Call Back Ratio Spread หรือบางตำราอาจเรียก Ratio Back Call Spread
หรือ Call Ratio Back Spread หรือ Call Ratio Backspread
หรือ 1x2 Call Ratio Volatility Spread
เป็นการ short call strike ต่ำกว่า จำนวน 1 สัญญา
และ long call strike ที่สูงกว่า จำนวน 2 สัญญา
ใน series เดียวกัน
โดย ขาดทุนจะจำกัด
ส่วนกำไรจะไม่จำกัดในด้านขาขึ้น
ด้านขาลง จะกำไร หรือขาดทุนจำกัด ขึ้นกับ premium ที่ได้รับ และจ่ายไป
เป็นการเทรดในมุมมองว่าตลาดไม่น่าจะ sideways
ตลาดน่าจะผันผวนมากขึ้น
คาดว่าจะขึ้น หรือลงได้แรงมาก
และคาดว่าน่าจะขึ้นมากกว่าจะลง

สมมติ short s50u18c1100 (sc1100) 1 สัญญา ที่ premium 43
และ long s50u18c1125 (lc1125*2) 2 สัญญา ที่ premium 26
เส้นสีแดง คือ sc1100
เส้นสีเขียว คือ lc1125
เส้นสีดำ คือ sc1100 + lc1125*2 คือ call back ratio spread
จุดต่ำสุด คือ จุดที่ขาดทุนมากสุด เท่ากับ
(strike สูง - strike ต่ำ) + (ผลต่างค่า premium ที่จ่าย - ที่รับ)
= (1125 - 1100) + (26*2 - 43) = 25 + 9 = 34 จุด
จุดสูงสุดด้านขาลง คือ จุดที่ กำไร หรือขาดทุนมากสุดด้านขาลง เท่ากับ
ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย
= 43 - 26*2 = -9 จุด (ติดลบ หมายถึง ขาดทุน)
ถ้า premium ที่รับ มากกว่าที่จ่ายไป จะ กำไร
ถ้า premium ที่รับ น้อยกว่าที่จ่ายไป จะ ขาดทุน
จุดเท่าทุน (Break-Even Point) คือ จุดที่เส้นกราฟตัดแกน X (Y = 0)
ด้านขาขึ้น เท่ากับ strike สูง + ขาดทุนสูงสุด
= 1125 + 34 = 1159
ด้านขาลง ถ้าขาดทุนคงที่ จะไม่มีจุด BE เพราะ ไม่มีจุดตัดแกน X
ถ้ากำไรคงที่ จะมีจุด BE = strike ต่ำ + (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
ถ้า set50 > 1159 จะเริ่มกำไรไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 < 1159 จะเริ่มขาดทุนไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1125 จะขาดทุนสูงสุด
ถ้า set50 < 1125 จะเริ่มขาดทุนลดลงไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 < 1100 ลงไป จะกำไร หรือขาดทุนคงที่
จากรูปกราฟ จะเห็นว่า คล้ายกราฟ long straddle รวมกับ short put ด้านซ้าย
หรือ (long call + long put) strike สูง + short put strike ต่ำ
ในทางปฏิบัติ เราสามารถทำ call back ratio spread ได้หลายวิธี
อธิบายได้ด้วย synthetic options
ตัวอย่าง
call back ratio spread = SC1100 + LC1125*2
จาก synthetic options จะได้ว่า
SC1100 = SP1100 + SF
LC1125 = LP1125 + LF
แทนค่า SC1100 จะได้
= SP1100 + SF + LC1125*2
= SP1100 + (SF + LC1125) + LC1125
เนื่องจาก SF + LC1125 เท่ากับ LP1125
= SP1100 + LP1125 + LC1125
LP1125 + LC1125 ก็คือ long straddle นั่นเอง
ดังนั้น call back ratio spread จะให้กราฟเหมือนกับ short put รวมกับ long straddle เช่นกัน
นอกจากนี้เราสามารถแทนค่า synthetic options ที่ LC1125 และ/หรือ SC1100
จะได้รูปแบบการทำได้หลายแบบ
เช่น SC1100 + LP1125*2 + LF*2
หรือ SP1100 + LC1125*2 + SF
หรือ SP1100 + LP1125*2 + LF
ในทางปฏิบัติ call back ratio spread สามารถปรับเปลี่ยนจากกลยุทธ์อื่นได้ เช่น
จาก bear call spread = LC1125 + SC1100 โดยการเพิ่ม LC1125 เข้าไป
หรือจาก long straddle = LC1125 + LP1125 โดยการเพิ่ม SP1100 เข้าไป
TFEX Options - 6/8/2018 - Call Back Ratio Spread
หรือ Call Ratio Back Spread หรือ Call Ratio Backspread
หรือ 1x2 Call Ratio Volatility Spread
เป็นการ short call strike ต่ำกว่า จำนวน 1 สัญญา
และ long call strike ที่สูงกว่า จำนวน 2 สัญญา
ใน series เดียวกัน
โดย ขาดทุนจะจำกัด
ส่วนกำไรจะไม่จำกัดในด้านขาขึ้น
ด้านขาลง จะกำไร หรือขาดทุนจำกัด ขึ้นกับ premium ที่ได้รับ และจ่ายไป
เป็นการเทรดในมุมมองว่าตลาดไม่น่าจะ sideways
ตลาดน่าจะผันผวนมากขึ้น
คาดว่าจะขึ้น หรือลงได้แรงมาก
และคาดว่าน่าจะขึ้นมากกว่าจะลง
สมมติ short s50u18c1100 (sc1100) 1 สัญญา ที่ premium 43
และ long s50u18c1125 (lc1125*2) 2 สัญญา ที่ premium 26
เส้นสีแดง คือ sc1100
เส้นสีเขียว คือ lc1125
เส้นสีดำ คือ sc1100 + lc1125*2 คือ call back ratio spread
จุดต่ำสุด คือ จุดที่ขาดทุนมากสุด เท่ากับ
(strike สูง - strike ต่ำ) + (ผลต่างค่า premium ที่จ่าย - ที่รับ)
= (1125 - 1100) + (26*2 - 43) = 25 + 9 = 34 จุด
จุดสูงสุดด้านขาลง คือ จุดที่ กำไร หรือขาดทุนมากสุดด้านขาลง เท่ากับ
ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย
= 43 - 26*2 = -9 จุด (ติดลบ หมายถึง ขาดทุน)
ถ้า premium ที่รับ มากกว่าที่จ่ายไป จะ กำไร
ถ้า premium ที่รับ น้อยกว่าที่จ่ายไป จะ ขาดทุน
จุดเท่าทุน (Break-Even Point) คือ จุดที่เส้นกราฟตัดแกน X (Y = 0)
ด้านขาขึ้น เท่ากับ strike สูง + ขาดทุนสูงสุด
= 1125 + 34 = 1159
ด้านขาลง ถ้าขาดทุนคงที่ จะไม่มีจุด BE เพราะ ไม่มีจุดตัดแกน X
ถ้ากำไรคงที่ จะมีจุด BE = strike ต่ำ + (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
ถ้า set50 > 1159 จะเริ่มกำไรไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 < 1159 จะเริ่มขาดทุนไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1125 จะขาดทุนสูงสุด
ถ้า set50 < 1125 จะเริ่มขาดทุนลดลงไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 < 1100 ลงไป จะกำไร หรือขาดทุนคงที่
จากรูปกราฟ จะเห็นว่า คล้ายกราฟ long straddle รวมกับ short put ด้านซ้าย
หรือ (long call + long put) strike สูง + short put strike ต่ำ
ในทางปฏิบัติ เราสามารถทำ call back ratio spread ได้หลายวิธี
อธิบายได้ด้วย synthetic options
ตัวอย่าง
call back ratio spread = SC1100 + LC1125*2
จาก synthetic options จะได้ว่า
SC1100 = SP1100 + SF
LC1125 = LP1125 + LF
แทนค่า SC1100 จะได้
= SP1100 + SF + LC1125*2
= SP1100 + (SF + LC1125) + LC1125
เนื่องจาก SF + LC1125 เท่ากับ LP1125
= SP1100 + LP1125 + LC1125
LP1125 + LC1125 ก็คือ long straddle นั่นเอง
ดังนั้น call back ratio spread จะให้กราฟเหมือนกับ short put รวมกับ long straddle เช่นกัน
นอกจากนี้เราสามารถแทนค่า synthetic options ที่ LC1125 และ/หรือ SC1100
จะได้รูปแบบการทำได้หลายแบบ
เช่น SC1100 + LP1125*2 + LF*2
หรือ SP1100 + LC1125*2 + SF
หรือ SP1100 + LP1125*2 + LF
ในทางปฏิบัติ call back ratio spread สามารถปรับเปลี่ยนจากกลยุทธ์อื่นได้ เช่น
จาก bear call spread = LC1125 + SC1100 โดยการเพิ่ม LC1125 เข้าไป
หรือจาก long straddle = LC1125 + LP1125 โดยการเพิ่ม SP1100 เข้าไป