ที่สร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ที่จำได้มีอยู่ 2-3 ข้อได้
1.เพราะหวังประโยชน์ที่ว่าขนส่งผู้คนออกไปตามเมืองต่างไป กระจายความเจริญออกไปยังเมืองต่าง
2.เป็นการส่งสินค้าไทยไปยังจีนง่ายขึ้น
3.ช่วยให้นักท่องเที่ยวจากจีนได้มาเที่ยวไทยได้ง่ายซึ่งมีผลสร้างรายได้ให้ประเทศ
ที่จริงประเทศเราก็มีการกระจายความเจริญออกไปยังหัวเมืองต่างๆมานานแล้วด้วยรถยนต์ที่วิ่งบนถนน ด้วยเครื่องบิน และด้วยรถไฟรางเดี่ยว
คนที่ฐานะดีนั่งเครื่องบินไป จากกรุงเทพ-อุบลราชธานี กรุงเทพ-เชียงใหม่ใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็ถึงปลายทาง
คนฐานะปานกลางถึงค่อนข้างดีก็นั่งรถยนต์ขับรถไปเองได้ กรุงเทพ-โคราชไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง กรุงเทพ-ขอนแก่นไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง ต่างจากสมัยโบราณที่ใช้เวลาหลายๆวันถึงเป้าหมายปลายทาง
คนยากคนจนก็นั่งรถไฟรางเดี่ยวไปยังจังหวัดต่างๆซึ่งใช้เวลาไม่ถึงวัน ถึงจะช้าก็ยังดีกว่าเดินด้วยเท้าเมื่อ 100-200 ปีที่แล้ว และเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศส่วนหนึ่งอยู่ดี
ลองดูบ้านเมืองเราทุกวันนี้ เทียบกับเมื่อ 50 ปีที่แล้วเป็นยังไง เทียบกับ 80 ปีที่แล้วสมัยสงครามโลกเป็นยังไง ก็พัฒนาขึ้นมากมายไม่ใช่หรือ ก็ด้วยมีระบบคมนาคมที่ดีในระดับหนึ่งเป็นสิ่งสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นถนนทางไกลที่ดี รถยนต์วิ่งได้สะดวก เครื่องบินที่ขนส่งผู้คนรวดเร็ว หรือรถไฟรางเดี่ยวที่ยังถือว่าเดินทางเร็วมาก เมื่อเทียบกับสมัยโบราณ
ไม่ใช่ว่ารถไฟความเร็วสูงไม่ดี แต่มันมีทางเลือกอื่นที่เหมาะสมกับขนาดเศรษฐกิจบ้านเรามากกว่ารถไฟความเร็วสูง
นั่นก็คือ ใช้เงินปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่แล้วให้มันดีขึ้น รถไฟรางคู่ที่วิ่งได้ 140-160 km/h ซึ่งนับว่าพอแก่การใช้งาน หรือมอเตอร์เวย์ที่วิ่งไปยังภูมิภาคต่างๆได้ทั่วถึง แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว ซึ่งเหมาะสมกับขนาดเศรษฐกิจบ้านเรา เหมือนกับบ้านเราที่เหมาะกับเพาะปลูกเกษตรกรรม จะให้เปลี่ยนเป็นประเทศเน้นอุตสาหกรรมก็ยากลำบาก รายได้ของประชากรบ้านเราก็เป็นเช่นนั้น เปลี่ยนแปลงยาก ยกเว้นแต่จะได้คณะรัฐมนตรีที่มีความสามารถพัฒนาระบบเศรษฐกิจได้ดียิ่ง ทำให้รายได้ต่อหัวของประชากรเพิ่มขึ้นมาก มีความสามารถซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูงได้มากขึ้น รถไฟความเร็วสูงถึงเกิดได้
แล้วย้อนมาดูผลงานของรัฐบาลชุดนี้เป็นยังไงบ้าง เรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ ทุกคนก็รู้กันอยู่ ขึ้นภาษีโน่นภาษีนี่จนประชาชนบ่นกันได้หมด
แล้วคนจำนวนมากจากที่ไหน จะเอาตังค์ไปจ่ายค่าตั๋วรถไฟความเร็วสูง
ต่อไปเรื่องที่ 2 ช่วยให้สินค้าในไทยไปตลาดจีนง่ายขึ้น ก็ดูทิศทางเรื่องนี้จากอดีตถึงปัจจุบันได้ สมัยก่อนเป็นเวลาร้อยปีขึ้นไป เวลาพ่อค้าแม่ค้าจากต่างชาติมา ก็ใช้เรือสำเภา หรือนั่งเกวียนมา เพื่อบรรทุกสินค้ามาขาย ปัจจุบันมีเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ มีรถบรรทุก มีเครื่องบินพาณิชย์ที่เดินทางระหว่างไทย-จีน พาหนะพวกนี้ช่วยขนส่งสินค้าได้เร็วกว่าสมัยโบราณมากมาย แล้วระหว่างไทยกับจีนตอนนี้ใครขายสินค้าให้ใครได้มากกว่า ใครเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ใครมากกว่าล่ะ การมีรถไฟความเร็วสูงคือ การเปลี่ยนพาหนะขนส่งสินค้าที่มีอยู่ในปัจจุบันและเปลี่ยนระยะเวลาการขนส่งให้สั้นลงก็เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าไทยจะมีการค้าที่ได้เปรียบจีน หรือได้กำไรจากการค้าขายกับจีน อาจขาดทุนมากกว่าด้วย
เรื่องที่ 3 ดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้าสู่ไทย ถ้าเขาอยากมาเร็วก็เครื่องบินมาก็ได้ ถึงไทยเร็วกว่ารถไฟความเร็วสูงและเร็วปานกลางช่วงวิ่งผ่านลาวอีก อยากมาช้าๆสบายก็เรือสำราญ แล้วดูจากข่าวเรือล่มที่ภูเก็ต คิดว่านักท่องเที่ยวจีนจะให้ผลประโยชน์แก่ประเทศไทยในระยะยาวได้จริงหรือ นักท่องเที่ยวจีนสร้างรายได้ให้ไทย มันคงเป็นแค่ลมเพลมพัด ผีเข้าผีออก หวังผลระยะยาวคงจะยาก ทั้งที่รถไฟความเร็วสูงเป็นโครงการที่ต้องอาศัยผลประโยชน์ระยะยาว
ก็เทียบกันดูหลายๆเรื่องแล้วกัน ว่าสร้างแล้วคุ้มค่ากับบ้านเราจะจริงมั้ย หรือมีทางเลือกอื่นที่เหมาะกับบ้านเรามากกว่า
คุณคิดว่าเมื่อรถไฟไทย-จีนสร้างเสร็จ รูปการณ์การท่องเที่ยวจากนักเที่ยวจีน จะคล้ายเรือล่มที่ภูเก็ตหรือไม่
1.เพราะหวังประโยชน์ที่ว่าขนส่งผู้คนออกไปตามเมืองต่างไป กระจายความเจริญออกไปยังเมืองต่าง
2.เป็นการส่งสินค้าไทยไปยังจีนง่ายขึ้น
3.ช่วยให้นักท่องเที่ยวจากจีนได้มาเที่ยวไทยได้ง่ายซึ่งมีผลสร้างรายได้ให้ประเทศ
ที่จริงประเทศเราก็มีการกระจายความเจริญออกไปยังหัวเมืองต่างๆมานานแล้วด้วยรถยนต์ที่วิ่งบนถนน ด้วยเครื่องบิน และด้วยรถไฟรางเดี่ยว
คนที่ฐานะดีนั่งเครื่องบินไป จากกรุงเทพ-อุบลราชธานี กรุงเทพ-เชียงใหม่ใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็ถึงปลายทาง
คนฐานะปานกลางถึงค่อนข้างดีก็นั่งรถยนต์ขับรถไปเองได้ กรุงเทพ-โคราชไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง กรุงเทพ-ขอนแก่นไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง ต่างจากสมัยโบราณที่ใช้เวลาหลายๆวันถึงเป้าหมายปลายทาง
คนยากคนจนก็นั่งรถไฟรางเดี่ยวไปยังจังหวัดต่างๆซึ่งใช้เวลาไม่ถึงวัน ถึงจะช้าก็ยังดีกว่าเดินด้วยเท้าเมื่อ 100-200 ปีที่แล้ว และเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศส่วนหนึ่งอยู่ดี
ลองดูบ้านเมืองเราทุกวันนี้ เทียบกับเมื่อ 50 ปีที่แล้วเป็นยังไง เทียบกับ 80 ปีที่แล้วสมัยสงครามโลกเป็นยังไง ก็พัฒนาขึ้นมากมายไม่ใช่หรือ ก็ด้วยมีระบบคมนาคมที่ดีในระดับหนึ่งเป็นสิ่งสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นถนนทางไกลที่ดี รถยนต์วิ่งได้สะดวก เครื่องบินที่ขนส่งผู้คนรวดเร็ว หรือรถไฟรางเดี่ยวที่ยังถือว่าเดินทางเร็วมาก เมื่อเทียบกับสมัยโบราณ
ไม่ใช่ว่ารถไฟความเร็วสูงไม่ดี แต่มันมีทางเลือกอื่นที่เหมาะสมกับขนาดเศรษฐกิจบ้านเรามากกว่ารถไฟความเร็วสูง
นั่นก็คือ ใช้เงินปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่แล้วให้มันดีขึ้น รถไฟรางคู่ที่วิ่งได้ 140-160 km/h ซึ่งนับว่าพอแก่การใช้งาน หรือมอเตอร์เวย์ที่วิ่งไปยังภูมิภาคต่างๆได้ทั่วถึง แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว ซึ่งเหมาะสมกับขนาดเศรษฐกิจบ้านเรา เหมือนกับบ้านเราที่เหมาะกับเพาะปลูกเกษตรกรรม จะให้เปลี่ยนเป็นประเทศเน้นอุตสาหกรรมก็ยากลำบาก รายได้ของประชากรบ้านเราก็เป็นเช่นนั้น เปลี่ยนแปลงยาก ยกเว้นแต่จะได้คณะรัฐมนตรีที่มีความสามารถพัฒนาระบบเศรษฐกิจได้ดียิ่ง ทำให้รายได้ต่อหัวของประชากรเพิ่มขึ้นมาก มีความสามารถซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูงได้มากขึ้น รถไฟความเร็วสูงถึงเกิดได้
แล้วย้อนมาดูผลงานของรัฐบาลชุดนี้เป็นยังไงบ้าง เรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ ทุกคนก็รู้กันอยู่ ขึ้นภาษีโน่นภาษีนี่จนประชาชนบ่นกันได้หมด
แล้วคนจำนวนมากจากที่ไหน จะเอาตังค์ไปจ่ายค่าตั๋วรถไฟความเร็วสูง
ต่อไปเรื่องที่ 2 ช่วยให้สินค้าในไทยไปตลาดจีนง่ายขึ้น ก็ดูทิศทางเรื่องนี้จากอดีตถึงปัจจุบันได้ สมัยก่อนเป็นเวลาร้อยปีขึ้นไป เวลาพ่อค้าแม่ค้าจากต่างชาติมา ก็ใช้เรือสำเภา หรือนั่งเกวียนมา เพื่อบรรทุกสินค้ามาขาย ปัจจุบันมีเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ มีรถบรรทุก มีเครื่องบินพาณิชย์ที่เดินทางระหว่างไทย-จีน พาหนะพวกนี้ช่วยขนส่งสินค้าได้เร็วกว่าสมัยโบราณมากมาย แล้วระหว่างไทยกับจีนตอนนี้ใครขายสินค้าให้ใครได้มากกว่า ใครเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ใครมากกว่าล่ะ การมีรถไฟความเร็วสูงคือ การเปลี่ยนพาหนะขนส่งสินค้าที่มีอยู่ในปัจจุบันและเปลี่ยนระยะเวลาการขนส่งให้สั้นลงก็เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าไทยจะมีการค้าที่ได้เปรียบจีน หรือได้กำไรจากการค้าขายกับจีน อาจขาดทุนมากกว่าด้วย
เรื่องที่ 3 ดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้าสู่ไทย ถ้าเขาอยากมาเร็วก็เครื่องบินมาก็ได้ ถึงไทยเร็วกว่ารถไฟความเร็วสูงและเร็วปานกลางช่วงวิ่งผ่านลาวอีก อยากมาช้าๆสบายก็เรือสำราญ แล้วดูจากข่าวเรือล่มที่ภูเก็ต คิดว่านักท่องเที่ยวจีนจะให้ผลประโยชน์แก่ประเทศไทยในระยะยาวได้จริงหรือ นักท่องเที่ยวจีนสร้างรายได้ให้ไทย มันคงเป็นแค่ลมเพลมพัด ผีเข้าผีออก หวังผลระยะยาวคงจะยาก ทั้งที่รถไฟความเร็วสูงเป็นโครงการที่ต้องอาศัยผลประโยชน์ระยะยาว
ก็เทียบกันดูหลายๆเรื่องแล้วกัน ว่าสร้างแล้วคุ้มค่ากับบ้านเราจะจริงมั้ย หรือมีทางเลือกอื่นที่เหมาะกับบ้านเรามากกว่า