🔩🔧🍺💃เส้นทางนี้โรยด้วยนัตและสกรู 3 💃🍺🔧🔩

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

📚🕯📒

เดือนที่สามแล้วที่ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างรีบเร่งในความรู้สึกของเพ็ญระพี

เช้าวันนี้เพ็ญระพีต้องขับรถคันเดียวที่มีมาทำงาน โดยเจ้าของรถนั่งอยู่ข้างเคียง ด้วยรถของเธอยังซ่อมไม่เสร็จและเพื่อความรวด
เร็วเธอจึงขับเอง เมื่อมาถึงหน้าโรงงาน เธอก็เลี้ยวรถกลับลำให้เสร็จ เพราะโรงงานเป็นอาคารทอดยาวลึกเข้าไปในซอย เมื่อลุกจากที่นั่ง
คนขับ วิศวกรรถยนตร์ก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆ ในขณะที่ยามก็ทำความเคารพเพ็ญระพี เขาเห็นภาพโรงงานที่มอง
ลึกเข้าไป จึงเอ่ยถามว่า

"ใครเป็นผู้จัดการโรงงาน"

" ฉันเอง" คำตอบทำให้เขาเลิกคิ้วขึ้น แต่ไม่ได้พูดอะไร และมองเข้าไปในโรงงานอีกหนก่อนเข้าไปนั่งที่คนขับๆรถเคลื่อนออกไป
เพ็ญระพีคิดว่าจะบอกกับเขาเมื่อทำงานเป็นการถาวรคือต้องพ้น ระยะทดลองงาน Probation/ Probezeit เสียก่อน

เย็นวันหนึ่งเมื่อขับรถกลับบ้าน ถนนสายหลักก็ต้องผ่านหน้าบริษัทเก่าที่เพิ่งลาออกมา เมื่อรถชลอช้าลงก็เหลือบเห็นวิศวกรอยู่ที่
เก่ายืนรอรถสองแถวมองมาแล้วยกมือไหว้ เราได้แต่ก้มศีรษะ ด้วยนึกไม่ถึงว่าเขาจะทักทายแบบนี้ ต่อมาความครุ่นคิดถึงที่ทำงานเก่า
ก็หวนกลับมา เริ่มด้วยมองย้อนกลับไปว่าเราเป็นใครเมื่ออยู่ที่นั่น เริ่มตั้งแต่บริษัทที่นายฝรั่งเยอรมันสองคนย้ายแยกออกมาลงทุนด้วย
กันจากสถานที่เก่าซึ่งห่างไปราวเจ็ดกิโลเมตร ก็ได้โรงงานเช่าแห่งนี้ ระบบแฟกซ์เพิ่งมี โทรศัพท์ภายในถูกติดตั้งอย่างทันสมัย ตัวเครื่อง
มีหมายเลขเบอร์โทรหาปรากฎขึ้นโชว์กระพริบพร้อมเสียงเรียก เบอร์โอเปอเรเตอร์คือหมายเลข 100, 101

MD คือนายใหญ่คนเดียวที่นี่ หมายเลข 102 และ 103 คือหมายเลขที่โต๊ะของเรา ลำดับตามความสำคัญ ที่นายเน้นซ้ำว่า ให้โต๊ะ
ของเรานั่งใกล้ติดกับหน้าต่างกระจกที่มองลงมาเห็นถนนที่อยู่ระหว่างโรงงานกับออฟฟิศ เพื่อช่วยดูเป็นหูเป็นตาให้ด้วย และบนชั้นนี้ก็เป็น
Technical office/Technische Büro นั่นเอง มีบันไดขึ้นไประหว่างกลางสองด้าน ด้านขวานี้มีวิศวกรและเทคนิคเชี่ยนเต็มที่ สิบหกคน
ส่วนแผนกขาย จัดซื้ออยู่อีกซีกที่มีห้องโถงเรียงโต๊ะเป็นแถวมีอีกสองห้อง เป็นห้อง MD และห้องประชุม เป็นภาพที่นั่น

เพ็ญระพีเดินมาที่ห้อง Packaging เมื่อได้ยืนมองดูการทำงานแล้ว รู้สึกว่าไม่เป็นระเบียบตามรูปแบบโรงงาน พนักงานนั่งโต๊ะที่เอา
มาต่อกันและต่างคนต่างห่อผลิตภัณฑ์ด้วยกระดาษโดยสวมถุงมือผ้าสีขาว และวางใส่ในกล่องของตนข้างหน้า จะมีผู้มายกไปห่อด้วย
พลาสติก Air bubble สีไม่ขาวใสคงด้วยคุณภาพต่ำ และการทำงานก็ไม่สอดคล้องไม่ synchronization system

จากนั้นเพ็ญระพีก็นำมาพูดในวันที่ Chef เรียกประชุม ซึ่งแล้วแต่ว่าจะเรียกเมื่อChef มีปัญหาหรือว่าง เมื่อ Chef พูดถึงเรื่องทั่วๆไปจบ
เพ็ญระพีก็ได้เอ่ยถึงว่า การแพ็คกิ้งขึ้นอยู่ กับ Manual system ที่อาจจะมี Human error ได้ จึงอยากขอเสนอ Short Packaging
conveyor for Paper wrapping and Air bubble finishing in same line by some operator นั่นทำให้ Chef หยุดคิดและปรายตา
ไปทาง Erika เพ็ญระพีก็พูดขึ้นอีกว่า

" ฉันคิดว่า Air bubble ทำให้มูลค่าผลิตภัณฑ์ของเราดูด้อยค่าลง เพราะการห่อที่ไม่สวยงามด้วยคุณภาพของวัสดุที่ใช้ห่อ ผลิตภัณฑ์
ของเราเปรียบเสมือน Jewelry วัสดุที่หุ้มห่อควรมีลักษณะเท่ากับห่อของขวัญ หรือว่า Chef คิดเห็นเป็นอย่างอื่น" เพ็ญระพีพูดแบบให้
โอกาสคนออกความเห็น ความเงียบก็เกิดขึ้นทันทีในต่อมา

คุณ Erika ทำท่าเหมือนอยากจะพูด แต่รอให้ Chef พูดก่อน Chef จึงถาม Erika

" คุณคิดว่าเป็นอย่างที่ Penny พูดไหม" พร้อมทั้งให้เลขาไปเอา Air bubble มาดูด้วย เมื่อเลขาลุกออกไป Erika จึงพูดว่า

" มันอาจจะไม่ใช่คุณภาพดีมาก แต่คิดว่ามันใช้ได้ดีในการเดินทาง จนกว่าจะถึงปลายทาง"

" คุณอาจจะชินตากับมัน แต่สำหรับคนเพิ่งมาเห็น จะเป็นเครื่องชี้ได้เมื่อสายตาเขาบอกมา ' Kleidung macht Menschen' "

คำนี้หลุดจากปาก Chef ทำให้ Erika หลุบตาลงทันที คำพังเพยเยอรมัน การแต่งกายบอกลักษณะคน คนเยอรมันจึงมีชุด วัน
อาทิตย์ ' Sonntag Anzug" คือชุดที่ไม่ได้ใส่ไปทำงาน วันอาทิตย์จะใส่ชุดที่พิเศษแตกต่างกับทุกวัน เหมือนไปงาน เรามักจะเห็น
ชาวเยอรมันแต่งกายใส่สูทเดินในสวนสาธารณะตอนเช้า ซึ่งอากาศหนาวเหมาะใส่สูทอยู่แล้ว

เมื่อเลขานำ Air bubble มาส่งให้ Chef มองยังไงก็ดูเหมือนพลาสติกที่ห่อของกันกระแทกทั่วๆไป ซึ่งไม่ใช่ชนิดขาวใสหรือความ
ยับย่นน้อย ไม่เหมาะกับผลิตภัณฑ์บอบบางแบบแก้วแน่ๆ

" ทุกอย่างควรจะต้องดีขึ้นและทุกแผนกด้วยใช่ไหม " Chef กล่าวพร้อมกวาดสายตามองทุกคนที่เป็นหัวหน้าทุกแผนกที่เข้าประชุม
และบอกกับเพ็ญระพีว่าลองเรียกร้าน Conveyor มาดูความเป็นไปได้ไหม เพราะเราไม่มี Finished goods and Accumulator for them

สายวันหนึ่งขณะที่เพ็ญระพีกำลังก้มหน้าก้มตาทำเอกสารขอคืนภาษีสินค้าออกให้เจ้าหน้าที่ศุลกากร หม่องเว วิศวกรพม่าก็มายืนค้อม
ตัวหน้าโต๊ะ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ให้สงสัยในท่ายืนของเขา ราวกับนอบน้อมพิกล

" ลูกพี่ครับ would you go to melting room you may see any gambling!" หม่องเวพูดเสียหลายภาษา เรารีบลุกขึ้นเดินนำไปทันที
แค่โผล่เข้าห้องที่ไม่มีประตูเข้าไป คนสามคนที่นั่งก็พรวดพราดทรงตัวอยู่นิ่ง โดยหม่องเวมิได้ตามหลังเข้าไปด้วย

เมื่อยืนมองเบ้าหลอมและมองหม่องลีที่ทำงานอยู่สักพัก ก็สบตากับหม่องลี ให้รู้ว่ามาดูแล้วนะ เดาว่าหม่องลีเป็นคนบอกให้หม่องเว
มาบอกกับเรา พนักงานสามคนไทยนั้นก็ลุกขึ้นไปจับงานของตนเอง เราก็เดินจะออกมาแต่หยุดที่คนหนึ่งและพูดเบาๆว่า

" อย่าได้ทำอีก"

เมื่อเดินแล้วก็ไปดูห้อง Grinding รอบหนึ่ง และเลยไปดูการตอกเสาเข็มที่เดินหน้าจนเตรียมกั้นผนังห้องด้านบนแล้ว การตรวจและคุม
ให้หม่องเวช่วยดูแล เพราะดูว่าจะเป็นงานมากกว่าคนอื่นในการพูดคุยกัน งานจิปาถะให้หม่องเวไปทำได้แก่ หาถังที่เหมาะทำถังขยะ เวลา
ทาสีโรงงานใหม่ให้ใช้สีทาถังขยะด้วย เพื่อวางในส่วนหน้าโรงงาน ที่พนักงานมักทิ้งขยะตามอำเภอใจมุมผนังตึก ให้ยามเป็นคนดูแลและ
เคลื่อนย้ายถังวันละฟุต จนกว่าจะเข้ามาวางในอาคารแทนวางหน้าโรงงาน พฤติกรรมคนทิ้งก็จะเคลื่อนตามมาทิ้งที่ถังเอง

เมื่อเพื่อนนักเรียนที่รับจ้างทำ Conveyor มาตรวจสถานที่แล้ว บอกว่าไม่รู้จะวางอย่างไร ให้ใช้การควบคุมการห่อโดยการแยก
ผลิตภัณฑ์ให้ไม่ปะปนกันโดยเด็ดขาด ส่วนคุณ Erika นั้นก็ต้องจัดแจงเรื่องเอกสารที่เป็นภาษาต่างประเทศทั้งนั้น จึงไม่มีเวลามาควบคุม
พนักงานตลอดเวลา

เพ็ญระพีนำปัญหามานั่งคิดแล้วก็นึกไปถึงทฤษฏีต่างๆ Root of Problem 5 Why's คือคำตอบ วันรุ่งขึ้นจึงไปบอกคุณ Erika ว่า

-นับจำนวนชิ้นงานที่ต้องส่งในแต่ละชนิด และจำนวนกล่องให้สัมพันธ์กัน
- เตรียมกระดาษห่อ และAir bubble ให้เท่ากับจำนวนของของที่จะส่ง ห้ามเบิกเกินจำนวน
- ผู้ตรวจเช็คงานที่ห่อแล้วหนึ่งคนต่อขั้นตอน เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการทำงานต่อเนื่องนานๆ

ผลงานตามมา หลังจากเปลี่ยน Air bubble เป็นเกรดดี ทำให้แต่ละห่อดูเหมือนของมีค่าอยู่ภายใน

สามเดือนผ่านไปพร้อมกับการผ่านการทดลองงาน มีสิ่งที่ทำให้ความคิดวนกลับไปที่ทำงานเก่าอีกเช่นเคย ด้วยต้องเดินสายไฟ
ในโรงงานใหม่ ให้รับกับเครื่องจักรใหม่กับออฟฟิศใหม่ที่มีฝ่ายขายและ Warehouse อยู่ชั้นบน

วิศวกรไฟฟ้าจากเยอรมันที่ทำงานที่บริษัทเก่าสนิทสนมกันดี จึงปรึกษาเรื่องเดินสายไฟ เขาก็รับเป็นงาน Sideline ส่วนวิธีการ
ทำงานก็มีคนงานสองคนมาทำเต็มวัน และคุณองอาจก็มาทำในวันอาทิตย์ ซึ่งคุณองอาจก็มีบ้านอยู่ที่หมู่บ้านเดียวกันกับเรา การว่า
จ้างที่มีคนไว้ใจได้ ทำให้ไม่ต้องกังวล

เพ็ญระพีคิดว่าดังคำพังเพยเยอรมัน เอาปัญหาไปใส่กระเป๋าคนอื่น ลดจำนวนปัญหาของตนเอง

คำว่า'ปัญหา' ใครก็ไม่อยากให้มี เพ็ญระพีจึงไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคำนี้ เวลาที่ต้องไปเจอปัญหาเฉพาะหน้า ก็ไม่เคยถามพนักงาน
ว่ามีปัญหาอะไร ยิ่งในกรณีที่คนขัดแย้งกันก็ไม่ควรถามนำด้วยคำนี้ เพราะดูว่าสิ่งเล็กนั้นจะเป็นปัญหาขึ้นมาอย่างจริงจังทันทีที่ให้คำ
จำกัดความเสียแล้ว

ภายหลังเมื่อส่วนสร้างใหม่เสร็จก็ได้ทาสีเทาใหม่ทั้งโรงงานภายนอก ทำให้ดูสวยงามขึ้นกว่าแต่ก่อน

เช้าวันนี้เพ็ญระพียืนมองพนักงานแกะสลักแก้วที่ห้อง Engraving นึกไปถึงงานแกะสลักแผ่นไม้ที่เชียงใหม่ งานฝีมือต้องทำด้วย
ศิลปหัตถการจริงๆเพราะทำแล้วแก้ไขไม่ได้ ต้องเปลี่ยนรูปแบบถ้ามีการผิดพลาด เมื่อมองกาบี้ตรวจงานลูกน้องแล้วก็ให้นึกถึงงาน
เป่าขึ้นรูปแก้วที่อิตาลี ต้องใช้ความชำนาญอย่างเอกอุ กาบี้อายุไม่เกินสามสิบปี มีฝีมือขนาดสอนงานพนักงานเพื่อผลิตภัณฑ์ส่งออก
จำนวนมากได้ เธอสอนได้ไวและคุณภาพงานคงที่ราวกับ Mass Production จากเครื่องจักรก็ไม่ปาน

"เพ็นนี ฉันเห็นพม่าเอาน้ำมันเครื่องเททิ้งลงไปที่พื้นดิน พอฉันบอกให้หยุด เขากลับไม่หยุด ไม่แคร์ในคำพูดฉัน เธอควรบอกถึง
การรักสิ่งแวดล้อมกับเขา" กาบี้เดินมาพูดกับเราด้วยสีหน้าว่าได้โมโหมาก่อน

"ประเทศเขาล้าหลังประเทศไทยสามสิบปีนะ เขายังไม่ได้คิดเท่าไรหรอก แล้วฉันจะบอกกับเขา" เราต้องรับฟังทุกเรื่องเกี่ยวกับสิ่ง
ที่พวกต่างชาติพูด เพราะการคิดในหลายเรื่องแตกต่างกันอย่างมาก สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งแรกที่ชาวพม่าที่เพิ่งมาอยู่เมืองไทยรุ่นแรกทำ เพราะ
เพ็ญระพีก็ได้กล่าวเตือนหม่องเวที่นุ่งโสร่งมาโรงงานในวันหยุด ถึงแม้จะเป็นวันหยุดหรือวันใดก็ตาม พม่าก็ไม่ควรนุ่งโสร่งมาเดินเพ่น
พ่านราวกับบ้านเมืองตัวเอง ยังจำได้ว่าช่างใหญ่ที่บริษัทเก่าบินไปประเทศพม่า และที่สนามบินได้เห็นช่างเทคนิคปีนขึ้นปีกเครื่องบิน
ทั้งๆที่นุ่งโสร่ง ทำให้เอามาเล่าอย่างขำขันและหวั่นใจในประสิทธิภาพของเครื่องบินที่เห็น นี่เป็น 'ภาพพจน์' ระดับอินเตอร์จริงๆ

การทำงานในเวลาต่อมาคนที่เราสนิทสนมด้วยกลายเป็นหม่องเว ที่ดูมีไหวพริบ ส่วนหม่องลีและหม่องจีก็เช่าบ้านอยู่ด้วยกัน
ความเป็นอยู่ไม่ดีนัก ในวันหนึ่งเราได้ไปเยี่ยมเขาที่บ้าน เห็นเขากินข้าวด้วยมือและอาหารกองบนใบตอง ไม่รู้ว่าทำไมไม่ใส่ชาม
ดูเหมือนชาวอินเดียที่กินอาหารบนใบตองที่วางแผ่บนโต๊ะ แม้ในงานแต่งงาน แต่คนอินโดนีเชียวางอาหารบนใบตองแต่มีภาชนะ
รองมาเสิร์ฟอีกที

เพิ่งได้รู้ว่าหม่องลีต้องไปประเทศมาเลเชียและกลับเข้ามาเมืองไทยใหม่เพื่อจะได้วีซ่าสามเดือน เป็นความรู้ใหม่ที่ได้รับ

เมื่อความคิดตกผลึกก็คิดจะหางานใหม่ ไม่อยากอยู่ใกล้บริษัทเดิม ด้วยความหลังแยะและยาวนาน ป่านนี้ทุกคนคงรู้ว่าเราอยู่ที่นี่
เพราะองอาจกับลูกน้องก็ได้มาที่นี่แล้ว ส่วน Know how of Technology ก็ไม่ทันสมัยเหมือนที่เก่าที่เป็นโรงงานสร้างเครื่องจักร ป้าย
Made in Thailand และนายเยอรมันอีกคนก็คุมบริษัทเดิมอยู่นั้น เป็นผู้เสียภาษีมากที่สุดในประเทศไทยหนึ่งในจำนวนสองร้อยคน

การหางานในหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษเริ่มต้นอีกครั้ง แต่การลาออกจากงานก่อนก็เพื่อจะไปเที่ยวอเมริกากับเพื่อนสนิท ที่มีพี่เขย
เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง เป็นเพื่อนเที่ยวทั้งกลางวันกลางคืนมาเป็นสิบปี การตัดสินใจว่าจะเที่ยวก่อนหรือทำงานก่อนนี่ก็ทำให้คิดหนัก
เพราะทุกอย่างเตรียมการเที่ยวไว้พร้อมแล้ว รอผลการสมัครงานใหม่ตัดสินอีกที

ไม่มีใครนึกรู้มาก่อนว่าความสุขความสนุกในการทำงานรออยู่ในอนาคต!

จบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่