[CR] สุดแต่สองเท้า..จะก้าวเดิน กับเส้นทางแห่งศรัทธา ซัมบาลาเมืองไทย 11-12 ธ.ค.2564


                      สวัสดีเพื่อนๆชาว Pantip ทุกคนค่ะ  รีวิวนี้เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ ความประทับใจในการเดินป่าแบบจริงจังครั้งแรกในชีวิตของเบลล์
              หวังว่าจะเป็นประโยชน์และเป็นแรงบันดาลใจให้ออกเดินทางกันนะคะ

                 
                     หลังจากจบทริปที่ภูสอยดาวเมื่อปีที่แล้ว รู้สึกประทับใจและยังคิดถึงบรรยากาศธรรมชาติ เลยคุยกับเพื่อนๆเพื่อหาทริปเดินป่ากันอีกครั้ง
แรกเริ่มเราตัดสินใจโทรจองสันหนอกวัว จังหวัดกาญจนบุรี แต่กดโทรแล้วโทรอีกจนนิ้วเบียดแป้นก็ไม่สามารถจองได้ สุดท้ายเหมือนดวงชะตาจะชักนำ ทำให้เราตัดสินใจไป ดอยหลวง – ดอยหนอก จังหวัดพะเยา รวบรวมสมาชิกได้ทั้งหมด 4 คน หนึ่งในนั้นเราหลอกป้ายยามา เพราะเป็นการเดินป่าทริปแรกของเพื่อนค่ะ เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อย ก็จัดการโทรจองกับพี่เจ้าหน้าที่อุทยาน ชื่อพี่อนุชา ซึ่งเป็นผู้ประสานงานในการจองและจัดหาลูกหาบโดยมีเงื่อนไขคือ 1 กรุ๊ป มีสมาชิกได้ไม่เกิน 10 คน รวมเจ้าหน้าที่นำทาง
                     ตอนติดต่อจองในช่วงแรก พี่อนุชาแจ้งกับเราว่าไม่มีลูกหาบ เราต้องแบกของทุกอย่างด้วยตัวเอง ยอมรับเลยว่ากังวลมาก เราแทบไม่มีอุปกรณ์ในการเดินป่ากันเลย ซึ่งมีเวลาเตรียมตัวประมาณเดือนกว่าๆ ระหว่างนี้ก็หาข้อมูลดูรีวิว อุปกรณ์ ซึ่งส่วนใหญ่อุปกรณ์เดินป่าดีๆ ราคาค่อนข้างสูง
ในส่วนของการเลือกอุปกรณ์ ถือว่าเป็นบทเรียนที่เบลล์จำไม่ลืมเลยค่ะ แต่จะเป็นประสบการณ์แบบไหน เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังในช่วงต่อไปนะคะ
                  
                   เมื่อจองวันได้แน่นอนแล้ว เบลล์จึงรับหน้าที่เป็นคนประสานงานหาผู้ร่วมทริปเพิ่มเติมเพื่อให้ครบตามจำนวน จะได้ช่วยกันหารค่าใช้จ่าย
ในส่วนของการจ้างเจ้าหน้าที่นำทางและรถรับส่งของอุทยาน โดยใช้การโพสต์หาสมาชิกผ่านทางกรุ๊ปเดินป่าในเฟสบุ๊ค แอบตื่นเต้นเพราะเป็นการร่วมทริปครั้งแรกกับคนที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ใช้เวลาไม่นานก็มีสมาชิกทักหลังไมค์มาสอบถามรายละเอียดและตกลงร่วมเดินทางไปด้วยกันครบตามจำนวน
ก่อนถึงวันนัดหมายได้ติดต่อประสานงานกับสมาชิกเรื่องรายละเอียดต่างๆและสถานที่นัดพบ ซึ่งก็คือ น้ำตกจำปาทอง เวลา 7.00 น. โดยทางเบลล์และเพื่อนๆออกเดินทางไปพักที่พะเยาก่อนล่วงหน้าหนึ่งวัน เพื่อจะได้มีเวลาในการจัดเตรียมเสบียงและจัดกระเป๋า จะบอกว่าเบลล์จัดเข้าจัดออกหลายรอบมากๆ แล้วก็มีปัญหาทะเลาะกับอุปกรณ์ต่างๆที่เตรียมไปตลอดทั้งทริป T T
                  ในที่สุดวันที่จะได้ก้าวเท้าขึ้นสู่ดอยหลวงก็มาถึง เบลล์ได้พบกับสมาชิกทุกคน ณ ที่ทำการน้ำตกจำปาทองเป็นครั้งแรก พวกเราพูดคุย แนะนำตัว ทำความรู้จักกันเล็กน้อย ก่อนขึ้นรถกระบะของพี่เจ้าหน้าที่ไปยังจุดรวมพล ถือเป็นความประทับในการพบกันครั้งแรกกับเพื่อนร่วมทริปสำหรับเบลล์ค่ะ สมาชิกทุกคนเป็นมิตร พูดคุยเป็นกันเอง จนลืมไปเลยว่าพวกเราเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก
                  ออกจากที่ทำการน้ำตกจำปาทอง เราใช้เวลาเดินทางโดยรถกระบะของพี่เจ้าหน้าที่ระยะทางประมาณ 30 กิโล ช่วงที่เราไปอากาศค่อนข้างเย็นนะคะ หันไปมองเพื่อนหลังกระบะ นั่งหน้าตึงเหมือนเพิ่งฉีดโบทอกซ์กันมาทุกคน 
                 
                  ถึงจุดรวมพลเป็นที่เรียบร้อย จุดนี้จะเป็นจุดที่เราได้พบกับลูกหาบและรวมพลก่อนเดินเท้าขึ้นสู่ดอยหนอก อ่อ ลืมบอกไปค่ะ ช่วงใกล้วันเราติดต่อมาอีกครั้งจึงทราบว่า มีลูกหาบแล้ว เลยว่าจ้างลูกหาบ 2 คน ให้แบกเสบียงและน้ำดื่ม และของใช้จำเป็นของพี่สมาชิกอีกท่านนึง โดยลูกหาบ 1 คน จะแบกได้ที่น้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม หากเกินกว่านั้นไม่มาก อาจจะต้องตกลงกับลูกหาบว่า จะคิดเพิ่มกิโลกรัมละเท่าไหร่ จากนั้นชำระค่าจ่ายต่างๆให้เรียบร้อยที่จุดรวมพลเลยค่ะ สามารถโอนผ่านบัญชีได้นะคะ เผื่อใครไม่สะดวกพกเงินสด พวกเราลองชั่งน้ำหนักกระเป๋ากันดู เฉลี่ยที่เราแบกขึ้นไปเองประมาณ 10- 18 กิโลกรัมค่ะ ส่วนตัวเบลล์ชั่งได้ 11 กิโลกรัม รวมน้ำหนักตัวคนแบกก็สามารถขึ้นชกรุ่น Heavy weight ได้เลย 
                
                 
                 ถ่ายภาพหมู่ Before แบบหน้าตาสดใสสุดๆ ก่อนจะออกเดินทางไกลกันในวันนี้ค่ะ สมาชิกทั้งหมด มี 9 คน และเจ้าหน้าที่นำทาง น้องริว
ที่จะพาพวกเราขึ้นไปสัมผัสความงามของดอยหลวง-ดอยหนอก และลงจากดอยโดยสวัสดิภาพ 

                
       ทางเดินขึ้นอยู่ติดริมถนนเส้นหลักนะคะ เป็นเส้นทางเดินไม่กว้างมาก มีป้ายเล็กๆบอกเราว่า จุดนี้คือจุดเริ่มต้นของการพิชิตดอยหลวง-ดอยหนอกหล่ะ

                
                          ช่วงแรกๆยังเดินเกาะกลุ่มกัน แต่ซักพักก็ทยอยเดินกันไปตามแต่สกิลการสับเท้าของใครจะแข่งแกร่งกว่ากัน ส่วนเบลล์เดินๆหยุดๆ
แทบไม่ต่างกับตอนรำฟ้อนต่อนยอนหน้าขบวนแห่ เพราะกระเป๋าหนัก ระหว่างทางก็ก้าวพลาดลื่นล้มก้นวัดพื้น เล่นเอาซะไม้ trekking Poles งอเลย
แต่ในความเจ็บตัวก็มีความโชคดี ทำให้เบลล์ได้มีประเด็นพูดคุยกับพี่ชายที่ร่วมทริปด้วยกัน เกี่ยวกับทริคในการขึ้นเป้และการปรับสายสะพายที่ถูกต้อง
               
               
                เนื่องจากเดินมาได้ซักพักเบลล์มีอาการปวดบ่าทั้งสองข้าง ซึ่งการแบกเป้ขึ้นหลังที่ถูกต้อง คือการใช้เข่าวางเป้เพื่อรับน้ำหนักก่อน 
ไม่ใช่การจับยกแล้วเอาแขนสอดเลย เพราะเสี่ยงกับการหลังเสียได้ง่ายๆ รวมทั้งการปรับสายรัดโดยล๊อคจากล่างขึ้นบน เริ่มที่สายรัดเอวไว้ที่สะโพก
ให้แน่น คลายสายรัดไหล่ให้พอดี เพื่อให้น้ำหนักลงที่สะโพก หลังจากเบลล์ทำตามคำแนะนำอาการปวดไหล่ก็ทุเลาลงและแบกเป้ได้ถนัดมากขึ้นค่ะ
 จริงๆเบลล์ได้เทคนิคเยอะมากระหว่างทางที่เดินคุยกันไป ข้อผิดพลาดหลายอย่างเป็นบทเรียนให้เบลล์ได้เรียนรู้

               
               ช่วงแรก ยังเป็นเส้นทางที่ไม่ชันมากนะคะ เหมือนให้เราได้วอร์มร่างกาย แบบเหงื่อซึมๆ แต่เอาจริงๆ สำหรับเบลล์เดินไปได้ 10 ก้าวก็เหนื่อยแล้ว (เหนื่อยแบบว่าหัวใจเต้นเร็ว)  อากาศเย็นสบายดี จากทางเดินราบ ก็จะค่อยๆไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ค่อยๆเป็นเนินที่ชันมากขึ้น
บางช่วงมีหญ้าขึ้นสูง แนะนำว่าใส่เสื้อแขนยาวดีกว่าค่ะ
               
                          เนื่องจากหญ้าขึ้นสูง บางช่วงเส้นทางการเดินอาจดูไม่ค่อยชัดเจน เบลล์เดินไปผิดทางบ้างก็มีค่ะ  ดังนั้นให้หมั่นสังเกตุสัญลักษณ์ที่เจ้าหน้าที่หรือกรุ๊ปอื่นๆทำไว้นะคะ  จะได้ไม่หลงออกนอกเส้นทาง เดี๋ยวจะต้องเดินวนกลับมากันใหม่

           
                          เดินลัดเลาะตามเส้นทางมาได้ประมาณ 3 กิโลเมตร ส่วนเวลานี่ไม่ได้นับเลยค่ะ เดินๆหยุดๆ ค่อยๆไป  พอความสูงเริ่มเปลี่ยน เราจะเห็นความแตกต่างของต้นไม้ระหว่างทาง เดินเท้ามาเรื่อยๆและจะพบป้ายที่เขียนว่า ป่าสนเขา ซึ่งแน่นอนว่าเราจะพบป่าลักษณะนี้ได้ ในพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 700 เมตรขึ้นไป     ภาพนี้ขอบคุณนางแบบด้วยนะคะ ^ ^
           
                          ระหว่างเดินไป จะพบกับทางราบสลับทางชัน บางช่วงก็มีต้นไม้ที่พอให้ร่มเงาอยู่บ้าง แต่บางช่วงก็จะเป็นแค่แนวต้นหญ้า โชคดีที่อากาศไม่ได้ร้อนจัดมาก    ตอนนี้แต้มบุญใช้หมดแล้ว ด่านต่อไปที่รอเราอยู่ นั่นก็คือ สันหมูแม่ด้อง   ลองนึกภาพสันหลังของแม่หมูที่ร่างกายผ่ายผอมเพราะเลี้ยงลูกๆสิ นี่ประทับใจจินตนาการของคนที่ตั้งชื่อมากนะ   ถ้ามีสถานที่ที่ชื่อ สันหลังยาวของเบลล์ ก็คิดว่าคงจะเดินยากประมาณ ระดับ 4 ได้เหมือนกัน
           
                      ก่อนเดินเท้าขึ้นสู่สันหมูแม่ด้อง ก็ขอพักเติมพลังกันหน่อย ข้าวเหนียวหมูปิ้งที่หิ้วมาจากตลาด ความอร่อยเพิ่มขึ้นอีกคูณสอง ขนาดหมูป้าที่ว่าเค็มๆ ก็ยังหยิบมากินกันหนุบหนับ
           
                      ก่อนขึ้นสันหมูแม่ด้อง อยากจะบอกว่าผึ้งเยอะมากค่ะ ใครแพ้ผึ้งก็ระวังกันนิดนึงนะคะ อย่าเอามือไปปัดไปตี แผ่เมตตาให้ก็พอ
สันหมูแม่ด้อง ค่อนข้างแคบและชัน เนื่องจากต้องเดินเลาะไปตามสันเขา ที่มีทั้งหญ้าขึ้นสูงและแดดที่ร้อนแรงเหมือนคนปีน แต่ก็ถือว่าไม่เลวร้ายนะคะ บางช่วงยังมีลมเย็นๆพัดมาให้รู้สึกชื่นใจและอากาศก็ไม่ได้ร้อนจัดมาก
           
                  เส้นทางยังอีกยาวไกลจริงๆ แต่จุดหมายก็ยังรอเราอยู่ เดินสับเท้ากันต่อไปถึงช่วงนี้จะเป็นระยะทางชัน แคบและร้อน แต่ก็เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากๆเช่นกันค่ะ
            
                  ถัดจากสันหมูแม่ด้อง คือ ทุ่งหญ้าเด่นสะแกง เป็นลานหญ้ากว้าง ที่พอไปจุดพักได้ระหว่างทาง ช่วงที่เราไปก็จะดูแห้งแล้ง เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว  เคยอ่านรีวิว เห็นเค้าบอกว่าก่อนหน้านี้จะมีฝูงวัวขึ้นมากินหญ้าบนนี้ด้วย มันก็สูงอยู่นะเนี่ย ขึ้นมายังไง 555 ต้องรีบเดินต่อแล้ว เราจะแพ้วัวได้ไง

          
                  หันกลับไปมองเพื่อน เห็นสีหน้าที่ดูสดชื่นแบบนั้น เราก็สบายใจ อิจฉาจังทำไมเค้าถึงรู้สึกชิวได้ขนาดนี้นะ
               
         เดินเท้ากันต่อไปท่ามกลางแดดร้อนๆ ถัดจากทุ่งหญ้าเด่นสะแกง เรากำลังจะไปถึงจุดที่ชันที่สุด ก่อนถึงที่พักของเราในคืนนี้ นั่นก็คือ บันไดก่ายฟ้า

                 
                              และเราก็เดินทางมาถึงด่านสุดท้ายในวันนี้ บันไดก่ายฟ้านั่นเอง ถ้าเพื่อนๆไปเที่ยวตามอุทยานแบบนี้หลายๆที่ จะรู้ว่า ทุกๆชื่อนั้นมีความหมาย ชื่อนี้ก็เช่นกัน บันไดก่ายฟ้า ตีความเอาว่า คงทั้งแคบและชัน ราวกับว่าเราเอาบันไดพาดข้ามไปกับท้องฟ้า (ป้ายเตือนว่า ระวัง อันตราย โหวว ยังมีอะไรที่อันตรายไปกว่าเราอีกเหรอเนี่ย)
                
                          บันไดก่ายฟ้า คงไม่ชันเท่าไหร่สินะ สีหน้าแบบนั้น คงเหมือนเดินเล่นอยู่ที่สวนหลังบ้านแหละเนอะ

               
                              ถึงจะเป็นจุดที่ชันที่สุด และต้องเดินด้วยความระมัดระวัง แต่ก็ถือได้ว่าเป็นจุดที่สวยที่สุดเช่นกันค่ะ
               
                        ชันแค่ไหนก็ให้ภาพเล่าเรื่องแล้วกันนะคะ
ชื่อสินค้า:   ดอยหลวง-ดอยหนอก อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวง ที่ทำการอุทยานฯ อยู่เชียงราย ทว่ายอดดอยหลวงและดอยหนอกอยู่ฝั่งอำเภอเมือง พะเยา ในความดูแลของหน่วยพิทักษ์ฯ ที่ 6 (จำปาทอง)
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่