รีวิวเตรียมสอบ IELTS (2018) ฉบับคนมีเวลาเตรียมตัวสอบหนึ่งอาทิตย์

เนื่องจากว่าเราแอบบนไว้กับตัวเองว่าถ้าคะแนนออกมาได้อย่างที่หวังไว้จะมาเขียนรีวิวเตรียมสอบลงพันทิป แล้วพอผลสอบออกมา (ออกมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ 1มิถุนายนที่ผ่านมาแล้วค่ะ แต่เราเพิ่งจะมีเวลามานั่งเขียน) ก็ได้คะแนนตามที่อยากได้ค่ะ ฮู่เร่!! เราก็เลยจะขอยืมพื้นที่ในนี้มาบอกเทคนิคในการทำข้อสอบ ในกรณีทีใครมีเวลาเตรียมตัวค่อนข้างน้อย ซึ่งค่อนข้างน้อยในความหมายของเราก็คือ ตามหัวกระทู้เลยค่ะ หนึ่งอาทิตย์!


               จริงๆเราก็ตั้งใจจะสมัครสอบนานแล้วค่ะ แต่ก็มัวแต่ผัดวันประกันพรุ่ง จนพอมันใกล้ๆจะถึงเดทไลน์ที่เราต้องส่งคะแนนแล้วนั่นแหละค่ะ เราถึงเพิ่งจะกดเข้าเว็บไซต์ไปสมัครสอบ ตรงนี้ไม่แนะนำให้ทำตามนะคะ เพราะว่ายังไงถ้าเรามีเวลาเตรียมตัวเยอะๆมันก็ย่อมดีกว่าการที่เรามาเร่งบูทเครื่องตอนใกล้ๆสอบอยู่แล้ว เราเองตอนนี้ก็ยังเสียดายค่ะ คือค่าสอบมันก็หลายพัน และถึงเราจะโอเคกับคะแนนที่ได้  (เราได้ overall band 7 ค่ะ ส่วนทางมหาวิทยาลัยต้องการที่ 6.5 และทุกพาร์ทไม่ต่ำกว่า 6) แต่เราก็คิดว่าถ้าเราจริงจังมากกว่านี้นิดนึง ตั้งใจมากกว่านี้นิดนึง หรือมีเวลาเตรียมตัวเยอะกว่านี้อีกนิดนึงก็อาจจะได้เพิ่มสัก 0.5-1 แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ มันผ่านมาแล้ว55555555555555555


               เราเองสมัครสอบกับทาง IDP แต่ว่ารายละเอียดเรื่องการสมัครสอบ ค่าใช้จ่าย สถานที่สอบ และอื่นๆตรงนี้เราขออนุญาตข้ามนะคะ เพราะว่าตั้งใจจะมารีวิวแค่ในส่วนของการเตรียมตัวทำข้อสอบแล้วก็สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำระหว่างเข้าสอบค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกว่าเราเป็นคนชอบภาษาอังกฤษเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คือชอบฟังเพลงสากล ชอบดูหนังดูซีรี่ส์ฝรั่ง  ดังนั้นตรงนี้มันก็อาจจะเป็นส่วนที่ช่วยให้เราคุ้นเคยในเรื่องของการฟังและการพูดได้พอสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่เราคิดว่ามันสำคัญที่สุดในการทำข้อสอบทุกๆพาร์ทของ IELTS ก็คือสติค่ะ คือต่อให้เราจะฟังเก่ง อ่านเก่ง เขียนเก่ง พูดเก่งในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าเกิดวันจริงเราดันตื่นเต้น สมาธิหลุด สติหายขึ้นมานี่ ตายแน่ๆค่ะ ตายแบบตายยยยยย และอะไรที่ไม่น่าพลาดเราก็จะพลาด แล้วมันก็จะน่าเสียดายมาก! ดังนั้นอย่างแรกที่แนะนำให้ทุกคนมีตลอดการทำข้อสอบก็คือ สติกับสมาธิค่ะ สองอย่างนี้สำคัญมากจริงๆ


               โอเค งั้นเดี๋ยวเราขอเริ่มแนะนำไปทีละพาร์ทเลยเนาะ เริ่มตั้งแต่พาร์ทแรก


*เดี๋ยวเราจะแปะลิ้งเว็บไซต์ที่มีประโยชน์รวมไว้ให้ตอนท้ายนะคะ*
(ส่วนตัวเราไม่ได้อ่านหนังสือสำหรับคนเตรียมสอบIELTS ที่เค้าแนะนำกันมา แล้วก็ไม่ได้ไปติวกับสถาบันไหนเป็นพิเศษ อาศัยแค่อ่านกับลองทำข้อสอบออนไลน์อย่างเดียวเลยค่ะ)


               1. Listening

                อย่างที่รู้ๆกันว่า IELTS มีทั้งหมดสี่พาร์ท (ฟัง-อ่าน-เขียน-พูด) เราว่าพาร์ทที่เก็บคะแนนง่ายที่สุดสำหรับเราก็คือ พาร์ทฟัง หรือ Listening นี่แหละค่ะ แอบคิดว่าหลายๆคนที่เคยสอบก็น่าจะเห็นด้วยกับเรา แต่อีกทีนึงมันก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของแต่ละคนด้วย เพราะอย่างที่บอกว่าเราฟังเพลง ดูหนัง ดูซีรี่ส์บ่อย ตรงนี้ก็เลยจะไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ แอบสารภาพว่าเราหวังกับพาร์ทนี้ไว้มากค่ะ คือกะเอาไว้ว่าพาร์ทนี้จะต้องดีที่สุดในสี่พาร์ท แต่ผลออกมาก็คือพาร์ทนี้ได้มา 7.5 ซึ่งเรารู้เลยว่าพาร์ทที่น่าจะผิดเยอะที่สุดคือพาร์ทสุดท้าย เพราะว่ามัวแต่โฟกัสกับคำถามแต่ละข้อมากเกินไป และตรงนี้ค่อนข้างจะอันตรายค่ะ เพราะถ้าเกิดว่าเราพลาดไปข้อนึงแล้วเรามัวแต่จดจ่ออยู่กับข้อนั้นหรือเราไม่ได้อ่านคำถามข้อต่อไป ทุกอย่างมันจะรวนนนนนน และเราจะมีโอกาสเสียคะแนนได้ง่ายมาก และข้างล่างนี้ก็จะเป็นทริคเล็กๆน้อยที่เราลิสต์ไว้ให้ค่ะ


               สิ่งที่ควรทำระหว่างเตรียมทำข้อสอบพาร์ทฟังก่อนจะไปสอบจริง


               - แนะนำให้ฟังเพลง ฟังพอดแคสท์ ดูหนัง ดูซีรี่ส์ ดูอะไรก็ได้ที่เป็นภาษาอังกฤษที่ตัวเองชอบ หรือถ้าไม่ชอบอะไรเป็นพิเศษเลยก็เลือกเอาอันที่ตัวเองเกลียดน้อยที่สุดอ่ะค่ะ เลือกมาสักอย่างนึง ฟังหรือดูก่อนนอน หรือตอนที่มีเวลาว่าง สักวันละชั่วโมงหรือสองชั่วโมงก็ได้ค่ะ ให้หูเรามันชินกับภาษาให้มากเข้าไว้ จะสำเนียงอเมริกัน สำเนียงบริทิช สำเนียงอะไรก็แล้วแต่ ได้หมด เอาให้มันคุ้นเคย อย่างน้อยๆฟังติดกันเจ็ดวันก่อนสอบมันก็ต้องได้อะไรเข้าหัว เข้าหูบ้างแหละนะ55555555555555

               - ลองทำข้อสอบ mock test ในเว็บไซต์ดูก่อน (อันนี้เราแนะนำมากๆค่ะ เพราะว่าตัวข้อสอบจริงก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับในเว็บไซต์ที่เราลองไปทำมาเลย หัวข้อทอปิคต่างๆมันก็จะวนๆอยู่ไม่กี่แบบ ถ้ามีเวลาก็อยากให้ลองไปซ้อมๆดูค่ะ มันช่วยจริงๆ)

               - ถ้าเกิดว่าบังเอิญไปได้ยินคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ตัวเองไม่คุ้นหรือไม่แน่ใจความหมายมาสักคำ ไม่ว่าจะไปได้ยินมาจากที่ไหน เราอยากให้ทุกคนลองเดาดูว่ามันน่าจะเขียนแบบไหน แล้วลองมาเทียบกับใน dictionary ดูค่ะ เพราะถึงที่เราพิมพ์ไปมันไม่ถูกเว็บ dictionary มันก็จะค้นหาคำที่ใกล้เคียงมาให้เราเลือกดูอยู่แล้วอ่ะค่ะ (ส่วนตัวเราใช้เว็บเคมบริดจ์ แต่คิดว่าเว็บอื่นๆก็น่าจะมีคำศัพท์ที่ใกล้เคียงมาให้เลือกเหมือนกัน) และอย่างน้อยๆเลยวันนั้นเราก็จะได้รู้คำศัพท์ใหม่ๆอย่างน้อยหนึ่งคำหรือไม่ก็สองคำแหละ ใครจะไปรู้เผลอๆเราอาจจะไปได้ยินตอนทำข้อสอบจริงก็ได้ และเราว่ามันช่วยได้ทุกพาร์ทเลยนะคะ ไม่ใช่แค่พาร์ทฟังอย่างเดียว พาร์ทเขียนพาร์ทอ่านพูดก็ช่วยได้หมด!


                สิ่งที่ควรทำระหว่างทำข้อสอบพาร์ทฟังในวันจริง


                - ถ้าใครเคยสอบมาก่อน หรือว่าเคยทำ mock test มาก่อนก็จะทราบว่า ก่อนที่เค้าจะเริ่มเปิดเทปในแต่ละพาร์ท เค้าจะมีเวลาให้เราดูประโยคดูบทสนทนา ดูรายละเอียดคร่าวๆ ประมาณ 10-15 วินาที ใช่มั้ยคะ ดังนั้นเราก็ใช้โอกาสตอนนี้แหละค่ะ กวาดสายตาดู context ที่เค้าให้มา ดูว่าเค้าต้องการคำตอบเป็นอะไร เป็น คำนาม คำกริยา หรือเป็นชื่อสถานที่ หรือ เบอร์โทร เพราะถ้าเราเดาได้ก่อน เวลาที่เค้าพูดขึ้นมาปุ๊บเราจะได้เตืมคำตอบได้เลย ตรงนี้แนะนำให้เขียนชุ่ยๆลงชุดกระดาษคำถามไปก่อน เอาแค่ให้เราอ่านออกพอ เวลามีค่า เดี๋ยวค่อยมาปรับเปลี่ยนเรียบเรียงตอนสิบนาทีสุดท้ายก็ได้

                - เช็คดูตัวสะกดดีๆ ผิดตัวนึงก็คือผิดนะคะ และการเขียนเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีมากค่ะ เพราะเราจะไม่ต้องมากังวลเลยว่าเฮ้ยมันเป็นชื่อเฉพาะหรือเปล่า มันต้องเริ่มด้วยตัวพิมพ์ใหญ่หรือเปล่า ชื่อเดือน ชื่อสถานที่ ชื่อคน หรืออะไรก็ตาม ตัดปัญหาตรงนี้ด้วยการเขียนตัวพิมพ์ใหญ่ไปให้หมดเลยค่ะ!

                - ตั้งใจฟังดีๆว่าที่เค้าพูดมันเป็นคำนามเอกพจน์หรือพหูพจน์ ต้องเติม s,es ในคำกริยาด้วยมั้ย แต่ถ้าสมมติว่าฟังไม่ทันหรือไม่แน่ใจว่าที่ได้ยินมามันใช่มั้ยก็แนะนำให้ดูคำรอบข้างค่ะ อย่างถ้าสมมติว่าเค้าเติมคำนามมาให้เราแล้วสามคำเป็นคำนามที่เติม s หมดเลย อันนี้เราก็พอจะเดาได้แล้วว่าที่เราต้องใส่ลงไปมันก็น่าจะต้องเติม s เหมือนกัน อีกอย่างคือเช็คคำสั่งด้วยว่าเค้าให้เติมแค่ไม่เกินกี่คำ ถ้าเติมเกินก็ถือว่าผิดนะคะ ฟังดีๆนะ

                - อย่าด่วนสรุปใส่คำตอบเลยทันที ฟังดีๆก่อนว่าเอ๊ะ คนพูดมีเปลี่ยนใจตอนท้ายหรือเปล่า มีแก้ไขอะไรหรือเปล่า เพราะบางทีคำตอบที่เราได้มาตอนแรกมันอาจจะยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกค่ะ ต้องฟังเค้าพูดให้จบประโยค จบประเด็น ป้องกันข้อสอบหลอกเรา55555555555555

                - ถ้าเกิดว่าตัวคนสอบไม่มีปัญหากับการฟังไปจดไป ก็แอบโน้ตข้อมูลคร่าวๆที่ได้ยินไว้ก่อนก็ได้นะคะในระหว่างที่ฟัง (แต่ถ้าความจำดีอยู่แล้ว ก็ไม่เป็นไรค่ะ เขียนแต่คำตอบที่ชัวร์ไปเลยก็ได้) เพราะอย่างในพาร์ทฟังที่เราได้ทำมันจะมีให้จับคู่สถานที่กับทัวร์อาหารอ่ะค่ะ ว่าที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวมาทำอะไร มีอาหารแบบไหนให้ชิมบ้าง มีไฮท์ไลท์เป็นอะไรบ้าง คร่าวๆประมาณนี้ เราก็จดชุ่ยๆไว้ก่อนแล้วถึงค่อยย้อนมาเติมคำตอบตอนสิบนาทีสุดท้าย มันก็ช่วยเราในเรื่องของดีเทลในแต่ละข้อว่าเออมันตรงกับช้อยส์นี้หรือเปล่า และข้อดีอีกอย่างของ IELTS ก็คือลำดับคำถามในข้อสอบมันจะเรียงไปตามเวลาคนพูดอ่ะค่ะ คือเราก็จะไม่ต้องมานั่งกังวลว่าเฮ้ยคำตอบมันจะกระโดดไปกระโดดมา มันจะข้ามมาข้างบนแล้วไปเจออีกทีข้างล่างมั้ยอะไรแบบนี้

                - ข้อสุดท้ายที่อยากจะแนะนำให้มีไว้เป็นพิเศษสำหรับพาร์ทนี้ก็คือ สมาธิค่ะ คือมันสำคัญมากจริงๆนะคะ อย่างเราตอนช่วงต้นๆของพาร์ทฟังเราคิดว่ามันง่ายสุดแล้ว แค่เติมคำจากที่เค้าคุยโทรศัพท์กัน แต่คือไปทำอีท่าไหนไม่รู้ หลุดไปแป๊บนึง ไม่ได้สนใจว่าเขาพูดถึงอะไรกันอยู่ พอสติกลับมาอีกทีนึงก็เฮ้ยตะกี๊เค้าพูดว่าไรวะ (ของเราได้เป็นเคสลูกค้ากับบริษัทรับส่งของของเอกชน) แล้วก็พลาดไปแบบน่าเสียดายเลยข้อนึงค่ะ TT แต่ถึงจะไม่รู้คำตอบยังไงก็อยากให้เติมลงไปทุกข้อนะคะ ยังไงมันก็ต้องมีโอกาสที่จะถูกมากกว่าการที่เราปล่อยไว้ว่างๆอยู่แล้ว


                2. Reading

                สำหรับพาร์ทอ่านเราได้มาแค่ 6.5 ค่ะ ก็ถือว่าโอเค แต่ถ้าให้บอกตามตรงก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ค่ะ อยากจะได้สัก 7 แต่เราคิดว่าเราก็ทำเวลาตอนอ่านได้ไม่ค่อยดีด้วย ก็เลยไม่มีอะไรให้โทษนอกจากตัวเองค่ะ แต่เราก็พอจะมีเทคนิคเล็กๆน้อยๆมาบอกในพาร์ทนี้อยู่น้า


                 สิ่งที่ควรทำระหว่างเตรียมทำข้อสอบพาร์ทอ่านก่อนจะไปสอบจริง


                 - อยากให้ลองอ่านบทความภาษาอังกฤษเล็กๆน้อยจากในเว็บไซต์ จากหนังสือพิมพ์วันละ 2-3 บทความค่ะ และถ้าเจอคำศัพท์ไหนไม่คุ้นก็จัดการจดหรือไฮไลท์คำนั้นๆเอาไว้เลย อาจจะลองเดาดูจากบริบท จากคำศัพท์รอบๆดูก่อนว่าเออมันน่าจะแปลว่าอะไร มันน่าจะทำหน้าที่เป็นอะไรในประโยค เสร็จแล้วค่อยมาเช็คความหมายจริงๆทีหลัง ซึ่งตรงนี้จะช่วยให้เรารู้จักคำศัพท์รู้จักรูปประโยคใหม่ๆเอาไว้เขียนในพาร์ทเขียนได้ด้วยเหมือนกันนะคะ

                 - ลองใช้วิธีอ่านคร่าวๆ (skimming) ก่อนรอบแรก แล้วรอบสองค่อยอ่านเพื่อหาคำตอบ (scanning) เราว่าการอ่านสองรอบมันช่วยให้สมองเรารับข้อมูลเข้าไปง่ายขึ้นค่ะ เหมือนกับว่ามันผ่านตาเรามารอบนึงแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าวิธีนี้จะเวิร์คกับทุกคนมั้ย บางคนก็อาจจะสะดวกคนละวิธี ก็ต้องทดลองอ่านแล้วดูว่าเราถนัดแบบไหน เพราะในเวลาทำข้อสอบจริงมันก็มีโอกาสที่เราจะอ่านไม่ทัน ตอบคำถามไม่ทันอยู่แล้ว แต่ถ้าเราวิธีรู้เทคนิคการอ่านที่เราถนัด อันนี้ก็จะช่วยได้เยอะมากๆ

                 - จับเวลาการอ่านตัวเองค่ะ เพราะว่าวันสอบจริงเราจะมีเวลาอ่านประมาณบทความละ 20 นาที (ข้อสอบมีทั้งหมด 3 บทความ เวลาทำข้อสอบ 1 ชั่วโมง และไม่มีเวลาให้มานั่งเขียนคำตอบเพิ่มเหมือนพาร์ทฟังนะคะ) ลองดูว่าบทความแนวไหนที่เราไม่ถนัด หรือว่าใช้เวลามากอ่านมากที่สุด แล้วก็พยายามหาบทความแนวๆนั้นอ่านให้มากเป็นพิเศษกว่าอันที่เราอ่านแล้วเออ อันนี้ง่าย อันนี้เข้าใจ เนื่องจากว่าวันสอบจริงเราก็ไม่มีสิทธิ์เลือกว่าเราจะเอาแบบนั้นแบบนี้ ดังนั้นการเตรียมอ่านหัวข้อยากๆเอาไว้บ้างก็ช่วยให้เราคุ้นเคยกับคำศัพท์ในหมวดที่เราไม่ถนัดได้เยอะเลยค่ะ


          (มีต่อความเห็นข้างล่างนะคะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่