ถึงตอนนี้เราได้คอนเซ็บของการขายงานให้แก่กลุ่มลูกค้าเว็ดดิ้งแล้ว เราก็มาเตรียมงานเพื่อที่จะไปเปิดบู๊ทวันงาน Wedding Show ทางผู้จัดเขามีการจัดอบรมก่อนวันงานสองสามวัน ว่าการไปออกบู๊ทที่งานนี้ เราจะต้องทำอย่างไรบ้าง ให้เข้าถึงลูกค้ามากที่สุด เพราะแน่นอนว่าเราไม่ใช่บริษัทเคเทอริ่งเจ้าเดียวในงานนี้ เพราะ Vendor แต่ละเจ้าเขาก็ต้องจัดกันมาเต็ม ไม่ว่ากลุ่มช่างภาพ กลุ่มสถานที่จัดงานเลี้ยง กลุ่มดีเจ กลุ่มเสื้อผ้าหน้าผม และที่สำคัญกลุ่มคนขายอาหารคู่แข่งของเรา ที่งานนี้เขามีอาหารมาให้ลองชิมลองกิน อย่างมากมาย ซึ่งร้านอาหาร และบริษัทเคเทอริ่งที่เข้าร่วมงาน เขามีเมนูตายตัว เมนูหลัก ที่เขาจะพร้อมเสนอขาย นำอาหารตัวนั้นๆมาให้ชิม แล้วเราหล่ะ มีอะไร เมนูก็ไม่มี เพราะดันเป็นเมนูเปิด เราจะเอาอาหารอะไรไปให้เขาชิมดีหว่า มาอีกแล้วค่ะ ทำไมมีแต่โจทย์ยากๆให้เราคิดอยู่เรื่อยเลย นั่งเลี้ยงลูกไปด้วยก็คิดไปด้วย ว่าจะทำบู๊ทที่เราจองไว้ก็ราคาถูกสุด อยู่รวมๆปะปนกันของเจ้าอื่นๆเขา ไม่ได้จองบู๊ทใหญ่ หรือบู๊ทหัวมุม ถ้าเราไม่จัดบู๊ทเราดีๆ มีหวังไม่ได้เกิดแน่ๆงานนี้ เอายังไงว่ะเรา ก็คิด ก็คิด ก็คิดอยู่นั่นแหละ ว่าเราจะมีกิมมิคอะไรดีๆ เอาอาหารอะไรเก๋ๆไปเรียกลูกค้าหว้า จนมาจบที่ซูชิ ฉันมาคิดได้ว่าไม่ว่าไปงานเลี้ยงที่ไหน ไม่ว่างานเลี้ยงอะไร ในเมืองนี้ ไม่เคยมีใครนำซูชิเป็นอาหารเลี้ยงในงานของคนอเมริกัน และไม่เคยมีใครคิดที่จะขายซูชิให้งานแต่งงาน พูดๆไปก็คงไม่มีใครเขาคิดอะไรพิลึกๆเท่าเราอีกแล้ว แต่นี่แหละคืออะไรที่มันแปลกแหวกแนวที่สุด และคงเรียกลูกค้าให้เข้ามาบู๊ทเราแน่ๆ ถ้าคุณสามีของเราจะจัดโชว์การปั้นๆ โรลๆซูชิสด ให้ดูกันจะๆในงาน ที่บู๊ทของเรา เราคงเรียกผู้ชมได้มากแน่ๆ เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็ไปคุยกับคุณสามี คุณสามีก็บอกว่าที่นี่มันโอกลาโฮมานะ จะมีคนกินซูชิเยอะหรือเปล่า จะมีใครสนใจไอเดีย แปลกๆที่ว่าเราจะขายซูชิ อาหารที่ไม่ใช่อาหารที่ใช้ในงานแต่งงาน ให้คาวบอย คาวเกิล ที่โอกลาโฮมานี่นะ
พอเราได้ความคิดว่าเราจะเอาซูชิไปให้คนที่งานชิม ก็ไปบอกวิกกี้ ที่เขาเป็นแม่งาน เขาก็เออเห็นดี เห็นงามด้วยบอกว่าแปลกดี ถูกใจเขาถึงขนาดเขาขอเชิญคุณสามีไปออกรายการทีวีตอนเช้า ที่เขามีนัดอยู่แล้วที่จะไปออกเพื่อโปรโมท เว็ดดิ้งโชว์ของเขา คุณสามีก็ไปออกรายการ และก็ไปทำซูชิโชว์ในรายการ และพอพิธีกรถามว่าทำไมถึงเสนอขายซูชิในงานแต่งงาน แต่คุณสามีก็บอกว่า ซูชิเป็นแค่อาหารตัวอย่างที่คนเรามองข้ามไป และคิดว่าไม่สามารถนำมาเสริฟในงานแต่งงานได้ แต่ไม่ใช่แค่ซูชิเท่านั้น ที่เราจะนำเสนอ แต่เป็นอาหารอะไร ที่ลูกค้าอยากได้กินในงานแต่งงานของเขา อย่างเช่น ลูกหมูอบ เสริฟทั้งตัว ฮาวายเอี้ยนไสตล์ เราก็ทำได้ค่ะ ก็ทำเอาฮือฮาไปทั้งห้องส่ง บอกว่าไม่เคยเห็นมีคนทำแบบนี้มาก่อน พอตอนเย็นก่อนวันงานเขาอนุญาตให้เราไปจัดบู๊ทได้ เราสองคนก็ไปจัดบู๊ทกัน ตอนนั้นมีซูชิบาร์เคลื่อนที่ เราทำกันเองดัดแปลงมาจากบาร์เหล้า บาร์เบียร์เคลื่อนที่ที่เขาขายแบบ Cash Bar ที่โรงแรม เคยเห็นและรู้จักกันไหมคะ มันเป็นคล้ายชั้นไม้สูงเลยเอวมานิดนึง ติดล้อเลื่อนเพื่อให้เคลื่อนที่ไปมาได้ เราได้บาร์เก่าตัวนี้มาจากโรงแรมของเพื่อน เลยเอามาแปลงเป็นซูชิบาร์เคลื่อนที่ สำหรับงาน Sushi Night และเย็นวันนั้นเราก็เอาบาร์นี้เข้าบู๊ท จัดโต๊ะวางโบชัวร์ นามบัตร และมีดิสเพลย์เตรียมไว้สำหรับ Crab Salad และ Homemade Cheese and Cracker อาหารสำหรับคนที่ไม่กินซูชิที่เอามาดิสเพลย์ตอนเช้า เช้าวันรุ่งขึ้นเจ็ดโมงเช้าก็ไปงาน เพราะงาน Wedding Show นี้เขาขายบัตร VIP รอบแรกเข้างานสิบโมงเช้า คุณสามีก็เตรียมซูชิโรลไป ซูชิที่นำเสนอไปเรียกว่า Cutsu Roll ค่ะ เป็น Cooked Roll แบบไม่ดิบค่ะ เพื่อให้คนที่ไม่เคยกินซูชิมาก่อนให้ได้กินง่ายๆ
พอถึงเวลางาน ลูกค้ารอบแรกเยอะมาก เดินกันเต็มห้องบอลลูมใหญ่ๆเลย ฉันกับเพื่อนอีกหนึ่งคน เดินจิกลูกค้า ก็จิกจริงๆแหละ คือยื่นหน้าไปถามว่า กินซูชิไหมคะ เราเอาซูชิมาให้ลองชิมค่ะ มีบางคนที่เบ้หน้าแล้วเดินผ่านไป แต่มีคนเยอะมาก ตื่นเต้นที่เราเอาซูชิมาให้ชิมในงานเว็ดดิ้งโชว์ ถ้าคนไหนสนใจชิมเราก็ให้เขาไปคุยกับคุณสามี ที่อยู่ด้านหลังบู๊ททำหน้าที่ส่งซูชิให้ คนละหนึ่งคำ แล้วก็คุยว่า วันงานวันไหน บุ๊คสถานที่หรือยัง มีเคเทอริ่งหรือยัง ทั้งคุณสามี ทั้งฉัน และเพื่อนก็ช่วยกันโฆษณาสรรพคุณของที่ร้าน เจาะจงไปที่คอนเซ็ป Custom Menu ที่เปิดกว้างมาก และชักชวนให้เขาลงชื่อที่อยู่ อีเมล์เบอร์โทรศัพท์ หรือนัดวันมานั่งคุยกันว่า คอนเซ็ปงานของเขาเป็นยังไง อยากเสริฟอาหารอะไร และบัทเจ็ท ของเขามีเท่าไหร่ พอห้าโมงเช้าเขาเปิดให้คนที่ซื้อบัตรทั่วไปได้เข้างาน คนนี่มากันเป็นหลักพัน และเชื่อไหม ว่าคนที่เข้าแถวรอรับซูชิที่บู๊ทเราเยอะมาก ทุกๆคนบอกว่าเห็นคุณสามีจากรายการทีวีตอนเช้า และก็สนใจอยากมาคุยด้วย กลายเป็นปรากฎการณ์ที่ใครๆในบู๊ท Vendor อื่นๆก็เดินมาดูบู๊ทเราว่าเราทำอะไรกัน ทำไมคนเข้าแถวยาวเหยียด ถึงแม้ว่าเขาเป็นคนจากบริษัทอื่นๆ พอมาถึงสามีก็ยื่นซูชิให้กิน ที่นี้มากันตรึมเลย แจกกันไม่หวาดไม่ไหว คุยกันจนเสียงแหบเสียงแห้ง คนที่ร้านอาหารและบริษัทเคเทอริ่งอื่นๆ เหม็นหน้าพวกเราไปเลย ปรากฎว่างานนี้เป็นงานที่เปิดตัวบริษัทเราให้เป็นส่วนหนึ่งในแววดวงงานแต่งงาน เราไปออกงานเว็ดดิ้งโชว์ทุกปี ปีละหนึ่งครั้งในเดือนมกราคม แล้วก็เอาซูชิไปเสริฟทุกปี ส่วนใหญ่คนที่เป็น Vendor เขาจะตื่นเต้นที่เห็นเราไปร่วมออกงาน เพราะเขาชอบกินซูชิของสามีมาก ซึ่งเราก็ไม่หวงนะ เราทำไปเยอะมาก และการที่เราดีกับคนในวงการเดียวกันแบบนี้ เป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ
เมื่อเราได้ขยายกิจการตีตลาดธุรกิจงานแต่งงานแล้วนะ ก็ได้รู้จักคนในวงการนี้เยอะมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มช่างภาพ กลุ่มดีเจ กลุ่มสถานที่จัดงาน กลุ่มร้านให้เช่าของต่างๆ บริษัทจัดหาแรงงาน ที่เรียกว่า Temp Agency และแม้แต่ร้านค้า บริษัทเคเทอริ่งด้วยกัน ที่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจ ด้วยที่ว่าคุณสามีเติบโตมาที่เมืองนี้ เขาเลยมีคนรู้จักมากมาย ยิ่งตอนนี้ชื่อเสียงของบริษัทเราเป็นที่รู้จักกันในระดับหนึ่ง และการที่บริษัทเรามีคอนเซ็บที่แหวกแนวต่างออกไปจากคนอื่นๆ ทำให้เป็นที่จับตามอง ในวงการอีเว้นท์และเคเทอริ่งในเมืองนี้ สำหรับวงการเคเทอริ่งในช่วงแรกๆ มีคนเกลียดเราเยอะเลย เนื่องจากคอนเซ็บ Custom Menu มันไปป่วนการขายงานให้แก่ลูกค้าของบริษัทอื่นๆ เพราะหลังจากที่เสร็จงาน เว็ดดิ้งโชว์ คนที่ได้มาแวะเวียนที่บู๊ทเรา และได้พูดคุยกับเรา ก็สนใจในคอนเซ็บนี้ และเห็นว่ามันเป็นสิ่งแปลกใหม่ ตอบสนองความต้องการ และกำลังซื้อในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจขาลงแบบนี้ คู่รักหนุ่มสาวที่กำลังจะแต่งงานกันและที่กำลังมองหา แนวทางจัดงานแต่งงาน เขาก็โทรติดต่อไปทางบริษัทเคเทอริ่งต่างๆ และนำเสนอความต้องการของเขา แต่ในขณะนั้น อย่างที่เล่าไปแล้วค่ะว่า บริษัทเคเทอริ่งทุกบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของรายย่อย เคเทอริ่งของโรงแรม เคเทอริ่งของสถานที่จัดงานแต่งงาน ร้านอาหารต่างๆ ต่างก็เป็นแบบที่มีแต่เซ็ทเมนูทั้งนั้น และเมื่อลูกค้าถามว่าทำอะไรได้มากกว่าในเมนูไหม หรือทำอะไรที่มันเข้าบัดเจ็ทของเขาได้ไหม ทุกที่มีแต่ส่ายหัว บอกทำไม่ได้กัน สุดท้ายลูกค้าก็มาจบที่บริษัทเรา ฉันเคยไปร่วมงาน Business Connection Group ของทางซิตี้ที่จัดทำเพื่อให้บริษัทต่างๆ ได้พบปะ และนำเสนอสินค้าและบริการให้แก่สมาชิกในกลุ่มได้ฟังและได้รู้จักกัน เพื่อเป็นการสนับสนุนกิจการและธุรกิจในเมือง ส่วนฉันไปเพราะอยากตีตลาด Corporate Catering (เดี๋ยวกลับมาเล่าให้ฟังว่า เป็นยังไงนะคะ) เมื่อไปถึงก็จะนั่งเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละสิบคน พอได้เวลาก็แนะนำตัวเอง ฉันก็แนะนำตัวเอง บอกว่ามาจากบริษัทนี้มีคอนเซ็บ Open and Custom Menu บลาๆๆๆๆ พอคนถัดไปเป็นเซลจากร้านขายอาหารแม็กซิกัน พอนางแนะนำตัวเสร็จ นางบอกว่า นางมาจากร้านแม็กซิกัน แล้วมองมาที่ฉัน และทำเสียงแบบข้านี่ไม่อยากจะเซลขายของแข่งกะบริษัทแกเลยว่ะ ประมาณนี้ นางบอกว่า ร้านอาหารแม็กซิกัน มีเคเทริ่งเมนู แต่ถ้าใครอยากได้อาหารมากกว่าในเมนู เราก็ทำได้แต่คงไม่ได้มากกว่าเท่าบริษัทนั้น เขาชี้มาที่ฉันแล้วก็หัวเราะ แล้วบอกต่อว่า ฉันเป็นแฟนร้านอาหารยูมากเลยนะ ฉันได้กินในงานแต่งของเพื่อนฉัน อาหารยูอร่อยมาก ฉันอยากไปร่วมงาน Sushi Night ของยูมากๆเลย ฟังแล้วฉันก็หัวเราะ แล้วก็เชิญเขามางานซูชิด้วย 55 ได้ลูกค้าเพิ่มอีกหนึ่งคนเลย 555
การที่บริษัทเรามี Custom Menu มีผลกระทบโดยตรงต่อรูปแบบการนำเสนอขายเมนูของกิจการเคเทอริ่งในเมืองนี้ อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่า บริษัทเคเทอริ่งหรือร้านอาหารจะมีการเซ็ทเมนู เพื่อที่ง่ายต่อการซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์เข้าร้าน ง่ายต่อการฝึกหัดอบรมคนงาน ให้ทำอาหารตามสูตรของแต่ละเมนู และง่ายต่อการเก็บสินค้าไว้ขายต่อให้ลูกค้าในวันต่อไป ซึ่งอันนี้เราเข้าใจว่ามันคือธุรกิจ และธุรกิจก็ทำกันแบบนี้มานานแล้ว ด้วยความที่บริษัทเราอยากมีความโดดเด่นและแตกต่างจากคนอื่น เราไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ไปกระทบกับกิจการการค้าของใคร เพราะคิดว่ารูปแบบกิจการและคอนเซ็บของใครก็ของคนนั้น และมันสะท้อนตัวตนของเจ้าของกิจการ การคิดคอนเซ็บ Open and Custom Menu ของเราก็สะท้อนถึงตัวเราสองคนที่ไม่ชอบทำอะไรจำเจซ้ำซาก คุณสามีก็ไม่อยากทำอาหารที่ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก อีกอย่างการได้ทำอาหารที่แตกต่าง และเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้เขาต้องศึกษาและพัฒนาฝีมือของเขาอยู่ตลอดเวลา โดยที่ไม่รู้เลยการทำแบบนี้จะเป็นแรงผลักดันให้กิจการเคเทอริ่งของที่เมืองนี้เปลี่ยนไป เริ่มที่กิจการให้เช่าสถานที่ ที่เรียกกันว่า Venue หรือ Event Center ก็จะมีมากมายหลายแบบ เริ่มจาก Chaple คือโบสถ์ฝรั่งเล็กๆ ที่ส่วนใหญ่จะทำพิธีแต่งงานทางศาสนาให้กับคู่บ่าวสาว บางที่ก็มีแค่สถานที่ที่จัดงานพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น บางที่ก็มีห้องรับรองไว้ให้จัดงานเลี้ยงหลังแต่งงานที่เรียกว่า Reception ถัดไปก็คือสถานที่ที่เน้นการจัดงานเลี้ยง ไม่เน้นเคร่งการทำพิธีทางศาสนาในโบสถ์ คู่บ่าวสาว จะเลือกที่จะใช้สถานที่ ที่มีการปรับเปลี่ยนบ้านเก่า โบราณ ที่เรียกว่า Mansion, พิพิธภัณธ์ หรือว่า Museum, สวนสาธารณะ หรือ Park, และรวมไปถึงโรงแรม ก่อนหน้านั้น หากสถานที่ให้เช่าจัดงานที่ไหน มีห้องครัว เขามักจะให้บริษัทเคเทอริ่ง เช่าครัวของเขา และผูกขาดให้เป็นคนทำอาหารให้แก่งานต่างๆมาจัดงานในสถานที่ของเขา ซึ่งตอนนั้นก็จะมีประมาณ หกสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ จากกิจการสถานที่ที่ให้เช่าจัดงานเลี้ยง ตอนนั้นถึงแม้ว่าคู่บ่าวสาวอยากใช้บริการของเรามากเท่าไหร่ แต่ถ้าเขาเกิดอยากจัดงานในสถานที่ที่จะต้องใช้เคเทอร่ิงของสถานที่นี่นั้น บริษัทเราก็ชวดงานนั้นไป หากแต่ว่าก็มีคู่บ่าวสาวหลายคู่อยู่เหมือนกันที่เลือกที่จะมาคุยกับเราก่อน แล้วบุ๊คงานกับเรา แล้วค่อยไปหาสถานที่ที่เขาอนุญาตให้ใช้ Outside Caterer ก็มี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สถานที่จัดงาน ที่เขาบังคับใช้เคเทอริ่งของเขา ขาดลูกค้าไปเยอะ ทำให้เขาไม่ค่อยจะชอบและไม่พอใจในบริษัทของเรา แต่กลับกลายเป็นผลดีแก่สถานที่จัดงานอีเว้นท์ที่เขาอนุญาตให้ใช้ Outside Caterer และคนกลุ่มนี้ก็ชอบบริษัทเรามากๆ ถึงขนาดแนะนำให้ลูกค้าที่มาเช่าสถานที่ของเขา ให้ใช้บริการบริษัทเคเทอริ่งของเรา
ติดตามตอนต่อไปนะคะ
***** คุณสามี กับ ลูกหมูอบ ฮาวายเอี้ยนสไตล์ค่ะ เสิร์ฟพร้อมหัวหมูด้วยค่ะ แบบว่าคนอเมริกันไม่นิยมเสิรฟหมูทั้งตัว เลยตื่นตาตื่นใจ ผสมกระดักกระเดื่อ เวลาเห็นหัวหมูค่ะ ซึ่งฉันกับสามีก็รู้ว่าบางคนไม่ชอบ แต่เราก็ทำค่ะ สะใจดี แต่กลับได้รับความนิยมมากนะคะ เพราะเขาบอกว่า บริษัทเราชอบเสิรฟของแปลกค่ะ ****
เล่าได้เล่าดี ตอนเคเทอริ่งที่รัก ตอนที่ 3
พอเราได้ความคิดว่าเราจะเอาซูชิไปให้คนที่งานชิม ก็ไปบอกวิกกี้ ที่เขาเป็นแม่งาน เขาก็เออเห็นดี เห็นงามด้วยบอกว่าแปลกดี ถูกใจเขาถึงขนาดเขาขอเชิญคุณสามีไปออกรายการทีวีตอนเช้า ที่เขามีนัดอยู่แล้วที่จะไปออกเพื่อโปรโมท เว็ดดิ้งโชว์ของเขา คุณสามีก็ไปออกรายการ และก็ไปทำซูชิโชว์ในรายการ และพอพิธีกรถามว่าทำไมถึงเสนอขายซูชิในงานแต่งงาน แต่คุณสามีก็บอกว่า ซูชิเป็นแค่อาหารตัวอย่างที่คนเรามองข้ามไป และคิดว่าไม่สามารถนำมาเสริฟในงานแต่งงานได้ แต่ไม่ใช่แค่ซูชิเท่านั้น ที่เราจะนำเสนอ แต่เป็นอาหารอะไร ที่ลูกค้าอยากได้กินในงานแต่งงานของเขา อย่างเช่น ลูกหมูอบ เสริฟทั้งตัว ฮาวายเอี้ยนไสตล์ เราก็ทำได้ค่ะ ก็ทำเอาฮือฮาไปทั้งห้องส่ง บอกว่าไม่เคยเห็นมีคนทำแบบนี้มาก่อน พอตอนเย็นก่อนวันงานเขาอนุญาตให้เราไปจัดบู๊ทได้ เราสองคนก็ไปจัดบู๊ทกัน ตอนนั้นมีซูชิบาร์เคลื่อนที่ เราทำกันเองดัดแปลงมาจากบาร์เหล้า บาร์เบียร์เคลื่อนที่ที่เขาขายแบบ Cash Bar ที่โรงแรม เคยเห็นและรู้จักกันไหมคะ มันเป็นคล้ายชั้นไม้สูงเลยเอวมานิดนึง ติดล้อเลื่อนเพื่อให้เคลื่อนที่ไปมาได้ เราได้บาร์เก่าตัวนี้มาจากโรงแรมของเพื่อน เลยเอามาแปลงเป็นซูชิบาร์เคลื่อนที่ สำหรับงาน Sushi Night และเย็นวันนั้นเราก็เอาบาร์นี้เข้าบู๊ท จัดโต๊ะวางโบชัวร์ นามบัตร และมีดิสเพลย์เตรียมไว้สำหรับ Crab Salad และ Homemade Cheese and Cracker อาหารสำหรับคนที่ไม่กินซูชิที่เอามาดิสเพลย์ตอนเช้า เช้าวันรุ่งขึ้นเจ็ดโมงเช้าก็ไปงาน เพราะงาน Wedding Show นี้เขาขายบัตร VIP รอบแรกเข้างานสิบโมงเช้า คุณสามีก็เตรียมซูชิโรลไป ซูชิที่นำเสนอไปเรียกว่า Cutsu Roll ค่ะ เป็น Cooked Roll แบบไม่ดิบค่ะ เพื่อให้คนที่ไม่เคยกินซูชิมาก่อนให้ได้กินง่ายๆ
พอถึงเวลางาน ลูกค้ารอบแรกเยอะมาก เดินกันเต็มห้องบอลลูมใหญ่ๆเลย ฉันกับเพื่อนอีกหนึ่งคน เดินจิกลูกค้า ก็จิกจริงๆแหละ คือยื่นหน้าไปถามว่า กินซูชิไหมคะ เราเอาซูชิมาให้ลองชิมค่ะ มีบางคนที่เบ้หน้าแล้วเดินผ่านไป แต่มีคนเยอะมาก ตื่นเต้นที่เราเอาซูชิมาให้ชิมในงานเว็ดดิ้งโชว์ ถ้าคนไหนสนใจชิมเราก็ให้เขาไปคุยกับคุณสามี ที่อยู่ด้านหลังบู๊ททำหน้าที่ส่งซูชิให้ คนละหนึ่งคำ แล้วก็คุยว่า วันงานวันไหน บุ๊คสถานที่หรือยัง มีเคเทอริ่งหรือยัง ทั้งคุณสามี ทั้งฉัน และเพื่อนก็ช่วยกันโฆษณาสรรพคุณของที่ร้าน เจาะจงไปที่คอนเซ็ป Custom Menu ที่เปิดกว้างมาก และชักชวนให้เขาลงชื่อที่อยู่ อีเมล์เบอร์โทรศัพท์ หรือนัดวันมานั่งคุยกันว่า คอนเซ็ปงานของเขาเป็นยังไง อยากเสริฟอาหารอะไร และบัทเจ็ท ของเขามีเท่าไหร่ พอห้าโมงเช้าเขาเปิดให้คนที่ซื้อบัตรทั่วไปได้เข้างาน คนนี่มากันเป็นหลักพัน และเชื่อไหม ว่าคนที่เข้าแถวรอรับซูชิที่บู๊ทเราเยอะมาก ทุกๆคนบอกว่าเห็นคุณสามีจากรายการทีวีตอนเช้า และก็สนใจอยากมาคุยด้วย กลายเป็นปรากฎการณ์ที่ใครๆในบู๊ท Vendor อื่นๆก็เดินมาดูบู๊ทเราว่าเราทำอะไรกัน ทำไมคนเข้าแถวยาวเหยียด ถึงแม้ว่าเขาเป็นคนจากบริษัทอื่นๆ พอมาถึงสามีก็ยื่นซูชิให้กิน ที่นี้มากันตรึมเลย แจกกันไม่หวาดไม่ไหว คุยกันจนเสียงแหบเสียงแห้ง คนที่ร้านอาหารและบริษัทเคเทอริ่งอื่นๆ เหม็นหน้าพวกเราไปเลย ปรากฎว่างานนี้เป็นงานที่เปิดตัวบริษัทเราให้เป็นส่วนหนึ่งในแววดวงงานแต่งงาน เราไปออกงานเว็ดดิ้งโชว์ทุกปี ปีละหนึ่งครั้งในเดือนมกราคม แล้วก็เอาซูชิไปเสริฟทุกปี ส่วนใหญ่คนที่เป็น Vendor เขาจะตื่นเต้นที่เห็นเราไปร่วมออกงาน เพราะเขาชอบกินซูชิของสามีมาก ซึ่งเราก็ไม่หวงนะ เราทำไปเยอะมาก และการที่เราดีกับคนในวงการเดียวกันแบบนี้ เป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ
เมื่อเราได้ขยายกิจการตีตลาดธุรกิจงานแต่งงานแล้วนะ ก็ได้รู้จักคนในวงการนี้เยอะมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มช่างภาพ กลุ่มดีเจ กลุ่มสถานที่จัดงาน กลุ่มร้านให้เช่าของต่างๆ บริษัทจัดหาแรงงาน ที่เรียกว่า Temp Agency และแม้แต่ร้านค้า บริษัทเคเทอริ่งด้วยกัน ที่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจ ด้วยที่ว่าคุณสามีเติบโตมาที่เมืองนี้ เขาเลยมีคนรู้จักมากมาย ยิ่งตอนนี้ชื่อเสียงของบริษัทเราเป็นที่รู้จักกันในระดับหนึ่ง และการที่บริษัทเรามีคอนเซ็บที่แหวกแนวต่างออกไปจากคนอื่นๆ ทำให้เป็นที่จับตามอง ในวงการอีเว้นท์และเคเทอริ่งในเมืองนี้ สำหรับวงการเคเทอริ่งในช่วงแรกๆ มีคนเกลียดเราเยอะเลย เนื่องจากคอนเซ็บ Custom Menu มันไปป่วนการขายงานให้แก่ลูกค้าของบริษัทอื่นๆ เพราะหลังจากที่เสร็จงาน เว็ดดิ้งโชว์ คนที่ได้มาแวะเวียนที่บู๊ทเรา และได้พูดคุยกับเรา ก็สนใจในคอนเซ็บนี้ และเห็นว่ามันเป็นสิ่งแปลกใหม่ ตอบสนองความต้องการ และกำลังซื้อในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจขาลงแบบนี้ คู่รักหนุ่มสาวที่กำลังจะแต่งงานกันและที่กำลังมองหา แนวทางจัดงานแต่งงาน เขาก็โทรติดต่อไปทางบริษัทเคเทอริ่งต่างๆ และนำเสนอความต้องการของเขา แต่ในขณะนั้น อย่างที่เล่าไปแล้วค่ะว่า บริษัทเคเทอริ่งทุกบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของรายย่อย เคเทอริ่งของโรงแรม เคเทอริ่งของสถานที่จัดงานแต่งงาน ร้านอาหารต่างๆ ต่างก็เป็นแบบที่มีแต่เซ็ทเมนูทั้งนั้น และเมื่อลูกค้าถามว่าทำอะไรได้มากกว่าในเมนูไหม หรือทำอะไรที่มันเข้าบัดเจ็ทของเขาได้ไหม ทุกที่มีแต่ส่ายหัว บอกทำไม่ได้กัน สุดท้ายลูกค้าก็มาจบที่บริษัทเรา ฉันเคยไปร่วมงาน Business Connection Group ของทางซิตี้ที่จัดทำเพื่อให้บริษัทต่างๆ ได้พบปะ และนำเสนอสินค้าและบริการให้แก่สมาชิกในกลุ่มได้ฟังและได้รู้จักกัน เพื่อเป็นการสนับสนุนกิจการและธุรกิจในเมือง ส่วนฉันไปเพราะอยากตีตลาด Corporate Catering (เดี๋ยวกลับมาเล่าให้ฟังว่า เป็นยังไงนะคะ) เมื่อไปถึงก็จะนั่งเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละสิบคน พอได้เวลาก็แนะนำตัวเอง ฉันก็แนะนำตัวเอง บอกว่ามาจากบริษัทนี้มีคอนเซ็บ Open and Custom Menu บลาๆๆๆๆ พอคนถัดไปเป็นเซลจากร้านขายอาหารแม็กซิกัน พอนางแนะนำตัวเสร็จ นางบอกว่า นางมาจากร้านแม็กซิกัน แล้วมองมาที่ฉัน และทำเสียงแบบข้านี่ไม่อยากจะเซลขายของแข่งกะบริษัทแกเลยว่ะ ประมาณนี้ นางบอกว่า ร้านอาหารแม็กซิกัน มีเคเทริ่งเมนู แต่ถ้าใครอยากได้อาหารมากกว่าในเมนู เราก็ทำได้แต่คงไม่ได้มากกว่าเท่าบริษัทนั้น เขาชี้มาที่ฉันแล้วก็หัวเราะ แล้วบอกต่อว่า ฉันเป็นแฟนร้านอาหารยูมากเลยนะ ฉันได้กินในงานแต่งของเพื่อนฉัน อาหารยูอร่อยมาก ฉันอยากไปร่วมงาน Sushi Night ของยูมากๆเลย ฟังแล้วฉันก็หัวเราะ แล้วก็เชิญเขามางานซูชิด้วย 55 ได้ลูกค้าเพิ่มอีกหนึ่งคนเลย 555
การที่บริษัทเรามี Custom Menu มีผลกระทบโดยตรงต่อรูปแบบการนำเสนอขายเมนูของกิจการเคเทอริ่งในเมืองนี้ อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่า บริษัทเคเทอริ่งหรือร้านอาหารจะมีการเซ็ทเมนู เพื่อที่ง่ายต่อการซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์เข้าร้าน ง่ายต่อการฝึกหัดอบรมคนงาน ให้ทำอาหารตามสูตรของแต่ละเมนู และง่ายต่อการเก็บสินค้าไว้ขายต่อให้ลูกค้าในวันต่อไป ซึ่งอันนี้เราเข้าใจว่ามันคือธุรกิจ และธุรกิจก็ทำกันแบบนี้มานานแล้ว ด้วยความที่บริษัทเราอยากมีความโดดเด่นและแตกต่างจากคนอื่น เราไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ไปกระทบกับกิจการการค้าของใคร เพราะคิดว่ารูปแบบกิจการและคอนเซ็บของใครก็ของคนนั้น และมันสะท้อนตัวตนของเจ้าของกิจการ การคิดคอนเซ็บ Open and Custom Menu ของเราก็สะท้อนถึงตัวเราสองคนที่ไม่ชอบทำอะไรจำเจซ้ำซาก คุณสามีก็ไม่อยากทำอาหารที่ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก อีกอย่างการได้ทำอาหารที่แตกต่าง และเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้เขาต้องศึกษาและพัฒนาฝีมือของเขาอยู่ตลอดเวลา โดยที่ไม่รู้เลยการทำแบบนี้จะเป็นแรงผลักดันให้กิจการเคเทอริ่งของที่เมืองนี้เปลี่ยนไป เริ่มที่กิจการให้เช่าสถานที่ ที่เรียกกันว่า Venue หรือ Event Center ก็จะมีมากมายหลายแบบ เริ่มจาก Chaple คือโบสถ์ฝรั่งเล็กๆ ที่ส่วนใหญ่จะทำพิธีแต่งงานทางศาสนาให้กับคู่บ่าวสาว บางที่ก็มีแค่สถานที่ที่จัดงานพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น บางที่ก็มีห้องรับรองไว้ให้จัดงานเลี้ยงหลังแต่งงานที่เรียกว่า Reception ถัดไปก็คือสถานที่ที่เน้นการจัดงานเลี้ยง ไม่เน้นเคร่งการทำพิธีทางศาสนาในโบสถ์ คู่บ่าวสาว จะเลือกที่จะใช้สถานที่ ที่มีการปรับเปลี่ยนบ้านเก่า โบราณ ที่เรียกว่า Mansion, พิพิธภัณธ์ หรือว่า Museum, สวนสาธารณะ หรือ Park, และรวมไปถึงโรงแรม ก่อนหน้านั้น หากสถานที่ให้เช่าจัดงานที่ไหน มีห้องครัว เขามักจะให้บริษัทเคเทอริ่ง เช่าครัวของเขา และผูกขาดให้เป็นคนทำอาหารให้แก่งานต่างๆมาจัดงานในสถานที่ของเขา ซึ่งตอนนั้นก็จะมีประมาณ หกสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ จากกิจการสถานที่ที่ให้เช่าจัดงานเลี้ยง ตอนนั้นถึงแม้ว่าคู่บ่าวสาวอยากใช้บริการของเรามากเท่าไหร่ แต่ถ้าเขาเกิดอยากจัดงานในสถานที่ที่จะต้องใช้เคเทอร่ิงของสถานที่นี่นั้น บริษัทเราก็ชวดงานนั้นไป หากแต่ว่าก็มีคู่บ่าวสาวหลายคู่อยู่เหมือนกันที่เลือกที่จะมาคุยกับเราก่อน แล้วบุ๊คงานกับเรา แล้วค่อยไปหาสถานที่ที่เขาอนุญาตให้ใช้ Outside Caterer ก็มี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สถานที่จัดงาน ที่เขาบังคับใช้เคเทอริ่งของเขา ขาดลูกค้าไปเยอะ ทำให้เขาไม่ค่อยจะชอบและไม่พอใจในบริษัทของเรา แต่กลับกลายเป็นผลดีแก่สถานที่จัดงานอีเว้นท์ที่เขาอนุญาตให้ใช้ Outside Caterer และคนกลุ่มนี้ก็ชอบบริษัทเรามากๆ ถึงขนาดแนะนำให้ลูกค้าที่มาเช่าสถานที่ของเขา ให้ใช้บริการบริษัทเคเทอริ่งของเรา
ติดตามตอนต่อไปนะคะ
***** คุณสามี กับ ลูกหมูอบ ฮาวายเอี้ยนสไตล์ค่ะ เสิร์ฟพร้อมหัวหมูด้วยค่ะ แบบว่าคนอเมริกันไม่นิยมเสิรฟหมูทั้งตัว เลยตื่นตาตื่นใจ ผสมกระดักกระเดื่อ เวลาเห็นหัวหมูค่ะ ซึ่งฉันกับสามีก็รู้ว่าบางคนไม่ชอบ แต่เราก็ทำค่ะ สะใจดี แต่กลับได้รับความนิยมมากนะคะ เพราะเขาบอกว่า บริษัทเราชอบเสิรฟของแปลกค่ะ ****