สวัสดีค่ะ
หนูได้มีโอกาสฝึกงานกับสายการบินชื่อดังแห่งหนึ่ง
ซึ่งการได้เข้าฝึกงานที่นี่ ไม่ได้เป็นไปตามที่ได้ตกลงกันแต่แรก
ตอนที่สัมภาษณ์ได้มีการอธิบายการทำงานในแผนกและถามว่าต้องการทำแผนกใด
หลังจากผลสัมภาษณ์ออก คือผ่านการสัมภาษณ์และจะได้ฝึกงานในแผนกที่ต้องการ
ก่อนเริ่มฝึกงาน ได้มีการทำขอเอกสารใบส่งตัวเพื่อฝึกงาน โดยระบุช่วงเวลาและแผนก
ซึ่งทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีค่ะ
เมื่อถึงวันที่ต้องไปที่บริษัทวันแรกทุกอย่างกลับไม่เป็นแบบนั้น
หนูได้อยู่ในแผนกที่ไม่ได้เลือกไว้แต่แรก
และหลายคนที่โดนส่งไปแผนกต่างๆที่ไม่ได้ตกลงกันไว้แต่แรก
พวกเราไม่สามารถโต้แย้งใดๆได้ทั้งสิ้น
เพราะคนที่เลือกแผนกได้พูดว่า น้องๆไม่สามารถเลือกแผนกหรือเปลี่ยนแผนกได้นะคะ
ถ้าทะเลาะกับสตาฟ พี่แม่บ้าน หรือมีปัญหาเยอะ จะส่งกลับทันทีค่ะ
(คนที่สัมภาษณ์กับคนที่เลือกแผนกให้คนละคนกันค่ะ)
ตอนนั้นในใจก็คิดว่า นี่เราคิดถูกหรือคิดผิด
เพราะไม่เคยมีข้อมูลแผนกอื่นอยู่ในหัวเลยค่ะ แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไรแค่นี้เอง จิ๊บๆ
เราเลือกฝึกงานกับสายการบินนี้เพราะตอนสัมภาษณ์ทุกอย่างคือโอเคมาก คนสัมภาษณ์ใจดี
แถมยังได้มีโอกาสได้เลือกฝึกงานในแผนกที่เราสนใจอีก แหม อะไรจะดีขนาดนั้น
(ผ่านสัมภาษณ์สายการบินอื่นด้วยค่ะ แต่สุดท้ายเลือกที่นี่เพราะเหตุผลด้านบนเลยค่ะ)
วันแรกของการทำงาน
รับรู้ทันทีเลยค่ะว่า คิดผิดมากกกกกกกกกก
เป็นแผนกที่ไม่ชอบเลยและไม่มีโอกาสได้เลือกงาน
ได้ตารางงานมาคือส่วนใหญ่จะได้ทำงานวันละ 9-10ชั่วโมงค่ะ
ซึ่งลักษณะการทำงานที่นี่คือ ยืนทำงานค่ะ ยืนและเดินตรวจของ คอยเช็คของ
ไม่ได้นั่งเลยค่ะ แม้แต่ช่วงกลางวันพักกินข้าว ถ้ากินข้าวที่นี่ก็ต้องยืนกินค่ะ
ที่นี่ไม่มีพักกลางวันค่ะ
*แล้วแต่สตาฟบางคนด้วยค่ะ บางคนก็ใจดี ปล่อยกินข้าวกลางวัน 1ชั่วโมงบ้าง 40นาทีบ้าง
บางคนไม่ปล่อยไปกินเลยก็มีค่ะ เพราะเคยมีคนลงไปกินข้าวที่โรงอาหารแล้วโดนพี่สตาฟด่าก็มี
เหนื่อยใจกับสตาฟที่นี่มากกกก
พี่สตาฟขี้วีนขี่เหวี่ยงมาก แบบบางทีเรื่องไม่เป็นเรื่องเหมือนแต่คอยจ้องจะหาเรื่องด่า
สอนแบบขอไปที พอทำด้วยตัวเองแล้วไม่ถูก ก็โดนด่าว่าทำไมไม่ถาม
ถามมากๆก็โดนด่าว่า สอนครั้งเดียวไม่รู้จักจำเหรอ ที่นี่อะสอนครั้งเดียวพูดครั้งเดียวให้รู้เรื่อง
อันไหนสตาฟยังไม่เคยสอน ก็จะบอกว่า ถ้ายังไม่เคยสอนก็หัดเรียนรู้ด้วยตัวเองบ้าง
หัดสังเกตุบ้าง ถามเพื่อนถามคนอื่นบ้าง และอีกสารพัดคำพูด
สตาฟบางคนก็พูดจาขึ้นขึ้นกู
น้อยคนมากๆค่ะ ที่สอนงานละเอียดๆ ค่อยๆพูดค่อยๆสอน พูดจาดี
วันไหนเจอสตาฟใจดี รู้สึกดีมากกกกกกกก
นอกเหนือจากนั้นคือพี่แม่บ้านที่นี่ค่ะ
เข้างานมาไม่เคยมีใครสอนงานเลยค่ะ ทั้งๆที่งานที่ทำคือต้องติดต่อกับส่วนนี้ด้วย
พอไปถาม ก็จะบอกว่า ไม่รู้ พอทำผิดก็โดนด่าค่ะ
บางคนก็คอยพูดแซะ นินทาเจ้านาย
วันไหนทำงานในส่วนครัว เหนื่อยใจมากค่ะ
รายละเอียดยิบย่อยยังมีอีกเยอะค่ะ
แต่คร่าวๆคือ ไม่ชอบงาน เหนื่อยงานแล้วยังต้องเหนื่อยคนอีก
พ่อแม่หนูส่งเรียนสูงๆเพื่อหวังว่าจะมีโอกาสได้เลือกงานดีๆทำ
ทำไมหนูถึงไม่มีโอกาสได้เลือกอะไรเลยคะ ถ้าหนูเลือกได้ คงไม่อยากทำงานที่ไม่ชอบ
และไม่อยากเจอสังคมแบบนี้
ยืนทำงานงกๆ วันละเกือบ10ชั่วโมง
ฝึกงานเงินก็ไม่ได้สักบาท ข้าวที่สนามบินก็แพง
ยังเจอแต่คำพูดส่อเสียดให้เหนื่อยใจ
ตื่นมารู้สึกหดหู่ ไม่อยากไปทำงาน ไม่มีความสุขกับงาน
หนูเรียนมาสามปีเพื่อที่จะรอมีวันนี้
และนี่คืองานแรกในชีวิตของหนู
หนูรู้ว่ามันเสียเปล่ามากเลยค่ะ
หนูตั้งใจเรียน เพื่อมาทำงานที่หนูไม่ชอบ
หลังจากนี้หนูคงรู้ตัวว่าหนูไม่ชอบงานนี้ไปอีกตลอดชีวิต
การที่หนูได้ฝึกงานเป็นครั้งแรกและเป็นงานที่ไม่ชอบ ไม่มีโอกาสได้เลือก
มันเปลี่ยนชีวิต ความคิดและทัศคติหนูไปเลยค่ะ
[ระบาย] รู้สึกแย่มากตั้งแต่ได้ฝึกงานกับสายการบินนี้
หนูได้มีโอกาสฝึกงานกับสายการบินชื่อดังแห่งหนึ่ง
ซึ่งการได้เข้าฝึกงานที่นี่ ไม่ได้เป็นไปตามที่ได้ตกลงกันแต่แรก
ตอนที่สัมภาษณ์ได้มีการอธิบายการทำงานในแผนกและถามว่าต้องการทำแผนกใด
หลังจากผลสัมภาษณ์ออก คือผ่านการสัมภาษณ์และจะได้ฝึกงานในแผนกที่ต้องการ
ก่อนเริ่มฝึกงาน ได้มีการทำขอเอกสารใบส่งตัวเพื่อฝึกงาน โดยระบุช่วงเวลาและแผนก
ซึ่งทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีค่ะ
เมื่อถึงวันที่ต้องไปที่บริษัทวันแรกทุกอย่างกลับไม่เป็นแบบนั้น
หนูได้อยู่ในแผนกที่ไม่ได้เลือกไว้แต่แรก
และหลายคนที่โดนส่งไปแผนกต่างๆที่ไม่ได้ตกลงกันไว้แต่แรก
พวกเราไม่สามารถโต้แย้งใดๆได้ทั้งสิ้น
เพราะคนที่เลือกแผนกได้พูดว่า น้องๆไม่สามารถเลือกแผนกหรือเปลี่ยนแผนกได้นะคะ
ถ้าทะเลาะกับสตาฟ พี่แม่บ้าน หรือมีปัญหาเยอะ จะส่งกลับทันทีค่ะ
(คนที่สัมภาษณ์กับคนที่เลือกแผนกให้คนละคนกันค่ะ)
ตอนนั้นในใจก็คิดว่า นี่เราคิดถูกหรือคิดผิด
เพราะไม่เคยมีข้อมูลแผนกอื่นอยู่ในหัวเลยค่ะ แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไรแค่นี้เอง จิ๊บๆ
เราเลือกฝึกงานกับสายการบินนี้เพราะตอนสัมภาษณ์ทุกอย่างคือโอเคมาก คนสัมภาษณ์ใจดี
แถมยังได้มีโอกาสได้เลือกฝึกงานในแผนกที่เราสนใจอีก แหม อะไรจะดีขนาดนั้น
(ผ่านสัมภาษณ์สายการบินอื่นด้วยค่ะ แต่สุดท้ายเลือกที่นี่เพราะเหตุผลด้านบนเลยค่ะ)
วันแรกของการทำงาน
รับรู้ทันทีเลยค่ะว่า คิดผิดมากกกกกกกกกก
เป็นแผนกที่ไม่ชอบเลยและไม่มีโอกาสได้เลือกงาน
ได้ตารางงานมาคือส่วนใหญ่จะได้ทำงานวันละ 9-10ชั่วโมงค่ะ
ซึ่งลักษณะการทำงานที่นี่คือ ยืนทำงานค่ะ ยืนและเดินตรวจของ คอยเช็คของ
ไม่ได้นั่งเลยค่ะ แม้แต่ช่วงกลางวันพักกินข้าว ถ้ากินข้าวที่นี่ก็ต้องยืนกินค่ะ
ที่นี่ไม่มีพักกลางวันค่ะ
*แล้วแต่สตาฟบางคนด้วยค่ะ บางคนก็ใจดี ปล่อยกินข้าวกลางวัน 1ชั่วโมงบ้าง 40นาทีบ้าง
บางคนไม่ปล่อยไปกินเลยก็มีค่ะ เพราะเคยมีคนลงไปกินข้าวที่โรงอาหารแล้วโดนพี่สตาฟด่าก็มี
เหนื่อยใจกับสตาฟที่นี่มากกกก
พี่สตาฟขี้วีนขี่เหวี่ยงมาก แบบบางทีเรื่องไม่เป็นเรื่องเหมือนแต่คอยจ้องจะหาเรื่องด่า
สอนแบบขอไปที พอทำด้วยตัวเองแล้วไม่ถูก ก็โดนด่าว่าทำไมไม่ถาม
ถามมากๆก็โดนด่าว่า สอนครั้งเดียวไม่รู้จักจำเหรอ ที่นี่อะสอนครั้งเดียวพูดครั้งเดียวให้รู้เรื่อง
อันไหนสตาฟยังไม่เคยสอน ก็จะบอกว่า ถ้ายังไม่เคยสอนก็หัดเรียนรู้ด้วยตัวเองบ้าง
หัดสังเกตุบ้าง ถามเพื่อนถามคนอื่นบ้าง และอีกสารพัดคำพูด
สตาฟบางคนก็พูดจาขึ้นขึ้นกู
น้อยคนมากๆค่ะ ที่สอนงานละเอียดๆ ค่อยๆพูดค่อยๆสอน พูดจาดี
วันไหนเจอสตาฟใจดี รู้สึกดีมากกกกกกกก
นอกเหนือจากนั้นคือพี่แม่บ้านที่นี่ค่ะ
เข้างานมาไม่เคยมีใครสอนงานเลยค่ะ ทั้งๆที่งานที่ทำคือต้องติดต่อกับส่วนนี้ด้วย
พอไปถาม ก็จะบอกว่า ไม่รู้ พอทำผิดก็โดนด่าค่ะ
บางคนก็คอยพูดแซะ นินทาเจ้านาย
วันไหนทำงานในส่วนครัว เหนื่อยใจมากค่ะ
รายละเอียดยิบย่อยยังมีอีกเยอะค่ะ
แต่คร่าวๆคือ ไม่ชอบงาน เหนื่อยงานแล้วยังต้องเหนื่อยคนอีก
พ่อแม่หนูส่งเรียนสูงๆเพื่อหวังว่าจะมีโอกาสได้เลือกงานดีๆทำ
ทำไมหนูถึงไม่มีโอกาสได้เลือกอะไรเลยคะ ถ้าหนูเลือกได้ คงไม่อยากทำงานที่ไม่ชอบ
และไม่อยากเจอสังคมแบบนี้
ยืนทำงานงกๆ วันละเกือบ10ชั่วโมง
ฝึกงานเงินก็ไม่ได้สักบาท ข้าวที่สนามบินก็แพง
ยังเจอแต่คำพูดส่อเสียดให้เหนื่อยใจ
ตื่นมารู้สึกหดหู่ ไม่อยากไปทำงาน ไม่มีความสุขกับงาน
หนูเรียนมาสามปีเพื่อที่จะรอมีวันนี้
และนี่คืองานแรกในชีวิตของหนู
หนูรู้ว่ามันเสียเปล่ามากเลยค่ะ
หนูตั้งใจเรียน เพื่อมาทำงานที่หนูไม่ชอบ
หลังจากนี้หนูคงรู้ตัวว่าหนูไม่ชอบงานนี้ไปอีกตลอดชีวิต
การที่หนูได้ฝึกงานเป็นครั้งแรกและเป็นงานที่ไม่ชอบ ไม่มีโอกาสได้เลือก
มันเปลี่ยนชีวิต ความคิดและทัศคติหนูไปเลยค่ะ