[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่แล้วมา
ตอนที่ 1 https://pantip.com/topic/37728136
ตอนที่ 2 https://pantip.com/topic/37751687
ตอนที่ 3 https://pantip.com/topic/37774071
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่องสั้นนี้กระโดดข้ามจากลำดับการหางานจริง ตามอ้างไว้ท้ายตอนที่แล้ว ซึ่งจะตามอ่านได้ในแนวนิยายผสมด้วย 50 %
เพื่อความเพลิดเพลินมี 6 ตอนจบ ปกติจะแทรกเรื่องงานในเรื่องเขียนขนาดสั้น ตามคลิกล็อคอินอ่านได้เลยค่ะ
https://pantip.com/topic/34429527 $ นายฝรั่ง $
การเขียนอาจจะไม่สมบูรณ์แบบก็คิดว่า 'หัดเขียน' ก็แล้วกันนะคะ จะขอบคุณอย่างมากสำหรับการแสดงตัวว่ามาอ่านงานเขียนนี้ค่ะ
ครั้งนี้มีแนบข้อมูลให้ผู้อ่านเห็นจริง เพื่อความสมบูรณ์ของเรื่องค่ะ ' พลอยแดง '
-●✿ ✿●-
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อได้พบข้อความรับสมัครผู้สามารถทำงานโปรแกรม MRP II starting on Database AS 400 and BOM's structure...
มันใช่ มันถูกต้องตามความปรารถนาที่จะทำเลยทีเดียว
คิดได้ดังนั้นก็โทรศัพท์ไปที่บริษัทเลยว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่สามารถทำงานตามตำแหน่งที่ทางบริษัทต้องการได้ จึงอยากจะทราบว่า
ใช้เวลานานไหม ในการพิจารณากว่าจะเรียกสัมภาษณ์ คำตอบคือส่งเรซูเม่มาก่อน คิดว่าไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ที่ต้องถามบอสว่างสัมภาษณ์
เมื่อไร แล้วจะแจ้งไปอีกที พร้อมทั้งขอเบอร์ติดต่อจากเราด้วย
จดหมายที่บรรจุประวัติและเอกสารใบผ่านงานต่างๆคงถึงในสามวันเพราะอยู่ไกลกันแค่ยี่สิบกิโลเมตร ในย่านอุตสาหกรรมบางพลี
และการนัดหมายเข้าสัมภาษณ์ก็กำหนดมาไม่ช้า มีอธิบายเส้นทางที่ไม่เคยไปนิดหน่อย
วันนั้นเรานุ่งกระโปรงสีดำเข้ารูปช่วงบนสะโพกและจับกลีบผายเรียบกริบในส่วนล่างสั้นเสมอเข่า เสื้อขาวเข้ารูปคลุมสะโพก มีขลิบ
สีดำโดยรอบชายเสื้อทั้งหมด มีกระเป๋าด้านอกซ้ายที่เสียบผ้าเช็ดหน้าสีดำ สวมรองเท้าส้นสูงสีดำเดินอย่างทะมัดทะแมง ด้วยสวมส้นสูง
มาตลอดการทำงาน เมื่อเลี้ยวรถเข้าบริษัทที่ถนนคอนกรีตเป็นช่วงลึกเข้าไปถึงตัวบริษัท แต่ต้องจอดรถด้านขวามือที่เป็นที่จอดแนวยาว
ขนานถนนทอดสู่ภายใน
เมื่อหาทางเข้าบริษัทโดยถามพนักงานชี้ว่าเข้าด้านข้าง จึงขึ้นบันไดไปโผล่ที่ออฟฟิศเรียงเป็นแถวอยู่ปีกข้างของอาคารโรงงาน ด้าน
ล่างเป็นบริเวณโรงงานที่มีพนักงานทำงานอยู่ ถึงห้องฝ่ายบุคคลมีป้ายแขวน เมื่อเข้าไปแจ้งชื่อแล้ว เจ้าหน้าที่ผู้ชายให้นั่งรอ ผู้จัดการก่อน
ไม่นานนักผู้จัดการชายก็เดินเข้ามา เราทักสวัสดี และลูกน้องเขาก็แจ้งให้ทราบ สักพักก็มีเสียงพูดโทรศัพท์ แล้วจึงบอกให้เราเดินตามเขา
ออกจากห้องไป ผ่านออฟฟิศที่มีกระจกเป็นแนวไปจนถึงส่วนด้านหน้าโรงงาน ที่นั่นได้เข้าไปนั่งรอในห้องหนึ่งที่โต๊ะไม่ใหญ่นัก ข้าวของ
บนโต๊ะแทบไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเป็นโต๊ะของใคร มีตู้ปิดทึบอยู่ด้านหลังเก้าอี้เพื่อเก็บสิ่งของ มีพนักงานเดินมองผ่านกระจกเข้ามาบ้าง
สักครู่ชายอเมริกันตัวสูง อายุน่าจะราวห้าสิบก็เดินเข้ามาหา เราจึงลุกขึ้นทักพร้อมกับจับมือ เมื่อได้นั่งลงแล้ว Vice President ก็ได้เริ่ม
คุยเชิงสัมภาษณ์ไปเรื่อยๆอย่างไม่เคร่งเครียด ถามมาก็ตอบไปจนหมดคำถามที่เขาได้มาจากการอ่านเรซูเม่ ในตอนท้ายมีบอกว่า จะมีคน
โทรไปสัมภาษณ์คุณอีกครั้งจากบริษัทแม่จากอเมริกาในเร็วๆนี้ และได้เดินพาเราไปยังแผนกวิศวกรรมที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโรงงานห้อง
นั้นมีพนักงานอยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ราวสิบคน มีหัวหน้าชายนั่งในพาร์ทิชันอยู่คนหนึ่ง และอีกล็อคหนึ่งไม่มีคนนั่ง เปิดประตูต่อเนื่อง
ไปเป็นห้องชายสูงอายุกว่าเรา เป็นไดเร็คเตอร์ที่นี่ได้พาเราเดินดู ส่วนฝรั่งขอตัวกลับไป คุณสถิตจึงได้เดินอธิบายงานว่าที่นี่กำลังเริ่มคีย์ชิ้นส่วน
เพื่อเข้าโปรแกรมเอ็มอาร์พี และทางอเมริกามาร่วมลงทุนกับบริษัทเก่าที่นี่ เอาระบบใหม่เข้ามา เมื่อเดินมองรอบๆสักพักโดยมีสายตาพนักงาน
ทุกคนมองตาม ก่อนจะลากลับจึงได้ถามคุณสถิตว่า อีกนานไหมกว่าจะบอกผลการตอบรับ คุณสถิตบอกว่าคงไม่นานแล้วละ เพราะ Mike
รับเอง เตรียมตัวได้แล้วครับ เป็นคำพูดพร้อมรอยยิ้มให้ความหวังกับเรา
เราก็จากมาอย่างรู้ว่าได้ครึ่งทางแล้วนะ บริษัทนี้อยู่ไกลตั้งยี่สิบกิโลเมตรจากบ้าน คงต้องตื่นเช้ามาทำงาน และที่นี่ก็ไกลมาก นึกถึงบริษัท
เก่าที่ห่างจากบริษัทแรกที่ได้งานทำห่างแค่หนึ่งกิโลเมตร เยอรมันคงพูดว่าไกลแค่จมูกกับปาก
ต่อมาในวันหนึ่งเวลาราวเกือบเที่ยงที่ซูซี่กำลังรอกินสเต็กกับเพื่อนชายคนหนึ่งที่มวกเหล็ก สเต็กแถวนี้มีชื่อราคาก็ไม่แพง ยังไม่ทัน
อาหารจะมาเสิร์ฟให้ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา
" Hello.. are you Ms Susi?"
" Oh yes I am"
" I 'm Sam , from ........ company ,my duty is to contact you and talking about your position before starting with us..."
" Oh . that is nice to hear
you , but right now I'm on the way far from house ,could you please phone me on your
convenience time around 10 o'clock tomorrow morning at home, I will free for you as much as you need.."
" All right till tomorow, have a nice time bye"
" Thank you, bye"
" ใครล่ะ" เพื่อนชายถาม สงสัยว่าทำไมเป็นภาษาอังกฤษ
" ฝรั่ง คงเป็นคนที่ต้องสัมภาษณ์งาน โทรมาจากอเมริกา บริษัทแม่น่ะ คือฝรั่งที่นี่เป็น Vice President สัมภาษณ์ไปแล้วและบอกว่า
ต้องมีสัมภาษณ์จากอเมริกาอีกที ก็ไม่รู้ทำไมต้องซักไซ้กันมากมาย หรือว่าที่นี่เขี้ยวก็ไม่รู้ ผู้จัดการที่บริษัทนี้คงโดนกันทุกคน"
" แล้วไง เลื่อนนัดไปเหรอ "
" แหมก็อยู่นอกบ้าน ยังไม่ได้เตรียมตัว ดีนะที่รู้ว่าพรุ่งนี้ต้องสัมภาษณ์จะได้ตั้งสติก่อน แต่ถ้าถามเรื่องงานก็โอเค ถามพวกว่า เธอคิด
ว่ายังไง Opinion ถ้าอย่างงั้นอย่างงี้ก็ต้องเอาใจกันหน่อย เพราะไม่เห็นหน้ากันเนาะ แต่ดีที่เป็นผู้ชาย เราถูกชะตากับผู้ชายนะ"
"โม้ละ..."
" อ้าว ไม่เห็นหน้ากัน พูดกันก็ต้องโม้ละนะ เอ้ามาแล้วสเต็ก Interview..." ซูซี่ยืดคอมองจานสเต็กที่หอมกรุ่นวางลงข้างหน้า
" กินเสร็จแล้วจะกลับเลยหรือไปไหนต่อล่ะ"
" ไปแวะบ้านอีกที บ่ายๆขากลับแวะซื้อผลไม้ข้างทางหน่อยก็ดี หรือว่าไง"
" ก็ได้ ซื้อเนื้อแดดเดียวด้วยไหมล่ะ ไหนว่าอยากกิน" เพื่อนตัดชิ้นเนื้อส่งเข้าปากเป็นชิ้นแรก หลังจากโรยพริกไทยก็ใส่ซอสTabasco
ทานสเต็กกันแล้วก็พากันเดินซื้ออย่างอื่นต่อไปสักพัก ก็กลับมาที่บ้านมวกเหล็กของเพื่อนที่อาศัยค้างคืน และเก็บข้าวของกลับ
กรุงเทพ ขากลับตามรายทางได้แวะข้างทางซื้อข้าวโพดต้มถุงใหญ่ น้อยหน่า และซื้อไวน์ Full moon ของไทย สามขวดร้อยบาทมาด้วย
หกขวด ด้วยชอบที่หวานและดีกว่าเครื่องดื่มชาขวดทั้งหลาย
เช้ารุ่งขึ้น ซูซี่มองดูโทรศัพท์บ้านว่าอยู่ในสภาพปกติใช้งานได้ เมื่อใกล้ถึงเวลาก็เดินวนเวียนรอสายเรียกเข้า จนได้รับสาย
" Good morning Mr Sam"
" Good morning Ms Susi, please call me Sam"
" Thanks , call me Susi too..."
" I have seen and listened
your work history and I would like to know about your experience of MRP II both of Mapics
and MAX software....."
" please advise me because we didn't see any action of each other ...."
"Don't worry , I will take a short question such as....
".......
".....
"So . thank you Susi see you soon and bye"
" Thank you very much Sam, bye"
การคุยหรือสัมภาษณ์เปรียบเสมือนนัดบอดใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง ผลจากการคุยสรุปได้ว่าผ่าน เพราะแซมบอกว่าแล้วเจอกัน
การพูดคุยทางโทรศัพท์อาจจะยากในบางคนที่ไม่ได้เห็นอาการของผู้สัมภาษณ์ แต่กับซูซี่คิดว่า 'โม้' ได้เต็มที่ เพราะไม่เห็นหน้านี่
แหละ คำพูดจะทำงานได้อย่างดี ถ้าเราพูดถูกและตรงประเด็น ส่วนเรื่องภาษาไม่มีปัญหา เพราะถนัดฟังสำเนียงอเมริกันอยู่แล้ว
งานนี้ถูกเรียกตัวจากจดหมายลงทะเบียนในสี่วันต่อมา สิ่งที่ทำให้กริ่งเกรงคือ ความเป็นผู้หญิงในตำแหน่งที่คนส่วนมากคิดว่าควรเป็น
ผู้ชาย ถึงแม้ว่าในใจซูซี่จะเถียงว่าอเมริกันไม่เกี่ยงเรื่องเพศดอก แม้แต่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศยังเป็นผู้หญิงเลยชื่อ Madeleine
Albright และที่จำยอมอีกคือการเรียกเงินเดือนให้น้อยกว่าที่คิด เพราะงานนี้ต้องชิงกับผู้สมัครชาย เราคิดจะเอากล่อง ไม่ได้เอาเงิน
เนื่องจากอายุก็มากแล้ว และบริษัทก็เป็นต่างชาติ ส่งผลิตภัณฑ์ไปทั่วโลก ไม่ทำเมื่อนี้แล้วจะทำเมื่อไหน ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่าย
วิศวกรรมของบริษัท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อได้โทรศัพท์ไปในเวลาทำงานแล้ว ก็ได้รับการนัดให้ไปทำงานในต้นเดือนหน้านี้เลย ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตกลงเงินเดือนและ
สิทธิประโยชน์ตามที่บริษัทจัดให้พนักงานทุกอย่าง และแปลกใจตรงที่เริ่มงานเวลาเจ็ดโมงครึ่ง เลิกสี่โมงครึ่ง นั่นหมายถึงว่าต้อง
ออกจากบ้านหกโมงครึ่ง เพราะใช้เวลาขับรถราวสี่สิบนาที
มีเวลาว่างสำหรับตนเองอีกสิบวัน การไปเล่นแบตมินตันทุกเย็นวันอังคารและศุกร์สองชั่วโมงก็ยังคงเป็นไปอย่างเดิม มีบางเสาร์
อาทิตย์ที่ไปว่ายน้ำที่สระถนนศรีนครินทร์ และที่ตึกเดอะเนชั่น ถนนบางนา-ตราดบ้างกับเพื่อนที่เล่นแบตมินตันด้วยกัน และเผอิญที่
ทำงานของเพื่อนหญิงนี้ก็เป็นบริษัทเยอรมันเกี่ยวกับความงามด้านเส้นผมอย่างมีชื่อนั้นก็อยู่ไม่ไกลกัน ฉะนั้นจึงไม่เป็นปัญหาต่อการ
เล่นแบตมินตันตอนหกโมงเย็นที่สนามบางจาก ถนนสุขุมวิท
ส่วนการสังสรรค์ในสุดสัปดาห์บางครั้ง เพื่อนอีกกลุ่มก็จะโทรมาบอกว่า เย็นนี้เลิกงานแล้วมาที่โรงแรมนี้นะ ทานข้าวเย็นและสนุกกัน
ต่อ ด้วยกลุ่มวัยไล่เรี่ยกันราวเจ็ดคนหรือมากกว่านั้นในแต่ละครั้ง ยามเมื่อร่างกายแข็งแรงย่อมไม่เจ็บป่วยให้สะดุดหน้าที่การงาน และยัง
สามารถขับรถเข้าเมืองจากบริษัทถึงใจกลางกรุงเทพก็ตกสี่สิบกิโลเมตร มักจะวนเวียนแถวสยามสแควร์ที่ฟูเฟื่องสมัยนั้น
ขณะที่เราเป็นแม่ของลูกสามคน ต่างก็มีหน้าที่ของตนเอง ด้วยว่าเคยตอบนายเยอรมันคนที่สอง เรื่อง Management ว่า เมื่อเรา
จัดการที่บ้านได้ดีแล้ว เราก็สามารถจัดการที่ทำงานได้อย่างไม่มีปัญหาลางานด้วยเรื่องส่วนตัว เราเองไม่ชำนาญในงานแม่บ้าน ถนัดเป็น
สาวออฟฟิศมากกว่า และโชคดีที่ได้แม่บ้านที่ถูกใจและไว้ใจดูแลงานบ้านให้ จึงแทบมิได้แตะงานบ้านเลย ส่วนลูกๆก็มีชีวิตนักเรียน
ตามปกติ มีครูมาสอนพิเศษที่บ้านบ้าง และสมาชิกในครอบครัวก็ดำเนินไปอย่างปกติสุข
เมื่อพร้อมที่จะไปเริ่มงานใหม่ ที่ทำงานใหม่ ส่วนรถยนต์ได้เปลี่ยนคันใหม่สองปีแล้วเป็น Mazda Astina 1800 โดยซื้อเงินสดราว
ห้าแสนสามหมื่นบาทจากบริษัทญาติตัวแทนจำหน่ายสาขาต่างจังหวัด แต่เรารับรถที่กรุงเทพ ได้ลดราคาค่าขับไปส่งรถต่างจังหวัดอีกสาม
พันบาท ส่วนเงินตามจ่ายให้ญาติลูกของป้าภายหลัง สะดวกดี
เมื่อถึงวันที่ต้องตื่นเช้าไปทำงาน อาหารเช้าที่ทานมาตลอดคือขนมปังและเครื่องดื่มร้อน ชาหรือโกโก้ชื่อโอวัลตินก็ได้ ในเมื่อต้อง
ตื่นเช้าทำให้การทานอาหารไม่ทัน จึงต้องทำแซนวิซหรือไส้กรอก แครกเก้อร์สำหรับมื้อเช้าทานที่ทำงาน ส่วนกล่องอาหารกลางวันก็
คล้ายคลึงกัน หรืออาจจะมีข้าวผัดบ้าง ด้วยเป็นคนที่ทานอะไรก็อิ่ม ไม่จำเป็นต้องเป็นข้าว และพยายามให้ลูกๆมีวิถีการอยู่กินง่ายแบบแม่ด้วย
เตรียมตัวและอุปกรณ์การกินพร้อมแล้ว พรุ่งนี้เราจะเป็นพนักงานใหม่ที่บริษัทใหม่แล้ว พร้อมลุย...
จบ
🔩🔧🍺💃เส้นทางนี้โรยด้วยนัตและสกรู 4 💃🍺🔧🔩
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-●✿ ✿●-
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อได้พบข้อความรับสมัครผู้สามารถทำงานโปรแกรม MRP II starting on Database AS 400 and BOM's structure...
มันใช่ มันถูกต้องตามความปรารถนาที่จะทำเลยทีเดียว
คิดได้ดังนั้นก็โทรศัพท์ไปที่บริษัทเลยว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่สามารถทำงานตามตำแหน่งที่ทางบริษัทต้องการได้ จึงอยากจะทราบว่า
ใช้เวลานานไหม ในการพิจารณากว่าจะเรียกสัมภาษณ์ คำตอบคือส่งเรซูเม่มาก่อน คิดว่าไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ที่ต้องถามบอสว่างสัมภาษณ์
เมื่อไร แล้วจะแจ้งไปอีกที พร้อมทั้งขอเบอร์ติดต่อจากเราด้วย
จดหมายที่บรรจุประวัติและเอกสารใบผ่านงานต่างๆคงถึงในสามวันเพราะอยู่ไกลกันแค่ยี่สิบกิโลเมตร ในย่านอุตสาหกรรมบางพลี
และการนัดหมายเข้าสัมภาษณ์ก็กำหนดมาไม่ช้า มีอธิบายเส้นทางที่ไม่เคยไปนิดหน่อย
วันนั้นเรานุ่งกระโปรงสีดำเข้ารูปช่วงบนสะโพกและจับกลีบผายเรียบกริบในส่วนล่างสั้นเสมอเข่า เสื้อขาวเข้ารูปคลุมสะโพก มีขลิบ
สีดำโดยรอบชายเสื้อทั้งหมด มีกระเป๋าด้านอกซ้ายที่เสียบผ้าเช็ดหน้าสีดำ สวมรองเท้าส้นสูงสีดำเดินอย่างทะมัดทะแมง ด้วยสวมส้นสูง
มาตลอดการทำงาน เมื่อเลี้ยวรถเข้าบริษัทที่ถนนคอนกรีตเป็นช่วงลึกเข้าไปถึงตัวบริษัท แต่ต้องจอดรถด้านขวามือที่เป็นที่จอดแนวยาว
ขนานถนนทอดสู่ภายใน
เมื่อหาทางเข้าบริษัทโดยถามพนักงานชี้ว่าเข้าด้านข้าง จึงขึ้นบันไดไปโผล่ที่ออฟฟิศเรียงเป็นแถวอยู่ปีกข้างของอาคารโรงงาน ด้าน
ล่างเป็นบริเวณโรงงานที่มีพนักงานทำงานอยู่ ถึงห้องฝ่ายบุคคลมีป้ายแขวน เมื่อเข้าไปแจ้งชื่อแล้ว เจ้าหน้าที่ผู้ชายให้นั่งรอ ผู้จัดการก่อน
ไม่นานนักผู้จัดการชายก็เดินเข้ามา เราทักสวัสดี และลูกน้องเขาก็แจ้งให้ทราบ สักพักก็มีเสียงพูดโทรศัพท์ แล้วจึงบอกให้เราเดินตามเขา
ออกจากห้องไป ผ่านออฟฟิศที่มีกระจกเป็นแนวไปจนถึงส่วนด้านหน้าโรงงาน ที่นั่นได้เข้าไปนั่งรอในห้องหนึ่งที่โต๊ะไม่ใหญ่นัก ข้าวของ
บนโต๊ะแทบไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเป็นโต๊ะของใคร มีตู้ปิดทึบอยู่ด้านหลังเก้าอี้เพื่อเก็บสิ่งของ มีพนักงานเดินมองผ่านกระจกเข้ามาบ้าง
สักครู่ชายอเมริกันตัวสูง อายุน่าจะราวห้าสิบก็เดินเข้ามาหา เราจึงลุกขึ้นทักพร้อมกับจับมือ เมื่อได้นั่งลงแล้ว Vice President ก็ได้เริ่ม
คุยเชิงสัมภาษณ์ไปเรื่อยๆอย่างไม่เคร่งเครียด ถามมาก็ตอบไปจนหมดคำถามที่เขาได้มาจากการอ่านเรซูเม่ ในตอนท้ายมีบอกว่า จะมีคน
โทรไปสัมภาษณ์คุณอีกครั้งจากบริษัทแม่จากอเมริกาในเร็วๆนี้ และได้เดินพาเราไปยังแผนกวิศวกรรมที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโรงงานห้อง
นั้นมีพนักงานอยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ราวสิบคน มีหัวหน้าชายนั่งในพาร์ทิชันอยู่คนหนึ่ง และอีกล็อคหนึ่งไม่มีคนนั่ง เปิดประตูต่อเนื่อง
ไปเป็นห้องชายสูงอายุกว่าเรา เป็นไดเร็คเตอร์ที่นี่ได้พาเราเดินดู ส่วนฝรั่งขอตัวกลับไป คุณสถิตจึงได้เดินอธิบายงานว่าที่นี่กำลังเริ่มคีย์ชิ้นส่วน
เพื่อเข้าโปรแกรมเอ็มอาร์พี และทางอเมริกามาร่วมลงทุนกับบริษัทเก่าที่นี่ เอาระบบใหม่เข้ามา เมื่อเดินมองรอบๆสักพักโดยมีสายตาพนักงาน
ทุกคนมองตาม ก่อนจะลากลับจึงได้ถามคุณสถิตว่า อีกนานไหมกว่าจะบอกผลการตอบรับ คุณสถิตบอกว่าคงไม่นานแล้วละ เพราะ Mike
รับเอง เตรียมตัวได้แล้วครับ เป็นคำพูดพร้อมรอยยิ้มให้ความหวังกับเรา
เราก็จากมาอย่างรู้ว่าได้ครึ่งทางแล้วนะ บริษัทนี้อยู่ไกลตั้งยี่สิบกิโลเมตรจากบ้าน คงต้องตื่นเช้ามาทำงาน และที่นี่ก็ไกลมาก นึกถึงบริษัท
เก่าที่ห่างจากบริษัทแรกที่ได้งานทำห่างแค่หนึ่งกิโลเมตร เยอรมันคงพูดว่าไกลแค่จมูกกับปาก
ต่อมาในวันหนึ่งเวลาราวเกือบเที่ยงที่ซูซี่กำลังรอกินสเต็กกับเพื่อนชายคนหนึ่งที่มวกเหล็ก สเต็กแถวนี้มีชื่อราคาก็ไม่แพง ยังไม่ทัน
อาหารจะมาเสิร์ฟให้ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา
" Hello.. are you Ms Susi?"
" Oh yes I am"
" I 'm Sam , from ........ company ,my duty is to contact you and talking about your position before starting with us..."
" Oh . that is nice to hear
you , but right now I'm on the way far from house ,could you please phone me on your
convenience time around 10 o'clock tomorrow morning at home, I will free for you as much as you need.."
" All right till tomorow, have a nice time bye"
" Thank you, bye"
" ใครล่ะ" เพื่อนชายถาม สงสัยว่าทำไมเป็นภาษาอังกฤษ
" ฝรั่ง คงเป็นคนที่ต้องสัมภาษณ์งาน โทรมาจากอเมริกา บริษัทแม่น่ะ คือฝรั่งที่นี่เป็น Vice President สัมภาษณ์ไปแล้วและบอกว่า
ต้องมีสัมภาษณ์จากอเมริกาอีกที ก็ไม่รู้ทำไมต้องซักไซ้กันมากมาย หรือว่าที่นี่เขี้ยวก็ไม่รู้ ผู้จัดการที่บริษัทนี้คงโดนกันทุกคน"
" แล้วไง เลื่อนนัดไปเหรอ "
" แหมก็อยู่นอกบ้าน ยังไม่ได้เตรียมตัว ดีนะที่รู้ว่าพรุ่งนี้ต้องสัมภาษณ์จะได้ตั้งสติก่อน แต่ถ้าถามเรื่องงานก็โอเค ถามพวกว่า เธอคิด
ว่ายังไง Opinion ถ้าอย่างงั้นอย่างงี้ก็ต้องเอาใจกันหน่อย เพราะไม่เห็นหน้ากันเนาะ แต่ดีที่เป็นผู้ชาย เราถูกชะตากับผู้ชายนะ"
"โม้ละ..."
" อ้าว ไม่เห็นหน้ากัน พูดกันก็ต้องโม้ละนะ เอ้ามาแล้วสเต็ก Interview..." ซูซี่ยืดคอมองจานสเต็กที่หอมกรุ่นวางลงข้างหน้า
" กินเสร็จแล้วจะกลับเลยหรือไปไหนต่อล่ะ"
" ไปแวะบ้านอีกที บ่ายๆขากลับแวะซื้อผลไม้ข้างทางหน่อยก็ดี หรือว่าไง"
" ก็ได้ ซื้อเนื้อแดดเดียวด้วยไหมล่ะ ไหนว่าอยากกิน" เพื่อนตัดชิ้นเนื้อส่งเข้าปากเป็นชิ้นแรก หลังจากโรยพริกไทยก็ใส่ซอสTabasco
ทานสเต็กกันแล้วก็พากันเดินซื้ออย่างอื่นต่อไปสักพัก ก็กลับมาที่บ้านมวกเหล็กของเพื่อนที่อาศัยค้างคืน และเก็บข้าวของกลับ
กรุงเทพ ขากลับตามรายทางได้แวะข้างทางซื้อข้าวโพดต้มถุงใหญ่ น้อยหน่า และซื้อไวน์ Full moon ของไทย สามขวดร้อยบาทมาด้วย
หกขวด ด้วยชอบที่หวานและดีกว่าเครื่องดื่มชาขวดทั้งหลาย
เช้ารุ่งขึ้น ซูซี่มองดูโทรศัพท์บ้านว่าอยู่ในสภาพปกติใช้งานได้ เมื่อใกล้ถึงเวลาก็เดินวนเวียนรอสายเรียกเข้า จนได้รับสาย
" Good morning Mr Sam"
" Good morning Ms Susi, please call me Sam"
" Thanks , call me Susi too..."
" I have seen and listened
your work history and I would like to know about your experience of MRP II both of Mapics
and MAX software....."
" please advise me because we didn't see any action of each other ...."
"Don't worry , I will take a short question such as....
".......
".....
"So . thank you Susi see you soon and bye"
" Thank you very much Sam, bye"
การคุยหรือสัมภาษณ์เปรียบเสมือนนัดบอดใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง ผลจากการคุยสรุปได้ว่าผ่าน เพราะแซมบอกว่าแล้วเจอกัน
การพูดคุยทางโทรศัพท์อาจจะยากในบางคนที่ไม่ได้เห็นอาการของผู้สัมภาษณ์ แต่กับซูซี่คิดว่า 'โม้' ได้เต็มที่ เพราะไม่เห็นหน้านี่
แหละ คำพูดจะทำงานได้อย่างดี ถ้าเราพูดถูกและตรงประเด็น ส่วนเรื่องภาษาไม่มีปัญหา เพราะถนัดฟังสำเนียงอเมริกันอยู่แล้ว
งานนี้ถูกเรียกตัวจากจดหมายลงทะเบียนในสี่วันต่อมา สิ่งที่ทำให้กริ่งเกรงคือ ความเป็นผู้หญิงในตำแหน่งที่คนส่วนมากคิดว่าควรเป็น
ผู้ชาย ถึงแม้ว่าในใจซูซี่จะเถียงว่าอเมริกันไม่เกี่ยงเรื่องเพศดอก แม้แต่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศยังเป็นผู้หญิงเลยชื่อ Madeleine
Albright และที่จำยอมอีกคือการเรียกเงินเดือนให้น้อยกว่าที่คิด เพราะงานนี้ต้องชิงกับผู้สมัครชาย เราคิดจะเอากล่อง ไม่ได้เอาเงิน
เนื่องจากอายุก็มากแล้ว และบริษัทก็เป็นต่างชาติ ส่งผลิตภัณฑ์ไปทั่วโลก ไม่ทำเมื่อนี้แล้วจะทำเมื่อไหน ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่าย
วิศวกรรมของบริษัท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อได้โทรศัพท์ไปในเวลาทำงานแล้ว ก็ได้รับการนัดให้ไปทำงานในต้นเดือนหน้านี้เลย ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตกลงเงินเดือนและ
สิทธิประโยชน์ตามที่บริษัทจัดให้พนักงานทุกอย่าง และแปลกใจตรงที่เริ่มงานเวลาเจ็ดโมงครึ่ง เลิกสี่โมงครึ่ง นั่นหมายถึงว่าต้อง
ออกจากบ้านหกโมงครึ่ง เพราะใช้เวลาขับรถราวสี่สิบนาที
มีเวลาว่างสำหรับตนเองอีกสิบวัน การไปเล่นแบตมินตันทุกเย็นวันอังคารและศุกร์สองชั่วโมงก็ยังคงเป็นไปอย่างเดิม มีบางเสาร์
อาทิตย์ที่ไปว่ายน้ำที่สระถนนศรีนครินทร์ และที่ตึกเดอะเนชั่น ถนนบางนา-ตราดบ้างกับเพื่อนที่เล่นแบตมินตันด้วยกัน และเผอิญที่
ทำงานของเพื่อนหญิงนี้ก็เป็นบริษัทเยอรมันเกี่ยวกับความงามด้านเส้นผมอย่างมีชื่อนั้นก็อยู่ไม่ไกลกัน ฉะนั้นจึงไม่เป็นปัญหาต่อการ
เล่นแบตมินตันตอนหกโมงเย็นที่สนามบางจาก ถนนสุขุมวิท
ส่วนการสังสรรค์ในสุดสัปดาห์บางครั้ง เพื่อนอีกกลุ่มก็จะโทรมาบอกว่า เย็นนี้เลิกงานแล้วมาที่โรงแรมนี้นะ ทานข้าวเย็นและสนุกกัน
ต่อ ด้วยกลุ่มวัยไล่เรี่ยกันราวเจ็ดคนหรือมากกว่านั้นในแต่ละครั้ง ยามเมื่อร่างกายแข็งแรงย่อมไม่เจ็บป่วยให้สะดุดหน้าที่การงาน และยัง
สามารถขับรถเข้าเมืองจากบริษัทถึงใจกลางกรุงเทพก็ตกสี่สิบกิโลเมตร มักจะวนเวียนแถวสยามสแควร์ที่ฟูเฟื่องสมัยนั้น
ขณะที่เราเป็นแม่ของลูกสามคน ต่างก็มีหน้าที่ของตนเอง ด้วยว่าเคยตอบนายเยอรมันคนที่สอง เรื่อง Management ว่า เมื่อเรา
จัดการที่บ้านได้ดีแล้ว เราก็สามารถจัดการที่ทำงานได้อย่างไม่มีปัญหาลางานด้วยเรื่องส่วนตัว เราเองไม่ชำนาญในงานแม่บ้าน ถนัดเป็น
สาวออฟฟิศมากกว่า และโชคดีที่ได้แม่บ้านที่ถูกใจและไว้ใจดูแลงานบ้านให้ จึงแทบมิได้แตะงานบ้านเลย ส่วนลูกๆก็มีชีวิตนักเรียน
ตามปกติ มีครูมาสอนพิเศษที่บ้านบ้าง และสมาชิกในครอบครัวก็ดำเนินไปอย่างปกติสุข
เมื่อพร้อมที่จะไปเริ่มงานใหม่ ที่ทำงานใหม่ ส่วนรถยนต์ได้เปลี่ยนคันใหม่สองปีแล้วเป็น Mazda Astina 1800 โดยซื้อเงินสดราว
ห้าแสนสามหมื่นบาทจากบริษัทญาติตัวแทนจำหน่ายสาขาต่างจังหวัด แต่เรารับรถที่กรุงเทพ ได้ลดราคาค่าขับไปส่งรถต่างจังหวัดอีกสาม
พันบาท ส่วนเงินตามจ่ายให้ญาติลูกของป้าภายหลัง สะดวกดี
เมื่อถึงวันที่ต้องตื่นเช้าไปทำงาน อาหารเช้าที่ทานมาตลอดคือขนมปังและเครื่องดื่มร้อน ชาหรือโกโก้ชื่อโอวัลตินก็ได้ ในเมื่อต้อง
ตื่นเช้าทำให้การทานอาหารไม่ทัน จึงต้องทำแซนวิซหรือไส้กรอก แครกเก้อร์สำหรับมื้อเช้าทานที่ทำงาน ส่วนกล่องอาหารกลางวันก็
คล้ายคลึงกัน หรืออาจจะมีข้าวผัดบ้าง ด้วยเป็นคนที่ทานอะไรก็อิ่ม ไม่จำเป็นต้องเป็นข้าว และพยายามให้ลูกๆมีวิถีการอยู่กินง่ายแบบแม่ด้วย
เตรียมตัวและอุปกรณ์การกินพร้อมแล้ว พรุ่งนี้เราจะเป็นพนักงานใหม่ที่บริษัทใหม่แล้ว พร้อมลุย...
จบ