้างว่า เวลาเย็นแล้ว แล้วไม่ทำการงาน
(4) ชอบอ้างว่า ยังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำการงาน
(5) ชอบอ้างว่า หิวนัก แล้วไม่ทำการงาน
(6) ชอบอ้างว่า กระหายนัก แล้วไม่ทำการงาน
เมื่อเขามากไปด้วยการอ้างเลศ ผลัดผ่อนการงาน
อยู่อย่างนี้ โภคทรัพย์ที่ยังไม่เกิดก็ไม่เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วก็ถึงความสิ้นไป
สรุป คนไม่ขยัน เกียจคร้านการงาน จะชอบอ้างสารพัดปัญหา ไม่มีคำว่า “ได้ครับพี่ ดีครับท่าน ทันครับเจ้านาย สบายใจได้เลยครับทุกคน” ทุกท่านคงได้ประสบพบเจออยู่ไม่มากก็น้อย
พระพุทธเจ้าตรัสชัด การชอบอ้างด้วยเลศ ทำให้”โภคทรัพย์ถึงความสิ้นไปได้”
ทั้งนี้ทั้งนั้น การหักเงิน ทุกที่ก็ทำกัน ตามข้อตกลงการจ้างเป็นจำนวนชั่วโมง นาที วินาที ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ไม่ได้หักเงิน แต่จ้างถูกลง ที่สุดแล้วโทษที่น่ากลัวคือ พระพุทธองค์ตรัสเป็นอบายมุข 1 ใน 6 จึงเป็นสิ่งที่น่าพิจารณา
ทุกท่านคิดเห็นอย่างไร แลกเปลี่ยนความรู้กันใน Comment Facebook, YouTube, Blog, Line, IG, Twitter, pantip ...กันนะครับ ขอบคุณครับ
B.S.
8 ส.ค. 2561
ตอน มาสาย หักเงินลูกจ้าง โดนคุก!!! แล้วพระพุทธองค์ให้โทษอย่างไร? เวลา 14.00-14.20 น.
https://youtu.be/OqQiisNB-Dk
มาสาย หักเงินลูกจ้าง โดนคุก!!! แล้วพระพุทธองค์ทรงให้โทษอย่างไร?
เรื่อง มาสาย หักเงินลูกจ้าง โดนคุก!!! แล้วพระพุทธองค์ทรงให้โทษอย่างไร?
เมื่อวาน ฉบับที่ 51 ทุกท่านคงชัดเจนเรื่องหน้าที่ของนายจ้างและลูกจ้างจากคำสอนพระพุทธองค์ แต่...วันนี้ต้องขยายความเพิ่มอีกเรื่องหักเงิน...มาสาย...
เนื่องจากเหตุการณ์ เพจ สายตรงกฎหมายได้ โพสต์ข้อความว่า “เชื่อว่าในสถานประกอบกิจการต่างๆ ลูกจ้างคงจะโดนหักเงินจากนายจ้างมิใช่น้อย ซึ่งจริงๆ แล้ว ตามกฎหมายเค้าห้ามนายจ้างหักเงินมั่วๆ โดยเฉพาะเมื่อมาสาย นายจ้างจะหักเงินได้แค่ที่กฎหมายกำหนด”
ใน พรบ คุ้มครองแรงงาน มาตรา 76 ระบุว่า ห้ามมิให้นายจ้างหักค่าจ้าง นายจ้างจะหักค่าจ้างได้กรณีดังนี้
- หักภาษีหรือชำระเงินอื่นๆ ที่กฎหมายกำหนด
- หักค่าสหภาพ
- ชำระหนี้สหกรณ์
- หักเงินประกันบางประเภท หรือหักค่าเสียหายโดยลูกจ้างต้องยินยอม
- หักเงินสะสม”
“ดังนั้น มาสาย หักเงินไม่ได้ ใครโดนก็ไปร้องเรียนได้ที่ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานครับ หากฝ่าฝืนมีโทษสูงสุด คุก 6 เดือน ปรับ 1 แสน ตามมาตรา 144”
หลังจากนั้นก็มีข่าวลงภาพ รถติดพร้อมมีภาพประกอบและข้อความดังรูป “มาสายทำงานไม่มีสิทธิ์หักเงิน”
ผู้เขียนเกิดความสงสัยว่า มาสายหักเงินไม่ได้ แล้วจะลงโทษอย่างไร เพื่อให้ลูกจ้างเอาใจใส่มากขึ้น ถ้าสุดวิสัยเรื่องรถติดอันเนื่องจากอุบัติเหตุ หรืออะไรก็ตาม เป็นสิ่งที่รับได้ แต่คนที่อ้างบ่อย ๆ เรื่องนั้น นี้ โน้น มันก็เอือมเหลือเกิน จะไล่ออกก็มีกฏหมายอีก (ค่าจ้างไม่เพิ่มให้แน่นอน 555 คนขยันเราก็มีเบี้ยขยัน เพิ่มเงินเดือน โบนัสมากมาย...)
สำหรับคำตอบในฐานะชาวพุทธ ผู้เขียนพบว่า พระพุทธองค์ทรงมอบให้มากมาย โดยเฉพาะพระสูตรชื่อว่า “สิงคาลกสูตร” เรื่องโทษของคนไม่ขยัน เกียจคร้านการทำงาน ซึ่งเป็น 1 ในอบายมุข 6 (หนทางแห่งความ
โทษของความเกียจคร้าน มี 6 ประการ คือ :-
(1) ชอบอ้างว่า หนาวนัก แล้วไม่ทำการงาน
(2) ชอบอ้างว่า ร้อนนัก แล้วไม่ทำการงาน
(3) ชอบอ้างว่า เวลาเย็นแล้ว แล้วไม่ทำการงาน
(4) ชอบอ้างว่า ยังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำการงาน
(5) ชอบอ้างว่า หิวนัก แล้วไม่ทำการงาน
(6) ชอบอ้างว่า กระหายนัก แล้วไม่ทำการงาน
เมื่อเขามากไปด้วยการอ้างเลศ ผลัดผ่อนการงาน
อยู่อย่างนี้ โภคทรัพย์ที่ยังไม่เกิดก็ไม่เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วก็ถึงความสิ้นไป
สรุป คนไม่ขยัน เกียจคร้านการงาน จะชอบอ้างสารพัดปัญหา ไม่มีคำว่า “ได้ครับพี่ ดีครับท่าน ทันครับเจ้านาย สบายใจได้เลยครับทุกคน” ทุกท่านคงได้ประสบพบเจออยู่ไม่มากก็น้อย
พระพุทธเจ้าตรัสชัด การชอบอ้างด้วยเลศ ทำให้”โภคทรัพย์ถึงความสิ้นไปได้”
ทั้งนี้ทั้งนั้น การหักเงิน ทุกที่ก็ทำกัน ตามข้อตกลงการจ้างเป็นจำนวนชั่วโมง นาที วินาที ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ไม่ได้หักเงิน แต่จ้างถูกลง ที่สุดแล้วโทษที่น่ากลัวคือ พระพุทธองค์ตรัสเป็นอบายมุข 1 ใน 6 จึงเป็นสิ่งที่น่าพิจารณา
ทุกท่านคิดเห็นอย่างไร แลกเปลี่ยนความรู้กันใน Comment Facebook, YouTube, Blog, Line, IG, Twitter, pantip ...กันนะครับ ขอบคุณครับ
B.S.
8 ส.ค. 2561
ตอน มาสาย หักเงินลูกจ้าง โดนคุก!!! แล้วพระพุทธองค์ให้โทษอย่างไร? เวลา 14.00-14.20 น. https://youtu.be/OqQiisNB-Dk