10 ชั่วโมงรอต่อเครื่องบินที่โอซาก้า (ครั้งแรกในชีวิต)
ต่อเนื่องจากกระทู้ ขอวีซ่า J-1 ของผมกับเพื่อน(ไอ้จอมป่วน) วันนี้ก็ได้มาถึงวันเดินทางจริงๆแล้ว
ด้วยบรรยากาศอันอบอุ่นด้วยการมาส่งของครอบครัว อาจารย์ และเพื่อนๆ ด้วยความต้องการของเรากับเพื่อนที่จะถือโอกาสไปแว๊นกันที่ญี่ปุ่นสักครั้งในชีวิต เลยเลือกการเดินทางกับสายการบินของญี่ปุ่น(แจแปนแอร์ไลน์) เที่ยวบินของเราคือ JL 0728 BKK-KIX (22.55-06.00) ถือว่าเลือกเวลาได้เหมาะกันเลยทีเดียว สำหรับการมีเวลารอต่อเครื่อง 10 ชั่วโมง
เมื่อมาถึงสนามบินนานาชาติคันไซก่อนเครื่องจะร่อนลงจอดที่สนามบิน สิ่งแรกที่พวกผมเห็นตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินคือ ฝนครับ แต่ฝนก็ไม่สามารถล้มเลิกความตั้งใจที่จะได้เห็นเมืองญี่ปุ่นสักครั้งในชีวิตของพวกเราได้ 555+
พอเครื่องบินลงจอดประตูเครื่องบินเปิด พวกเราก็เดินออกจากเครื่องบินเข้ามายังอาคารผู้โดยสาร เดินตามป้ายบอกทางมาเรื่อยๆ ก็จะเจอรถไฟ รับ-ส่ง ผู้โดยสารระหว่างอาคารผู้โดยสารครับพอมาถึงอาคารหลักพวกเราก็เดินผ่านเข้ามาจนเจอกับด่าน ตม. เลย(ไม่ได้รอคิวเพราะในตอนนั้นคนว่างมากเนื่องจากผมกับเพื่อนมาถึง ตม. เป็นกลุ่มแรก)
พอผมกับเพื่อนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาได้ ก็มุ่งหน้าเดินตามป้ายบอกทางตรงไปยังสถานีรถไฟที่เชื่อมติดอยู่กับอาคารหลักของสนามบินเพื่อจะเริ่มการผจญภัยในญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต ผมและเพื่อนได้เลือกการเดินทางและการท่องเที่ยวในสายการเดินรถไฟ JR Loop โดยการเลือกซื้อตั๋วแบบ 1 Day pass (2300 เยน) ขณะซื้อตั๋วพวกเราก็ยังไม่รู้ว่าจะเดินทางกันไปยังไงกับรถไฟที่มีเส้นทางการเดินรถไฟอย่างกะใยแมงมุม 555+ ในเมื่อเราไม่รู้เราก็ต้องถามผู้รู้สิครับ 55 เลยตัดสินใจถามเจ้าหน้าที่ขายตั๋ว พนักงานน่ารักมากครับยิ้มแย้ม และพยายามอธิบายให้เราฟังแถมยังเขียนแผนที่ให้ด้วยอีกต่างหาก (เอาเข้าจริงๆแล้วระบบการขึ้นรถไฟและการเปลี่ยนสถานี ไม่ได้ยากอย่างที่ผมคิดเลย ผมและเพื่อนมากันครั้งแรกยังไม่หลง เพื่อนๆ ที่สนใจจะใช้บริการรถไฟในญี่ปุ่นครั้งแรกก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวล)
จุดหมายแรกของพวกเราคือ ปราสาทโอซาก้า
ตลอดการเดินทางในญี่ปุ่นในช่วงเช้าเป็นไปอย่างทุลักทุเลเนื่องมาจากสภาพอากาศที่ไม่ค่อยจะเป็นใจนัก แต่ทว่าแล้วก็ไม่มีอะไรสามารถมาหยุดความตั้งใจของพวกเราได้ ผมและเพื่อนมาถึงปราสาทโอซาก้าประมาณ ราวๆ 9.30 น. เป็นช่วงเช้าที่ฝนยังตกก่อนอื่นพวกเราเลยต้องไปหาซื้อร่มกับเสื้อกันฝนก่อน ก็ซื้อได้ที่ร้าน 7-11 สถานีรถไฟใกล้ๆกับปราสาทโอซาก้านั่นแหละครับ พอได้ร่มแล้วก็ต้องประสบกับปัญหาอีกชนิดก็คือ “ความหิวและความหนาว” ว่าด้วยเรื่องความหนาวและการหิวมันช่างไม่เคยปราณีให้กับผมและเพื่อนเลยในการเดินทางผ่านมาญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิตของพวกเรา 55 แต่ก็อย่างว่าครับ “ถ้าใจต้องการ คนเราย่อมพยามไขว่คว้า” เดินตากฝนมาได้แป๊บเดียวก็เจอร้านกาแฟสตาร์บัค พวกเราก็ตัดสินใจได้ในทันที ในสภาพอากาศที่พวกเรากำลังเผชิญกันอยู่ตอนนี้คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่ากาแฟร้อนๆสักแก้วกับของกินออะไรก็ได้ที่พอจะคลายความหิวให้เราได้บ้างในขณะนี้ พอร่างกายอบอุ่นความหิวทุเลาลงบ้างแล้วก็ได้เวลาออกเดินไปยังเป้าหมายแรกของเรา ซึ่งก็ไม่ได้ไกลจากร้านกาแฟสักเท่าไหร่ พอเดินมาถึงบริเวณปราสาทโอซาก้าก็ทำให้เราได้ตื่นตา ตื่นใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยความอลังการงานสร้างของตัวปราสาทเองและการออกแบบของสถาปนิกในสมัยก่อนทำให้เราอึ้งกันอยู่ไม่น้อย ด้วยบริเวณตัวปราสาทรอบรอบไปด้วยน้ำเปรียบเสมือนดั่งให้น้ำเป็นด่านปราการแรกก่อนที่จะเข้าไปถึงตัวปราสาทได้ พวกเราใช้เวลาเดินเล่น ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันอยู่สักพักเผลอแป๊บเดียวก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ผมเลยมองหน้าไอ้เจ้าเพื่อนตัวป่วนของผมแล้วถามมันว่า “เที่ยวบินต่อไปของเราเวลา 18.00น. เราต้องกลับไปให้ทันเช็คอิน เราจะไปต่อกันไหมหรือจะพักไว้ก่อนแค่นี้ ?...ไอ้เจ้าเพื่อนของผมก็เป็นคนใจง่าย ปากเบาเอาซ่ะเหลือเกิน มันตอบอย่างไม่ต้องคิดเลย “ไปเที่ยวต่อสิรออะไร 555”” สถานีต่อไปของพวกเราคือ....
“นัมบะ” หลังจากสาวเท้าก้าวเดินกันอย่างเร่งรีบเพื่อมาขึ้นรถไฟให้ทัน พวกเราก็มาถึงย่านนัมบะ ซึ่งเดินเท้าออกมาจากสถานีรถไฟไม่ไกลนัก สิ่งแรกที่พอจะจำได้จากเพื่อนๆ และอาจารย์แนะนำมาคือ ต้องมาหาของกินที่นี่ ได้แก่ต้องมากินทาโกยากิให้ได้(คนต่อคิวกันยาวมาก 555 อร่อยจริงจังมาก) และก็ต้องมาหาราเม้งร้อนๆซดให้คลายหนาว(ด้วยที่ผมกับเพื่อนมาญี่ปุ่นครั้งแรกไม่รู้ว่าร้านอาหารพวกราเม้งส่วนมากจะต้องจ่ายเงินหรือสั่งอาหารที่เครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ 555 หัวเราและขำตัวเองหนักมาก) ราเม้งอร่อยมากครับและมีราคาถูกมากด้วย พอกินเสร็จเราก็เดินเล่นถ่ายรูปกันอยู่สักพัก มองนาฬิกาก็เกือบจะบ่ายสามแล้ว เลยตัดสินใจที่จะหยุดทิปเที่ยวญี่ปุ่นกันไว้แค่นี้ก่อน เพื่อที่จะรีบกลับไปสนามบินให้ทันเวลา
พอเดินมาถึงสถานีรถไฟแล้ว ผมและเพื่อนก็ตรงขึ้นไปนั่งรอบนรถไฟที่จอดรออยู่แล้ว พอนั่งไปได้สักพักก็เริ่มแปลกใจทำไมรถไฟยังไม่ออกทั้งๆที่ถึงเวลาแล้ว ผ่านไป 5,10,15,20 นาที ก็ยังไม่ออกระว่างรอนาทีที่10-20 ก็ได้ยินประกาศเป็นช่วงๆ ด้วยความไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเอาซ่ะเลย ก็เลยไม่ทราบถึงประกาศนั้นๆ มองดูนาฬิกาตอนนั้นก็เวลาประมาณเกือบ 16.00 น. ก็เริ่มใจสั่นกลัวจะไม่ทันเที่ยวบินเข้าให้ 555+ เลยตัดสินใจเดินออกจากรถไฟไปถามนายสถานี ได้ความว่ารถไฟสาย JR สายที่ใช้บริการอยู่นี้หยุดให้บริการชั่วคราว ว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่มีลมแรง(หัวใจของผมตอนนั้นหยุดเต้นไปชั่วขณะเลยก็ว่าได้ นึกถึงคำเตือนของอาจารย์ เพื่อน และน้องในทันที ว่าค่าแท็กซี่ญี่ปุ่นแพงมาก 55)พอตั้งสติได้ก็เลยบอกนายสถานีว่า พอจะมีการเดินทางด้วยวิธีอื่นไหมพวกเราต้องไปให้ทันเที่ยวบินเวลา 18.00 น. นี้ นายสถานีเลยกลับเข้าไปที่โต๊ะทำงานแล้วกลับออกมาบอกกับพวกเราว่า “ยังมีรถไฟอีกสายที่มีชื่อประมาณว่า แอร์พอร์ตลิ้งยังให้บริการได้ในขณะนี้ (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะสายสีแดงหรือส้มประมาณนั้นครับ) จะออกในอีก 15 นาที พวกคุณสามารถใช้ตั๋ว JR pass ของพวกคุณแทนได้ อยู่ห่างจากสถานีไม่ไกลนัก สามารถเดินตามป้ายบอกทางไปได้” จากนั้นพวกผมก็รีบกล่าวคำขอบคุณ หลังจากนั้นก็ออกวิ่งกันอย่างไม่หันกลับมามองหลังกันเลยทีเดียว 555+ วิ่งไปหยุดถามทางไปพลางๆ พอมาถึงสถานีดีใจมากครับรีบมองหาหมายเลขขบวนรถตามนายสถานีบอก แล้วค่อยๆเดินอย่างหอบไปขึ้นรถไฟอย่างทุลักทุเล รถไฟสายนี้ใช้เวลาวิ่งจากสถานีต้นทางที่เราเปลี่ยนมาใช้บริการประมาณ 45 นาที ก็ถึงสนามบินนานาชาติคันไซ ผมและไอ้เพื่อนตัวป่วนของผมมาถึงสนามบินคันไซเวลาราวๆ 17.00 น. โดยประมาณ และก็รีบเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ของแจแปนแอร์ไลน์หลังจากนั้นก็รีบตรงไปยังประตูขึ้นเครื่องในทันที
ในกระทู้นี้ของผมซึ่งเป็นกระทู้ที่สองในชีวิต ขอขอบพระคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เข้ามาอ่านกระทู้ของผม ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ หากมีเวลาผมจะนำประสบการณ์การใช้ชีวิตใน อเมริกา และใน California Polytechnic State San Luis Obispo ตลอดสถานที่ท่องเที่ยวในอเมริกาที่ผมและเพื่อนได้ไปเที่ยวประสบพบเจอมา
บรรยากาศโดยรวมของการเดินทางของผม
https://drive.google.com/open?id=1uuKEqVWhLvoSLxgtuQKkvPKm-mcinzLP
มีเวลา 10 ชั่วโมงรอต่อเครื่องบินที่โอซาก้า
ต่อเนื่องจากกระทู้ ขอวีซ่า J-1 ของผมกับเพื่อน(ไอ้จอมป่วน) วันนี้ก็ได้มาถึงวันเดินทางจริงๆแล้ว
ด้วยบรรยากาศอันอบอุ่นด้วยการมาส่งของครอบครัว อาจารย์ และเพื่อนๆ ด้วยความต้องการของเรากับเพื่อนที่จะถือโอกาสไปแว๊นกันที่ญี่ปุ่นสักครั้งในชีวิต เลยเลือกการเดินทางกับสายการบินของญี่ปุ่น(แจแปนแอร์ไลน์) เที่ยวบินของเราคือ JL 0728 BKK-KIX (22.55-06.00) ถือว่าเลือกเวลาได้เหมาะกันเลยทีเดียว สำหรับการมีเวลารอต่อเครื่อง 10 ชั่วโมง
เมื่อมาถึงสนามบินนานาชาติคันไซก่อนเครื่องจะร่อนลงจอดที่สนามบิน สิ่งแรกที่พวกผมเห็นตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินคือ ฝนครับ แต่ฝนก็ไม่สามารถล้มเลิกความตั้งใจที่จะได้เห็นเมืองญี่ปุ่นสักครั้งในชีวิตของพวกเราได้ 555+
พอเครื่องบินลงจอดประตูเครื่องบินเปิด พวกเราก็เดินออกจากเครื่องบินเข้ามายังอาคารผู้โดยสาร เดินตามป้ายบอกทางมาเรื่อยๆ ก็จะเจอรถไฟ รับ-ส่ง ผู้โดยสารระหว่างอาคารผู้โดยสารครับพอมาถึงอาคารหลักพวกเราก็เดินผ่านเข้ามาจนเจอกับด่าน ตม. เลย(ไม่ได้รอคิวเพราะในตอนนั้นคนว่างมากเนื่องจากผมกับเพื่อนมาถึง ตม. เป็นกลุ่มแรก)
พอผมกับเพื่อนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาได้ ก็มุ่งหน้าเดินตามป้ายบอกทางตรงไปยังสถานีรถไฟที่เชื่อมติดอยู่กับอาคารหลักของสนามบินเพื่อจะเริ่มการผจญภัยในญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต ผมและเพื่อนได้เลือกการเดินทางและการท่องเที่ยวในสายการเดินรถไฟ JR Loop โดยการเลือกซื้อตั๋วแบบ 1 Day pass (2300 เยน) ขณะซื้อตั๋วพวกเราก็ยังไม่รู้ว่าจะเดินทางกันไปยังไงกับรถไฟที่มีเส้นทางการเดินรถไฟอย่างกะใยแมงมุม 555+ ในเมื่อเราไม่รู้เราก็ต้องถามผู้รู้สิครับ 55 เลยตัดสินใจถามเจ้าหน้าที่ขายตั๋ว พนักงานน่ารักมากครับยิ้มแย้ม และพยายามอธิบายให้เราฟังแถมยังเขียนแผนที่ให้ด้วยอีกต่างหาก (เอาเข้าจริงๆแล้วระบบการขึ้นรถไฟและการเปลี่ยนสถานี ไม่ได้ยากอย่างที่ผมคิดเลย ผมและเพื่อนมากันครั้งแรกยังไม่หลง เพื่อนๆ ที่สนใจจะใช้บริการรถไฟในญี่ปุ่นครั้งแรกก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวล)
จุดหมายแรกของพวกเราคือ ปราสาทโอซาก้า
ตลอดการเดินทางในญี่ปุ่นในช่วงเช้าเป็นไปอย่างทุลักทุเลเนื่องมาจากสภาพอากาศที่ไม่ค่อยจะเป็นใจนัก แต่ทว่าแล้วก็ไม่มีอะไรสามารถมาหยุดความตั้งใจของพวกเราได้ ผมและเพื่อนมาถึงปราสาทโอซาก้าประมาณ ราวๆ 9.30 น. เป็นช่วงเช้าที่ฝนยังตกก่อนอื่นพวกเราเลยต้องไปหาซื้อร่มกับเสื้อกันฝนก่อน ก็ซื้อได้ที่ร้าน 7-11 สถานีรถไฟใกล้ๆกับปราสาทโอซาก้านั่นแหละครับ พอได้ร่มแล้วก็ต้องประสบกับปัญหาอีกชนิดก็คือ “ความหิวและความหนาว” ว่าด้วยเรื่องความหนาวและการหิวมันช่างไม่เคยปราณีให้กับผมและเพื่อนเลยในการเดินทางผ่านมาญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิตของพวกเรา 55 แต่ก็อย่างว่าครับ “ถ้าใจต้องการ คนเราย่อมพยามไขว่คว้า” เดินตากฝนมาได้แป๊บเดียวก็เจอร้านกาแฟสตาร์บัค พวกเราก็ตัดสินใจได้ในทันที ในสภาพอากาศที่พวกเรากำลังเผชิญกันอยู่ตอนนี้คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่ากาแฟร้อนๆสักแก้วกับของกินออะไรก็ได้ที่พอจะคลายความหิวให้เราได้บ้างในขณะนี้ พอร่างกายอบอุ่นความหิวทุเลาลงบ้างแล้วก็ได้เวลาออกเดินไปยังเป้าหมายแรกของเรา ซึ่งก็ไม่ได้ไกลจากร้านกาแฟสักเท่าไหร่ พอเดินมาถึงบริเวณปราสาทโอซาก้าก็ทำให้เราได้ตื่นตา ตื่นใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยความอลังการงานสร้างของตัวปราสาทเองและการออกแบบของสถาปนิกในสมัยก่อนทำให้เราอึ้งกันอยู่ไม่น้อย ด้วยบริเวณตัวปราสาทรอบรอบไปด้วยน้ำเปรียบเสมือนดั่งให้น้ำเป็นด่านปราการแรกก่อนที่จะเข้าไปถึงตัวปราสาทได้ พวกเราใช้เวลาเดินเล่น ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันอยู่สักพักเผลอแป๊บเดียวก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ผมเลยมองหน้าไอ้เจ้าเพื่อนตัวป่วนของผมแล้วถามมันว่า “เที่ยวบินต่อไปของเราเวลา 18.00น. เราต้องกลับไปให้ทันเช็คอิน เราจะไปต่อกันไหมหรือจะพักไว้ก่อนแค่นี้ ?...ไอ้เจ้าเพื่อนของผมก็เป็นคนใจง่าย ปากเบาเอาซ่ะเหลือเกิน มันตอบอย่างไม่ต้องคิดเลย “ไปเที่ยวต่อสิรออะไร 555”” สถานีต่อไปของพวกเราคือ....
“นัมบะ” หลังจากสาวเท้าก้าวเดินกันอย่างเร่งรีบเพื่อมาขึ้นรถไฟให้ทัน พวกเราก็มาถึงย่านนัมบะ ซึ่งเดินเท้าออกมาจากสถานีรถไฟไม่ไกลนัก สิ่งแรกที่พอจะจำได้จากเพื่อนๆ และอาจารย์แนะนำมาคือ ต้องมาหาของกินที่นี่ ได้แก่ต้องมากินทาโกยากิให้ได้(คนต่อคิวกันยาวมาก 555 อร่อยจริงจังมาก) และก็ต้องมาหาราเม้งร้อนๆซดให้คลายหนาว(ด้วยที่ผมกับเพื่อนมาญี่ปุ่นครั้งแรกไม่รู้ว่าร้านอาหารพวกราเม้งส่วนมากจะต้องจ่ายเงินหรือสั่งอาหารที่เครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ 555 หัวเราและขำตัวเองหนักมาก) ราเม้งอร่อยมากครับและมีราคาถูกมากด้วย พอกินเสร็จเราก็เดินเล่นถ่ายรูปกันอยู่สักพัก มองนาฬิกาก็เกือบจะบ่ายสามแล้ว เลยตัดสินใจที่จะหยุดทิปเที่ยวญี่ปุ่นกันไว้แค่นี้ก่อน เพื่อที่จะรีบกลับไปสนามบินให้ทันเวลา
พอเดินมาถึงสถานีรถไฟแล้ว ผมและเพื่อนก็ตรงขึ้นไปนั่งรอบนรถไฟที่จอดรออยู่แล้ว พอนั่งไปได้สักพักก็เริ่มแปลกใจทำไมรถไฟยังไม่ออกทั้งๆที่ถึงเวลาแล้ว ผ่านไป 5,10,15,20 นาที ก็ยังไม่ออกระว่างรอนาทีที่10-20 ก็ได้ยินประกาศเป็นช่วงๆ ด้วยความไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเอาซ่ะเลย ก็เลยไม่ทราบถึงประกาศนั้นๆ มองดูนาฬิกาตอนนั้นก็เวลาประมาณเกือบ 16.00 น. ก็เริ่มใจสั่นกลัวจะไม่ทันเที่ยวบินเข้าให้ 555+ เลยตัดสินใจเดินออกจากรถไฟไปถามนายสถานี ได้ความว่ารถไฟสาย JR สายที่ใช้บริการอยู่นี้หยุดให้บริการชั่วคราว ว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่มีลมแรง(หัวใจของผมตอนนั้นหยุดเต้นไปชั่วขณะเลยก็ว่าได้ นึกถึงคำเตือนของอาจารย์ เพื่อน และน้องในทันที ว่าค่าแท็กซี่ญี่ปุ่นแพงมาก 55)พอตั้งสติได้ก็เลยบอกนายสถานีว่า พอจะมีการเดินทางด้วยวิธีอื่นไหมพวกเราต้องไปให้ทันเที่ยวบินเวลา 18.00 น. นี้ นายสถานีเลยกลับเข้าไปที่โต๊ะทำงานแล้วกลับออกมาบอกกับพวกเราว่า “ยังมีรถไฟอีกสายที่มีชื่อประมาณว่า แอร์พอร์ตลิ้งยังให้บริการได้ในขณะนี้ (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะสายสีแดงหรือส้มประมาณนั้นครับ) จะออกในอีก 15 นาที พวกคุณสามารถใช้ตั๋ว JR pass ของพวกคุณแทนได้ อยู่ห่างจากสถานีไม่ไกลนัก สามารถเดินตามป้ายบอกทางไปได้” จากนั้นพวกผมก็รีบกล่าวคำขอบคุณ หลังจากนั้นก็ออกวิ่งกันอย่างไม่หันกลับมามองหลังกันเลยทีเดียว 555+ วิ่งไปหยุดถามทางไปพลางๆ พอมาถึงสถานีดีใจมากครับรีบมองหาหมายเลขขบวนรถตามนายสถานีบอก แล้วค่อยๆเดินอย่างหอบไปขึ้นรถไฟอย่างทุลักทุเล รถไฟสายนี้ใช้เวลาวิ่งจากสถานีต้นทางที่เราเปลี่ยนมาใช้บริการประมาณ 45 นาที ก็ถึงสนามบินนานาชาติคันไซ ผมและไอ้เพื่อนตัวป่วนของผมมาถึงสนามบินคันไซเวลาราวๆ 17.00 น. โดยประมาณ และก็รีบเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ของแจแปนแอร์ไลน์หลังจากนั้นก็รีบตรงไปยังประตูขึ้นเครื่องในทันที
ในกระทู้นี้ของผมซึ่งเป็นกระทู้ที่สองในชีวิต ขอขอบพระคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เข้ามาอ่านกระทู้ของผม ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ หากมีเวลาผมจะนำประสบการณ์การใช้ชีวิตใน อเมริกา และใน California Polytechnic State San Luis Obispo ตลอดสถานที่ท่องเที่ยวในอเมริกาที่ผมและเพื่อนได้ไปเที่ยวประสบพบเจอมา
บรรยากาศโดยรวมของการเดินทางของผม https://drive.google.com/open?id=1uuKEqVWhLvoSLxgtuQKkvPKm-mcinzLP