Call Front Ratio Spread หรือบางตำราอาจเรียก Call Ratio Spread
หรือ Call Front Spread หรือ Call Ratio Vertical Spread
หรือ 1x2 Call Ratio Vertical Spread
เป็นการ long call strike ต่ำกว่า จำนวน 1 สัญญา
และ short call strike ที่สูงกว่า จำนวน 2 สัญญา
ใน series เดียวกัน
โดย กำไรจะจำกัด
ส่วนขาดทุนจะไม่จำกัดในด้านขาขึ้น
ด้านขาลง จะกำไร หรือขาดทุนจำกัด ขึ้นกับ premium ที่ได้รับ และจ่ายไป
เป็นการเทรดในมุมมองว่าตลาดจะ sideways หรืออาจจะลงได้
และคาดว่าจะไม่ขึ้นแรงมาก

สมมติ long s50u18c1125 (lc1125) 1 สัญญา ที่ premium 30
และ short s50u18c1150 (sc1150*2) 2 สัญญา ที่ premium 18
เส้นสีแดง คือ lc1125
เส้นสีเขียว คือ sc1150
เส้นสีดำ คือ lc1125 + sc1150*2 คือ call front ratio spread
จุดสูงสุด คือ จุดที่กำไรมากสุด เท่ากับ
(strike สูง - strike ต่ำ) + (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
= (1150 - 1125) + (18*2 - 30) = 25 + 6 = 31 จุด
จุดต่ำสุดด้านขาลง คือ จุดที่ กำไร หรือขาดทุนมากสุดด้านขาลง เท่ากับ
ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย
= 18*2 - 30 = 6 จุด
ถ้า premium ที่รับ มากกว่าที่จ่ายไป จะ กำไร
ถ้า premium ที่รับ น้อยกว่าที่จ่ายไป จะ ขาดทุน
จุดเท่าทุน (Break-Even Point) คือ จุดที่เส้นกราฟตัดแกน X (Y = 0)
ด้านขาขึ้น เท่ากับ strike สูง + กำไรสูงสุด
= 1150 + 31 = 1181
ด้านขาลง ถ้ากำไรคงที่ จะไม่มีจุด BE เพราะ ไม่มีจุดตัดแกน X
ถ้าขาดทุนคงที่ จะมีจุด BE = strike ต่ำ + (ผลต่างค่า premium ที่จ่าย - ที่รับ)
ถ้า set50 > 1181 จะเริ่มขาดทุนไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 < 1181 จะเริ่มกำไรไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1150 จะกำไรสูงสุด
ถ้า set50 < 1150 จะเริ่มกำไรลดลงไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 < 1125 ลงไป จะกำไร หรือขาดทุนคงที่
จากรูปกราฟ จะเห็นว่า คล้ายกราฟ short straddle รวมกับ long put ด้านซ้าย
หรือ (short call + short put) strike สูง + long put strike ต่ำ
ในทางปฏิบัติ เราสามารถทำ call front ratio spread ได้หลายวิธี
อธิบายได้ด้วย synthetic options
ตัวอย่าง
call front ratio spread = LC1125 + SC1150*2
จาก synthetic options จะได้ว่า
LC1125 = LP1125 + LF
SC1150 = SP1150 + SF
แทนค่า LC1125 จะได้
= LP1125 + LF + SC1150*2
= LP1125 + (LF + SC1150) + SC1150
เนื่องจาก LF + SC1150 เท่ากับ SP1150
= LP1125 + SP1150 + SC1150
SP1150 + SC1150 ก็คือ short straddle นั่นเอง
ดังนั้น call front ratio spread จะให้กราฟเหมือนกับ long put รวมกับ short straddle เช่นกัน
นอกจากนี้เราสามารถแทนค่า synthetic options ที่ SC1150 และ/หรือ LC1125
จะได้รูปแบบการทำได้หลายแบบ
เช่น LC1125 + SP1150*2 + SF*2
หรือ LP1125 + SC1150*2 + LF
หรือ LP1125 + SP1150*2 + SF
ในทางปฏิบัติ call front ratio spread สามารถปรับเปลี่ยนจากกลยุทธ์อื่นได้ เช่น
จาก bull call spread = LC1125 + SC1150 โดยการเพิ่ม SC1150 เข้าไป
หรือจาก short straddle = SC1150 + SP1150 โดยการเพิ่ม LP1125 เข้าไป
TFEX Options - 2/8/2018 - Call Front Ratio Spread
หรือ Call Front Spread หรือ Call Ratio Vertical Spread
หรือ 1x2 Call Ratio Vertical Spread
เป็นการ long call strike ต่ำกว่า จำนวน 1 สัญญา
และ short call strike ที่สูงกว่า จำนวน 2 สัญญา
ใน series เดียวกัน
โดย กำไรจะจำกัด
ส่วนขาดทุนจะไม่จำกัดในด้านขาขึ้น
ด้านขาลง จะกำไร หรือขาดทุนจำกัด ขึ้นกับ premium ที่ได้รับ และจ่ายไป
เป็นการเทรดในมุมมองว่าตลาดจะ sideways หรืออาจจะลงได้
และคาดว่าจะไม่ขึ้นแรงมาก
สมมติ long s50u18c1125 (lc1125) 1 สัญญา ที่ premium 30
และ short s50u18c1150 (sc1150*2) 2 สัญญา ที่ premium 18
เส้นสีแดง คือ lc1125
เส้นสีเขียว คือ sc1150
เส้นสีดำ คือ lc1125 + sc1150*2 คือ call front ratio spread
จุดสูงสุด คือ จุดที่กำไรมากสุด เท่ากับ
(strike สูง - strike ต่ำ) + (ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย)
= (1150 - 1125) + (18*2 - 30) = 25 + 6 = 31 จุด
จุดต่ำสุดด้านขาลง คือ จุดที่ กำไร หรือขาดทุนมากสุดด้านขาลง เท่ากับ
ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย
= 18*2 - 30 = 6 จุด
ถ้า premium ที่รับ มากกว่าที่จ่ายไป จะ กำไร
ถ้า premium ที่รับ น้อยกว่าที่จ่ายไป จะ ขาดทุน
จุดเท่าทุน (Break-Even Point) คือ จุดที่เส้นกราฟตัดแกน X (Y = 0)
ด้านขาขึ้น เท่ากับ strike สูง + กำไรสูงสุด
= 1150 + 31 = 1181
ด้านขาลง ถ้ากำไรคงที่ จะไม่มีจุด BE เพราะ ไม่มีจุดตัดแกน X
ถ้าขาดทุนคงที่ จะมีจุด BE = strike ต่ำ + (ผลต่างค่า premium ที่จ่าย - ที่รับ)
ถ้า set50 > 1181 จะเริ่มขาดทุนไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 < 1181 จะเริ่มกำไรไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1150 จะกำไรสูงสุด
ถ้า set50 < 1150 จะเริ่มกำไรลดลงไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 < 1125 ลงไป จะกำไร หรือขาดทุนคงที่
จากรูปกราฟ จะเห็นว่า คล้ายกราฟ short straddle รวมกับ long put ด้านซ้าย
หรือ (short call + short put) strike สูง + long put strike ต่ำ
ในทางปฏิบัติ เราสามารถทำ call front ratio spread ได้หลายวิธี
อธิบายได้ด้วย synthetic options
ตัวอย่าง
call front ratio spread = LC1125 + SC1150*2
จาก synthetic options จะได้ว่า
LC1125 = LP1125 + LF
SC1150 = SP1150 + SF
แทนค่า LC1125 จะได้
= LP1125 + LF + SC1150*2
= LP1125 + (LF + SC1150) + SC1150
เนื่องจาก LF + SC1150 เท่ากับ SP1150
= LP1125 + SP1150 + SC1150
SP1150 + SC1150 ก็คือ short straddle นั่นเอง
ดังนั้น call front ratio spread จะให้กราฟเหมือนกับ long put รวมกับ short straddle เช่นกัน
นอกจากนี้เราสามารถแทนค่า synthetic options ที่ SC1150 และ/หรือ LC1125
จะได้รูปแบบการทำได้หลายแบบ
เช่น LC1125 + SP1150*2 + SF*2
หรือ LP1125 + SC1150*2 + LF
หรือ LP1125 + SP1150*2 + SF
ในทางปฏิบัติ call front ratio spread สามารถปรับเปลี่ยนจากกลยุทธ์อื่นได้ เช่น
จาก bull call spread = LC1125 + SC1150 โดยการเพิ่ม SC1150 เข้าไป
หรือจาก short straddle = SC1150 + SP1150 โดยการเพิ่ม LP1125 เข้าไป