Short Put Butterfly หรือบางตำราอาจเรียก Short Put Butterfly Spread
เป็นการ short put strike ต่ำกว่า จำนวน 1 สัญญา
และ long put strike กลาง จำนวน 2 สัญญา
และ short put strike สูงกว่า จำนวน 1 สัญญา
ใน series เดียวกัน
โดย กำไร และขาดทุนจะจำกัดทั้งคู่
เป็นการเทรดในมุมมองว่าตลาดไม่น่าจะ sideways
ตลาดน่าจะผันผวนมากขึ้น
คาดว่าจะขึ้น หรือลงได้มาก
สมมติ short s50u18p1100 (sp1100) 1 สัญญา ที่ premium 15
และ long s50u18p1125 (lp1125*2) 2 สัญญา ที่ premium 25
และ short s50u18p1150 (sp1150) 1 สัญญา ที่ premium 41
เส้นสีแดง คือ sp1100
เส้นสีเขียว คือ lp1125
เส้นสีน้ำเงิน คือ sp1150
เส้นสีดำ คือ sp1100 + lp1125*2 + sp1150 คือ short put butterfly
จุดต่ำสุด คือ จุดที่ขาดทุนมากสุด เท่ากับ
(strike กลาง - strike ต่ำ) - (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
= (1125 - 1100) - (15 + 41 - 25*2) = 25 - 6 = 19 จุด
จุดสูงสุด คือ จุดที่กำไรมากสุด เท่ากับ
ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย
= 15 + 41 - 25*2 = 6 จุด
ถ้า premium ที่รับ มากกว่าที่จ่ายไป จะ กำไร
ถ้า premium ที่รับ น้อยกว่าที่จ่ายไป จะ ขาดทุน
จุดเท่าทุน (Break-Even Point) คือ จุดที่เส้นกราฟตัดแกน X (Y = 0)
ถ้าจุดสูงสุด ขาดทุนคงที่ จะไม่มีจุด BE เพราะ ไม่มีจุดตัดแกน X
ถ้ากำไร จะมีจุด BE ทั้งด้านขึ้น และขาลง
ด้านขาขึ้น เท่ากับ strike สูง - (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
= 1150 - (15 + 41 - 25*2) = 1150 - 6 = 1144
ด้านขาลง เท่ากับ strike ต่ำ + (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
= 1100 + (15 + 41 - 25*2) = 1100 + 6 = 1106
ถ้า set50 < 1106 จะเริ่มกำไรปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1100 จะกำไรสูงสุด
ถ้า set50 < 1100 ลงไป จะกำไรคงที่
ถ้า set50 > 1106 จะเริ่มขาดทุนไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1125 จะขาดทุนสูงสุด
ถ้า set50 > 1125 ขึ้นไป จะขาดทุนลดลงไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 > 1144 จะเริ่มกำไรไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1150 จะกำไรสูงสุด
ถ้า set50 > 1150 ขึ้นไป จะกำไรคงที่
จากรูปกราฟ จะเห็นว่า คล้ายกราฟ short call butterfly
อธิบายได้ด้วย synthetic options
ตัวอย่าง
short put butterfly = SP1100 + LP1125*2 + SP1150
จาก synthetic options จะได้ว่า
SP1100 = SC1100 + LF
LP1125 = LC1125 + SF
SP1150 = SC1150 + LF
แทนค่า SP1100, LP1125 และ SP1150 จะได้
= (SC1100 + LF) + (LC1125*2 + SF*2) + (SC1150 + LF)
= (SC1100 + LC1125*2 + SC1150) + (LF + SF*2 + LF)
= SC1100 + LC1125*2 + SC1150
SC1100 + LC1125*2 + SC1150 ก็คือ short call butterfly นั่นเอง
ดังนั้น short put butterfly จะให้กราฟเหมือนกับ short call butterfly เช่นกัน
หรือจะมองว่า เหมือนกับ put back ratio spread รวมกับ short put ด้านซ้าย ก็ได้เช่นกัน
เพราะ put back ratio spread = LP1125*2 + SP1150 ถ้าบวก SP1100 เข้าไป
จะเท่ากับ short put butterfly เช่นกัน
TFEX Options - 15/8/2018 - Short Put Butterfly
เป็นการ short put strike ต่ำกว่า จำนวน 1 สัญญา
และ long put strike กลาง จำนวน 2 สัญญา
และ short put strike สูงกว่า จำนวน 1 สัญญา
ใน series เดียวกัน
โดย กำไร และขาดทุนจะจำกัดทั้งคู่
เป็นการเทรดในมุมมองว่าตลาดไม่น่าจะ sideways
ตลาดน่าจะผันผวนมากขึ้น
คาดว่าจะขึ้น หรือลงได้มาก
สมมติ short s50u18p1100 (sp1100) 1 สัญญา ที่ premium 15
และ long s50u18p1125 (lp1125*2) 2 สัญญา ที่ premium 25
และ short s50u18p1150 (sp1150) 1 สัญญา ที่ premium 41
เส้นสีแดง คือ sp1100
เส้นสีเขียว คือ lp1125
เส้นสีน้ำเงิน คือ sp1150
เส้นสีดำ คือ sp1100 + lp1125*2 + sp1150 คือ short put butterfly
จุดต่ำสุด คือ จุดที่ขาดทุนมากสุด เท่ากับ
(strike กลาง - strike ต่ำ) - (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
= (1125 - 1100) - (15 + 41 - 25*2) = 25 - 6 = 19 จุด
จุดสูงสุด คือ จุดที่กำไรมากสุด เท่ากับ
ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย
= 15 + 41 - 25*2 = 6 จุด
ถ้า premium ที่รับ มากกว่าที่จ่ายไป จะ กำไร
ถ้า premium ที่รับ น้อยกว่าที่จ่ายไป จะ ขาดทุน
จุดเท่าทุน (Break-Even Point) คือ จุดที่เส้นกราฟตัดแกน X (Y = 0)
ถ้าจุดสูงสุด ขาดทุนคงที่ จะไม่มีจุด BE เพราะ ไม่มีจุดตัดแกน X
ถ้ากำไร จะมีจุด BE ทั้งด้านขึ้น และขาลง
ด้านขาขึ้น เท่ากับ strike สูง - (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
= 1150 - (15 + 41 - 25*2) = 1150 - 6 = 1144
ด้านขาลง เท่ากับ strike ต่ำ + (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
= 1100 + (15 + 41 - 25*2) = 1100 + 6 = 1106
ถ้า set50 < 1106 จะเริ่มกำไรปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1100 จะกำไรสูงสุด
ถ้า set50 < 1100 ลงไป จะกำไรคงที่
ถ้า set50 > 1106 จะเริ่มขาดทุนไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1125 จะขาดทุนสูงสุด
ถ้า set50 > 1125 ขึ้นไป จะขาดทุนลดลงไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 > 1144 จะเริ่มกำไรไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1150 จะกำไรสูงสุด
ถ้า set50 > 1150 ขึ้นไป จะกำไรคงที่
จากรูปกราฟ จะเห็นว่า คล้ายกราฟ short call butterfly
อธิบายได้ด้วย synthetic options
ตัวอย่าง
short put butterfly = SP1100 + LP1125*2 + SP1150
จาก synthetic options จะได้ว่า
SP1100 = SC1100 + LF
LP1125 = LC1125 + SF
SP1150 = SC1150 + LF
แทนค่า SP1100, LP1125 และ SP1150 จะได้
= (SC1100 + LF) + (LC1125*2 + SF*2) + (SC1150 + LF)
= (SC1100 + LC1125*2 + SC1150) + (LF + SF*2 + LF)
= SC1100 + LC1125*2 + SC1150
SC1100 + LC1125*2 + SC1150 ก็คือ short call butterfly นั่นเอง
ดังนั้น short put butterfly จะให้กราฟเหมือนกับ short call butterfly เช่นกัน
หรือจะมองว่า เหมือนกับ put back ratio spread รวมกับ short put ด้านซ้าย ก็ได้เช่นกัน
เพราะ put back ratio spread = LP1125*2 + SP1150 ถ้าบวก SP1100 เข้าไป
จะเท่ากับ short put butterfly เช่นกัน