มาช่วยกันตีความหมายของคำว่า ทางสายกลาง นั้นแปลว่าอะไร

ถ้าตามความหมายของพระพุทธองค์ ทางสายกลาง คือ การปฏิบัติตนไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป ปฏิบัติตนให้อยู่แต่ความพอดี
  คำว่า หย่อนไป นั้นกล่าวถึง การเอาตัวไปเกลือกกลั้วกับความสุข กิเลส กามารมณ์ทั้งหลาย ซึ่งไม่สามารถนำพาเราพ้นทุกข์ได้
  คำว่า ตึงไป นั้นได้กล่าวถึง การประพฤติปฏิบัติตน ทรมานตนให้ทุกข์กาย ทุกข์ใจมากๆเข้าไว้ ซึ่งก็ไม่สามารถนำพาให้พ้นทุกข์ หลุดพ้นจากสังสารวัฏอีกเช่นกัน
  ทางสายกลาง คือ การประพฤติ ปฏิบัติตนแต่พอดี
คำว่าพอดีในที่นี้ หลายคนเข้าใจว่า ปฏิบัติธรรมไปบ้าง กิน เที่ยว เล่นไปบ้าง จะได้ไม่เครียด ถ้าหากชีวิตเราหมกหมุ่นกับการปฏิบัติธรรมอย่างเดียว ก็คือผู้หมกมุ่น หรือเป็นผู้ที่ตึงไป หรือคิดว่ารักษาศีล 5 บ้าง ไม่รักษาศีล 5 บ้าง ตามใจต้องการ ถ้ารักษาศีล 5 ตลอดเวลาแบบอดทน ฝืนใจอย่างหนัก มันก็ตึงเกินไป อย่างนี้เป็นต้น
  
  จริงๆควรจะทำความเข้าใจใหม่กับคำว่า ทางสายกลาง ซึ่งหมายความว่า การประพฤติปฏิบัติทางจิต ให้จิตของเรามีสภาวะที่รับรู้ความรู้สึกต่างๆอย่างเป็นกลางต่อสุข และทุกข์ที่เข้ามากระทบจิตเรา
  เมื่อมีความสุขเข้ามา จิตก็รับรู้ความสุขนั้น โดยที่ไม่ยินดี และไม่เพลิดเพลินหลงใหลไปกับความสุขนั้น
  เมื่อมีความทุกข์เข้ามา จิตก็รับรู้ความทุกข์นั้น โดยไม่ยินร้าย โกรธเกลียด เคียดแค้นชิงชัง
จิตมีอุเบกขา การวางเฉยต่อสภาวะธรรมต่างๆที่เข้ามา หรือมีรับรู้สภาวะอารมณ์ต่างๆด้วยความเป็นกลาง นั่นแหละ คือ ผู้ได้ประพฤติตนอยู่บนทางสายกลาง
  
  ส่วนที่บอกว่ากิน เที่ยวบ้าง ปฏิบัติธรรมบ้าง เป็นทางสายกลาง นั่นไม่ใช่ เพราะกิน เที่ยว เล่น เอาจิตไปพัวพันกับกามารมณ์จัดเป็นการประพฤติตนให้หย่อนไป ส่วนปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น จัดเป็นผู้ปฏิบัติตนอยู่บนทางสายกลาง จึงต้องบอกว่าคนผู้นั้น หย่อนบ้าง ทางสายกลางบ้าง จะไปบอกว่า คนผู้นั้นดำเนินตนบนทางสายกลางอย่างเดียวเลย คงไม่ใช่
  
  ส่วนศีล 5 ก็ต้องรักษาให้ได้ตลอด เพราะนั่นคือ พื้นฐานผู้ประพฤติตนให้อยู่บนทางสายกลางจริงๆ ตามลำดับขั้นของวิปัสสนากรรมฐาน คือ ศีล สมาธิ ปัญญา

  ส่วนที่มีการปฏิบัติอย่างเคร่งๆนั้น ที่หลายคนมองว่าตึงไปนั้น เช่น ไม่อาบน้ำเป็นเดือนๆ เจ็บป่วยไม่ไปหาหมอ อดข้าวอดน้ำหลายวัน เป็นต้น ให้เอาตามธุดงควัตร 13 ข้อ ที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้เป็นบรรทัดฐานจะดีที่สุด อย่างอื่นที่เราคิดว่าเคร่ง เราไม่อาจรู้ได้แน่ว่า จะมีประโยชน์ในการช่วยขัดเกลาจิตใจได้จริงหรือไม่ อาจไม่ได้ประโยชน์อย่างที่เราคิดก็ได้
ธุดงควัตร 13 ประกอบด้วย
1. ถือการนุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร
2. ถือการนุ่งห่มผ้าสามผืนเป็นวัตร
3. ถือการบิณฑบาตเป็นวัตร
4. ถือการบิณฑบาตไปโดยลำดับแถวเป็นวัตร
5. ถือการฉันจังหันมื้อเดียวเป็นวัตร
6. ถือการฉันในภาชนะเดียวคือฉันในบาตรเป็นวัตร
7. ถือการห้ามภัตตาหารที่เขานำมาถวายภายหลังเป็นวัตร
8. ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร
9. ถือการอยู่โคนต้นไม้เป็นวัตร
10. ถือการอยู่อัพโภกาสที่แจ้งเป็นวัตร
11. ถือการอยู่ป่าช้าเป็นวัตร
12. ถือการอยู่ในเสนาสนะตามมีตามได้เป็นวัตร
13. ถือเนสัชชิกังคธุดงค์ คือการไม่นอนเป็นวัตร
เนื้อหาปฏิบัติตามนี้ http://www.kiriwong.ac.th/index.php/2011-06-03-10-24-05/222--13-
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่