รีวิวการสอบ Ielts พร้อมวิธีเตรียมตัวของเราใน 15 วันก่อนสอบ
ตั้งใจไว้ว่า ถ้าคะแนน Ielts ถึงตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด จะมารีวิวการสอบ และวิธีที่ จขกท.ใช้เตรียมตัวค่ะ เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังหาข้อมูลนะคะ (แก้บนนั่นเอง)
จขกท. จำเป็นต้องสอบ Ielts ให้ได้ Overall 6 หรือ CU-TEP ให้ได้80 เพื่อให้ได้ตามเกณฑ์มหาวิทยาลัยนึงค่ะ ก่อนหน้าที่จะมาสอบ Ielts เรามุ่งมั่นสอบแต่ CU-TEP ค่ะเพราะว่าราคาถูกกว่า แต่พอสอบไปสอบมา คะแนนมันก็ไม่ถึง 80 ซักที สอบไปทั้งหมด 10 ครั้ง ราคาก็ไม่ถูกละเนอะ5555 ครั้งแรกได้ 49 และ3-4ครั้งสุดท้าย ได้คะแนนอยู่ที่ 70 กว่าๆ ก็เลยคิดว่าพอเถอะ เราคงไม่ถูกชะตากับ CU-TEP จริงๆ
เราเป็นคนที่พื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่ที่กลางๆค่ะ พูดไม่ค่อยได้ อ่านออก แต่แปลได้บ้างไม่ได้บ้าง ฟังก็ออกบ้างไม่ออกบ้าง ประมาณ 2 ปีที่แล้วนี้เคยสอบ Toeic ไปสองรอบได้คะแนน 500 กว่าๆทั้งสองรอบเลยค่ะ
พอรู้ว่าต้องสอบ Ielts ก็เลยต้องพยายามมากๆค่ะเพราะค่าสอบครั้งนึงแพงมาก และเนื่องจากว่าเรียนหนักทำให้ไม่มีเวลาอ่านหนังสือเท่าไหร่ มาว่างเอาตรง 15 วันก่อนสอบค่ะ เราเตรียมตัวอ่านหนังสือเองค่ะ Ielts จะ แบ่งเป็น 4 พาร์ท คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน ค่าสอบ 6900 บาท จะต่างกับ CU-TEP ตรงที่ CU-TEP ที่มี 3 พาร์ทคือ ฟัง อ่าน และError ซึ่งมีค่าสอบอยู่ที่ 900 บาท
วิธีสมัคร
อย่างที่เรารู้กันก็ ศูนย์สอบที่กรุงเทพมี 2 ที่คือ IDP กับ British council เราเลือกสอบกับ British council ค่ะ
ตอนสมัครก็จะให้เรากรอกหลักฐานยืนยันตัวเองว่าจะใช้หนังสือเดินทางหรือบัตรประชาชนก็ได้ค่ะ อันนี้จะมีผลตอนวันสอบคือเราต้องเตรียมหลักฐานชิ้นที่เราใช้สมัครไปด้วยพร้อมกับสำเนาค่ะ
รีวิววิธีเตรียมตัว
ก่อนที่จะเริ่มเตรียมตัว เราเอากระดาษมาตีเป็นตารางปฏิทินแต่ละวันเลยค่ะ เขียนว่าอีกกี่วันจะถึงวันสอบ ตีเป็นช่อง แล้วก็เขียนแต่ละช่องว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง พอหมดวันก็กากบาทช่องนั้นทิ้งค่ะ แล้วแปะไว้ที่ผนังที่เราจะเห็นได้ง่ายๆเลยค่ะ เพื่อที่จะเอามันเป็นแรงกระตุ้นให้เราทำตามเป้า เพราะเราเป็นคนไม่ค่อยมีวินัยค่ะ เลยต้องทำวิธีนี้
เราแบ่งเป็นวันค่ะ วันคู่ทำพาร์ทฟัง 1 ชุด พาร์ทอ่าน 1 ชุด วันคี่ทำพาร์ทเขียน 1 ชุด พาร์ทพูด 1 ชุด
หนังสือที่เราใช้ก็ หนังสือ The Official Cambridge Guide to IELTS เล่มขาวราคา 500กว่าๆค่ะ กับ Cambridge เล่มสีดำเล่ม 8,11,12
Listening part
เรารู้ตัวว่าเราเป็นคนที่ไม่มีสมาธิ เป็นคนหลุดง่ายมากค่ะ เราเลยใช้วิธีอ่านโจทย์คร่าวๆก่อน ขีดเส้นใต้คำที่ใกล้ๆกับคำตอบค่ะ และเราก็จะเขียนหน้าที่ของคำลงไปในข้อสอบว่าคำตอบข้อนี้เป็น Noun, Verb, Adj หรือ Adv เพื่อที่เราจะได้มีจุดโฟกัสตอนฟังว่ามันใกล้ถึงคำตอบเราหรือยัง พอเสียงเริ่มพูดเราพยายามพูดตามค่ะ พูดตามทุกคำแล้วมันจะทำให้เราไม่หลุดโฟกัสค่ะ ถ้าอันไหนออกเสียงไม่ได้หรือไม่รู้ว่าพูดอะไรให้เปิด เทปสคริป แล้วพูดตามอีก1-2รอบ เพื่อนๆต้องลองหาวิธีที่ใช่สำหรับตัวเองดูนะคะ ส่วนเราใช้วิธีนี้แล้วเราไม่หลุดค่ะ
เพิ่มเติม อันนี้เราทำได้ประมาณ 5-6 เดือนก่อนที่จะไปสอบ Ielts ค่ะ คือก่อนนอนเราจะเปิด BBC หรือ รายการอะไรก็ได้ที่เราชอบที่เป็นภาษาอังกฤษฟังค่ะ เราก็ฟังจนหลับไปเลย มันจะมี applicationนึงของ Iphone ที่ชื่อว่า Podcasts มันตั้งเวลาให้ดับได้ค่ะ เราก็จะตั้ง 30 นาทีให้มันเล่นละก็จะดับพอดีกับเราหลับค่ะ แอพนี้เราสามารถไป subscribe ช่องพวก BBC หรือ ช่องอื่นๆที่เป็นภาษาอังกฤษได้เอาไว้ฟังเพลินๆค่ะ แรกๆเราก็ฟังไม่รู้เรื่องค่ะพอผ่านไปซัก 2-3เดือนเริ่มดีขึ้น พยายามฟังให้ได้ทุกวันนะคะ ส่วนจขกท ก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้างค่ะ แต่พอนึกได้ก็จะพยายามฟัง
ตอนสอบ เราก็ทำตามที่เราฝึกไปค่ะ รู้สึกว่าฟังได้ 80% แต่เรามาพลาดตรงสะกดค่ะ เราสะกดผิดไปหลายคำเพราะเราไม่มีเวลาทวนตอนเขียนค่ะแล้วเราก็ไม่แม่นศัพท์ด้วยอันนี้ต้องระวังนะคะ เช่น Marketing เราก็ไปเขียนเป็น Marketting มี T เกินมาตัวนึงคือคะแนนหายไปเลยข้อนั้น
Reading part
ข้อสอบ Ielts จะมี 3 บทความ ให้เวลา 1 ชั่วโมง ปกติแล้วเราเป็นคนที่ไม่สามารถอ่าน 1 ชั่วโมงรวด 3 บทความได้ ตอนเริ่มซ้อมทำข้อสอบแรกๆ เราทำโดยจับเวลา 20 นาที 1บทความ ทำเสร็จ ก็ลุกไปทำอย่างอื่น พอมีสมาธิใหม่ก็ทำบทความที่ 2 จับเวลาอีก 20 นาที เสร็จก็ลุกไปนู่นนี่ พอมีสมาธิใหม่ก็มาทำบทความที่ 3 อีก 20นาทีค่ะ เผื่อใครสมาธิสั้นแบบเราก็ลองเอาวิธีเราไปใช้ดูนะคะ คุณต้องพยายามทำทุกบทความให้ทันภายใน 20นาทีให้ได้นะคะ หรือบางกระทู้ที่เคยแนะนำก็มีแนะนำให้ทำบทความที่ 1,2,3 อย่างละ 15,20,25 นาทีตามลำดับ ก็ลองไปปรับใช้ดูนะคะว่าถนัดแบบไหน แล้วพอ2-3วันก่อนสอบ จขกท พึ่งมาหัดทำ 1 ชม. 3 บทความรวดดูค่ะ แล้วก็ค่อยไปสอบ แล้วก็ศัพท์ที่จำเป็นต้องรู้คือ Academic word list ค่ะ สามารถหาจากกูเกิลแล้วเอามาท่องได้ค่ะ
เพิ่มเติม ก่อนหน้าที่จะสอบ 1 เดือน คือติดนิยาย 2 เรื่องค่ะ ชื่อว่า The spook กับ Apollo เลยไปหาเวอร์ชันภาษาอังกฤษมาอ่านค่ะ อ่านแรกๆนี่แปลไม่ค่อยออกเลยค่ะ แต่พอพยายามอ่านไปโดยไม่เปิดดิกจนจบเล่ม ทำให้เรามีความสามารถในการเดาศัพท์ ทำให้เรารู้senseของประโยคว่ามันน่าจะแปลแบบนี้ อะไรประมาณนี้ค่ะ มันจะทำให้เราไม่ตกใจเวลาเจอศัพท์ที่ไม่รู้ตอนสอบค่ะ
Writing part
พาร์ทนี้เป็นพาร์ทที่เราไม่อยากทำที่สุดแล้วค่ะ เรารู้สึกว่ามันยากมาก ตอนฝึกครั้งแรกคือเราเขียนไม่ออกเลย
พาร์ทเขียนจะแบ่งย่อยๆเป็น 2 task
Task 1 จะเป็นพวกกราฟ แผนที่ แผนภูมิแท่ง แผนภูมิวงกลม แล้วแต่ดวงเราเลยค่ะว่าจะเจอแบบไหน จขกท ฝึกโดยลอกเฉลยไปเลยค่ะ เพราะเขียนไม่ออก หาหนังสือที่มีข้อสอบทุกแบบ แล้วจขกท ก็เขียนตามไปอันละแบบเลยค่ะเพื่อที่จะจำPattern คร่าวๆได้ แล้วพอมา3-4วันสุดท้ายก็เขียนกราฟแต่ละแบบเอง มีเวลาเตรียมพาร์ทนี้น้อยมากค่ะ และเราก็เตรียมตัวจากกระทู้นี้ค่ะ
https://pantip.com/topic/32492363
Task 2
ก็ทำคล้ายๆ Task 1 ค่ะ เราจะรีวิวคร่าวๆก่อนว่าคำถามที่เราจะเจอตอนสอบมีทั้งหมดกี่แบบตามกระทู้นี้เลยค่ะ แล้วก็ลอกเฉลยในหนังสือ พอ 3-4วันสุดท้ายก่อนสอบก็ฝึกเขียนค่ะ task นี้เราฝึกเขียนไป 3 essay ค่ะ เตรียมตัวจากกระทู้นี้ค่ะ
https://pantip.com/topic/32574430
พาร์ทเขียนถ้ามีคนช่วยตรวจให้ก็จะดีนะคะ ส่วนเรามีเพื่อนที่ช่วยตรวจพวกแกรมม่าให้ค่ะ
ตอนสอบเราก็ทำตามที่กระทู้ที่ให้ไว้ข้างบนค่ะ ก็แบ่งเวลาเป็น 5 นาทีวางแผน แล้วก็ค่อยมาเขียน เราเขียนคำครบตามที่เค้ากำหนดค่ะ แต่ไม่มีเวลาเหลือไปเชคแกรมม่า
Speaking part
อันนี้ก็หินสำหรับเรามากค่ะ คือเราไม่ค่อยได้พูดภาษาอังกฤษเท่าไหร่ ส่งผลให้เราพูดง่อยมากค่ะ เราเริ่มจากเปิดหนังสือที่ให้ไว้ข้างบน ดู Topic ในข้อสอบแล้วซ้อมพูดค่ะ คือพูดไปทุก topic ที่มีในหนังสือเลยค่ะ พูดมั่วๆ ก็พยายามพูดๆๆ แล้วก็อัดเทปไว้ฟังเสียงตัวเองจะได้รู้ว่าเราติดตรงไหน อะไรที่จำไปว่าจะพูดเช่น In my opinion หรือ My point of view ตอนสอบจริงตื่นเต้นค่ะ ไม่ได้ใช้เลยที่เตรียมไป พูดแต่ I think….. และก็ I think คะแนนออกมาเลยไม่สวยเท่าไหร่ค่ะ
สุดท้ายเฉลี่ยได้ 6 พอดีเป๊ะ ดีใจมากค่ะที่ไม่ต้องสอบใหม่
British council สอบที่โรงแรมแลนด์มาร์ก ตอนเราสมัครสอบ เราเลือกเป็นแบบสอบสองวันค่ะ speaking วันนึง แล้วก็ที่เหลืออีก3พาร์ทสอบวันรุ่งขึ้น บางคนก็เลือกสอบวันเดียวได้นะคะถ้าไม่อยากมา2วัน
ก่อนวันสอบ5วันเค้าจะส่งอีเมลรายละเอียดเวลาสอบ สถานที่ เลขประจำตัวผู้เข้าสอบมาให้ค่ะ
วันแรกที่ไปสอบพูดต้องเตรียม สำเนาบัตรประชาชนพร้อมบัตรประชาชนไปด้วยนะคะ (บางท่านก็เป็นหนังสือเดินทาง ขึ้นอยู่กับว่าเลือกใช้หลักฐานอันไหนตอนสมัครสอบทีแรกค่ะ) ไปถึงโรงแรมก็ลงไปชั้น B ค่ะ หรือถามพนักงานในโรงแรมก็ได้ค่ะ พอลงไปถึงจะเห็นศูนย์ British รออยู่ข้างล่างเลยค่ะเห็นชัดเจน
เราสอบพูดบ่ายโมงครึ่งค่ะ ไปถึงประมาณเกือบๆบ่าย พอไปถึงเค้าจะถามหาสำเนาบัตรประชาชน และก็บัตรเราค่ะ ย้ำนะคะสำเนาต้องชัดนะคะ คือของเราตัวอักษรตรงเลขวันหมดอายุบัตรมันจางไปเค้าให้ไปถ่ายใหม่ ซึ่งต้องขึ้นไปถ่ายที่ชั้น 30 กว่าๆค่ะ(จำชั้นไม่ได้ค่ะ5555)ที่เป็นโซนร้านอาหาร จะมีโต๊ะพนักงานตั้งอยู่หน้าลิฟท์ค่ะ ก็บอกเค้าว่ามาถ่ายเอกสาร ค่าถ่ายแผ่นละ 7 บาทค่ะ
พอถ่ายเอกสารเสร็จก็ลงไปนั่งรอเค้าเรียกฝากกระเป๋า ถ่ายรูปและเข้าห้องสอบค่ะ สอบก็ประมาณ 15 นาทีค่ะ บางคำถามเราพูดสั้นไปเวลาเหลือ กรรมการที่สอบเราเค้าก็จะบอกว่าลองพูดต่อซิ มีอะไรอีกมั้ย อะไรประมาณนี้ค่ะ น่ารักใจดีค่ะ
พอสอบพูดเสร็จ พนักงานที่ฝากกระเป๋าก็จะบอกเราค่ะว่าพรุ่งนี้มา 7.30 นะ ไม่ต้องเอาสำเนาบัตรประชาชนมาแล้ว และให้ไปที่ชั้น 7 ของโรงแรมค่ะ
วันต่อมาก็ไปตามเวลาที่เค้านัดค่ะ ตอนไปถึงให้ไปดูบอร์ดก่อนนะคะว่าชื่อเราต้องไปต่อแถวลงทะเบียนโต๊ะเบอร์ไหน พอใกล้ๆ 8.30 ให้ลงไปเข้าห้องน้ำที่ชั้น3ให้เรียบร้อยนะคะ ชั้น7ไม่มีห้องน้ำค่ะ และถ้าเข้าคิวฝากกระเป๋าแล้วไม่สามารถออกมาเข้าห้องน้ำได้อีกค่ะ ประมาณ 8.30 เค้าจะเรียกให้ไปเข้าแถวฝากกระเป๋า เราสามารถนำขวดน้ำเข้าไปจิบได้นะคะแต่ว่าต้องแกะฉลากออก ให้เห็นเป็นขวดใสๆกับน้ำเท่านั้นค่ะ แล้วเค้าก็จะขอให้เราจำเลขประจำตัวผู้เข้าสอบในอีเมลไปด้วยนะคะ ใครที่สอบพูดวันนี้ก็สามารถเขียนเลขใส่สำเนาบัตรประชาชนได้ค่ะ แต่ถ้าใครสอบพูดไปเมื่อวานต้องจำอย่างเดียวเลยค่ะ พอฝากเสร็จก็เดินไปเข้าแถวตรงตำแหน่งเลขโต๊ะที่เราดูเลขมาจากบอร์ดค่ะ ไปถึงเค้าก็จะถามว่าจำเลขได้มั้ย ให้เราเซ็นชื่อละก็ย้ำเลขกับเราอีกทีค่ะ หลังจากเซ็นชื่อเสร็จก็ไปตรวจร่างกายค่ะว่าเราพกอะไรที่เค้าห้าม ติดตัวเข้าไปไหม ผ่านด่านนี้ไปก็จะเจอกับคนที่จะพาเราไปที่โต๊ะค่ะ เค้าจะถามเลขจากเรา แล้วก็เดินนำเราไปที่โต๊ะค่ะ ไปถึงก็ลองเช็คหูฟังได้ค่ะ แล้วก็ทำสมาธิเตรียมตัวสอบค่ะ
หลังจากสอบเสร็จ 13 วันหลังจากนั้นก็จะประกาศผลออนไลน์และส่งใบคะแนนทางไปรษณีย์ที่เราสมัครไว้ค่ะ หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์ต่อคนที่กำลังหาข้อมูลไม่มากก็น้อยนะคะ
ขอให้ได้คะแนนตามที่ทุกคนหวังไว้ค่ะ
รีวิวการสอบIelts
ตั้งใจไว้ว่า ถ้าคะแนน Ielts ถึงตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด จะมารีวิวการสอบ และวิธีที่ จขกท.ใช้เตรียมตัวค่ะ เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังหาข้อมูลนะคะ (แก้บนนั่นเอง)
จขกท. จำเป็นต้องสอบ Ielts ให้ได้ Overall 6 หรือ CU-TEP ให้ได้80 เพื่อให้ได้ตามเกณฑ์มหาวิทยาลัยนึงค่ะ ก่อนหน้าที่จะมาสอบ Ielts เรามุ่งมั่นสอบแต่ CU-TEP ค่ะเพราะว่าราคาถูกกว่า แต่พอสอบไปสอบมา คะแนนมันก็ไม่ถึง 80 ซักที สอบไปทั้งหมด 10 ครั้ง ราคาก็ไม่ถูกละเนอะ5555 ครั้งแรกได้ 49 และ3-4ครั้งสุดท้าย ได้คะแนนอยู่ที่ 70 กว่าๆ ก็เลยคิดว่าพอเถอะ เราคงไม่ถูกชะตากับ CU-TEP จริงๆ
เราเป็นคนที่พื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่ที่กลางๆค่ะ พูดไม่ค่อยได้ อ่านออก แต่แปลได้บ้างไม่ได้บ้าง ฟังก็ออกบ้างไม่ออกบ้าง ประมาณ 2 ปีที่แล้วนี้เคยสอบ Toeic ไปสองรอบได้คะแนน 500 กว่าๆทั้งสองรอบเลยค่ะ
พอรู้ว่าต้องสอบ Ielts ก็เลยต้องพยายามมากๆค่ะเพราะค่าสอบครั้งนึงแพงมาก และเนื่องจากว่าเรียนหนักทำให้ไม่มีเวลาอ่านหนังสือเท่าไหร่ มาว่างเอาตรง 15 วันก่อนสอบค่ะ เราเตรียมตัวอ่านหนังสือเองค่ะ Ielts จะ แบ่งเป็น 4 พาร์ท คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน ค่าสอบ 6900 บาท จะต่างกับ CU-TEP ตรงที่ CU-TEP ที่มี 3 พาร์ทคือ ฟัง อ่าน และError ซึ่งมีค่าสอบอยู่ที่ 900 บาท
วิธีสมัคร
อย่างที่เรารู้กันก็ ศูนย์สอบที่กรุงเทพมี 2 ที่คือ IDP กับ British council เราเลือกสอบกับ British council ค่ะ
ตอนสมัครก็จะให้เรากรอกหลักฐานยืนยันตัวเองว่าจะใช้หนังสือเดินทางหรือบัตรประชาชนก็ได้ค่ะ อันนี้จะมีผลตอนวันสอบคือเราต้องเตรียมหลักฐานชิ้นที่เราใช้สมัครไปด้วยพร้อมกับสำเนาค่ะ
รีวิววิธีเตรียมตัว
ก่อนที่จะเริ่มเตรียมตัว เราเอากระดาษมาตีเป็นตารางปฏิทินแต่ละวันเลยค่ะ เขียนว่าอีกกี่วันจะถึงวันสอบ ตีเป็นช่อง แล้วก็เขียนแต่ละช่องว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง พอหมดวันก็กากบาทช่องนั้นทิ้งค่ะ แล้วแปะไว้ที่ผนังที่เราจะเห็นได้ง่ายๆเลยค่ะ เพื่อที่จะเอามันเป็นแรงกระตุ้นให้เราทำตามเป้า เพราะเราเป็นคนไม่ค่อยมีวินัยค่ะ เลยต้องทำวิธีนี้
เราแบ่งเป็นวันค่ะ วันคู่ทำพาร์ทฟัง 1 ชุด พาร์ทอ่าน 1 ชุด วันคี่ทำพาร์ทเขียน 1 ชุด พาร์ทพูด 1 ชุด
หนังสือที่เราใช้ก็ หนังสือ The Official Cambridge Guide to IELTS เล่มขาวราคา 500กว่าๆค่ะ กับ Cambridge เล่มสีดำเล่ม 8,11,12
Listening part
เรารู้ตัวว่าเราเป็นคนที่ไม่มีสมาธิ เป็นคนหลุดง่ายมากค่ะ เราเลยใช้วิธีอ่านโจทย์คร่าวๆก่อน ขีดเส้นใต้คำที่ใกล้ๆกับคำตอบค่ะ และเราก็จะเขียนหน้าที่ของคำลงไปในข้อสอบว่าคำตอบข้อนี้เป็น Noun, Verb, Adj หรือ Adv เพื่อที่เราจะได้มีจุดโฟกัสตอนฟังว่ามันใกล้ถึงคำตอบเราหรือยัง พอเสียงเริ่มพูดเราพยายามพูดตามค่ะ พูดตามทุกคำแล้วมันจะทำให้เราไม่หลุดโฟกัสค่ะ ถ้าอันไหนออกเสียงไม่ได้หรือไม่รู้ว่าพูดอะไรให้เปิด เทปสคริป แล้วพูดตามอีก1-2รอบ เพื่อนๆต้องลองหาวิธีที่ใช่สำหรับตัวเองดูนะคะ ส่วนเราใช้วิธีนี้แล้วเราไม่หลุดค่ะ
เพิ่มเติม อันนี้เราทำได้ประมาณ 5-6 เดือนก่อนที่จะไปสอบ Ielts ค่ะ คือก่อนนอนเราจะเปิด BBC หรือ รายการอะไรก็ได้ที่เราชอบที่เป็นภาษาอังกฤษฟังค่ะ เราก็ฟังจนหลับไปเลย มันจะมี applicationนึงของ Iphone ที่ชื่อว่า Podcasts มันตั้งเวลาให้ดับได้ค่ะ เราก็จะตั้ง 30 นาทีให้มันเล่นละก็จะดับพอดีกับเราหลับค่ะ แอพนี้เราสามารถไป subscribe ช่องพวก BBC หรือ ช่องอื่นๆที่เป็นภาษาอังกฤษได้เอาไว้ฟังเพลินๆค่ะ แรกๆเราก็ฟังไม่รู้เรื่องค่ะพอผ่านไปซัก 2-3เดือนเริ่มดีขึ้น พยายามฟังให้ได้ทุกวันนะคะ ส่วนจขกท ก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้างค่ะ แต่พอนึกได้ก็จะพยายามฟัง
ตอนสอบ เราก็ทำตามที่เราฝึกไปค่ะ รู้สึกว่าฟังได้ 80% แต่เรามาพลาดตรงสะกดค่ะ เราสะกดผิดไปหลายคำเพราะเราไม่มีเวลาทวนตอนเขียนค่ะแล้วเราก็ไม่แม่นศัพท์ด้วยอันนี้ต้องระวังนะคะ เช่น Marketing เราก็ไปเขียนเป็น Marketting มี T เกินมาตัวนึงคือคะแนนหายไปเลยข้อนั้น
Reading part
ข้อสอบ Ielts จะมี 3 บทความ ให้เวลา 1 ชั่วโมง ปกติแล้วเราเป็นคนที่ไม่สามารถอ่าน 1 ชั่วโมงรวด 3 บทความได้ ตอนเริ่มซ้อมทำข้อสอบแรกๆ เราทำโดยจับเวลา 20 นาที 1บทความ ทำเสร็จ ก็ลุกไปทำอย่างอื่น พอมีสมาธิใหม่ก็ทำบทความที่ 2 จับเวลาอีก 20 นาที เสร็จก็ลุกไปนู่นนี่ พอมีสมาธิใหม่ก็มาทำบทความที่ 3 อีก 20นาทีค่ะ เผื่อใครสมาธิสั้นแบบเราก็ลองเอาวิธีเราไปใช้ดูนะคะ คุณต้องพยายามทำทุกบทความให้ทันภายใน 20นาทีให้ได้นะคะ หรือบางกระทู้ที่เคยแนะนำก็มีแนะนำให้ทำบทความที่ 1,2,3 อย่างละ 15,20,25 นาทีตามลำดับ ก็ลองไปปรับใช้ดูนะคะว่าถนัดแบบไหน แล้วพอ2-3วันก่อนสอบ จขกท พึ่งมาหัดทำ 1 ชม. 3 บทความรวดดูค่ะ แล้วก็ค่อยไปสอบ แล้วก็ศัพท์ที่จำเป็นต้องรู้คือ Academic word list ค่ะ สามารถหาจากกูเกิลแล้วเอามาท่องได้ค่ะ
เพิ่มเติม ก่อนหน้าที่จะสอบ 1 เดือน คือติดนิยาย 2 เรื่องค่ะ ชื่อว่า The spook กับ Apollo เลยไปหาเวอร์ชันภาษาอังกฤษมาอ่านค่ะ อ่านแรกๆนี่แปลไม่ค่อยออกเลยค่ะ แต่พอพยายามอ่านไปโดยไม่เปิดดิกจนจบเล่ม ทำให้เรามีความสามารถในการเดาศัพท์ ทำให้เรารู้senseของประโยคว่ามันน่าจะแปลแบบนี้ อะไรประมาณนี้ค่ะ มันจะทำให้เราไม่ตกใจเวลาเจอศัพท์ที่ไม่รู้ตอนสอบค่ะ
Writing part
พาร์ทนี้เป็นพาร์ทที่เราไม่อยากทำที่สุดแล้วค่ะ เรารู้สึกว่ามันยากมาก ตอนฝึกครั้งแรกคือเราเขียนไม่ออกเลย
พาร์ทเขียนจะแบ่งย่อยๆเป็น 2 task
Task 1 จะเป็นพวกกราฟ แผนที่ แผนภูมิแท่ง แผนภูมิวงกลม แล้วแต่ดวงเราเลยค่ะว่าจะเจอแบบไหน จขกท ฝึกโดยลอกเฉลยไปเลยค่ะ เพราะเขียนไม่ออก หาหนังสือที่มีข้อสอบทุกแบบ แล้วจขกท ก็เขียนตามไปอันละแบบเลยค่ะเพื่อที่จะจำPattern คร่าวๆได้ แล้วพอมา3-4วันสุดท้ายก็เขียนกราฟแต่ละแบบเอง มีเวลาเตรียมพาร์ทนี้น้อยมากค่ะ และเราก็เตรียมตัวจากกระทู้นี้ค่ะ https://pantip.com/topic/32492363
Task 2
ก็ทำคล้ายๆ Task 1 ค่ะ เราจะรีวิวคร่าวๆก่อนว่าคำถามที่เราจะเจอตอนสอบมีทั้งหมดกี่แบบตามกระทู้นี้เลยค่ะ แล้วก็ลอกเฉลยในหนังสือ พอ 3-4วันสุดท้ายก่อนสอบก็ฝึกเขียนค่ะ task นี้เราฝึกเขียนไป 3 essay ค่ะ เตรียมตัวจากกระทู้นี้ค่ะ https://pantip.com/topic/32574430
พาร์ทเขียนถ้ามีคนช่วยตรวจให้ก็จะดีนะคะ ส่วนเรามีเพื่อนที่ช่วยตรวจพวกแกรมม่าให้ค่ะ
ตอนสอบเราก็ทำตามที่กระทู้ที่ให้ไว้ข้างบนค่ะ ก็แบ่งเวลาเป็น 5 นาทีวางแผน แล้วก็ค่อยมาเขียน เราเขียนคำครบตามที่เค้ากำหนดค่ะ แต่ไม่มีเวลาเหลือไปเชคแกรมม่า
Speaking part
อันนี้ก็หินสำหรับเรามากค่ะ คือเราไม่ค่อยได้พูดภาษาอังกฤษเท่าไหร่ ส่งผลให้เราพูดง่อยมากค่ะ เราเริ่มจากเปิดหนังสือที่ให้ไว้ข้างบน ดู Topic ในข้อสอบแล้วซ้อมพูดค่ะ คือพูดไปทุก topic ที่มีในหนังสือเลยค่ะ พูดมั่วๆ ก็พยายามพูดๆๆ แล้วก็อัดเทปไว้ฟังเสียงตัวเองจะได้รู้ว่าเราติดตรงไหน อะไรที่จำไปว่าจะพูดเช่น In my opinion หรือ My point of view ตอนสอบจริงตื่นเต้นค่ะ ไม่ได้ใช้เลยที่เตรียมไป พูดแต่ I think….. และก็ I think คะแนนออกมาเลยไม่สวยเท่าไหร่ค่ะ
สุดท้ายเฉลี่ยได้ 6 พอดีเป๊ะ ดีใจมากค่ะที่ไม่ต้องสอบใหม่
British council สอบที่โรงแรมแลนด์มาร์ก ตอนเราสมัครสอบ เราเลือกเป็นแบบสอบสองวันค่ะ speaking วันนึง แล้วก็ที่เหลืออีก3พาร์ทสอบวันรุ่งขึ้น บางคนก็เลือกสอบวันเดียวได้นะคะถ้าไม่อยากมา2วัน
ก่อนวันสอบ5วันเค้าจะส่งอีเมลรายละเอียดเวลาสอบ สถานที่ เลขประจำตัวผู้เข้าสอบมาให้ค่ะ
วันแรกที่ไปสอบพูดต้องเตรียม สำเนาบัตรประชาชนพร้อมบัตรประชาชนไปด้วยนะคะ (บางท่านก็เป็นหนังสือเดินทาง ขึ้นอยู่กับว่าเลือกใช้หลักฐานอันไหนตอนสมัครสอบทีแรกค่ะ) ไปถึงโรงแรมก็ลงไปชั้น B ค่ะ หรือถามพนักงานในโรงแรมก็ได้ค่ะ พอลงไปถึงจะเห็นศูนย์ British รออยู่ข้างล่างเลยค่ะเห็นชัดเจน
เราสอบพูดบ่ายโมงครึ่งค่ะ ไปถึงประมาณเกือบๆบ่าย พอไปถึงเค้าจะถามหาสำเนาบัตรประชาชน และก็บัตรเราค่ะ ย้ำนะคะสำเนาต้องชัดนะคะ คือของเราตัวอักษรตรงเลขวันหมดอายุบัตรมันจางไปเค้าให้ไปถ่ายใหม่ ซึ่งต้องขึ้นไปถ่ายที่ชั้น 30 กว่าๆค่ะ(จำชั้นไม่ได้ค่ะ5555)ที่เป็นโซนร้านอาหาร จะมีโต๊ะพนักงานตั้งอยู่หน้าลิฟท์ค่ะ ก็บอกเค้าว่ามาถ่ายเอกสาร ค่าถ่ายแผ่นละ 7 บาทค่ะ
พอถ่ายเอกสารเสร็จก็ลงไปนั่งรอเค้าเรียกฝากกระเป๋า ถ่ายรูปและเข้าห้องสอบค่ะ สอบก็ประมาณ 15 นาทีค่ะ บางคำถามเราพูดสั้นไปเวลาเหลือ กรรมการที่สอบเราเค้าก็จะบอกว่าลองพูดต่อซิ มีอะไรอีกมั้ย อะไรประมาณนี้ค่ะ น่ารักใจดีค่ะ
พอสอบพูดเสร็จ พนักงานที่ฝากกระเป๋าก็จะบอกเราค่ะว่าพรุ่งนี้มา 7.30 นะ ไม่ต้องเอาสำเนาบัตรประชาชนมาแล้ว และให้ไปที่ชั้น 7 ของโรงแรมค่ะ
วันต่อมาก็ไปตามเวลาที่เค้านัดค่ะ ตอนไปถึงให้ไปดูบอร์ดก่อนนะคะว่าชื่อเราต้องไปต่อแถวลงทะเบียนโต๊ะเบอร์ไหน พอใกล้ๆ 8.30 ให้ลงไปเข้าห้องน้ำที่ชั้น3ให้เรียบร้อยนะคะ ชั้น7ไม่มีห้องน้ำค่ะ และถ้าเข้าคิวฝากกระเป๋าแล้วไม่สามารถออกมาเข้าห้องน้ำได้อีกค่ะ ประมาณ 8.30 เค้าจะเรียกให้ไปเข้าแถวฝากกระเป๋า เราสามารถนำขวดน้ำเข้าไปจิบได้นะคะแต่ว่าต้องแกะฉลากออก ให้เห็นเป็นขวดใสๆกับน้ำเท่านั้นค่ะ แล้วเค้าก็จะขอให้เราจำเลขประจำตัวผู้เข้าสอบในอีเมลไปด้วยนะคะ ใครที่สอบพูดวันนี้ก็สามารถเขียนเลขใส่สำเนาบัตรประชาชนได้ค่ะ แต่ถ้าใครสอบพูดไปเมื่อวานต้องจำอย่างเดียวเลยค่ะ พอฝากเสร็จก็เดินไปเข้าแถวตรงตำแหน่งเลขโต๊ะที่เราดูเลขมาจากบอร์ดค่ะ ไปถึงเค้าก็จะถามว่าจำเลขได้มั้ย ให้เราเซ็นชื่อละก็ย้ำเลขกับเราอีกทีค่ะ หลังจากเซ็นชื่อเสร็จก็ไปตรวจร่างกายค่ะว่าเราพกอะไรที่เค้าห้าม ติดตัวเข้าไปไหม ผ่านด่านนี้ไปก็จะเจอกับคนที่จะพาเราไปที่โต๊ะค่ะ เค้าจะถามเลขจากเรา แล้วก็เดินนำเราไปที่โต๊ะค่ะ ไปถึงก็ลองเช็คหูฟังได้ค่ะ แล้วก็ทำสมาธิเตรียมตัวสอบค่ะ
หลังจากสอบเสร็จ 13 วันหลังจากนั้นก็จะประกาศผลออนไลน์และส่งใบคะแนนทางไปรษณีย์ที่เราสมัครไว้ค่ะ หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์ต่อคนที่กำลังหาข้อมูลไม่มากก็น้อยนะคะ
ขอให้ได้คะแนนตามที่ทุกคนหวังไว้ค่ะ