ร้อนๆแบบนี้
เพื่อนๆหลายๆคน คงอยากจะไปนอนชิวริมชายหาด หรือถ่ายรูปชิคๆในทะเล

แต่เนื่องด้วยการท่องเที่ยวเดินทาง ไม่ได้ถูกจำกัดกันที่ระยะเวลา
วันนี้ หมีหมู เลยขอนำทริปที่ค้างตั้งแต่ต้นปี ที่เป็นทริปในประเทศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่อยากดึงดูดให้ทุกๆคนหันมาท่องเที่ยวในประเทศเรากันเยอะขึ้น มาให้เพื่อนๆได้ดูกัน

======================================================

"สันหนอกวัว" จ.กาญจนบุรี

======================================================

การเดินทางไปขึ้นสันหนอกวัว เราต้องเดินทางไปให้ถึงที่
อุทยานแห่งชาติเขาแหลม และไปขึ้นรถของทางอุทยานไปถึงจุดเริ่มต้นเดิน
จาก "ป้อมปี่" ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่ค่อนข้างสวยงาม

======================================================

สันหนอกวัวมีระยะทางเดินประมาณ 9 กิโลเมตร
เป็นทางลาดชัน ทั้งขึ้น และลง ปะปนกันไปตลอดระยะการเดินทาง
ซึ่งจะใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 4 ชั่วโมง (แบบไม่เร่ง ไม่วิ่งเป็นลิงเป็นค่างในป่านะ)

ตลอดการเดินทาง แม้จะเป็นจังหวัดที่ได้ชื่อว่าร้อนที่สุดแห่งหนึ่งในไทย
แต่ด้วยผืนป่าที่รายล้อมรอบตัว ทำให้การเดินทางของเราไม่ร้อนจนน่าหงุดหงิดแบบที่คิด
ทำให้ตลอดระยะเวลา 4 ชั่วโมง เราได้เดินภายใต้ร่มไม้ และอยู่กับธรรมชาติที่แสนเงียบสงบ

======================================================

ค่าใช้จ่าย (หลักๆ)
- ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1,000 บาท
- ค่าลูกหาบ 1,400 บาท / คน
- ค่ารถ 4x4 ไปจุดปล่อยตัว 1,000 บาท

ตอนหมีหมูไป เราไปกันทั้งหมด 6 คน ราคาค่าเดินป่ารวมค่าเข้าอุทยาน
หารกันแล้วเหลือคนละประมาณ 1,000 ต้นๆ

======================================================

เรามาดูกันดีกว่า ว่าภายในผืนป่าเขียวชอุ่ม สูงไปจนถึงจุดสูงสุดของยอดเขา
มีอะไรให้เราไปค้นหากันบ้าง

======================================================

ตามมาครับ

======================================================

ภาพทั้งหมด มาจาก
Fujifilm X-T2
Fujifilm X-T20


จุดสูงสุดของ สันหนอกวัว

ซึ่งประกอบไปด้วยยอดเขา 2 ส่วน
หนอกใหญ่ และ หนอกเล็ก

ภาพที่เจ้าหมูยืนมอง คือ "หนอกใหญ่"


สรุปสำหรับระยะเวลาการเดินทาง และค่าใช้จ่ายครับ


เริ่มต้นการผจฐภัยครั้งนี้ ทุกคนต้องมาขึ้นรถขับเคลื่อน 4 ล้อที่ ป้อมปี่ รวมถึงนำสัมภาระมาให้พี่ๆลูกหาบช่วยเราถือขึ้นไปด้วย


ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และธรรมชาติ มีให้เราได้เห็นตลอดการเดินเท้า ไม่ขาดสาย

จริงๆมันก็ดีนะ กับการเดินผ่านแมกไม้แล้วได้ยินเสียงต้นไผ่กระทบกัน ได้ยินเสียงนกร้อง ทำให้เราได้รับรู้ถึงการรักษาสภาพแวดล้อมที่ดีของ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม แห่งนี้เป็นอย่างดี


ระดับความชัน และการขึ้น-ลง ของทางเดินป่า สันหนอกวัว มีสลับสับเปลี่ยนกันให้พบเจอตลอดทาง

แต่ที่สุดของที่สุด ต้องอันนี้ครับ "เนินหมาถอย"


จุดพักแรมสำหรับกลางทาง

เป็นจุดที่คนนำทางจะพาลูกทีมทั้งหมดมานั่งกินข้าวกลางวันกัน ใครมาถึงก่อนก็จับจองเลือกที่นั่งก่อน

เป็นการกินข้าวที่ชิคๆ คูลๆ ไม่แพ้ ร้านกาแฟที่ตกแต่งด้วยบรรยากาศป่าไม้

ปล. อย่าลืมเก็บขยะกันด้วยนะแจร้ะ


ผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง เราจะมาเจอจุดสุดท้ายก่อนขึ้นไปแตะลานกางเต็นท์ จะมีมุมให้ถ่ายรูป พาโนรามา สำหรับทิวทัศน์ที่ถ้าไม่ออกเดินทาง บอกเลยว่าคงไม่มีทางได้พบเจอ


จากจุดที่หมียืนถ่ายรูป เราจะเห็นตัวสันหนอกอยู่ทางซ้าย เดี๋ยวเราจะเดินเลาะกันไปจนถึงตตรงนั้นครับ

ป่ะ ไปกัน!


อย่างที่กล่าวไปแล้ว ว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ร้อนอย่างที่คิด เพราะเป็นผืนป่าสลับกับทุ่งหญ้า แต่ไม่ทำให้เหงื่อไหลไคลย้อยขนาดที่คิด


ถึงแล้ววววววววววววววววววววววววว จุดสูงสุดในจังหวัดกาญจนบุรี

"สันหนอกวัว"



นี่สถาพเต็นท์ผู้ใหญ่บ้านของหมี

คือตอนซื้อมาก็อยากได้เต็นท์ดีๆสักหลัง
ที่สามารถมีพื้นที่สำหรับเราสองคน ที่จะวางของ กินข้าว เปลี่ยนเสื้อผ้าได้
(เพราะบางเขาไม่มีห้องน้ำนะจ้ะ ทำใจไว้เลย)

เลยไปเสิร์ชเจอเต็นท์ยี่ห้อนี้ที่น่าสนใจเข้า

Coleman U.S.A.

โดยเราสองคนเชื่อใจในร้าน CFFsurvivaloutdoor ที่ขายอุปกรณ์เดินป่าหลากหลายชนิด จึงไปซื้อกับร้านพี่แก

พอได้มากางจริงๆถึงได้รู้ว่า

ใหญ่โคตรรรรรรรรรรรรรรรรรรร

อย่างกะเต็นท์ผู้ใหญ่บ้าน

แต่ดีนะ สามารถยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ไม่ต้องก้มตัวเลย 55555555555555


หลังจากกางเต็นท์เสร็จ (จริงๆพี่ๆลูกหาบกางให้แหละ หึหึ)

เราก็ได้เวลาออกไปสอยรูปสวยๆรอบๆกันแล้ว


จาก "หนอกเล็ก" หากเรามองย้อนกลับไป จะเห็นลานกางเต็นท์อยู่ไม่ไกลมาก ซึ่งเราสามารถเดินทางเต็นท์มาที่นี่ด้วยเวลาไม่ถึง 10 นาที


และหากใครมีแรงเหลือ ลองเดินขยับต่อไปที่ หนอกใหญ่

ด้านบนจะมี ธงชาติไทย ให้เราโบกสะบัด เพื่อเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ว่าเราได้มาพิชิตสันหนอกวัวแล้วจริงๆ


พอถ่ายรูปกันเสร็จ ฟ้าเริ่มมืด เดี๋ยวจะอันตราย

เลยรีบเดินกลับเต็นท์มาหม่ำข้าวเย็นกันก่อน

เพื่อเติมพลังออกไปทำภารกิจสำคัญของพวกเรา

"การถ่ายดาว" นั่นเอง


ถึงแม้จะโชคไม่ดีที่มีเมฆเยอะ
แต่พวกเราก็อดทนรอจนมีจังหวะที่เมฆจะแหวกให้เราได้ถ่ายหมู่ดาวสวยๆบ้างในบางครั้ง ก่อนจะเหนื่อยล้าและยอมแพ้กันไปในชั่วโมงนิดๆ


รุ่งสาง เราก็ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ "หนอกเล็ก"

** ปกติแล้ว คนนำทางจะพาเราไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ หนอกใหญ่
แต่พี่นคร (คนนำทางของเรา) แนะนำว่า ถ้าวันแรกขึ้นเร็ว ให้ไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่หนอกใหญ่ และมาดูพระอาทิตย์ขึ้นเช้าถัดมาที่หนอกเล็ก เพราะเราจะได้ถ่ายรูปในมุมที่คนไม่เยอะ พูดง่ายๆ สวนทางกับชาวบ้านครับ


ชริ๊ง ถือพระอาทิตย์รูปนึง


นี่คือหน้าตาเหล่าสมาชิกทีมจะลุยสันหนอกสัสของเราครับ
ขอขอบคุณทุกๆคนมากๆที่ดูแลกันมาอย่างดี

จริงๆทริปเราต้องมี 7 คนล่ะ
ซึ่งบุคคลที่หายไป....... จริงๆแล้วเป็นตัวเชื่อมกลางระหว่างทุกคน แต่มันดันชิ่ง!!! เรา6คนเลยต้องมาทำความรู้จักกันเอง 5555555555


ลากันไปด้วยรูปคู่สไตล์หน้าสดแบบหมูหมู
สดกว่าปลาก็หน้าแฟนผมนี่ล่ะคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

ครั้งหน้าเราจะเอา เขาที่ตกค้างมาฝากกันนะครับ

สำหรับสงกรานต์นี้ขอให้เพื่อนๆขับขี่อย่างปลอดภัย
ได้ไปเที่ยวไหนก็เอารูปสวยๆกลับมาฝากกันบ้างน้าาาาาาาา

เราสนับสนุนให้ทุกๆคน
ออก ไป เที่ยว

#theplanners
#เที่ยวกับแฟน

====================================================

ฝากติดตามผลงานของเราทั้ง 2 คนได้ที่
https://www.facebook.com/pg/theplannersbytsst/