Full Metal Alchemist - การเล่นแร่แปรธาตุ หินนักปราชญ์ และโฮมุนคิวลัส -

ต้นปีที่ผ่าน จขกท มีโอกาสได้ดู Full Metal Alchemist -brotherhood- ย้อนหลัง พอดูแล้วเกิดอาการคลั่งขึ้นมาค่ะ เลยไปตามอ่านสิ่งที่ตัวเองเคยสงสัยในอดีต ทั้งเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุ หินนักปราชญ์ และเรื่องโฮมุนคิวลัสมาค่ะ สุดท้ายได้ออกมาเป็นบทความฉบับนี้ เลยลองเอามาให้เพื่อนๆในพันทิปอ่านกันดู เผื่อจะมีคนอายุรุ่นเดียวกันหลงมาอ่าน มาเม้ามอยกันบ้าง (ฮือออ แอบอ่านบอร์ดนี้ตลอด แต่สังเกตว่ามีแต่คนอายุน้อยๆ)

บทความนี้เราเอาลงเพจตัวเองไปก่อนหน้า ภาษากับความยาวอาจจะเป็นแบบลงเพจไปหน่อยนะคะ
มาเริ่มกันเลยครัชชช

(spoiler alert: สปอยล์มากๆ ตอนเริ่มกับตอนจบเรื่องค่า!!!)

--------------------------


Full Metal Alchemist
- การเล่นแร่แปรธาตุ หินนักปราชญ์ และโฮมุนคิวลัส -


Full Metal Alchemist (FMA) หรือชื่อไทยแขนกลคนแปรธาตุ เป็นการ์ตูนค่อนข้างเก่าที่มีเนื้อหาสวยงามและมีการดำเนินเรื่องที่กลมเกลา หลายคนรวมทั้งเรา ถือเรื่องนี้เป็นการ์ตูนที่ดีที่สุดในชีวิตที่เคยอ่านหรือดูมา ดีขนาดที่ว่า ถ้ามีลูกก็อยากให้ลูกได้อ่าน เรื่องนี้ดังในยุคของเขามาก ย้อนกลับไป 10 ปีก่อน ทุกคนที่ชอบการ์ตูนต้องรู้จักหรือเคยผ่านตา เมื่อไม่นานมานี้ Netflix(แอพดูทีวีออนไลน์)ได้นำเรื่องนี้ภาค Brotherhood เข้าฉายแบบครบทุกตอนอีกครั้ง ทำให้เราได้ระลึกความหลัง และทบทวนความหมายหลายๆอย่างของการ์ตูนเรื่องนี้

วันนี้ในฐานะติ่ง เราจะมาค้นหาความหมาย ที่เกี่ยวข้องกับ 3 สิ่ง ซึ่งเป็นแกนหลักของการ์ตูนเรื่องนี้กันค่ะ
ซึ่งน่าแปลกว่า บางอย่างตอนเด็กเราไม่เคยสงสัย แต่โตมาดันสงสัยซะงั้นนะ



FMA ดำเนินเรื่องผ่านการผจญภัยของสองพี่น้อง เอ็ดเวิร์ดและอัลฟอนส์ เอลริค คนพี่เอ็ดเวิร์ดอายุ 15 ปี ไม่มีแขนขวาและขาซ้าย ส่วนคนน้องอัลฟอนส์อายุ 14 ปี เป็นเกราะเหล็กเดินได้ ดูเผินๆเหมือนเป็นคนตัวใหญ่ แต่ภายในเกราะเหล็กกลวงเปล่า ไม่มีร่างเนื้อ ฉากหลังของเรื่องเป็นโลกแฟนตาซี ที่การเล่นแร่แปรธาตุเกิดขึ้นได้จริง นักเล่นแร่แปรธาตุอาจหลอมแก้วให้เป็นทราย หลอมเหล็กให้กลายเป็นดาบในชั่วพริบตา ขอเพียงแต่ว่าสองสิ่งที่หลอมกลับไปมา อยู่บนพื้นฐานของ...การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกัน...

"เมื่อได้สิ่งใดมา ย่อมเสียสิ่งใดไป"  
คือกฏแห่งการเล่นแร่แปรธาตุ คือแก่นแห่งการดำเนินเรื่องของการ์ตูนเรื่องนี้

ช่วงต้น เรื่องจะพาเราย้อนดูอดีต สองพี่น้องเกิดและโตในหมู่บ้านเล็กๆกลางหุบเขา พ่อเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่หมกมุ่น เขาออกเดินทางไกลแล้วไม่กลับมา แม่เลี้ยงทั้งคู่มาตัวคนเดียว แม้จะไม่ชอบพ่อนัก แต่เด็กสองคนก็เหมือนพ่อ ต่างเข้าใจและใช้วิชาแปรธาตุได้ตั้งแต่เล็ก จนนับเป็นอัจฉริยะ วันหนึ่งแม่เกิดป่วยไข้และจากไป ทิ้งทั้งคู่ไว้ตามลำพัง

พี่น้องที่เหลือกันเท่านี้ แทนที่จะคิดใช้ชีวิตตามควร กลับคิดแต่หาหนทางพาแม่อันเป็นที่รักกลับมายังโลก

เวลาผ่านไป เมื่อวิชาแก่กล้า ทั้งคู่ก็ช่วยกันหลอมมนุษย์ขึ้น พวกเขาซื้อหาสารเคมีตามส่วนประกอบร่างกายคน แล้วหลอมแม่ของพวกเขาขึ้นใหม่จากสิ่งของ แต่ชีวิตไม่อาจเกิดได้ด้วยสิ่งไร้ชีวิต ย่อมจะต้องแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งที่เท่าเทียมกัน
ในการหลอม ปรากฏเป็นสัตว์ประหลาดสะอิดสะเอียน ไม่ใช่แม่ของพวกเขา เอ็ดเวิร์ดสูญเสียขาซ้ายเป็นการแลกเปลี่ยน มองไปรอบตัวไม่เห็นใคร น้องชายที่ถลำลึกกว่าเสียร่างกายไปสิ้น

เขารู้ว่าน้องไม่ได้ตาย แต่ไม่มีร่าง พี่ชายที่เสียน้อง ซึ่งเป็นครอบครัวคนสุดท้ายไป ร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ ค่อยๆคลานลากขาที่ขาดวิ่น ไปหาเกราะเหล็กที่อยู่ใกล้ๆ ค่อยๆเขียนวงเวทย์โดยใช้เลือดของตน ก่อนจะเรียกวิญญาณน้องมาผูกไว้ พร้อมกับสังเวยแขนขวาเป็นการแลกเปลี่ยน

จากนั้นมา เป้าหมายของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไป คนพี่เพียงอยากคืนร่างให้น้องชาย คนน้องเพียงอยากสัมผัสความอบอุ่นของชีวิตอีกครั้ง

---------------------------


ทุกสิ่งในเรื่องเกิดจากวิชาเล่นแร่แปรธาตุ แต่ศาสตร์นี้อาจต่างจากที่เราคิดอยู่สักหน่อย การเล่นแร่แปรธาตุ (Alchemy) เป็นศาสตร์ที่มีมาตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ ผ่านเข้ากรีกโรมัน ไปเติบโตในโลกมุสลิม ก่อนจะกลับมาที่ยุโรปอีกครั้ง แท้จริงเป็นศาสตร์ที่ศึกษาธรรมชาติรอบตัว และพยายามกำกับธรรมชาตินั้น เป้าหมายสูงสุดคือเพื่อหลอมธาตุที่พบทั่วไป(เช่น ปรอท) ให้เป็นธาตุที่มีค่า(คือ ทองคำ) และเพื่อหายาอายุวัฒนะ รักษาโรค ยืดชีวิต

วิชานี้แม้ฟังดูแฟนตาซี แต่ไม่ใช่ไสยศาสตร์ นักเล่นแร่แปรธาตุต่างศึกษาหาความรู้ผ่านงานเขียนที่มีอยู่ก่อน ผ่านการสังเกต การวิจัย และการทดลอง ซึ่งคล้ายกับวิทยาศาสตร์ในยุคนี้ แต่ในยุคโบราณ ทุกสิ่งไม่อาจทำเป็นระบบระเบียบ ทั้งยังมีเรื่องศาสนาและความเชื่อเข้ามาเกี่ยวข้อง

Alchemyจึงไม่ใช่วิทยาศาสตร์ แต่เป็นจุดเริ่มของวิทยาศาสตร์หลายสาขา เคมี การแพทย์ และปรัชญา คือตัวอย่างของวิชาที่พัฒนาต่อยอดร่วมกับศาสตร์นี้

นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังที่เราเรียนจากหนังสือ เช่น Robert Boyle เจ้าของกฏของก๊าซ หรือ Sir Isaac Newton ที่ค้นพบแรงโน้มถ่วง ในยุคนั้นก็ถือกันว่าเป็น Alchemist มากกว่า ยังไม่นับว่าศาสตร์นี้ให้กำเนิดหนังสือและวารสารทางวิชาการออกมาด้วย

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ลักษณะของนักแปรธาตุหลายคนในเรื่อง โดยเฉพาะเอ็ดเวิร์ด จึงคล้ายนักวิชาการมากกว่านักเวทย์มนตร์

การเล่นแร่แปรธาตุ ให้กำเนิดทฤษฎีมากมาย บางส่วนถูกต่อยอดมาจนปัจจุบัน ที่น่าสนใจ คือทฤษฎีที่เรียกว่าสสารเริ่มต้น (Prima Materia, first matter) ที่จริงเรื่องนี้นักแปรธาตุแต่ละคนเขียนไม่เหมือนกัน แต่หลักๆพวกเขาเชื่อว่าสสารทุกอย่างประกอบขึ้นจากสสารเริ่มต้น แต่ละสิ่งอาจแตกต่างกันเพราะการจัดการสสารเริ่มต้นต่างกัน ซึ่งคนในยุคหลังมองย้อนไปคงนึกไปถึงโมเลกุลหรืออะตอมซึ่งมีอยู่จริง

อย่างไรก็ตามพวกเขายังเชื่ออีกว่า มีสิ่งหนึ่งที่ทรงคุณค่ามาก ที่สร้างจากสสารเริ่มต้นเช่นกัน แต่ออกมาในรูปพิเศษ ที่สามารถทำให้เราควบคุมและปรับเปลี่ยนสารอื่นรอบตัวได้ตามใจ สามารถหลอมปรอทเป็นทองได้ สามารถทำยายืดอายุได้ สิ่งนี้ถูกเรียกว่า หินนักปราชญ์ (Philosopher's stone)

ซึ่งได้กลายเป็นหัวใจของการ์ตูนเรื่องนี้

---------------------------





เอ็ดเวิร์ดและอัลฟอนส์ออกเดินทางตามหาหินนักปราชญ์ หวังใช้พลังของมันนำร่างของน้องชายคืนมา ระหว่างนั้นพี่ชายได้เป็นนักแปรธาตุของทางการ ทำให้เขาได้พบผู้คนมากมาย และข้องเกี่ยวกับเรื่องประหลาด

เขาได้พบคนที่ดูแปลกตา ที่คล้ายกับจะไม่ใช่คน ที่คล้ายกับจะอยากได้หินนักปราชญ์เช่นเดียวกับเขา แต่ก็คล้ายจะไม่ใช่ พวกเขาล่วงรู้ภายหลัง ว่าคนเหล่านั้นคือโฮมุนคิวลัส (Homuculus มนุษย์ประดิษฐ์)

การ์ตูนเรื่องนี้จะพาเราไปพบโฮมุนคิวลัสทั้งหมด 7 ตน (หรืออาจจะนับว่า 8 ตน?) ทั้งหมดมีภารกิจที่เกี่ยวพันกับหินนักปราชญ์และคู่พี่น้อง เข้ามาข้องเกี่ยวและร่วมชักนำให้เรื่องดำเนินไป อันที่จริงตัวละครกลุ่มนี้เป็นฝ่ายตัวร้าย แต่ไม่น่าเชื่อ หลายคนจะรักตัวร้ายเหล่านี้อย่างมาก ยังมีแฟนคลับที่จำเหตุการณ์และชีวิตของพวกเขาได้ขึ้นใจ แม้พวกเขาอาจไม่ถูกนับว่ามีชีวิตก็ตาม

แม้ไม่มีชีวิตแต่ก็เหมือนมีชีวิต
การมีอยู่ของตัวละครกลุ่มนี้ บางครั้งก็ทำให้คนอ่านอย่างเราสับสน ว่าแท้จริงชีวิตคืออะไร

---------------------------


Homunculus หรือมนุษย์ประดิษฐ์ เป็นทฤษฎีการสร้างมนุษย์โดยปราศจากการปฏิสนธิ เป็นหัวข้อที่แพร่หลายในศาสตร์การแปรธาตุ

ในยุคนั้นเชื่อกันว่า มนุษย์เกิดมาหลักๆจากฝ่ายชาย ส่วนฝ่ายหญิงเพียงอุ้มท้อง ถึงกับมีบันทึกว่า ในตัวอสุจิมีมนุษย์ตัวเล็กๆนั่งขดอยู่ จึงเกิดความคิดเลี้ยงดูทารกให้เกิดมานอกร่างกายฝ่ายหญิง

การสร้างโฮมุนคิวลัสมีหลายวิธี แต่ที่น่าสนใจ คือวิธีที่บันทึกในหนังสือของParacelsus(นักแปรธาตุที่มีชื่อมาก) เขานำน้ำเชื้อของเพศชายมาใส่ในขวดแก้วและทำให้บริสุทธิ์ 40 วัน จากนั้นเราจะเห็นมนุษย์ตัวเล็กแต่โปร่งใสปรากฏขึ้น เมื่อมันเริ่มขยับให้เลี้ยงมันด้วยเลือด เป็นเวลาอีก 40 สัปดาห์เท่ากับในครรภ์ จากนั้นจะได้มนุษย์ตัวเล็กจิ๋วเกิดออกมา

ยังมีวิธีอื่นๆอีก ที่น่าสนใจอีกวิธีกล่าวว่า เมื่อโฮมุนคิวลัสเกิดออกมา เขาจะสอนผู้ให้กำเนิดถึงทุกสิ่งที่ไม่มีอยู่ จุดนี้ทำให้นึกถึงฉากหนึ่งในการ์ตูน  เมื่อตัวการ์ตูนสำคัญตัวหนึ่งซึ่งเดิมเป็นเพียงทาสไร้ชื่อ บังเอิญพบกับโฮมุนคิวลัสตัวแรกในขวดแก้ว โฮมุนคิวลัสสอนเขาให้อ่านหนังสือ สอนให้รู้จักความรู้ของสรรพสิ่ง และทำให้เกิดสติปัญญาขึ้นในตัวชายผู้นั้น ซึ่งมาพร้อมกับความนึกรู้ถึงเสรีภาพ อันเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในโลกใบเดิมของเขา

กลายเป็นฉากที่ตรึงใจที่สุดฉากหนึ่งของ Full Metal Alchemist

---------------------------





ในตอนท้ายของเรื่อง เป้าหมายของฝั่งตัวร้ายถูกเปิดโปง พวกเขาต้องการสร้างหินนักปราชญ์ขึ้นจากการหลอมมนุษย์เป็นๆจำนวนมหาศาล นำไปสู่สงครามและการต่อสู้ครั้งสุดท้ายตามท้องเรื่อง

ในทางการเล่นแร่แปรธาตุ การสร้างหินนักปราชญ์ ถือเป็นสุดยอดและเป็นแก่นของวิชา สิ่งนี้เรียกว่า Magnum Opus (Great Work) เคยมีนักแปรธาตุคนหนึ่ง ถูกอ้าง(โดยผู้อื่นหลังเขาตาย)ว่าสร้างหินนักปราชญ์สำเร็จ แต่หินถูกทำลายทิ้งไป ความลับการสร้างก็ถูกเก็บงำเรื่อยมา

อย่างไรก็ตาม แม้หินนักปราชญ์จะไม่เคยถูกค้นพบ ไม่เคยสกัดออกมาได้ แต่กระบวนการตามหาหินนักปราชญ์ ตลอดเวลาหลายพันปีอันยาวนาน ได้นำมนุษยชาติ ไปสู่ความรู้ในเรื่องสสารรอบตัว เทคนิกการสกัดแยกสาร และการค้นพบสารมากมาย ยังประโยชน์และเปลี่ยนสังคมโลกในเวลาต่อมา

ในตอนท้ายแม้จะหลอมหินนักปราชญ์ไม่สำเร็จ แต่สงครามครั้งนั้นก็เปลี่ยนโฉมหน้าของโลกในเรื่อง และเปลี่ยนชีวิตของสองพี่น้องเอลริคไปตลอดกาล

---------------------------


การ์ตูนเรื่องนี้ยาวมาก ใช้เวลาเขียนและตามอ่านกันเป็นสิบปี เนื้อเรื่องพาเราร่วมผจญภัยไปกับคู่พี่น้อง จากเด็กในหมู่บ้านเล็กๆ ออกไปยังโลกกว้าง เริ่มพบเจอและข้องเกี่ยวกับเรื่องประหลาด ผู้คนที่ไม่คาดฝัน สงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ กิเลสของมนุษย์ที่ถูกปิดบัง และเบื้องหลังของประเทศ ซึ่งนำไปสู่สงครามกลางเมืองในตอนท้าย แม้เรื่องจะหนัก แต่กลับอบอวลไปด้วยความรักความสัมพันธ์ ของครอบครัว ของมิตรสหาย ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายร้าย ที่สำคัญ เดินเรื่องด้วยเสียงหัวเราะ แทรกมุกตลกอย่างลงตัวบนโทนเรื่องที่น่าจะเศร้าได้

มาดูซ้ำอีกครั้งอ่านซ้ำอีกครั้ง ก็ยังเป็นวรรณกรรมที่ดีที่สุดที่เคยพบเรื่องหนึ่งในชีวิตเลยค่ะ เราชอบหลายฉากมากๆ และบางฉากก็ไม่คิดว่าเขาจะใส่เข้ามา เช่น ความสัมพันธ์ของเอ็ดกับพ่อ ตอนเรียกพ่อครั้งแรกเราเกือบร้องไห้ตามเลยค่ะ ><
.
.
.
หมายเหตุ:
-เรื่องalchemyจริงๆมีมุมเรื่องการฝึกจิตใจด้วย แต่เราไม่ได้ใส่มาค่ะ
-ขอโฆษณาแฝง เพจเราชอบเขียนเรื่องที่ตัวเองติ่งไปเรื่อยๆค่ะ แต่หลักๆก็การ์ตูน เพลงญี่ปุ่น สเก็ต ประวัติศาสตร์ เที่ยว (ไม่มีเรื่องพานิชย์เรียกไลค์ มีแต่เม้ามอย) ถ้าสนใจขอเชิญร่วมพูดคุย

https://www.facebook.com/crazyindailylife/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่