ความเดิมตอนที่แล้ว >>
https://pantip.com/topic/37668598
อาคารผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศด้านทิศใต้ ผู้คนหนาตาจนแทบแยกไม่ออกว่าไหนคือผู้โดยสารที่เพิ่งลงจากเครื่อง และไหนคือคนที่มารอรับ
แผ่นกระดาษขนาด A4 ระบุชื่อ 'คุณช้าง' ถูกเธอชูขึ้นเหนือศีรษะ โยกไปทางซ้ายบ้าง ทางขวาบ้าง ตามช่วงจังหวะที่ผู้โดยสารเพศชายเดินผ่านสายตา ซึ่งแม้คอเธอจะยืดแล้วยืดอีกเพื่อมองหาเจ้าของชื่อ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเธอจะหาเขาเจอ
ต้องโทษความที่ตอนออกมาจากแผนกทรานสปอร์ต ปีกุนรีบร้อนมากไปหน่อย เธอจึงลืมหยิบป้ายอะคริลิกยินดีต้อนรับมีโลโก้รีสอร์ท แค่เพียงปริ๊นชื่อลูกค้าสอดเข้าไปก็จะดูหรูหราติดรถมาด้วย เคราะห์ยังดีมีกระดาษเปล่าตกอยู่แผ่นหนึ่งในรถ ถึงแม้ว่ามันจะยับไปนิดแต่ก็พอใช้งานได้ เธอจึงเขียนข้อความด้วยลายมือสุดอาร์ทของตัวเอง ดูดีและอ่านรู้เรื่อง สมกับที่เธอเคยได้รับรางวัลที่สองคัดไทยตอนอยู่ ป.สาม
คุณช้าง ...ปีกุนรู้จักแค่ว่าเขาเป็นลูกชายของคุณวรรณณ์ ภรรยาคุณธเนศ ซึ่งสำหรับคุณวรรณณ์ เธอเคยเห็นหน้าค่าตาอยู่บ่อยครั้ง แต่กับคุณช้างเธอไม่เคยเห็น เพราะตอนเธอ แม่ และน้อง ย้ายตามไปดูแลรับใช้คุณธเนศที่คฤหาสน์หลังใหญ่เท่าวังของคุณวรรณณ์ ลูกชายคนเดียวของคุณวรรณณ์ก็เดินทางไปเรียนต่างประเทศซะแล้ว ส่วนรูปถ่งรูปถ่าย เธอก็ไม่เคยเห็น อย่างกับว่ามันถูกรวบเก็บใส่กรุฝังดินไปจนหมด
ชื่อช้าง... อาจจะเป็นอะไรที่ตัวใหญ่ๆ หน่อย ลักษณะการแต่งกายก็คงต้องดูหรูเนี๊ยบ สมกับที่เป็นนักเรียนนอก เธอก็เลยเลือกที่จะพิจารณาเฉพาะผู้ชายตัวใหญ่ เน้นตรงคนที่อยู่ในชุดเสื้อผ้าดีๆ ดูมีระดับ ซึ่งแน่นอนว่าพื้นที่กว้างขนาดนี้ ผู้ชายตัวใหญ่ใส่เสื้อผ้าดีๆ ไม่ได้มีกันแค่หลักสิบ
สิบห้านาทีผ่านไป ปีกุนสบตาผู้ชายจนเกือบครบทุกคนในอาคาร นี่ถ้าเป็นปลากัดคงตั้งท้องไปแล้ว แต่ถึงพากเพียรขนาดนั้น เธอก็ยังหาผู้โดยสารของตัวเองไม่เจอ
จนกระทั่งลำแสงแห่งความหวังระลอกสุดท้ายฉายขึ้น เมื่อสายตาของเธอกวาดไปเจอกับชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใส่เสื้อยืดกางเกงยีน มาดเซอร์ๆ กับลุคส์ผมยาวหยักศกที่ถูกรวบไว้แบบหยาบๆ ด้วยหนังยางรัดแกง แม้ทำให้เธอคิดหนัก ... แต่บางทีเพราะเขาเพิ่งจบจากเมืองนอก สไตล์การแต่งตัวจึงดูเหมือนฝรั่งติสท์ๆ เธอจึงไม่รีรอ ชูแผ่นกระดาษA4โชว์ชื่อเขาพร้อมกับอ้าปากอย่างกว้าง เตรียมจะเอ่ยถามขึ้นว่า 'ใช่คุณช้างรึเปล่าคะ?'
แต่นาทีที่เสียงของเธอกำลังจะหลุดออกจากปาก ผู้หญิงสวย เอวคอด อกกับสะโพกสะบึม รวมๆ คือหุ่นยังกะนางแบบบนปฏิทินรถเดวิดสัน ก็พุ่งทะลุมิติจากไหนไม่รู้แซงหน้าเธอแล้วโผเข้าสวมกอดเขา เซย์ฮัลโหล สองโหลสามโหล พร้อมโชว์ความสนิทสนมด้วยการจุ๊บปากเสียงดังจ๊วบๆ อย่างกับกลัวใครจะไม่รู้ว่าหล่อนเป็นญาติข้างไหนของชายหนุ่ม
เอิ่ม... อารมณ์เธอตอนนี้คืออยากเลื่อนมือไปสะกิดหัวไหล่ทั้งคนจูบและคนถูกจูบ ถามว่า 'เฮ้ พวก! ลืมรึเปล่านี่มันกลางที่สาธารณะ ประชาชนล้นหลาม หน้าไม่อายป่าวว้า!?
แต่ปีกุนทำอย่างนั้นไม่ได้ ทำได้แค่เลื่อนกระดาษA4ในมือขึ้นปิดบังใบหน้าซ่อนอาการบัดสีลูกตา
และในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อของความหน้าร้อน ฉับพลันนั้นเอง บ่าด้านขวาของเธอซึ่งผ่านงาน heavy-duty อย่างหนักมาจากการรื้อเครื่องมือช่างออกมาจัดใหม่เมื่อสองวันก่อนซึ่งยังคงรู้สึกปวดเมื่อยไม่สร่าง ก็ถูกฝ่ามือหนาไม่ทราบที่มาตะปบหมับ น้ำหนักมือกำลังดี เหมาะจะมาช่วยนวดกดจุดคลายเส้นให้เธอได้
"มาจากธารทะเลเอราวรรณ รีสอร์ทแอนด์สปารึเปล่า?" เสียงทุ้มถามขึ้น
ปีกุนมองเขาอึ้งไป ผิดจากที่อิมเมจเอาไว้ซะเยอะเลย!
เขาเป็นคนรูปร่างสันทัด ใบหน้าขาวตี๋ สวมเสื้อส้มลายต้นมะพร้าว กางเกงก็ส้มทรงฮาวายลายต้นมะพร้าวเข้ากัน ดูๆ คล้ายกับนักท่องเที่ยวที่พลัดหลงออกมาจากกรุ๊ปทัวร์จีน
เธอยิ้มสดใสพร้อมๆ กับยกมือที่ยังคงถือกระดาษชื่อเขาขึ้นไหว้อย่างชดช้อย พร้อมบอก
"ใช่ค่ะคุณช้าง ดิฉันชื่อปีกุนค่ะ เป็นตัวแทนจากธารทะเลเอราวรรณ รีสอร์ทแอนด์สปา พวกเรายินดีต้อนรับคุณช้างค่ะ"
"ทำไมเพิ่งมา!" น้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขาเพิ่มระดับความขึงขังขึ้นทันที "รู้ข้อมูลก่อนล่วงหน้าไม่ใช่เหรอว่าเครื่องลงตอนไหน"
คนโดนตำหนิผงกหน้าสำนึกผิด
"ทราบค่ะ ขอโทษค่ะ พอดีว่าวันนี้ถนนหน้าหาดรถติดนานไปหน่อย ต่อไปจะปรับปรุงตัวค่ะ" ยิ้มจ๋อยๆ สารภาพผิดโดยดี
เห็นใบหน้าชมพูเรื่อของหญิงสาวซีดจ๋อยลงอย่างถนัดตา ชายหนุ่มจึงโคลงศีรษะช้าๆ บอกกับเธอ น้ำเสียงจึงจัง ผ่อนเบาลง
"ช่างเถอะ แล้วรถจอดอยู่ไหนล่ะ"
หญิงสาวยิ้มออกทันที นึกว่าจะโดนสวดยาวซะแล้ว ก่อนที่มือยาวๆ จะชี้ไปบอกตำแหน่งรถตู้ที่จอดอยู่
"จอดตรงนั้นค่ะ"
มองปลายนิ้วของหญิงสาวไปยังรถที่จอดอยู่ ชายหน้าตี๋แอบทำหน้านิ่ว
"มาค่ะเดี๋ยวดิฉันช่วยขนกระเป๋า" พูดเสร็จก็เหลียวมองกระเป๋า แต่ทันทีที่เห็นมัน หน้าที่เพิ่งยิ้มออกกลับต้องหุบฉับ ดวงตาโตดีดผึง ...แม่เจ้า! กระเป๋าเสื้อผ้าตั้งสี่ห้าใบวางซ้อนทับสลับกันอยู่บนรถเข็น อย่างกับว่านี่เขากำลังจะมางานปารีสแฟชั่นวีคงั้นแหละ
"รอคนของฉันเดี๋ยว" เขาพูดขึ้น "เขาไปเข้าห้องน้ำ"
ซึ่งอาการปากอ้าตาเหลือกของเธอทุเลาลงในนาทีต่อมา ที่ชายหนุ่มอีกคนก้าวผ่านประตูอัตโนมัติออกมาพร้อมกับกระเป๋าเป้สีเทาใบเล็กพาดบ่า รูปร่างสูงกำยำในชุดกางเกงขายาว และคล้องแว่นตาไว้ตรงคอเสื้อโปโลสีขาวสะอาดสะอ้านของเขา ทำให้มองปราดแรกคิดไปถึงบอดี้การ์ดในหนังแอคชั่น แต่ไม่ทันได้ลองมองปราดที่สอง คุณช้างก็แทรกเสียงทุ้มทะลุห้วงภวังค์ของเธอขึ้นมาบอก
"นี่นายอ่ำ ผู้ติดตามของฉัน"
เขาใช่บอดี้การ์ดจริงๆด้วย... และนั่นก็ทำให้เธอยิ้มค้างอย่างเผลอไผล
"สวัสดีค่ะ" เธอกล่าว มือเล็กยกขึ้นไหว้แม้จะเห็นว่าเป็นขี้ข้าเหมือนกัน แต่เขาตัวโตพอที่จะช่วยเธอลากกระเป๋าเดินทางเกือบครึ่งโหลของเจ้านายไปเก็บที่รถให้ได้
แต่ทว่า มันกลับเป็นเรื่องตรงกันข้าม คนชื่อ 'อ่ำ' ยัมมุมปาก แววตาเจ้าเล่ห์ ก่อนส่งเป้สะพายหลังวางแหมะลงบนกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่วางซ้อนอยู่เหนือใบอื่นๆอีกสี่ใบบนรถเข็น บอกว่า...
"ฝากนี่ด้วยอีกใบ"
เอ้า! กลายเป็นเพิ่มภาระมาให้เธออีกซะงั้น... แบบนี้มันเรียกว่าเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แถมยังเอากระดูกมาแขวนคอแท้ๆ ลูกหมูเอ๋ย... หญิงสาวครวญอ่อยๆกับตัวเองขณะออกแรงรุนรถเข็นกระเป๋ามุ่งสู่รถตู้ที่จอดอยู่ข้างหน้า
"นี่เธอ เดินให้มันไวๆ หน่อย ดูสิเนี่ยจะบ่ายสองแล้ว" นายบอดี้การ์ดหน้าเข้มบอกดุๆ ก่อนหันไปทางคุณช้าง พูดขึ้นอย่างเป็นกันเอง "ไปครับ... คุณช้าง"
แล้วสองหนุ่มมาดแมนแฮนซั่มก็พากันเดินตรงไปที่รถตู้ซึ่งจอดตีไฟกะพริบวิบๆอยู่ตรงริมขอบฟุตบาธด้านหน้า ทิ้งร้างหญิงสาวบอบบางเอาไว้ให้ผจญกับสัมภาระกองพะเนินเทินทึกบนรถเข็นเพียงคนเดียว ... ฮึ่ม! ช่างเป็น first impressionในการพบกัน สำหรับเจ้านายที่ดีเลิศกับผู้ติดตามอันประเสริฐศรีซะจริง!!!
ซ่อมให้ไหม? หัวใจ Boss is trouble - 2
อาคารผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศด้านทิศใต้ ผู้คนหนาตาจนแทบแยกไม่ออกว่าไหนคือผู้โดยสารที่เพิ่งลงจากเครื่อง และไหนคือคนที่มารอรับ
แผ่นกระดาษขนาด A4 ระบุชื่อ 'คุณช้าง' ถูกเธอชูขึ้นเหนือศีรษะ โยกไปทางซ้ายบ้าง ทางขวาบ้าง ตามช่วงจังหวะที่ผู้โดยสารเพศชายเดินผ่านสายตา ซึ่งแม้คอเธอจะยืดแล้วยืดอีกเพื่อมองหาเจ้าของชื่อ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเธอจะหาเขาเจอ
ต้องโทษความที่ตอนออกมาจากแผนกทรานสปอร์ต ปีกุนรีบร้อนมากไปหน่อย เธอจึงลืมหยิบป้ายอะคริลิกยินดีต้อนรับมีโลโก้รีสอร์ท แค่เพียงปริ๊นชื่อลูกค้าสอดเข้าไปก็จะดูหรูหราติดรถมาด้วย เคราะห์ยังดีมีกระดาษเปล่าตกอยู่แผ่นหนึ่งในรถ ถึงแม้ว่ามันจะยับไปนิดแต่ก็พอใช้งานได้ เธอจึงเขียนข้อความด้วยลายมือสุดอาร์ทของตัวเอง ดูดีและอ่านรู้เรื่อง สมกับที่เธอเคยได้รับรางวัลที่สองคัดไทยตอนอยู่ ป.สาม
คุณช้าง ...ปีกุนรู้จักแค่ว่าเขาเป็นลูกชายของคุณวรรณณ์ ภรรยาคุณธเนศ ซึ่งสำหรับคุณวรรณณ์ เธอเคยเห็นหน้าค่าตาอยู่บ่อยครั้ง แต่กับคุณช้างเธอไม่เคยเห็น เพราะตอนเธอ แม่ และน้อง ย้ายตามไปดูแลรับใช้คุณธเนศที่คฤหาสน์หลังใหญ่เท่าวังของคุณวรรณณ์ ลูกชายคนเดียวของคุณวรรณณ์ก็เดินทางไปเรียนต่างประเทศซะแล้ว ส่วนรูปถ่งรูปถ่าย เธอก็ไม่เคยเห็น อย่างกับว่ามันถูกรวบเก็บใส่กรุฝังดินไปจนหมด
ชื่อช้าง... อาจจะเป็นอะไรที่ตัวใหญ่ๆ หน่อย ลักษณะการแต่งกายก็คงต้องดูหรูเนี๊ยบ สมกับที่เป็นนักเรียนนอก เธอก็เลยเลือกที่จะพิจารณาเฉพาะผู้ชายตัวใหญ่ เน้นตรงคนที่อยู่ในชุดเสื้อผ้าดีๆ ดูมีระดับ ซึ่งแน่นอนว่าพื้นที่กว้างขนาดนี้ ผู้ชายตัวใหญ่ใส่เสื้อผ้าดีๆ ไม่ได้มีกันแค่หลักสิบ
สิบห้านาทีผ่านไป ปีกุนสบตาผู้ชายจนเกือบครบทุกคนในอาคาร นี่ถ้าเป็นปลากัดคงตั้งท้องไปแล้ว แต่ถึงพากเพียรขนาดนั้น เธอก็ยังหาผู้โดยสารของตัวเองไม่เจอ
จนกระทั่งลำแสงแห่งความหวังระลอกสุดท้ายฉายขึ้น เมื่อสายตาของเธอกวาดไปเจอกับชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใส่เสื้อยืดกางเกงยีน มาดเซอร์ๆ กับลุคส์ผมยาวหยักศกที่ถูกรวบไว้แบบหยาบๆ ด้วยหนังยางรัดแกง แม้ทำให้เธอคิดหนัก ... แต่บางทีเพราะเขาเพิ่งจบจากเมืองนอก สไตล์การแต่งตัวจึงดูเหมือนฝรั่งติสท์ๆ เธอจึงไม่รีรอ ชูแผ่นกระดาษA4โชว์ชื่อเขาพร้อมกับอ้าปากอย่างกว้าง เตรียมจะเอ่ยถามขึ้นว่า 'ใช่คุณช้างรึเปล่าคะ?'
แต่นาทีที่เสียงของเธอกำลังจะหลุดออกจากปาก ผู้หญิงสวย เอวคอด อกกับสะโพกสะบึม รวมๆ คือหุ่นยังกะนางแบบบนปฏิทินรถเดวิดสัน ก็พุ่งทะลุมิติจากไหนไม่รู้แซงหน้าเธอแล้วโผเข้าสวมกอดเขา เซย์ฮัลโหล สองโหลสามโหล พร้อมโชว์ความสนิทสนมด้วยการจุ๊บปากเสียงดังจ๊วบๆ อย่างกับกลัวใครจะไม่รู้ว่าหล่อนเป็นญาติข้างไหนของชายหนุ่ม
เอิ่ม... อารมณ์เธอตอนนี้คืออยากเลื่อนมือไปสะกิดหัวไหล่ทั้งคนจูบและคนถูกจูบ ถามว่า 'เฮ้ พวก! ลืมรึเปล่านี่มันกลางที่สาธารณะ ประชาชนล้นหลาม หน้าไม่อายป่าวว้า!?
แต่ปีกุนทำอย่างนั้นไม่ได้ ทำได้แค่เลื่อนกระดาษA4ในมือขึ้นปิดบังใบหน้าซ่อนอาการบัดสีลูกตา
และในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อของความหน้าร้อน ฉับพลันนั้นเอง บ่าด้านขวาของเธอซึ่งผ่านงาน heavy-duty อย่างหนักมาจากการรื้อเครื่องมือช่างออกมาจัดใหม่เมื่อสองวันก่อนซึ่งยังคงรู้สึกปวดเมื่อยไม่สร่าง ก็ถูกฝ่ามือหนาไม่ทราบที่มาตะปบหมับ น้ำหนักมือกำลังดี เหมาะจะมาช่วยนวดกดจุดคลายเส้นให้เธอได้
"มาจากธารทะเลเอราวรรณ รีสอร์ทแอนด์สปารึเปล่า?" เสียงทุ้มถามขึ้น
ปีกุนมองเขาอึ้งไป ผิดจากที่อิมเมจเอาไว้ซะเยอะเลย!
เขาเป็นคนรูปร่างสันทัด ใบหน้าขาวตี๋ สวมเสื้อส้มลายต้นมะพร้าว กางเกงก็ส้มทรงฮาวายลายต้นมะพร้าวเข้ากัน ดูๆ คล้ายกับนักท่องเที่ยวที่พลัดหลงออกมาจากกรุ๊ปทัวร์จีน
เธอยิ้มสดใสพร้อมๆ กับยกมือที่ยังคงถือกระดาษชื่อเขาขึ้นไหว้อย่างชดช้อย พร้อมบอก
"ใช่ค่ะคุณช้าง ดิฉันชื่อปีกุนค่ะ เป็นตัวแทนจากธารทะเลเอราวรรณ รีสอร์ทแอนด์สปา พวกเรายินดีต้อนรับคุณช้างค่ะ"
"ทำไมเพิ่งมา!" น้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขาเพิ่มระดับความขึงขังขึ้นทันที "รู้ข้อมูลก่อนล่วงหน้าไม่ใช่เหรอว่าเครื่องลงตอนไหน"
คนโดนตำหนิผงกหน้าสำนึกผิด
"ทราบค่ะ ขอโทษค่ะ พอดีว่าวันนี้ถนนหน้าหาดรถติดนานไปหน่อย ต่อไปจะปรับปรุงตัวค่ะ" ยิ้มจ๋อยๆ สารภาพผิดโดยดี
เห็นใบหน้าชมพูเรื่อของหญิงสาวซีดจ๋อยลงอย่างถนัดตา ชายหนุ่มจึงโคลงศีรษะช้าๆ บอกกับเธอ น้ำเสียงจึงจัง ผ่อนเบาลง
"ช่างเถอะ แล้วรถจอดอยู่ไหนล่ะ"
หญิงสาวยิ้มออกทันที นึกว่าจะโดนสวดยาวซะแล้ว ก่อนที่มือยาวๆ จะชี้ไปบอกตำแหน่งรถตู้ที่จอดอยู่
"จอดตรงนั้นค่ะ"
มองปลายนิ้วของหญิงสาวไปยังรถที่จอดอยู่ ชายหน้าตี๋แอบทำหน้านิ่ว
"มาค่ะเดี๋ยวดิฉันช่วยขนกระเป๋า" พูดเสร็จก็เหลียวมองกระเป๋า แต่ทันทีที่เห็นมัน หน้าที่เพิ่งยิ้มออกกลับต้องหุบฉับ ดวงตาโตดีดผึง ...แม่เจ้า! กระเป๋าเสื้อผ้าตั้งสี่ห้าใบวางซ้อนทับสลับกันอยู่บนรถเข็น อย่างกับว่านี่เขากำลังจะมางานปารีสแฟชั่นวีคงั้นแหละ
"รอคนของฉันเดี๋ยว" เขาพูดขึ้น "เขาไปเข้าห้องน้ำ"
ซึ่งอาการปากอ้าตาเหลือกของเธอทุเลาลงในนาทีต่อมา ที่ชายหนุ่มอีกคนก้าวผ่านประตูอัตโนมัติออกมาพร้อมกับกระเป๋าเป้สีเทาใบเล็กพาดบ่า รูปร่างสูงกำยำในชุดกางเกงขายาว และคล้องแว่นตาไว้ตรงคอเสื้อโปโลสีขาวสะอาดสะอ้านของเขา ทำให้มองปราดแรกคิดไปถึงบอดี้การ์ดในหนังแอคชั่น แต่ไม่ทันได้ลองมองปราดที่สอง คุณช้างก็แทรกเสียงทุ้มทะลุห้วงภวังค์ของเธอขึ้นมาบอก
"นี่นายอ่ำ ผู้ติดตามของฉัน"
เขาใช่บอดี้การ์ดจริงๆด้วย... และนั่นก็ทำให้เธอยิ้มค้างอย่างเผลอไผล
"สวัสดีค่ะ" เธอกล่าว มือเล็กยกขึ้นไหว้แม้จะเห็นว่าเป็นขี้ข้าเหมือนกัน แต่เขาตัวโตพอที่จะช่วยเธอลากกระเป๋าเดินทางเกือบครึ่งโหลของเจ้านายไปเก็บที่รถให้ได้
แต่ทว่า มันกลับเป็นเรื่องตรงกันข้าม คนชื่อ 'อ่ำ' ยัมมุมปาก แววตาเจ้าเล่ห์ ก่อนส่งเป้สะพายหลังวางแหมะลงบนกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่วางซ้อนอยู่เหนือใบอื่นๆอีกสี่ใบบนรถเข็น บอกว่า...
"ฝากนี่ด้วยอีกใบ"
เอ้า! กลายเป็นเพิ่มภาระมาให้เธออีกซะงั้น... แบบนี้มันเรียกว่าเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แถมยังเอากระดูกมาแขวนคอแท้ๆ ลูกหมูเอ๋ย... หญิงสาวครวญอ่อยๆกับตัวเองขณะออกแรงรุนรถเข็นกระเป๋ามุ่งสู่รถตู้ที่จอดอยู่ข้างหน้า
"นี่เธอ เดินให้มันไวๆ หน่อย ดูสิเนี่ยจะบ่ายสองแล้ว" นายบอดี้การ์ดหน้าเข้มบอกดุๆ ก่อนหันไปทางคุณช้าง พูดขึ้นอย่างเป็นกันเอง "ไปครับ... คุณช้าง"
แล้วสองหนุ่มมาดแมนแฮนซั่มก็พากันเดินตรงไปที่รถตู้ซึ่งจอดตีไฟกะพริบวิบๆอยู่ตรงริมขอบฟุตบาธด้านหน้า ทิ้งร้างหญิงสาวบอบบางเอาไว้ให้ผจญกับสัมภาระกองพะเนินเทินทึกบนรถเข็นเพียงคนเดียว ... ฮึ่ม! ช่างเป็น first impressionในการพบกัน สำหรับเจ้านายที่ดีเลิศกับผู้ติดตามอันประเสริฐศรีซะจริง!!!