ขี่แล้วมาเล่า EP-3 กับ Honda CB300R
สวัสดีครับผู้อ่านทุกๆคนเลยครับ พบกันอีกแล้วใน “ขี่แล้วมาเล่า EP-3 กับ Honda CB300R” หลังจากที่ห่างไปนาน ตัวนี้คือรุ่นที่คลอดออกมาทีหลังตามเจ้า Honda CB150R มาแบบไม่ห่างนัก โดยภาพรวม รูปร่างหน้าตาจะละม้ายคล้ายตัว Honda CB150R อยู่มาก แต่ถ้ามองในรายละเอียดจะเห็นจุดที่แตกต่างกันค่อนข้างเยอะครับ เราไปดูกันว่ามันมีอะไรบ้าง

ภาพแรกจะเห็นเรื่องสีที่มีความต่างกันครับ 1.ดำ, 2.เทา/ดำ, 3.แดง/ดำ ครับ ซึ่งแดงจะคนละแดงกับตัว 150R คันที่ได้มาทดลองขับขี่คือสีแดง จะเรียกว่าแดงเลือดหมูก็ได้ ตัวกุญแจเหมือนกันแต่ ไม่มีชิพอย่างที่บางคนแอบหวังไว้ อ่ะว่ากันด้วยรูปร่างหน้าตา มันสวยนะแม้จะคล้าย CB150R ก็ตามชุดเปลือกทั้งคันออกแบบมีความเป็นเหลี่ยมสันมีมุมเยอะขึ้น ดูดุดัน ตัวรถจะดูแน่นขึ้น บึกบึนขึ้นคงเพราะมีเครื่องยนต์ขนาด 286cc. ประจำการอยู่ มีหม้อน้ำขนาดใหญ่ที่เห็นชัดเจนขึ้น มีคอท่อไอเสียและปลายท่อไอเสียขนาดใหญ่มาก ที่ออกแบบมาได้สวยและแน่นอนเงียบกริบครับ อกไก่ทรงสวย บังโคลนหลังที่มีความยาวมาก ทรงสปอร์ตสุดๆ ล้อแม็คลายสวย จับคู่กับยาง Dunlop Sport Max ขนาด 110/70 R17 ในล้อหน้า และ 150/60 R17 ก็ขนาดเดียวกับเจ้า CB150R นั่นละครับ หายห่วงเรื่องเกาะถนนเกาะหนึบเลยล่ะ

รหัสความแรง บอกว่านี่ข้าคือรถคลาส 300ซีซี สูบเดียว 4จังหวะ มีความดึงดี ทำความเร็วได้สูงและเกินพอกับการใช้งานทั่วๆไปเลยครับ สำหรับผู้เขียนไม่ได้ทำการทดลองความเร็วสูงสุดนะครับแต่ได้ยินน้องๆที่เคยลองบอกว่าได้ถึง 150-160 กม./ชม. แค่นั้นก็สะท้านมือชาละครับ
แต่ผมสนใจเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองมากกว่า จากการที่ได้ลองจับ ในการขับขี่ใช้งานในทุกๆช่วงเวลาทั้งชั่วโมงเร่งด่วนเช้าและเย็นๆ เวลากลางวัน และดึกๆ เฉลี่ยออกมาได้ที่ ราวๆ 30-37 กม./ลิตร ครับ นี่คือขี่แบบไม่ลากรอบจนสัญญาณไฟชิพไลท์เตือนนะครับ เน้นขี่เรื่อยๆไปชิวๆอาจจะมีรอบสูงบ้างนิดๆหน่อยๆเท่านั้น
หน้าจอแสดงผลที่จำเป็นต้องรู้ครับเช่นอัตราการกินน้ำมัน, ระดับน้ำมัน, ค่าเฉลี่ยต่างๆ ก็ครบแหละแต่ที่แปลกไปคือไม่มีบอกตำแหน่งเกียร์เหมือนตัว 150R ครับ เค้าให้เป็นบอกอุณหภูมิเครื่องยนต์มาแทนซะงั้นอารมณ์ประมาณว่าให้ดูสปอร์ต เพราะรถแนวสปอร์ตหรือรถใหญ่ส่วนมากไม่ค่อยมีบอกเกียร์กันแต่บางรุ่นมีนะ อ่ออีกจุดที่งงคือพักเท้าผู้ขับขี่แบบมียางหุ้ม ออกไปแนวรถบ้านซะงั้นสลับกับตัว CB150R ที่พักเท้าผู้ขับขี่เป็นแบบเปลือยซึ่งดูสปอร์ตมากกว่า
ระบบไฟส่องสว่างรอบคันเป็น LED หมดเลยทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ให้ความสว่างมากๆจริงๆ แต่ว่าเรื่องทิศทางของแสงที่ส่องลงพื้นผมว่ายังน้อยไปหน่อย ถ้าแก้ไขตรงจุดนี้ได้จะช่วยเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ยามค่ำคืนได้มากขึ้นอีกเยอะครับ

จากภาพจะเห็นได้ชัดว่ามีความเป็นเหลี่ยมมุมมากๆบริเวณถังน้ำมันซึ่งเราต้องคร่อมและหนีบถังไว้เวลาขับขี่เพื่อการควบคุมรถที่ดีมีประสิทธิภาพ แต่มันทำให้ขามีอาการปวดจากการที่ มุมของถังในรูปมันกดมาที่ต้นขาด้านในที่เราหนีบถังไว้ แม้จะไม่ได้หนีบด้วยแรงที่มากมายอะไรแต่ยิ่งนานไปยิ่งรู้สึกได้ ในจุดนี้อาจจะต่างกันไปแล้วแต่สรีระของผู้ขับขี่แต่ละคนด้วยนะครับ

อีกหนึ่งจุดที่ชอบมากคือรุ่นนี้มีตาแมวมาให้ด้วย ทำให้ง่ายในการตรวจเช็คระดับและสีของน้ำมันเครื่องเพื่อที่จะทำการเปลี่ยนถ่ายได้ถูกต้องตามระยะเวลาที่เหมาะสมครับ เพราะในรถหลายๆรุ่นของค่ายนี้ไม่มีมาให้

โช้คหน้าแบบหัวกลับ (Up Side Down) ขนาดใหญ่ของ Showa ยี่ห้อนี้รับประกันความแจ่มและมีขนาดใหญ่ถึง 41มิลลิเมตร เทียบเท่ากับรถขนาดใหญ่ร่วมค่ายเลย กระบอกเป็นสีเงิน ที่ทำเอาหลายคนผิดหวังเพราะมักจะชื่นชอบความหรูหราดูแพงของสีทองมากกว่า แต่ยังไงก็ทำให้ดูบึกบึนขึ้นดูแพงขึ้นล่ะนะ, ดิสก์เบรกหน้าขนาด 296มม. แบบแยกชิ้น ใหญ่มากครับ และดูหล่อ, ชุดปั้มเบรคล่างด้านหน้าแบบรถขนาดใหญ่ ที่เรียกกันว่า เรเดียลเมาท์ ของ Nissin 4ลูกสูบ และปั้มเบรกหลัง Nissin 1ลูกสูบ
สำหรับรถพิกัดนี้ประสิทธิภาพไม่ต้องถามครับมันดีเกินตัวจริงๆ แต่ด้วยกำลังของเครื่องยนต์ที่มากขึ้นการทำความคุ้นเคยกับระบบเบรคเป็นอีกเรื่องที่สำคัญเพราะคนที่เคยขี่รถขนาดเล็กกว่านี้มาก่อนอย่างตัว CB150R นั้นจะกำลังในการเบรกน้อยก็สามารถชะลอความเร็วหรือหยุดรถได้ง่ายๆ แต่พอเป็นตัว CB300R จะต้องปรับกันใหม่ต้องใช้กำลังเยอะขึ้นตามไปด้วย จึงเป็นข้อควรระวังครับเสียดายน่าจะทำมาให้ปรับระดับได้ซักนิดก็ยังดี

ระบบเบรกABS และ G-Sensor ที่มีมาให้นั้นบอกเลยครับว่าทำงานได้ดีเกินคาดมากๆ ตอบสนองได้ไว หากใครได้ลองทดสอบในสนามจะเห็นชัดเจนเลย มันช่วยให้เราควบคุมรถในสถานการณ์ฉุกเฉินได้เป็นอย่างดีครับ จากที่ได้ไปทดสอบในสนามขับขี่ปลอดภัยของฮอนด้า ในหลายๆครั้งที่ทำการทดสอบสามารถกำเบรกหนักๆได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ทำระยะเบรกได้สั้นกว่ารถขนาดใหญ่ที่มีดิสก์แบบคู่ ขนาดใหญ่กว่า ด้วยซ้ำ แต่ตัวรถเค้าก็หนักกว่าด้วยนะครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ขับขี่เองว่าจะสามารถใช้รถใช้ระบบต่างๆได้เต็มประสิทธิภาพแค่ไหนนะครับ อ่อแต่ที่บอกว่ากันไม่ให้ล้อหลังยก มันช่วยได้มากจริงๆครับแต่ๆว่าถ้ามันเกิดขีดจำกัดของระบบแล้ว ล้อหลังมันก็ยกได้ครับ ลองมาแล้วทั้ง CB150R และเจ้านี่ CB300R

โช้คหลังนี่แหละที่หลายคนอยากได้แบบนี้คือมันปรับระดับได้ ค่าความแข็งอ่อนของสปริง Spring Pre-Load (สปริง พรี-โหลด) ได้มากถึง 7ระดับเลย ช่วยให้เราปรับค่าการทำงานของโช้คหลังให้เหมาะกับการใช้งาน เหมาะกับผู้ขับขี่ที่แตกต่างกันออกไปครับ แต่แอบเสียใจนิดถ้ามีปรับหนืด Rebound (รีบาวน์) มาให้ด้วยจะดีมากเลยจะสมราคาขึ้นไปอีกนิด แต่เท่าที่มีก็ดีละในการขับขี่ผ่านทางขรุขระไม่มีอาการกระเด้งกระดอนให้รู้สึกเลย หรือการขับขี่ผ่านคอสะพานผ่าน พื้นผิวที่มีความโค้งนูนด้วยความเร็วสูงๆ มันขึ้นลงผ่านไปได้อย่างหนึบๆ ไม่เด้งไม่ดีด มั่นใจได้มากครับ รวมๆแล้วผลมาจากโช้คหน้า-หลัง และยางที่ให้มาทำงานร่วมกันได้อย่างดีมากๆครับ

หลังจากได้ขี่บนถนนกันไปก็แล้ว ขี่ในสนามฝึกขับขี่ปลอดภัยของฮอนด้าไปก็แล้ว เรามาจบด้วยการขับขี่ในสนามฝึกขับขี่ปลอดภัยของชมรมฝึกขับขี่ปลอดภัย RC Club กันครับ ในวันนั้นมีน้องๆที่ขี่ CB150R มาร่วมฝึกด้วยพอดีเลยถือโอกาสให้ลองขี่เจ้า CB300Rด้วยเลย เท่าที่จับอาการได้ต่างกันชัดๆคือเราใช้เกียร์2 ในการฝึกขับขี่ความสั่นของเครื่องยนต์ในรอบต่ำมีมาก กำลังของเครื่องในรอบเดินเบามันต่ำเกินไปแบบไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้ดับได้ ในไลน์ฝึกแบบเดียวกัน เจ้า CB150R สามารถใช้เกียร์3 ขี่ได้ด้วยซ้ำ เรื่องการบังคับเลี้ยวแทบไม่ต่างกัน ความคล่องตัวจะพลิกซ้ายพลิกขวาทำได้อย่างคล่องแคล่ว วงเลี้ยวก็ด้วยที่แคบดีทีเดียว แต่ที่พอจะรู้สึกได้คือใช้กำลังบังคับรถมากกว่าตัว CB150Rเล็กน้อย ตำแหน่งการขับขี่ยังคงรู้สึกว่าดีมากๆมันพอเหมาะพอดีทั้งหัว, ไหล่, หลัง, แขน, มือ, สะโพก, เข่า และเท้า อยู่ในลักษณะที่พอเหมาะกระชับกับตัวรถ มีความยืดหยุ่นได้พอดิบพอดีครับ เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจในรถรุ่นนี้

สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกๆคนที่สละเวลาอ่านเรื่องเล่านี้จนจบครับ หากบกพร่องประการใดขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ ทั้งหมดมาจากความคิดเห็นและประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆครับ และหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับทุกคนที่อ่านบ้างไม่มากก็น้อยครับ ไว้มีโอกาสได้ขี่อะไรแล้วจะเอามาเล่าให้ฟังกันอีกครับผม
สามารถดูข้อมูลทางเทคนิคต่างๆของ Honda CB300R ทุกรุ่นย่อยได้จากที่นี่ครับผม
https://www.aphonda.co.th/honda2017/th/motorcycle/sport/cb300r-2018
ขอบคุณชมรมฝึกขับขี่ปลอดภัย RC Club :
https://www.facebook.com/RC-Club-287004661469743/
ขอบคุณรถจักรยานยนต์ Honda CB300R :
https://www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/
ขอบคุณหมวกนิรภัยจาก Vemar Thailand :
https://www.facebook.com/Vemarthailand/
ขอบคุณร้าน Koala Riders :
https://www.facebook.com/koalarider/
ขอบคุณทุกความสะอาดและเงางามจาก Lube71 :
https://www.facebook.com/Lube71-1514060915484997/
ขอบคุณหมวกนิรภัยจาก MT Helmets Thailand :
https://www.facebook.com/mthelmetthailand/
ขอบคุณถุงมือจาก Bering Thailand :
https://www.facebook.com/search/top/?q=bering%20thailand
[SR] ขี่แล้วมาเล่า EP-3 กับ Honda CB300R
สวัสดีครับผู้อ่านทุกๆคนเลยครับ พบกันอีกแล้วใน “ขี่แล้วมาเล่า EP-3 กับ Honda CB300R” หลังจากที่ห่างไปนาน ตัวนี้คือรุ่นที่คลอดออกมาทีหลังตามเจ้า Honda CB150R มาแบบไม่ห่างนัก โดยภาพรวม รูปร่างหน้าตาจะละม้ายคล้ายตัว Honda CB150R อยู่มาก แต่ถ้ามองในรายละเอียดจะเห็นจุดที่แตกต่างกันค่อนข้างเยอะครับ เราไปดูกันว่ามันมีอะไรบ้าง
ภาพแรกจะเห็นเรื่องสีที่มีความต่างกันครับ 1.ดำ, 2.เทา/ดำ, 3.แดง/ดำ ครับ ซึ่งแดงจะคนละแดงกับตัว 150R คันที่ได้มาทดลองขับขี่คือสีแดง จะเรียกว่าแดงเลือดหมูก็ได้ ตัวกุญแจเหมือนกันแต่ ไม่มีชิพอย่างที่บางคนแอบหวังไว้ อ่ะว่ากันด้วยรูปร่างหน้าตา มันสวยนะแม้จะคล้าย CB150R ก็ตามชุดเปลือกทั้งคันออกแบบมีความเป็นเหลี่ยมสันมีมุมเยอะขึ้น ดูดุดัน ตัวรถจะดูแน่นขึ้น บึกบึนขึ้นคงเพราะมีเครื่องยนต์ขนาด 286cc. ประจำการอยู่ มีหม้อน้ำขนาดใหญ่ที่เห็นชัดเจนขึ้น มีคอท่อไอเสียและปลายท่อไอเสียขนาดใหญ่มาก ที่ออกแบบมาได้สวยและแน่นอนเงียบกริบครับ อกไก่ทรงสวย บังโคลนหลังที่มีความยาวมาก ทรงสปอร์ตสุดๆ ล้อแม็คลายสวย จับคู่กับยาง Dunlop Sport Max ขนาด 110/70 R17 ในล้อหน้า และ 150/60 R17 ก็ขนาดเดียวกับเจ้า CB150R นั่นละครับ หายห่วงเรื่องเกาะถนนเกาะหนึบเลยล่ะ
รหัสความแรง บอกว่านี่ข้าคือรถคลาส 300ซีซี สูบเดียว 4จังหวะ มีความดึงดี ทำความเร็วได้สูงและเกินพอกับการใช้งานทั่วๆไปเลยครับ สำหรับผู้เขียนไม่ได้ทำการทดลองความเร็วสูงสุดนะครับแต่ได้ยินน้องๆที่เคยลองบอกว่าได้ถึง 150-160 กม./ชม. แค่นั้นก็สะท้านมือชาละครับ
แต่ผมสนใจเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองมากกว่า จากการที่ได้ลองจับ ในการขับขี่ใช้งานในทุกๆช่วงเวลาทั้งชั่วโมงเร่งด่วนเช้าและเย็นๆ เวลากลางวัน และดึกๆ เฉลี่ยออกมาได้ที่ ราวๆ 30-37 กม./ลิตร ครับ นี่คือขี่แบบไม่ลากรอบจนสัญญาณไฟชิพไลท์เตือนนะครับ เน้นขี่เรื่อยๆไปชิวๆอาจจะมีรอบสูงบ้างนิดๆหน่อยๆเท่านั้น
หน้าจอแสดงผลที่จำเป็นต้องรู้ครับเช่นอัตราการกินน้ำมัน, ระดับน้ำมัน, ค่าเฉลี่ยต่างๆ ก็ครบแหละแต่ที่แปลกไปคือไม่มีบอกตำแหน่งเกียร์เหมือนตัว 150R ครับ เค้าให้เป็นบอกอุณหภูมิเครื่องยนต์มาแทนซะงั้นอารมณ์ประมาณว่าให้ดูสปอร์ต เพราะรถแนวสปอร์ตหรือรถใหญ่ส่วนมากไม่ค่อยมีบอกเกียร์กันแต่บางรุ่นมีนะ อ่ออีกจุดที่งงคือพักเท้าผู้ขับขี่แบบมียางหุ้ม ออกไปแนวรถบ้านซะงั้นสลับกับตัว CB150R ที่พักเท้าผู้ขับขี่เป็นแบบเปลือยซึ่งดูสปอร์ตมากกว่า
ระบบไฟส่องสว่างรอบคันเป็น LED หมดเลยทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ให้ความสว่างมากๆจริงๆ แต่ว่าเรื่องทิศทางของแสงที่ส่องลงพื้นผมว่ายังน้อยไปหน่อย ถ้าแก้ไขตรงจุดนี้ได้จะช่วยเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ยามค่ำคืนได้มากขึ้นอีกเยอะครับ
จากภาพจะเห็นได้ชัดว่ามีความเป็นเหลี่ยมมุมมากๆบริเวณถังน้ำมันซึ่งเราต้องคร่อมและหนีบถังไว้เวลาขับขี่เพื่อการควบคุมรถที่ดีมีประสิทธิภาพ แต่มันทำให้ขามีอาการปวดจากการที่ มุมของถังในรูปมันกดมาที่ต้นขาด้านในที่เราหนีบถังไว้ แม้จะไม่ได้หนีบด้วยแรงที่มากมายอะไรแต่ยิ่งนานไปยิ่งรู้สึกได้ ในจุดนี้อาจจะต่างกันไปแล้วแต่สรีระของผู้ขับขี่แต่ละคนด้วยนะครับ
อีกหนึ่งจุดที่ชอบมากคือรุ่นนี้มีตาแมวมาให้ด้วย ทำให้ง่ายในการตรวจเช็คระดับและสีของน้ำมันเครื่องเพื่อที่จะทำการเปลี่ยนถ่ายได้ถูกต้องตามระยะเวลาที่เหมาะสมครับ เพราะในรถหลายๆรุ่นของค่ายนี้ไม่มีมาให้
โช้คหน้าแบบหัวกลับ (Up Side Down) ขนาดใหญ่ของ Showa ยี่ห้อนี้รับประกันความแจ่มและมีขนาดใหญ่ถึง 41มิลลิเมตร เทียบเท่ากับรถขนาดใหญ่ร่วมค่ายเลย กระบอกเป็นสีเงิน ที่ทำเอาหลายคนผิดหวังเพราะมักจะชื่นชอบความหรูหราดูแพงของสีทองมากกว่า แต่ยังไงก็ทำให้ดูบึกบึนขึ้นดูแพงขึ้นล่ะนะ, ดิสก์เบรกหน้าขนาด 296มม. แบบแยกชิ้น ใหญ่มากครับ และดูหล่อ, ชุดปั้มเบรคล่างด้านหน้าแบบรถขนาดใหญ่ ที่เรียกกันว่า เรเดียลเมาท์ ของ Nissin 4ลูกสูบ และปั้มเบรกหลัง Nissin 1ลูกสูบ
สำหรับรถพิกัดนี้ประสิทธิภาพไม่ต้องถามครับมันดีเกินตัวจริงๆ แต่ด้วยกำลังของเครื่องยนต์ที่มากขึ้นการทำความคุ้นเคยกับระบบเบรคเป็นอีกเรื่องที่สำคัญเพราะคนที่เคยขี่รถขนาดเล็กกว่านี้มาก่อนอย่างตัว CB150R นั้นจะกำลังในการเบรกน้อยก็สามารถชะลอความเร็วหรือหยุดรถได้ง่ายๆ แต่พอเป็นตัว CB300R จะต้องปรับกันใหม่ต้องใช้กำลังเยอะขึ้นตามไปด้วย จึงเป็นข้อควรระวังครับเสียดายน่าจะทำมาให้ปรับระดับได้ซักนิดก็ยังดี
ระบบเบรกABS และ G-Sensor ที่มีมาให้นั้นบอกเลยครับว่าทำงานได้ดีเกินคาดมากๆ ตอบสนองได้ไว หากใครได้ลองทดสอบในสนามจะเห็นชัดเจนเลย มันช่วยให้เราควบคุมรถในสถานการณ์ฉุกเฉินได้เป็นอย่างดีครับ จากที่ได้ไปทดสอบในสนามขับขี่ปลอดภัยของฮอนด้า ในหลายๆครั้งที่ทำการทดสอบสามารถกำเบรกหนักๆได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ทำระยะเบรกได้สั้นกว่ารถขนาดใหญ่ที่มีดิสก์แบบคู่ ขนาดใหญ่กว่า ด้วยซ้ำ แต่ตัวรถเค้าก็หนักกว่าด้วยนะครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ขับขี่เองว่าจะสามารถใช้รถใช้ระบบต่างๆได้เต็มประสิทธิภาพแค่ไหนนะครับ อ่อแต่ที่บอกว่ากันไม่ให้ล้อหลังยก มันช่วยได้มากจริงๆครับแต่ๆว่าถ้ามันเกิดขีดจำกัดของระบบแล้ว ล้อหลังมันก็ยกได้ครับ ลองมาแล้วทั้ง CB150R และเจ้านี่ CB300R
โช้คหลังนี่แหละที่หลายคนอยากได้แบบนี้คือมันปรับระดับได้ ค่าความแข็งอ่อนของสปริง Spring Pre-Load (สปริง พรี-โหลด) ได้มากถึง 7ระดับเลย ช่วยให้เราปรับค่าการทำงานของโช้คหลังให้เหมาะกับการใช้งาน เหมาะกับผู้ขับขี่ที่แตกต่างกันออกไปครับ แต่แอบเสียใจนิดถ้ามีปรับหนืด Rebound (รีบาวน์) มาให้ด้วยจะดีมากเลยจะสมราคาขึ้นไปอีกนิด แต่เท่าที่มีก็ดีละในการขับขี่ผ่านทางขรุขระไม่มีอาการกระเด้งกระดอนให้รู้สึกเลย หรือการขับขี่ผ่านคอสะพานผ่าน พื้นผิวที่มีความโค้งนูนด้วยความเร็วสูงๆ มันขึ้นลงผ่านไปได้อย่างหนึบๆ ไม่เด้งไม่ดีด มั่นใจได้มากครับ รวมๆแล้วผลมาจากโช้คหน้า-หลัง และยางที่ให้มาทำงานร่วมกันได้อย่างดีมากๆครับ
หลังจากได้ขี่บนถนนกันไปก็แล้ว ขี่ในสนามฝึกขับขี่ปลอดภัยของฮอนด้าไปก็แล้ว เรามาจบด้วยการขับขี่ในสนามฝึกขับขี่ปลอดภัยของชมรมฝึกขับขี่ปลอดภัย RC Club กันครับ ในวันนั้นมีน้องๆที่ขี่ CB150R มาร่วมฝึกด้วยพอดีเลยถือโอกาสให้ลองขี่เจ้า CB300Rด้วยเลย เท่าที่จับอาการได้ต่างกันชัดๆคือเราใช้เกียร์2 ในการฝึกขับขี่ความสั่นของเครื่องยนต์ในรอบต่ำมีมาก กำลังของเครื่องในรอบเดินเบามันต่ำเกินไปแบบไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้ดับได้ ในไลน์ฝึกแบบเดียวกัน เจ้า CB150R สามารถใช้เกียร์3 ขี่ได้ด้วยซ้ำ เรื่องการบังคับเลี้ยวแทบไม่ต่างกัน ความคล่องตัวจะพลิกซ้ายพลิกขวาทำได้อย่างคล่องแคล่ว วงเลี้ยวก็ด้วยที่แคบดีทีเดียว แต่ที่พอจะรู้สึกได้คือใช้กำลังบังคับรถมากกว่าตัว CB150Rเล็กน้อย ตำแหน่งการขับขี่ยังคงรู้สึกว่าดีมากๆมันพอเหมาะพอดีทั้งหัว, ไหล่, หลัง, แขน, มือ, สะโพก, เข่า และเท้า อยู่ในลักษณะที่พอเหมาะกระชับกับตัวรถ มีความยืดหยุ่นได้พอดิบพอดีครับ เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจในรถรุ่นนี้
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกๆคนที่สละเวลาอ่านเรื่องเล่านี้จนจบครับ หากบกพร่องประการใดขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ ทั้งหมดมาจากความคิดเห็นและประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆครับ และหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับทุกคนที่อ่านบ้างไม่มากก็น้อยครับ ไว้มีโอกาสได้ขี่อะไรแล้วจะเอามาเล่าให้ฟังกันอีกครับผม
สามารถดูข้อมูลทางเทคนิคต่างๆของ Honda CB300R ทุกรุ่นย่อยได้จากที่นี่ครับผม https://www.aphonda.co.th/honda2017/th/motorcycle/sport/cb300r-2018
ขอบคุณชมรมฝึกขับขี่ปลอดภัย RC Club : https://www.facebook.com/RC-Club-287004661469743/
ขอบคุณรถจักรยานยนต์ Honda CB300R : https://www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/
ขอบคุณหมวกนิรภัยจาก Vemar Thailand : https://www.facebook.com/Vemarthailand/
ขอบคุณร้าน Koala Riders : https://www.facebook.com/koalarider/
ขอบคุณทุกความสะอาดและเงางามจาก Lube71 : https://www.facebook.com/Lube71-1514060915484997/
ขอบคุณหมวกนิรภัยจาก MT Helmets Thailand : https://www.facebook.com/mthelmetthailand/
ขอบคุณถุงมือจาก Bering Thailand : https://www.facebook.com/search/top/?q=bering%20thailand