ขอถามแบบโง่ๆ ทำไมเราต้องมาทนลำบากรถติดสุดๆตลอด 5ปี เพื่อทำรถไฟฟ้าที่เก็บค่าโดยสารแพงๆ

ต้องทนเดินทางลำบากมากๆ เพิ่มขึ้นไปกลับวันละเกือบ2ชม. นี่ต้องทนไป5ปี เพื่อให้เจ้าของทำรถไฟฟ้าใต้ดิน  ทำมาอ้างว่าอดทนเพื่ออนาคตที่ดีกว่า แต่พอ เสร็จแล้วก็มาเก็บค่าโดยสารแพงๆ ที่บางคนเค้าก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ต้องมานั่งรถเมล์ต่อไปเพื่ออะไรครับ
แค่อยากถามเพราะตอนนี่เหนื่อยกับการเดินทางสุดๆเลย

....

เพิ่มเติม
ความคิดเห็นที่ 103
พึ่งจะมีเวลาเข้ามาเช็คกระทู้ แอบตกใจทำไมคนแสดงความเห็นกันเยอะมากๆ ผมจะทยอยอ่านให้หมดนะครับ

สำหรับใครที่หาว่าผมด่าขอค้านนะครับ ขอเรียกว่าบ่นก็พอ เนื่องมาจากผมไม่ได้มีความรู้ทางด้านเรื่องพวกนี้อะไรมากนัก ปัญหาการรถสาธารณะเป็นยังไงมั่งตอนนี้ก็ไม่ทราบนัก เนื่องจากผมใช้รถยนต์ส่วนตัวครับ
เลยมาตั้งกระทู้ถาม อ่านแนวคิด เหตุผลต่างๆ เพื่อนำมามาเป็นเหตุผล?ที่ต้งอดทนเพื่อส่วนรวม จึงแจ้งให้ทราบนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
งั้นผมถาม แต่คุณจะตอบไหม

คนที่มีเงินขึ้นรถไฟฟ้า เขาจะได้ออกจากระบบรถเมล์ ที่นี้เท่ากับรถเมล์จะมีที่เพิ่มมห้คนที่ต้องใ้รถเมล์จริงได้ใช้งานเพิ่ม คนที่จ่ายรถไฟฟ้าไหว ก็จะแบ่งคนกลุ่มหนึ่งไปรถไฟฟ้าได้ แบ่งคนจากบนถนนไปอยู่บนราง จะลอยฟ้าหรือใต้ดินก็แล้วแต่สาย

แล้วที่บอกว่าทำให้คนกรุงเทพนะ ลองไปดูหน่อยไหม ว่ารถมันวิ่งยาวไปถึงไหน สายสีม่วงวิ่งไปถึงบางใหญ่ พี่ที่บริษัทบ้านอยู่นนทบุรี ทุกวันนี้พี่เขาเดินทางไปกลับทำงานได้สะดวกขึ้น นั่งรถไฟฟ้าคาดการณ์เวลาได้แน่นอนกว่า

สายสีแดงวิ่งออกไปถึงรังสิตนู้นเลยนะ ณ วันที่เปิดใช้งาน ลองคิดดูว่าถ้าต้องเข้ามาทำงานเส้นสุขุมวิทจากรังสิตหรือเอาแค่อยู่แถวหลักสี่ก็พอ แค่นี่ก็สะดวกขึ้นแล้ว

บางนะอุดมสุขวิ่งไปหลักสี่ วิ่งไปบางใหญ่ เส้นทางมันไม่ได้มีแต่ในกรุงเทพนะ

มีตัวหารพาคนออกจากถนนได้ไม่เอา จะต้องให้คนลงมาอัดกันบนถนนโดยไม่ต้องคิดหาวิธีหาตัวหารคนบนถนนเลยหรือราคาที่คนจ่ายไหวเขาก็ออกไปอยู่ในการเดินทางอีกระบบ คนจ่ายไม่ไหวก็อยู่ระบบเดิมไปซิ

ขนาดญี่ปุ่นที่อวยกันเหลือเกินเรื่องระบบราง ไปเที่ยวจริงการเดินทางเขายังรวมเอาการเดินทางหลายระบบมาต่อกันเลย เขายังมีทั้งรถไฟ นถเมล์ รถราง มีระบบหลายอย่างมาทำงานร่วมกัน แบ่งคนไปตามเส้นทางของแต่ละคนได้อีก
ความคิดเห็นที่ 79
ใจเย็นกันนะครับค่อยพูดค่อยจากันดีกว่า

ก่อนอื่นเลย ผมยิงประเด็นเรื่องราคาก่อนเลยแล้วกัน
เริ่มจากรถไฟฟ้าในเครือบีทีเอส
คือ รถไฟฟ้าสายสุขุมวิทกับรถไฟฟ้าสายสีลม
หลายๆคนมองบีทีเอสเป็นผู้ร้าย มองบีทีเอสเป็นธุรกิจเห็นแก่ตัว เก็บค่าโดยสารโครตแพง แต่คุณรู้หรือไม่ว่ากว่าจะมีวันนี้บีทีเอสผ่านอะไรมาบ้าง
ทั้งมวลเริ่มจากคนที่ชื่อ หว่อง ท่ง ซัน ชาวฮ่องกงที่ย้ายมาลงหลักปักฐานที่ไทย และเปลี่ยนชื่อเป็น คีรี กาญจนพาสน์ ที่ตั้งบริษัท ธนายง ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2535 เข้ารับสัมปทานสร้างรถไฟฟ้าสายแรกในไทย  โดยมีข้อกำหนดว่า "ต้องลงทุนเองทั้งหมด" และตั้งบริษัทบีทีเอสขึ้นมา ปี2540 เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง คีรีมีหนี้รวม 7.5 หมื่นล้าน คีรีตัดสินใจเทหน้าตักขายทุกสิ่งอย่างที่มีเพื่ออุ้มโครงการรถไฟฟ้า และปล่อยให้ธนายงเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ จนเกิดเป็นรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท (หมอชิต - อ่อนนุช) และ รถไฟฟ้าสายสีลม (สนามกีฬาฯ - สะพานตากสิน) ในปี 2542 และบีทีเอส ทำธุรกิจรถไฟฟ้าแบบขาดทุนมาตลอด หลายสิบปี พึ่งมามีกำไรช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้ และกำไรที่งอกมานั้น เป็นกำไรจากธุรกิจอื่นๆ ของเครือบีทีเอส แทบไม่ได้มาจากการเดินรถเลย และบีทีเอสมีอายุสัมปทานที่จะได้เป็นเจ้าของโครงการที่ตัวเองสร้างอีกแค่10ปี (ถึง2572) หลังจากนั้นก็ทั้งโครงการก็ต้องตกเป็นของรัฐ ถือได้ว่าตลอดระยะเวลาเริ่มสัมปทานโครงการ 30 ปี(2542-2572) บีทีเอสดำเนินกิจการแบบขาดทุนมากกว่าได้กำไร
และถึงแม้ว่าบีทีเอส อาจงกและเล่นแง่เกินไปในบางเรื่อง เช่น การเปลี่ยนตู้ซื้อบัตร การเข้าร่วมบัตรแมงมุม หรืออาจมีปัญหาในการให้บริการบ้าง
แต่บีทีเอส ก็แบกรับความเสี่ยงตั้งแต่เริ่มสร้างและการขาดทุนมาโดยตลอด บีทีเอสก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีพอสมควร ในการให้บริการเดินรถ ถ้าเทียบจากความถี่ในการเดินรถและเปอร์เซ็นต์การเสีย
ดังนั้นสำหรับผม ค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสแพงเกินไปในกรณีตั๋วเที่ยวเดียว ผมเห็นควรว่าอาจปรับลดลงมาบ้าง แต่ในกรณีของตั๋วเดือน ไม่ได้แพงเกินไปเลย
รถไฟฟ้าเฉลิมรัชมงคลและรถไฟฟ้าฉลองรัชธรรม
เป็นโครงการของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ถือว่าเป็นรถไฟฟ้าของรัฐเต็มตัว มีผู้รับสัมปทานเดินรถคือ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ รถไฟฟ้าทั้งสองสายนี้ลงทุนโดนเงินกู้ของรัฐ และรฟม.เองก็ยอมรับภาระขาดทุน ทำให้รถไฟฟ้าสองสายนี้ถูกกว่าบีทีเอส และไม่มีเจ้าของร่วมหลายๆเจ้าเหมือนกับสายสุขุมวิท
สำหรับผมรถไฟฟ้าสองสายนี้ราคาถือว่ากลางๆ ไม่ได้ถูกหรือแพงเกินไป ยิ่งในอนาคตเปิดเส้นทางครบและตั๋วเดือนกลับมา ราคาจะถูกกว่านี้มาก

การที่จะมองว่า ราคารถไฟฟ้าจะถูกหรือแพงเกินไปนั้น ต้องมองความเป็นจริงว่าในการสร้างรถไฟฟ้านั้น มีค่าใช้จ่ายสูง และส่วนใหญ่ ไม่ใช่ของที่กำหนดราคาตามค่าครองชีพตามแต่ละถิ่นที่ได้ เหมือนหมู เห็ด เป็ด ไก่ สบู่ ยาสีสัน ยาสระผม ฯลฯ
เพราะที่แน่ๆคือ มูลค่าในการติดตั้งอาณัติสัญญาณ ระบบควบคุมบริหารจัดการต่างๆ และขบวนรถ เป็นราคาสากล ตามแต่รุ่นและประสิทธิภาพ
เช่น บริษัท ก. ขายรถไฟฟ้ารุ่น1234 ที่ราคา 5678
ไม่ว่าประเทศไหนมาซื้อรถไฟฟ้ารุ่น1234 ก็ต้องจ่ายราคา 5678 เท่ากัน ไม่สามารถอ้างว่าประเทศฉันจนกว่า ฉันขอซื้อถูกๆหน่อยแล้วกัน
ดังนั้น รถไฟฟ้าจึงมีต้นทุนที่ไม่ได้แปรผันตามค่าครองชีพอยู่มาก
และในกรุงเทพนั้น ต้องลงทุนสร้างรถไฟฟ้ารางหนักแทบทุกเส้นทาง ทำให้มูลค่าการก่อสร้างสูง
ในเมืองหลวงของอาเซียนนอกจากไทยก็มีแค่สิงคโปร์ ที่สร้างรถไฟฟ้ารางหนักเป็นหลัก ที่อื่นทั้งกัวลาลัมเปอร์ จากาต้า มะนิลา ฮานอย ก็สร้างรถไฟฟ้ารางเบาเป็นหลัก หรือผสมกันครึ่งต่อครึ่ง
และแนวโน้มในอานาคต ราคารถไฟฟ้าโดยเฉลี่ยต่อระยะทางก็จะถูกลง เมื่อมีการสร้างครบเส้นทางหลัก
และก็จะมีโปรโมชั่นที่หลากหลายมาดึงดูดผู้ใช้บริการ รวมถึงทางคมนาคมเอง ก็ต้องออกกฎหมายควบคุมและถัวเฉลี่ยราคา เมื่อโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพหลัก 10 เส้นครบสมบูรณ์แล้ว เท่ากับว่า ยิ่งเร่งสร้าง แนวโฯ้มที่ราคารถไฟฟ้าโดยเฉลี่ยก็จะถูกลง
ครั้นจะให้ประชาชนถูกอกถูกใจด้วยการเข้าไปอุ้มราคารถไฟฟ้า ก็คงต้องถามว่า มีรัฐบาลประเทศกำลังพัฒนาประเทศไหนที่มีขนาดเศรฐกิจและงบฯพอกับไทย แล้วอุดหนุนราคารถไฟฟ้าบ้าง คำตอบก็คือไม่มี บางประเทศ เช่น มาเลเซีย ราคาถูกกว่าเราได้เพราะ รถไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นรถไฟฟ้ารางเบา ซึ่งต้นทุนการก่อสร้างถูกกว่ามาก มีรถไฟฟ้ารางหนักอยู่สายนึง ราคาก็พอๆกับบ้านเรา หรือบางสายเช่น แอร์พอร์ตลิ้งค์ ราคาปาเข้าไป 4-5 ร้อย แพงกว่าขบวนด่วนของบ้านเราอีก ในขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำคนมาเลเซียอยู่ประมาณ 240-280 บาทเท่านั้น

ในประเด็นต่อมา ว่าทำไมต้อก่อสร้างหลายเส้นทางพร้อมกัน
ความจริงแล้วตามแผน รถไฟฟ้าหลายๆสายควรสร้างและเสร็จไปแล้วด้วยซ้ำ การมาเร่งทำในตอนนี้ถือว่าช้า
และในตอนนี้ ไทยอยู่ในสภาวะที่การคลังมั่นคง สามารถหาแหล่งเงินในประเทศได้มากมายมหาศาล รวมถึงมีเอกชนหลายๆเจ้า สนใจที่จะร่วมลงทุนระบบรางกับรฟม. ถ้าไม่สร้างตอนนี้แล้วเราจะไปสร้างตอนไหน

รวมถึงความหนาแน่นของเมือง การท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น การเติบโตของภาคอสังหาฯ และปัจจัยสนับสนุนอีกมากมาย เช่น การเติบโตของธุรกิจไมซ์ ที่จากการสำรวจพบว่า นักธุรกิจจากทั่วโลก อยากกลับมาที่ไทยเป็นอันดับ 1 ของโลก
ถ้าเราไม่รีบสร้างตอนนี้ สิ่งที่เราเสียไปคงมากมายกว่ารถติด

ดังนั้น จึงอยากให้ใจเย็นๆครับ  ถือว่าเห็นแก่ชาติบ้านเมือง ผมเองก็ไม่มีคำพูดที่ดีกว่านี้มาเป็นเหตุผล
แต่ทนก็คือต้องทนครับ ทนเพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า
คุณอาจไม่ได้ใช้รถไฟฟ้า แต่ยังมีผู้คนอีกมากรอใช้ ทั้งประชาชนคนทั่วไป พนักงานห้างร้านต่างๆ นักเรียนนักศึกษา นักลงทุนนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว
ความอดทนต่อความลำบากที่คุณได้รับ อย่างน้อยก็จะเป็นที่ระลึกว่า คุณเป็นหนึ่งในคนที่ยอมลำบาก เพื่อให้คนอื่นๆสบายและเพื่ออนาคตที่ดีกว่า
ความคิดเห็นที่ 35
ไม่ทำก็ด่า พอทำก็ด่า
ความคิดเห็นที่ 22
ราคาขนาดนี้ คนยังขี่หัวแทบจะก่ายกันขึ้นไปบนรถไฟฟ้าแล้ว พอราคาถูกกว่านี้คนก็อัดไปบนรถไฟฟ้ามากขึ้น ต่อคิวกันยาวขึ้น จากที่เคยต่อแถวแป้บเดียว ขึ้นรถไฟฟ้าได้เลย กลายเป็นต้องรอ 7 - 8 ขบวนถึงได้ขึ้น

พอรถไฟฟ้าไม่ด่วน เพราะต้องต่อแถวยาวๆ คนกลุ่มนั้นก็จะออกรถมาขับอยู่ดี

ลองคิดตามนะ ดังนั้นรถไฟฟ้าแพงหรือไม่แพงไม่ใช่ประเด็นเท่าไหร่

ประเด็นคือมีคนยอมจ่ายเพราะมันด่วนกว่าขับรถนั่นแหละ

ส่วนใหญ่คนที่ออกมาบ่นแบบนี้ร้อยละ 90 คือคนขับรถครับ ไม่ใช่คนขึ้นรถไฟฟ้าหรอก คนที่ใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางเป็นหลักเขารอรถไฟฟ้ากันอยู่แล้วครับ เพราะมันสบายและทำเวลาได้ดีกว่าขับรถในช่วงเวลาเร่งด่วนแน่ๆ

ปล.รถไฟฟ้า BTS ราคาหน้าตู้ 59 บาท แต่มีตั๋วเที่ยว เราสามารถลดราคาได้จนเหลือ 41 บาท
ส่วน MRT ราคาก็พอๆกัน แต่ต่อสายสีม่วงราคา Max ที่ 70 บาท แต่ตอนนี้ช่วงเร่งด่วนคนแน่นเลยครับ เบียดพอๆกับสายสีน้ำเงิน สายสีเขียวเลย
ความคิดเห็นที่ 12
ข้อแรก ถนนไม่ใช่ของคุณ รัฐฯ จะทำอะไรก็ได้
ข้อสอง รัฐ ฯ ไม่ได้บังคับให้คุณทน
ข้อสาม ค่าโดยสาร เก็บในระดับที่คนมีปัญญาขึ้น ตัดสินใจใช้บริการ ไม่มีปัญญาไม่ต้องใช้
ข้อสี่ สร้างทำไม สร้างเพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทาง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่