สวัสดีค่ะ 5555 เริ่มเรื่องแบบเบสิคมาก อย่างที่เกริ่นไว้ในหัวข้อ เราอายุ 19 ค่ะ 19 มา11เดือนแล้ว เดือนหน้าก็ 20 ถามว่าตั้งกระทู้มาทำไม เราไมได้อยากให้ทุกคนตื่นตกใจกับทุกอย่างนะ เจอก้อนอะไรบนร่างกายแล้วตีโพยตีพายว่ามะเร็งๆ มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่เรากังวลสงสัยไว้ก่อนแล้วคอยดูหรือไปให้คุณหมอดูไว้ก็เป็นความสบายใจของเราเองเนอะ ไม่อยากให้คิดว่าอายุน้อยแล้วไม่เป็นไรหรอก แต่ถึงยังไงมะเร็งไม่ใช่โรคที่จะเป็นกันได้ง่ายๆค่ะ
จากที่เคยอ่านบทความถามคุณอาหมอที่รู้จักกันมาแล้ว แต่ทุกคนเป็นได้หมด (ขอให้ความรู้ก่อนนิดนึงก่อนเข้าเรื่องนะคะ) คนเรานะคะ ทุกวันจะมีเซลล์ร้ายเกิดขึ้นมาในร่างกายทุกวันแต่มีเม็ดเลือดขาวที่เป็นทหารคอยคุ้มกัน เข้ามากำจัดมันออกไปได้หมด 100%นะคะ เลยไม่เกิดเซลล์ร้ายขึ้น ยิ่งอายุไม่เกิน 30 จะยากมาก เพราะถือว่าร่างกายยังแข็งแรงอยู่ เม็ดเลือดขาวยังทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแต่ถามว่ายังเสี่ยงมั้ย เสี่ยงค่ะ เพราะแน่นอนนว่า เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน 23-24 อัพ เราจะเริ่มพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเพราะทำงานหนักขึ้นถูกมั้ยคะ อยู่หน้าจอคอมมากขึ้น มันก็จะทำให้ร่างกายอ่อนแอได้ และอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่าเม็ดเลือดขาวทำงานได้เต็ม 100%จะกำจัดเซลล์ร้ายไม่ได้ให้มันเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าวันใด มันทำงานผิดพลาดลดลงมาแม้เปอร์เซ็นเดียว เราก็สามารถมีเซลล์ร้ายหรือมะเร็งหลุดเล็ดลอดเข้ามาในร่างกายได้แล้วค่ะ แล้วทำไมมันถึงทำงานไม่เต็ม 100%ละ? ก็เกิดจากชีวิตประจำวันเราด้วยเป็นส่วนนึงค่ะ สาเหตุหลักๆที่เป็นเหตุคือ แน่นอน บุหรี่กับสุรา และบุหรี่มือสอง คือการสูดดมบุหรี่สารก่อมะเร็งเข้าไปค่ะ มลภาวะต่างๆที่เป็นพิษในอากาศ การไม่ออกกำลังกาย การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ กินน้ำน้อย เครียด ภาวะอ้วน จากการกินของมันของทอด ของปิ้งย่าง อาหารไหม้เกรียม ไม่ค่อยขยับเขยื้อนร่างกาย และทานอาหารไม่ครบห้าหมู่ แล้วอีก 10%ก็มาจากพันธุกรรมค่ะ ซึ่งอาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ถ้าเราหมั่นตรวจร่างกายดูแลร่างกายตัวเองให้ดี เมื่อรู้ว่ามีความเสี่ยงก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการดูแลสุขภาพและหมั่นตรวจร่างกายค่ะ อย่าไปวิตกจนเกินไปเดี๋ยวนี้การแพทย์พัฒนาไปมากค่ะ เมื่อเป็นในระยะแรกสามารถรักษาให้หายได้
แต่ก็อีกแหละค่ะ บางคนกินไขมันทุกวันอ้วนก็อ้วนไม่ออกกำลังกายทำไมไม่เป็นอะไร เราว่าเขาอาจจะแค่ (ยัง) ไม่เป็นมากกว่า เพราะเซลล์มะเร็งไม่ใช่อยู่ๆจะเกิดขึ้นมาจนเป็นก้อนเนื้อเลย แต่มันใช้เวลาค่ะ ประมาณ 5-10 ปีในการเกิดเป็นมะเร็งขึ้นมา คุณหมอเลยบอกว่า มันใช้เวลานานขนาดนี้ ระหว่างนั้นเราก็มีเวลาที่จะทำให้มันไม่เกิดได้ แต่เพราะเราไม่รู้เราเลยยังทำกิจวัตประจำวันเดิมๆ จนบางคนก็อาจจะโชคร้าย มีเซลล์มะเร็งในร่างกายนั้นเอง
มาค่ะ เข้าเรื่องซักที อย่างที่บอกไว้ข้างต้นค่ะ เราไมไ่ด้มาทำให้ทุกคนกลัว จนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน แต่เราเป็นคนนึงที่พออ่านมาก เจอคนรอบตัวที่รู้จักเป็นมะเร็งและตายกันซะส่วนใหญ่ก็เริ่มกลัว แล้วมีวันนึง เราก็คลำไปเจอก้อนที่กระพุ้งแก้มค่ะ มันอยู่ข้างในใกล้ๆสันกรามเป็นก้อนเล็กๆกลื้งได้เล็กน้อย เอาไงละ ยิ่งกังวลอยู่ คราวนี้เตลิดเลย อ่านบทความเรื่องนี้ไปยังไม่ทันจบดี เจอก้อนซะแล้ว เลยไปหาเพิ่มเติม ในเน็ตก็บอกมะเร็งต่อมน้ำลาย ไม่ก็ต่อมน้ำเหลือง ทำเอานอนไม่หลับไปเลยค่ะ สะดุ้งตื่นวิตกกังวลตลอดเวลา <<<แบบนี้ไม่ดีเลยค่ะ ก็เลยบอกให้พี่พาไปหาหมอ บอกก่อนนะคะว่าเราไม่สูบไม่ดื่มไม่เที่ยว แต่แค่ไม่ออกกำลังกาย แล้วก็นั่งๆนอนๆซะส่วนใหญ่ อยู่หน้าจอคอมตลอดก็ว่าได้ค่ะ คนในครอบครัวเบื้องต้นไม่มีใครเป็นโรคมะเร็งนะคะ แต่กว่าพี่จะว่างพาไปเราก็ต้องนอนกังวลอยู่2-3วันเลยระหว่างนั้นมันก็ไม่ได้ยุบนะคะยังคลำได้อยู่ก็พอพี่ว่างก็ดันมาว่างตอนที่ดึกแล้ว 3-4ทุ่ม แน่นอนว่าโรงบาลปิดแล้วค่ะ เหลือแต่แผนกอยุรกรรม นอกจากเด็กตอนเป็นลมชัก(แต่ตอนนี้หายแล้ว) ก็ไม่เคยมีอะไรที่ถึงขนาดต้องเข้าโรงพยาบาลเลยเลยต้องไปทำประวัติ ก็ไปนั่งรอค่ะ จนพยาบาลมาเรียกให้เข้าไปดู คลำแล้วก็บอกว่า ไม่ต่อมน้ำลายก็ต่อมน้ำเหลือง ให้ขึ้นไปอยุรกรรมเพราะดึกแล้วค่ะ หมอเฉพาะทางกลับไปหมดแล้ว แต่พอพยาบาลพูดอย่างงั้นใจเสียและ พอขึ้นเช็คนู้นเช็คนี้วัดไข้พยาบาลถามว่าจะวัดใต้ลิ้นหรือใต้จักกะแร้เราก็บอกไปว่า จักกะแร้ แต่ปรากฏว่า ไข้สูงถึง 38 องศา ทั้งๆที่ไม่เป็นอะไรเลย อ้าว ใจเสียไปใหญ่ นั่งกุมมือพี่อยู่ระหว่างรอ จนคุณหมอเรียกให้เข้าไป เป็นคุณหมอผู้หญิงค่ะ พอบอกมีก้อนเขาก็ไม่ได้ถามประวัติอะไร แค่คลำแก้มให้แล้วบอกว่า มีจริงๆด้วย แล้วก็บอกว่าเป็นซีส ไม่ก็เนื้องอก ยังบอกไม่ได้ เราเลยโพล่งถามไปว่า เป็นมะเร็งรึเปล่า หมอก็ทำหน้า หื้อ? แล้วก็บอกอายุเท่านี้ ไม่น่านะ ยังไม่ไปคิดถึงเรืองนั้นอะ บอกว่าโอกาสน้อยมากๆ เราก็เลยบอกว่า อ้าว แล้วไข้ 38 ที่พยาบาลวัดละคะ หมอก็มองหน้าเรา เขาก็ทำหน้าขมวดคิ้ว แล้วบอกให้พยาบาลวัดใหม่ คราวนี้เปลี่ยนเป็นวัดใต้ลิ้น สรุป ไม่มีไข้ค่ะ แต่เพราะไปวัดตรงรักแร้ มันเลยมีไข้เพราะว่ามันร้อน555 แต่เราก็อยากให้แน่ใจ หมอเลยบอกให้มาหาหมอศัลยกรรมพรุ้งนี้ เราก็กลับบ้านไปแบบยังไม่โล่ง 100% เพราะพี่ก็ติดพาคนไปดูงานอีกก็เลยต้องรอไปอีก เป็นอีกวันนึงคือวันอาทิต
แล้ววันอาทิตพี่ก็มาถึง พี่เลือกที่จะเปลี่ยนโรงพยาบาลค่ะ เป็นโรงพยาบาลใกล้บ้านอีกที่นึง แต่คราวนี้โรงพยาบาลเอกชนอันนี้เร็วหน่อย ทำประวัติเร็ว แล้วก็พบคุณหมอเร็วมากค่ะ เป็นคุณหมอศัล รอแปบนึงก็ได้เข้าไปพบแล้ว แต่!! จุดพีคคือตรงนี้ค่ะ ก้อนมันดันยุบ! ยุบค่ะ คือพอจะหาหมอก็ดันยุบไป จนหมอคลำไม่เจอแล้ว หมอเลยทำได้แค่วินิจฉัยเบื้องต้นว่า เป็นซีสที่ต่อมน้ำเหลือง แล้วก็บอกว่าถ้าไม่สบายใจไปอัลตราซาวน์ก็ได้ แต่ก็บอกอีกว่าถึงเจอก็ทำอะไรไม่ได้เพราะก้อนมันเล็กมาก เราก็เลยโพล่งออกไปอีกว่า มะเร็งรึเปล่าคะ คุณหมอก็ส่ายหน้าทันทีแล้วบอกว่า ถ้าเป็นมะเร็งมันไม่ยุบหรอกนะ แล้วคุณหมอก็บอก โอเค กลับบ้านได้ พี่กับเราก็ยิ้มโล่งเลยค่ะ แต่ก่อนจะกลับคุณหมอก็บอกอีก 3 เดือนกลับมาดูใหม่เพื่อความชัวร์แต่ถ้าก้อนมันยุบไปแล้วก็ไม่ต้องมา เราก็โล่งแล้วค่ะ เพราะก้อนมันก็หายไปแล้ว คุณหมอเขาก็อธิบายว่าถ้าร่างกายเราแข็งแรงดีมันจะทำการกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกไปเอง ซีสที่เราเจอมันก็เลยยุบไปได้เองค่ะ คุณหมอก็ยังบอกอีกว่า ถือว่าดูและร่างกายดีนะ ประมาณว่า เก่งที่หัดสังเกตความผิดปกติแล้วมาหาหมอ อะไรแบบนี้แต่อย่าไปวิตกจนเกินไปจนเสียสุขภาพจิตนะ มีอะไรสงสัยให้ไปหาหมอ หรือสังเกตก็ได้ว่ามีอาการอื่นร่วมมั้ย เป็นไข้ เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักเพิ่มหรือลดมั้ย ก้อนโตขึ้นมั้ยเป็นต้น
ที่ตั้งกระทู้มาไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ไม่อยากให้ละเลยความผิดปกติในร่างกาย และก็ไม่กล้าไปโรงพยาบาล เพราะว่ากลัวตรวจเจอ แต่กลับกัน ถ้าตรวจเจอเร็วการรักษาก็ยิ่งมีประสิทธิภาพไปด้วยค่ะ และถ้าไม่ใช่ก็จะทำให้เรารู้สึกโล่งขึ้นด้วย จะได้ไม่เก็บมาคิดมากจนเสียสุขภาพจิต ฝากไว้นะคะ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะทุกคน อย่าเจ็บอย่าป่วยค่ะ
เมื่อฉันเจอก้อนที่กระพุ้งแก้มตอนอายุ 19.......มะเร็งรึเปล่านะ?
จากที่เคยอ่านบทความถามคุณอาหมอที่รู้จักกันมาแล้ว แต่ทุกคนเป็นได้หมด (ขอให้ความรู้ก่อนนิดนึงก่อนเข้าเรื่องนะคะ) คนเรานะคะ ทุกวันจะมีเซลล์ร้ายเกิดขึ้นมาในร่างกายทุกวันแต่มีเม็ดเลือดขาวที่เป็นทหารคอยคุ้มกัน เข้ามากำจัดมันออกไปได้หมด 100%นะคะ เลยไม่เกิดเซลล์ร้ายขึ้น ยิ่งอายุไม่เกิน 30 จะยากมาก เพราะถือว่าร่างกายยังแข็งแรงอยู่ เม็ดเลือดขาวยังทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแต่ถามว่ายังเสี่ยงมั้ย เสี่ยงค่ะ เพราะแน่นอนนว่า เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน 23-24 อัพ เราจะเริ่มพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเพราะทำงานหนักขึ้นถูกมั้ยคะ อยู่หน้าจอคอมมากขึ้น มันก็จะทำให้ร่างกายอ่อนแอได้ และอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่าเม็ดเลือดขาวทำงานได้เต็ม 100%จะกำจัดเซลล์ร้ายไม่ได้ให้มันเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าวันใด มันทำงานผิดพลาดลดลงมาแม้เปอร์เซ็นเดียว เราก็สามารถมีเซลล์ร้ายหรือมะเร็งหลุดเล็ดลอดเข้ามาในร่างกายได้แล้วค่ะ แล้วทำไมมันถึงทำงานไม่เต็ม 100%ละ? ก็เกิดจากชีวิตประจำวันเราด้วยเป็นส่วนนึงค่ะ สาเหตุหลักๆที่เป็นเหตุคือ แน่นอน บุหรี่กับสุรา และบุหรี่มือสอง คือการสูดดมบุหรี่สารก่อมะเร็งเข้าไปค่ะ มลภาวะต่างๆที่เป็นพิษในอากาศ การไม่ออกกำลังกาย การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ กินน้ำน้อย เครียด ภาวะอ้วน จากการกินของมันของทอด ของปิ้งย่าง อาหารไหม้เกรียม ไม่ค่อยขยับเขยื้อนร่างกาย และทานอาหารไม่ครบห้าหมู่ แล้วอีก 10%ก็มาจากพันธุกรรมค่ะ ซึ่งอาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ถ้าเราหมั่นตรวจร่างกายดูแลร่างกายตัวเองให้ดี เมื่อรู้ว่ามีความเสี่ยงก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการดูแลสุขภาพและหมั่นตรวจร่างกายค่ะ อย่าไปวิตกจนเกินไปเดี๋ยวนี้การแพทย์พัฒนาไปมากค่ะ เมื่อเป็นในระยะแรกสามารถรักษาให้หายได้
แต่ก็อีกแหละค่ะ บางคนกินไขมันทุกวันอ้วนก็อ้วนไม่ออกกำลังกายทำไมไม่เป็นอะไร เราว่าเขาอาจจะแค่ (ยัง) ไม่เป็นมากกว่า เพราะเซลล์มะเร็งไม่ใช่อยู่ๆจะเกิดขึ้นมาจนเป็นก้อนเนื้อเลย แต่มันใช้เวลาค่ะ ประมาณ 5-10 ปีในการเกิดเป็นมะเร็งขึ้นมา คุณหมอเลยบอกว่า มันใช้เวลานานขนาดนี้ ระหว่างนั้นเราก็มีเวลาที่จะทำให้มันไม่เกิดได้ แต่เพราะเราไม่รู้เราเลยยังทำกิจวัตประจำวันเดิมๆ จนบางคนก็อาจจะโชคร้าย มีเซลล์มะเร็งในร่างกายนั้นเอง
มาค่ะ เข้าเรื่องซักที อย่างที่บอกไว้ข้างต้นค่ะ เราไมไ่ด้มาทำให้ทุกคนกลัว จนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน แต่เราเป็นคนนึงที่พออ่านมาก เจอคนรอบตัวที่รู้จักเป็นมะเร็งและตายกันซะส่วนใหญ่ก็เริ่มกลัว แล้วมีวันนึง เราก็คลำไปเจอก้อนที่กระพุ้งแก้มค่ะ มันอยู่ข้างในใกล้ๆสันกรามเป็นก้อนเล็กๆกลื้งได้เล็กน้อย เอาไงละ ยิ่งกังวลอยู่ คราวนี้เตลิดเลย อ่านบทความเรื่องนี้ไปยังไม่ทันจบดี เจอก้อนซะแล้ว เลยไปหาเพิ่มเติม ในเน็ตก็บอกมะเร็งต่อมน้ำลาย ไม่ก็ต่อมน้ำเหลือง ทำเอานอนไม่หลับไปเลยค่ะ สะดุ้งตื่นวิตกกังวลตลอดเวลา <<<แบบนี้ไม่ดีเลยค่ะ ก็เลยบอกให้พี่พาไปหาหมอ บอกก่อนนะคะว่าเราไม่สูบไม่ดื่มไม่เที่ยว แต่แค่ไม่ออกกำลังกาย แล้วก็นั่งๆนอนๆซะส่วนใหญ่ อยู่หน้าจอคอมตลอดก็ว่าได้ค่ะ คนในครอบครัวเบื้องต้นไม่มีใครเป็นโรคมะเร็งนะคะ แต่กว่าพี่จะว่างพาไปเราก็ต้องนอนกังวลอยู่2-3วันเลยระหว่างนั้นมันก็ไม่ได้ยุบนะคะยังคลำได้อยู่ก็พอพี่ว่างก็ดันมาว่างตอนที่ดึกแล้ว 3-4ทุ่ม แน่นอนว่าโรงบาลปิดแล้วค่ะ เหลือแต่แผนกอยุรกรรม นอกจากเด็กตอนเป็นลมชัก(แต่ตอนนี้หายแล้ว) ก็ไม่เคยมีอะไรที่ถึงขนาดต้องเข้าโรงพยาบาลเลยเลยต้องไปทำประวัติ ก็ไปนั่งรอค่ะ จนพยาบาลมาเรียกให้เข้าไปดู คลำแล้วก็บอกว่า ไม่ต่อมน้ำลายก็ต่อมน้ำเหลือง ให้ขึ้นไปอยุรกรรมเพราะดึกแล้วค่ะ หมอเฉพาะทางกลับไปหมดแล้ว แต่พอพยาบาลพูดอย่างงั้นใจเสียและ พอขึ้นเช็คนู้นเช็คนี้วัดไข้พยาบาลถามว่าจะวัดใต้ลิ้นหรือใต้จักกะแร้เราก็บอกไปว่า จักกะแร้ แต่ปรากฏว่า ไข้สูงถึง 38 องศา ทั้งๆที่ไม่เป็นอะไรเลย อ้าว ใจเสียไปใหญ่ นั่งกุมมือพี่อยู่ระหว่างรอ จนคุณหมอเรียกให้เข้าไป เป็นคุณหมอผู้หญิงค่ะ พอบอกมีก้อนเขาก็ไม่ได้ถามประวัติอะไร แค่คลำแก้มให้แล้วบอกว่า มีจริงๆด้วย แล้วก็บอกว่าเป็นซีส ไม่ก็เนื้องอก ยังบอกไม่ได้ เราเลยโพล่งถามไปว่า เป็นมะเร็งรึเปล่า หมอก็ทำหน้า หื้อ? แล้วก็บอกอายุเท่านี้ ไม่น่านะ ยังไม่ไปคิดถึงเรืองนั้นอะ บอกว่าโอกาสน้อยมากๆ เราก็เลยบอกว่า อ้าว แล้วไข้ 38 ที่พยาบาลวัดละคะ หมอก็มองหน้าเรา เขาก็ทำหน้าขมวดคิ้ว แล้วบอกให้พยาบาลวัดใหม่ คราวนี้เปลี่ยนเป็นวัดใต้ลิ้น สรุป ไม่มีไข้ค่ะ แต่เพราะไปวัดตรงรักแร้ มันเลยมีไข้เพราะว่ามันร้อน555 แต่เราก็อยากให้แน่ใจ หมอเลยบอกให้มาหาหมอศัลยกรรมพรุ้งนี้ เราก็กลับบ้านไปแบบยังไม่โล่ง 100% เพราะพี่ก็ติดพาคนไปดูงานอีกก็เลยต้องรอไปอีก เป็นอีกวันนึงคือวันอาทิต
แล้ววันอาทิตพี่ก็มาถึง พี่เลือกที่จะเปลี่ยนโรงพยาบาลค่ะ เป็นโรงพยาบาลใกล้บ้านอีกที่นึง แต่คราวนี้โรงพยาบาลเอกชนอันนี้เร็วหน่อย ทำประวัติเร็ว แล้วก็พบคุณหมอเร็วมากค่ะ เป็นคุณหมอศัล รอแปบนึงก็ได้เข้าไปพบแล้ว แต่!! จุดพีคคือตรงนี้ค่ะ ก้อนมันดันยุบ! ยุบค่ะ คือพอจะหาหมอก็ดันยุบไป จนหมอคลำไม่เจอแล้ว หมอเลยทำได้แค่วินิจฉัยเบื้องต้นว่า เป็นซีสที่ต่อมน้ำเหลือง แล้วก็บอกว่าถ้าไม่สบายใจไปอัลตราซาวน์ก็ได้ แต่ก็บอกอีกว่าถึงเจอก็ทำอะไรไม่ได้เพราะก้อนมันเล็กมาก เราก็เลยโพล่งออกไปอีกว่า มะเร็งรึเปล่าคะ คุณหมอก็ส่ายหน้าทันทีแล้วบอกว่า ถ้าเป็นมะเร็งมันไม่ยุบหรอกนะ แล้วคุณหมอก็บอก โอเค กลับบ้านได้ พี่กับเราก็ยิ้มโล่งเลยค่ะ แต่ก่อนจะกลับคุณหมอก็บอกอีก 3 เดือนกลับมาดูใหม่เพื่อความชัวร์แต่ถ้าก้อนมันยุบไปแล้วก็ไม่ต้องมา เราก็โล่งแล้วค่ะ เพราะก้อนมันก็หายไปแล้ว คุณหมอเขาก็อธิบายว่าถ้าร่างกายเราแข็งแรงดีมันจะทำการกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกไปเอง ซีสที่เราเจอมันก็เลยยุบไปได้เองค่ะ คุณหมอก็ยังบอกอีกว่า ถือว่าดูและร่างกายดีนะ ประมาณว่า เก่งที่หัดสังเกตความผิดปกติแล้วมาหาหมอ อะไรแบบนี้แต่อย่าไปวิตกจนเกินไปจนเสียสุขภาพจิตนะ มีอะไรสงสัยให้ไปหาหมอ หรือสังเกตก็ได้ว่ามีอาการอื่นร่วมมั้ย เป็นไข้ เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักเพิ่มหรือลดมั้ย ก้อนโตขึ้นมั้ยเป็นต้น
ที่ตั้งกระทู้มาไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ไม่อยากให้ละเลยความผิดปกติในร่างกาย และก็ไม่กล้าไปโรงพยาบาล เพราะว่ากลัวตรวจเจอ แต่กลับกัน ถ้าตรวจเจอเร็วการรักษาก็ยิ่งมีประสิทธิภาพไปด้วยค่ะ และถ้าไม่ใช่ก็จะทำให้เรารู้สึกโล่งขึ้นด้วย จะได้ไม่เก็บมาคิดมากจนเสียสุขภาพจิต ฝากไว้นะคะ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะทุกคน อย่าเจ็บอย่าป่วยค่ะ