จากกระทู้แรกที่ผมได้มาแบ่งปันวิธีการฝึกให้ได้ ปฐมฌาน หรือฌานที่ 1 ไว้โดยใช้วิธีเปิดเสียงควบคู่ไปด้วยนั้น ว่าถ้าเราสามารถทรงสมาธิอยู่ในองค์ 5 ได้โดยไม่รำคาญเสียงเช่นนี้ถือว่าเราสามารถทรงสมาธิได้ในปฐมฌาน
กระทู้นี้จะมาแนะนำเรื่องทำอย่างไรจึงจะฝึกสมาธิให้ได้ ฌาน 2 วิธีการก็ไม่ยากครับ เราก็ใช้วิธีการเดิมที่ทำมาคือ เราก็เปิดเสียงคลอไปเช่นเดิมเหมือนที่ฝึก ปฐมฌาน
ปฐมฌานมีองค์ 5 คือ
1. วิตก ความตรึกนึกคิดถึงอารมณ์ภาวนา
2. วิจาร ความใคร่ครวญทบทวนถึงองค์ภาวนานั้นๆ ครบถ้วนถูกต้องหรือไม่เพียงใด
3. ปีติ ความเอิบอิ่มใจ มีความชุ่มชื่นเบิกบานหรรษา
4. สุข มีความสุขสันต์ทางกายและจิตใจอย่างไม่เคยมีมาในกาลก่อน เป็นความสุข อย่างประณีต
5. เอกัคคตา มีอารมณ์เป็นหนึ่ง คือ ทรงวิตก วิจาร ปีติ สุข ไว้ได้โดยไม่มีอารมณ์ อื่นเข้ามาแทรกแซง
ทุติยฌาน หรือ ฌาน 2 มีองค์ 3 คือ
1.
ปีติ ความเอิบอิ่มใจ
2.
สุข ความสุขอย่างประณีต
3.
เอกัคคตา มีอารมณ์เป็นหนึ่ง
จะสังเกตว่า องค์ฌาน 2 นั้นก็มาจาก ฌานที่ 1 เพียงแค่ตัด
วิตก และ วิจาร ออกไปเท่านั้นครับ ...ในองค์ฌาน 2 นี้การกล่าวถึงและถกเถึยงกันมากเพราะมีจุดสำคัญอยู่อย่างนึงคือ ท่านให้ละ
วิตก และ วิจาร ออกไปถ้าละได้ท่านบอกว่าจะเข้าฌาน 2
ถ้ายังจำกันได้
วิตก คือ อาการที่จิตคิดถึงคำภาวนานั้นๆ
วิจาร คือ จิตที่คอยประคับประคองคำภาวนา ไม่ให้ตกหล่น
ในการปฏิบัตินั้น เราจะทำอย่างไรถึงจะเรียกว่าเป็น
การละ วิตก และ วิจาร ก็ขอให้ทำแบบนี้ครับ กล่าวคือในขณะที่เราทำสมาธินั้นเมื่อเราทรงสมาธิในปฐมฌานได้แล้วไม่รำคาญเสียง มีองค์ 5 ครบดังที่กล่าวมาคือ
1. วิตก ความตรึกนึกคิดถึงอารมณ์ภาวนา -----> ภาวนา พุท โธ ควบคู่ไปกับลมหายใจ
2. วิจาร ความใคร่ครวญทบทวนถึงองค์ภาวนานั้นๆ ครบถ้วนถูกต้องหรือไม่เพียงใด -----> คอยคุมไม่ให้คำภาวนา พุท โธ ตกหล่น
3. ปีติ ความเอิบอิ่มใจ มีความชุ่มชื่นเบิกบานหรรษา
4. สุข มีความสุขสันต์ทางกายและจิตใจอย่างไม่เคยมีมาในกาลก่อน เป็นความสุข อย่างประณีต
5. เอกัคคตา มีอารมณ์เป็นหนึ่ง คือ ทรงวิตก วิจาร ปีติ สุข ไว้ได้โดยไม่มีอารมณ์ อื่นเข้ามาแทรกแซง
พอเราทรงสมาธิไปสักระยะนึง จิตจะตั้งมั่นในสมาธิเพิ่มมากขึ้น ลมหายใจจะเบาไปกว่าเดิม
ตอนนี้เองครับที่ จิต จะทิ้งคำภาวนา พุทโธ ไปเอง จิตไม่สนใจคำภาวนา คำภาวนาจะหายไปเอง และอาการที่
จิตทิ้งคำภาวนานี้เองครับท่านเรียกว่า การละวิตก และ วิจาร
" เราไม่ได้เป็นคนละเอง แต่ จิตจะละไปเองอัติโนมัติเมื่อจิตทรงอยู่ในสมาธิที่ละเอียดขึ้น หรือฌาน 2 นั่นเองครับ "
ถ้าใครที่ทำสมาธิแล้วไม่รำคาญเสียง โดยตอนแรกมีคำภาวนา แต่พอสักพักในช่วงระหว่างที่ไม่รำคาญเสียงนั้น ปรากฏว่าคำภาวนาหายไป แต่ใจยังมีความอิ่มเอิบใจ
(ปีติ) มีความสุขใจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน สุขอย่างประณึต
( สุข) และ มีอารมณ์เป็นหนึ่งในความอิ่มเอิบและสุขใจนั้นโดยไม่มีอารมณ์อื่นแทรกมา
(เอกัคตา) อย่างนี้หมายความว่าท่านทรงอยู่ใน
ฌาน 2 ครับ
เสี้ยนหนามของ ฌาน 2
ฌาน 2 นี้เป็นด่านที่ค่อนข้างยากสำหรับหลายคนด้วยติดที่
วิตก และ วิจาร หรือสรุปง่ายๆคือ
คำภาวนา บางคนทำไปอาจจะไม่รู้ว่าตนเองเข้าฌาน 2 ไปแล้วแต่พอมารู้ตัวว่า คำภาวนาหายไป เอ ??? เรานี่ลืมไปแล้วใช่มั้ย ดึงคำภาวนากลับมาใหม่ ...เช่นนี้ถือว่าเรากลับมาอยู่ใน ฌาน 1 ใหม่ครับ
ฉะนั้นเสี้ยนหนามของ ฌาน 2 คือ
คำภาวนา (วิตก และ วิจาร) ถ้าเราทำไปจนกระทั่งจิตปล่อยคำภาวนาแล้วก็ขอให้ปล่อยไปตามนั้นครับไม่ต้องดึงกลับมา ถ้าเราดึงกลับมาเท่ากับเราเล่นชักกะเย่อคือ ขึ้นลง ฌาน 1 ฌาน 2 ๆๆๆๆๆๆๆ ไม่เข้าฌาน 3 สักทีเพราะติดอยู่ตรงนี้ครับ ... ลองนำไปฝึกและลองพิจารณาดูครับ
คงพอมีประโยชน์ครับ
แบ่งปันวิธีฝึกเพื่อให้ได้ " ทุติยฌาน หรือฌาน 2 " สามารถทำที่บ้านได้ง่ายๆทุกวัน
กระทู้นี้จะมาแนะนำเรื่องทำอย่างไรจึงจะฝึกสมาธิให้ได้ ฌาน 2 วิธีการก็ไม่ยากครับ เราก็ใช้วิธีการเดิมที่ทำมาคือ เราก็เปิดเสียงคลอไปเช่นเดิมเหมือนที่ฝึก ปฐมฌาน
ปฐมฌานมีองค์ 5 คือ
1. วิตก ความตรึกนึกคิดถึงอารมณ์ภาวนา
2. วิจาร ความใคร่ครวญทบทวนถึงองค์ภาวนานั้นๆ ครบถ้วนถูกต้องหรือไม่เพียงใด
3. ปีติ ความเอิบอิ่มใจ มีความชุ่มชื่นเบิกบานหรรษา
4. สุข มีความสุขสันต์ทางกายและจิตใจอย่างไม่เคยมีมาในกาลก่อน เป็นความสุข อย่างประณีต
5. เอกัคคตา มีอารมณ์เป็นหนึ่ง คือ ทรงวิตก วิจาร ปีติ สุข ไว้ได้โดยไม่มีอารมณ์ อื่นเข้ามาแทรกแซง
ทุติยฌาน หรือ ฌาน 2 มีองค์ 3 คือ
1. ปีติ ความเอิบอิ่มใจ
2. สุข ความสุขอย่างประณีต
3. เอกัคคตา มีอารมณ์เป็นหนึ่ง
จะสังเกตว่า องค์ฌาน 2 นั้นก็มาจาก ฌานที่ 1 เพียงแค่ตัด วิตก และ วิจาร ออกไปเท่านั้นครับ ...ในองค์ฌาน 2 นี้การกล่าวถึงและถกเถึยงกันมากเพราะมีจุดสำคัญอยู่อย่างนึงคือ ท่านให้ละ วิตก และ วิจาร ออกไปถ้าละได้ท่านบอกว่าจะเข้าฌาน 2
ถ้ายังจำกันได้
วิตก คือ อาการที่จิตคิดถึงคำภาวนานั้นๆ
วิจาร คือ จิตที่คอยประคับประคองคำภาวนา ไม่ให้ตกหล่น
ในการปฏิบัตินั้น เราจะทำอย่างไรถึงจะเรียกว่าเป็นการละ วิตก และ วิจาร ก็ขอให้ทำแบบนี้ครับ กล่าวคือในขณะที่เราทำสมาธินั้นเมื่อเราทรงสมาธิในปฐมฌานได้แล้วไม่รำคาญเสียง มีองค์ 5 ครบดังที่กล่าวมาคือ
1. วิตก ความตรึกนึกคิดถึงอารมณ์ภาวนา -----> ภาวนา พุท โธ ควบคู่ไปกับลมหายใจ
2. วิจาร ความใคร่ครวญทบทวนถึงองค์ภาวนานั้นๆ ครบถ้วนถูกต้องหรือไม่เพียงใด -----> คอยคุมไม่ให้คำภาวนา พุท โธ ตกหล่น
3. ปีติ ความเอิบอิ่มใจ มีความชุ่มชื่นเบิกบานหรรษา
4. สุข มีความสุขสันต์ทางกายและจิตใจอย่างไม่เคยมีมาในกาลก่อน เป็นความสุข อย่างประณีต
5. เอกัคคตา มีอารมณ์เป็นหนึ่ง คือ ทรงวิตก วิจาร ปีติ สุข ไว้ได้โดยไม่มีอารมณ์ อื่นเข้ามาแทรกแซง
พอเราทรงสมาธิไปสักระยะนึง จิตจะตั้งมั่นในสมาธิเพิ่มมากขึ้น ลมหายใจจะเบาไปกว่าเดิม ตอนนี้เองครับที่ จิต จะทิ้งคำภาวนา พุทโธ ไปเอง จิตไม่สนใจคำภาวนา คำภาวนาจะหายไปเอง และอาการที่ จิตทิ้งคำภาวนานี้เองครับท่านเรียกว่า การละวิตก และ วิจาร
" เราไม่ได้เป็นคนละเอง แต่ จิตจะละไปเองอัติโนมัติเมื่อจิตทรงอยู่ในสมาธิที่ละเอียดขึ้น หรือฌาน 2 นั่นเองครับ "
ถ้าใครที่ทำสมาธิแล้วไม่รำคาญเสียง โดยตอนแรกมีคำภาวนา แต่พอสักพักในช่วงระหว่างที่ไม่รำคาญเสียงนั้น ปรากฏว่าคำภาวนาหายไป แต่ใจยังมีความอิ่มเอิบใจ (ปีติ) มีความสุขใจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน สุขอย่างประณึต ( สุข) และ มีอารมณ์เป็นหนึ่งในความอิ่มเอิบและสุขใจนั้นโดยไม่มีอารมณ์อื่นแทรกมา (เอกัคตา) อย่างนี้หมายความว่าท่านทรงอยู่ใน ฌาน 2 ครับ
เสี้ยนหนามของ ฌาน 2
ฌาน 2 นี้เป็นด่านที่ค่อนข้างยากสำหรับหลายคนด้วยติดที่ วิตก และ วิจาร หรือสรุปง่ายๆคือ คำภาวนา บางคนทำไปอาจจะไม่รู้ว่าตนเองเข้าฌาน 2 ไปแล้วแต่พอมารู้ตัวว่า คำภาวนาหายไป เอ ??? เรานี่ลืมไปแล้วใช่มั้ย ดึงคำภาวนากลับมาใหม่ ...เช่นนี้ถือว่าเรากลับมาอยู่ใน ฌาน 1 ใหม่ครับ
ฉะนั้นเสี้ยนหนามของ ฌาน 2 คือ คำภาวนา (วิตก และ วิจาร) ถ้าเราทำไปจนกระทั่งจิตปล่อยคำภาวนาแล้วก็ขอให้ปล่อยไปตามนั้นครับไม่ต้องดึงกลับมา ถ้าเราดึงกลับมาเท่ากับเราเล่นชักกะเย่อคือ ขึ้นลง ฌาน 1 ฌาน 2 ๆๆๆๆๆๆๆ ไม่เข้าฌาน 3 สักทีเพราะติดอยู่ตรงนี้ครับ ... ลองนำไปฝึกและลองพิจารณาดูครับ
คงพอมีประโยชน์ครับ