Put Back Ratio Spread หรือบางตำราอาจเรียก Ratio Back Put Spread
หรือ Put Ratio Back Spread หรือ Put Ratio Backspread
หรือ 1x2 Put Ratio Volatility Spread
เป็นการ short put strike สูงกว่า จำนวน 1 สัญญา
และ long put strike ที่ต่ำกว่า จำนวน 2 สัญญา
ใน series เดียวกัน
โดย ขาดทุนจะจำกัด
ส่วนกำไรจะไม่จำกัดในด้านขาลง
ด้านขาขึ้น จะกำไร หรือขาดทุนจำกัด ขึ้นกับ premium ที่ได้รับ และจ่ายไป
เป็นการเทรดในมุมมองว่าตลาดไม่น่าจะ sideways
ตลาดน่าจะผันผวนมากขึ้น
คาดว่าจะขึ้น หรือลงได้แรงมาก
และคาดว่าน่าจะลงมากกว่าจะขึ้น

สมมติ short s50u18p1125 (sp1125) 1 สัญญา ที่ premium 27
และ long s50u18p1100 (lp1100*2) 2 สัญญา ที่ premium 18
เส้นสีแดง คือ sp1125
เส้นสีเขียว คือ lp1100
เส้นสีดำ คือ sp1125 + lp1100*2 คือ put back ratio spread
จุดต่ำสุด คือ จุดที่ขาดทุนมากสุด เท่ากับ
(strike สูง - strike ต่ำ) + (ผลต่างค่า premium ที่จ่าย - ที่รับ)
= (1125 - 1100) + (18*2 - 27) = 25 + 9 = 34 จุด
จุดสูงสุดด้านขาขึ้น คือ จุดที่ กำไร หรือขาดทุนมากสุดด้านขาขึ้น เท่ากับ
ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย
= 27 - 18*2 = -9 จุด (ติดลบ หมายถึง ขาดทุน)
ถ้า premium ที่รับ มากกว่าที่จ่ายไป จะ กำไร
ถ้า premium ที่รับ น้อยกว่าที่จ่ายไป จะ ขาดทุน
จุดเท่าทุน (Break-Even Point) คือ จุดที่เส้นกราฟตัดแกน X (Y = 0)
ด้านขาลง เท่ากับ strike ต่ำ - ขาดทุนสูงสุด
= 1100 - 34 = 1066
ด้านขาขึ้น ถ้าขาดทุนคงที่ จะไม่มีจุด BE เพราะ ไม่มีจุดตัดแกน X
ถ้ากำไรคงที่ จะมีจุด BE = strike สูง - (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
ถ้า set50 < 1066 จะเริ่มกำไรไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 > 1066 จะเริ่มขาดทุนไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1100 จะขาดทุนสูงสุด
ถ้า set50 > 1100 จะเริ่มขาดทุนลดลงไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 > 1125 ขึ้นไป จะกำไร หรือขาดทุนคงที่
จากรูปกราฟ จะเห็นว่า คล้ายกราฟ long straddle รวมกับ short call ด้านขวา
หรือ (long call + long put) strike ต่ำ + short call strike สูง
ในทางปฏิบัติ เราสามารถทำ put back ratio spread ได้หลายวิธี
อธิบายได้ด้วย synthetic options
ตัวอย่าง
put back ratio spread = SP1125 + LP1100*2
จาก synthetic options จะได้ว่า
SP1125 = SC1125 + LF
LP1100 = LC1100 + SF
แทนค่า SP1125 จะได้
= SC1125 + LF + LP1100*2
= SC1125 + (LF + LP1100) + LP1100
เนื่องจาก LF + LP1100 เท่ากับ LC1100
= SC1125 + LC1100 + LP1100
LC1100 + LP1100 ก็คือ long straddle นั่นเอง
ดังนั้น put back ratio spread จะให้กราฟเหมือนกับ short call รวมกับ long straddle เช่นกัน
นอกจากนี้เราสามารถแทนค่า synthetic options ที่ LP1100 และ/หรือ SP1125
จะได้รูปแบบการทำได้หลายแบบ
เช่น SC1125 + LP1100*2 + LF
หรือ SP1125 + LC1100*2 + SF*2
หรือ SC1125 + LC1100*2 + SF
ในทางปฏิบัติ put back ratio spread สามารถปรับเปลี่ยนจากกลยุทธ์อื่นได้ เช่น
จาก bull put spread = SP1125 + LP1100 โดยการเพิ่ม LP1100 เข้าไป
หรือจาก long straddle = LC1100 + LP1100 โดยการเพิ่ม SC1125 เข้าไป
TFEX Options - 7/8/2018 - Put Back Ratio Spread
หรือ Put Ratio Back Spread หรือ Put Ratio Backspread
หรือ 1x2 Put Ratio Volatility Spread
เป็นการ short put strike สูงกว่า จำนวน 1 สัญญา
และ long put strike ที่ต่ำกว่า จำนวน 2 สัญญา
ใน series เดียวกัน
โดย ขาดทุนจะจำกัด
ส่วนกำไรจะไม่จำกัดในด้านขาลง
ด้านขาขึ้น จะกำไร หรือขาดทุนจำกัด ขึ้นกับ premium ที่ได้รับ และจ่ายไป
เป็นการเทรดในมุมมองว่าตลาดไม่น่าจะ sideways
ตลาดน่าจะผันผวนมากขึ้น
คาดว่าจะขึ้น หรือลงได้แรงมาก
และคาดว่าน่าจะลงมากกว่าจะขึ้น
สมมติ short s50u18p1125 (sp1125) 1 สัญญา ที่ premium 27
และ long s50u18p1100 (lp1100*2) 2 สัญญา ที่ premium 18
เส้นสีแดง คือ sp1125
เส้นสีเขียว คือ lp1100
เส้นสีดำ คือ sp1125 + lp1100*2 คือ put back ratio spread
จุดต่ำสุด คือ จุดที่ขาดทุนมากสุด เท่ากับ
(strike สูง - strike ต่ำ) + (ผลต่างค่า premium ที่จ่าย - ที่รับ)
= (1125 - 1100) + (18*2 - 27) = 25 + 9 = 34 จุด
จุดสูงสุดด้านขาขึ้น คือ จุดที่ กำไร หรือขาดทุนมากสุดด้านขาขึ้น เท่ากับ
ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย
= 27 - 18*2 = -9 จุด (ติดลบ หมายถึง ขาดทุน)
ถ้า premium ที่รับ มากกว่าที่จ่ายไป จะ กำไร
ถ้า premium ที่รับ น้อยกว่าที่จ่ายไป จะ ขาดทุน
จุดเท่าทุน (Break-Even Point) คือ จุดที่เส้นกราฟตัดแกน X (Y = 0)
ด้านขาลง เท่ากับ strike ต่ำ - ขาดทุนสูงสุด
= 1100 - 34 = 1066
ด้านขาขึ้น ถ้าขาดทุนคงที่ จะไม่มีจุด BE เพราะ ไม่มีจุดตัดแกน X
ถ้ากำไรคงที่ จะมีจุด BE = strike สูง - (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
ถ้า set50 < 1066 จะเริ่มกำไรไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 > 1066 จะเริ่มขาดทุนไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1100 จะขาดทุนสูงสุด
ถ้า set50 > 1100 จะเริ่มขาดทุนลดลงไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 > 1125 ขึ้นไป จะกำไร หรือขาดทุนคงที่
จากรูปกราฟ จะเห็นว่า คล้ายกราฟ long straddle รวมกับ short call ด้านขวา
หรือ (long call + long put) strike ต่ำ + short call strike สูง
ในทางปฏิบัติ เราสามารถทำ put back ratio spread ได้หลายวิธี
อธิบายได้ด้วย synthetic options
ตัวอย่าง
put back ratio spread = SP1125 + LP1100*2
จาก synthetic options จะได้ว่า
SP1125 = SC1125 + LF
LP1100 = LC1100 + SF
แทนค่า SP1125 จะได้
= SC1125 + LF + LP1100*2
= SC1125 + (LF + LP1100) + LP1100
เนื่องจาก LF + LP1100 เท่ากับ LC1100
= SC1125 + LC1100 + LP1100
LC1100 + LP1100 ก็คือ long straddle นั่นเอง
ดังนั้น put back ratio spread จะให้กราฟเหมือนกับ short call รวมกับ long straddle เช่นกัน
นอกจากนี้เราสามารถแทนค่า synthetic options ที่ LP1100 และ/หรือ SP1125
จะได้รูปแบบการทำได้หลายแบบ
เช่น SC1125 + LP1100*2 + LF
หรือ SP1125 + LC1100*2 + SF*2
หรือ SC1125 + LC1100*2 + SF
ในทางปฏิบัติ put back ratio spread สามารถปรับเปลี่ยนจากกลยุทธ์อื่นได้ เช่น
จาก bull put spread = SP1125 + LP1100 โดยการเพิ่ม LP1100 เข้าไป
หรือจาก long straddle = LC1100 + LP1100 โดยการเพิ่ม SC1125 เข้าไป