ซ่อมให้ไหม? หัวใจ Boss is trouble - 8

ความเดิม >>> https://pantip.com/topic/37708142



สายโด่ง พระอาทิตย์สาดแสงทำมุมทแยง 35 องศาเข้ามาภายในร้าน และความที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ พัดลมเพดานเพียงไม่กี่ตัวผลัดกันหมุนอ้อยอิ่งตามความสามารถของมันไปเรื่อยๆ

คุณช้างขยับมือพับแขนเสื้อเชิ้ตของตัวเองขึ้นจนถึงศอก เหงื่อไหลไคลย้อยจากหน้าผากจรดลงตรงลูกกระเดือก เขียวอดไม่ได้ที่จะหยิบกระดาษทิชชู่ที่อยู่ใกล้มือส่งให้

ขณะที่หน้าเข้มๆ ของนายอ่ำกำลังเหงื่อแตกพลั่กและริมฝีปากแดงแปร๊ด คงโดนฤทธิ์แกงส้มเข้าไป น่าจะเผ็ดร้อนเอาการสำหรับชาวกรุงที่ไม่ค่อยได้ลิ้มลองเครื่องเทศปักษ์ใต้ แม้ไม่ถึงกับปากปลิ้น แต่ก็ต้องมีลิ้นห้อยให้เห็นกันบ้าง

ซึ่งใครเลยจะแสนสุขใจและอิ่มหนำสำราญได้เท่าปีกุน กับเมนูหมูพะโล้ล้นทะลักที่เธอกะไว้ว่ากินหมดจานแล้วจะสามารถดำรงชีวิตโดยไม่ต้องมีอะไรตกถึงท้องอีกเลยไปจนพรุ่งนี้

หลังจากทานมื้อเช้าคุณภาพคับแน่นชนิดที่เทียบได้กับมื้อเที่ยงบวกมื้อเย็นเสร็จสิ้นลงไป เขียวขอแยกตัวกลับ กิตติกำลังอ้าปากจะรั้งเขียวไว้เพื่อชวนไปขับรถชมเมืองด้วยกัน แต่โดนเอราสะกิดไหล่ห้ามไว้ สายตาดุของเอราเหมือนต้องการเตือนสติว่าอยู่ในสถานะไหน

“ไหนแกเคยพูดเองไม่ใช่เหรอ ทำตัวสนิทสนมเป็นกันเองเดี๋ยวลูกน้องจะไม่กลัว หรือว่าคิดจะกลับคำ” เอราเอียงคอกระซิบถามตอนที่ยายเด็กช่างกำลังลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ

“ไม่นะคะกับคนอื่นน่ะ กี้ไม่อะไรอยู่แล้ว แต่กับพี่คนนี้กี้ขอล่ะ... ก็คนมันรู้สึกประทับใจลงไปแล้ว ทำไงได้” กี้บอกความรู้สึก แถมยังมีหน้าแอบพูดแขวะผู้ซึ่งเป็นเจ้านายเบาๆ ว่า “เรื่องของหัวใจห้ามได้ที่ไหน คนไม่มีหัวใจอย่างคุณช้างไม่มีทางเข้าใจหรอก”

เอราส่ายหัว ทำหน้าเข้มเชิงตำหนิ “ให้มันน้อยๆ หน่อยนายกี้ อย่าลืมตัวนะว่าตอนนี้แกกำลังเป็นคุณช้าง ลูกชายเจ้าของโรงแรม”

“โอเค กี้น้อมรับความผิด ต่อไปจะสงบเสงี่ยมให้มากกว่านี้แล้วกันค่ะ” คนรู้สำนึกน้อมตัวกล่าวขอโทษขอโพย ปีกุนเดินกลับออกมาจากห้องน้ำพอดี เอรารีบเลื่อนมือแตะแขนปลุกวิญญาณความเป็นคุณช้างคืนชีพขึ้นมา

กิตติทอดสายตามองเขียวขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปอย่างอาวรณ์ รอยยิ้มกับแววตาใสซื่อยังคอยวนเวียนติดตาตรึงใจเขาอยู่มิคลาย

การเดินทางเริ่มต้นอีกครั้งในเวลาเก้าโมง  ปีกุนส่งยิ้มเป็นสัญญาณว่าเธอพร้อมจะทำหน้าที่สารถีต่อแล้ว จะเอายังไงก็ว่ามา

แต่แทนที่คุณช้างจะเอ่ยตอบ คนที่พูดแทรกขึ้นมากลับเป็นชายหนุ่มที่นั่งข้างเธอ

“ไปวัดได้ไหม”

เหมือนเขาถามเธอ หรือไม่ก็ถามคุณช้างซึ่งนั่งอยู่ด้านหลัง คุณช้างดูใจลอยๆ จนนายอ่ำต้องเค้นเสียงเข้มทวนถามขึ้นอีกรอบ

“ไปวัดกันนะครับ...คุณช้าง”

คนถูกถามเหมือนมีอาการสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์

“คะ...ครับ วัด? ก็ดีๆ” คนตรงเบาะหลังพยักหน้าตอบกุกกัก

ปีกุนแม้จะแปลกใจกับสัมพันธภาพแบบแปลกๆ และสายตากำกวมที่คุณช้างมีต่อนายอ่ำ แต่ก็ยังไม่แปลกใจเท่ากับที่ได้ยินนายอ่ำพูดว่าอยากให้เธอพาไปวัด

“วัดอะไรดีคะ วัดใหญ่วัดดัง วัดประจำจังหวัด” หญิงสาวที่ค่อยๆ ขับรถกลับเข้าสู่ถนนสายหลักอีกครั้งเอ่ยถาม รายชื่อและพิกัดวัดวาดังๆ ใหญ่ๆ ผุดพรายขึ้นมาเพียบอยู่ในหัว

“วัดใต้ รู้จักหรือเปล่า” เอราเอ่ย พร้อมกับภาพของ 'พ่อ' สะท้อนวาบขึ้นมาในหัวใจ

ก่อนตาย ‘ไอยรา’ พ่อของเขาเคยบวชอยู่ที่นั่นนานหลายเดือน และหลังจากเขาโดนบังคับส่งตัวไปเรียนที่แอลเอก็ไม่ได้กลับมาเจอพ่ออีกเลย จนกระทั่งปิดเทอมใหญ่ ซึ่งเขามาไม่ทันในวันที่พ่อป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลและสิ้นใจอย่างกะทันหัน

เอราหลุดออกจากภวังค์ภาพพ่อทันทีตอนตอนปีกุนร้องอ๋อ "รู้จักสิคะ วัดใต้ อยู่ห่างจากที่นี่ไม่กี่สิบกิโลหรอกคุณ" เธอบอกน้ำเสียงภาคภูมิใจ "ทั่วทั้งภูเก็ตมีที่ไหนบ้างที่ฉันไม่รู้จัก"

“ช่วยพาไปหน่อยได้ไหม” เสียงอันเคยเข้มขรึมของเขาผ่อนเบาลง

"ได้เลยค่ะ คุณลูกทัวร์ จบทริปแล้วอย่าลืมติ๊ปฉันละกัน"

"ครับ เดี๋ยวจะขอคุณช้างทิปหนักๆให้เลย" ชายหนุ่มบอก ริมฝีปากสีชมพูอิ่มได้รูปของหญิงสาวแย้มบานทันที

ทัศนคติของปีกุนที่มีต่อนายอ่ำเหมือนจะดีขึ้นก็ตรงเรื่องเงินๆ ทองๆ นี่ล่ะ แล้วเธอก็เหลือบมองคนตรงเบาะหลัง ซึ่งยังคงนั่งใจลอยออกไปนอกรถ  ส่วนชายหนุ่มคนข้างๆ เธอ หลังจากส่งยิ้มละมุนเป็นครั้งแรกตั้งแต่เจอหน้ากันมาให้เธอแล้ว เขาก็หันหน้าไปมองทิวทัศน์ด้านนอก ซึ่งเป็นป่าเขาแหว่งโหว่ มีการก่อสร้างขึ้นเป็นหย่อมๆ

เอราทอดสายตามองสองข้างทาง รู้สึกหวิวไหวในหัวใจกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปมาก แต่ถึงอย่างไรการได้กลับมาเยือนที่นี่อีกครั้งถือเป็นเรื่องดี... เพราะเขาจะได้กลับมาอยู่ใกล้ๆ พ่อ

'ไอยรา' พ่อของเขาเป็นชาวภูเก็ตโดยกำเนิด แต่อัตชีวประวัติโดยละเอียดกับทั้งความรักระหว่างพ่อและแม่เป็นอย่างไรเขาไม่รู้ ไม่เคยซัก และไม่อยากรู้ เขาอยากรู้ที่สุดคือ ทำไมแม่ถึงแต่งงานใหม่ในเวลาเพียงหนึ่งปีที่พ่อจากไป ไหนแม่เคยสัญญากับเขาว่าจะไม่หาพ่อใหม่ให้กับเขา เหตุผลอะไรที่ทำให้แม่ผิดสัญญา เหตุผลอะไรที่ทำให้แม่ลืมความรักที่มีต่อพ่อได้ลงคอ เหตุผลอะไรที่ทำให้แม่มองคนเลวๆ อย่างนายธเนศไม่ออก หรือความจริงแล้ว...แม่ไม่เคยมีเหตุผล



การจะมา 'วัดใต้' นั้นไม่ยาก ขับรถเรื่อยๆ ไปตามถนนลาดยางสองเลนกว้างขวางสะดวกสบาย ผ่านเส้น 'กะตะกะรน' ฆ่าเวลาด้วยการมองออกไปนอกรถ จะเห็นทัศนียภาพชวนสลดหดหู่ใจ ด้านหนึ่งเป็นป่าภูเขาเตี้ยแถมหัวโล้นซ้อนสลับกับตึกสูงของโรงแรมและคอนโดหรู อีกด้านหนึ่งเป็นเวิ้งทะเล ซึ่งยามสายเช่นนี้น้ำทะเลสะท้อนแดดเป็นสีเงินยวงระยับ แต่เห็นได้เพียงเสี้ยวเดียวเพราะโดนสิ่งปลูกสร้างขนาดสูงตามมาบดบังสายตา

ไต่ระดับความชันไม่มากลงจากสันเขา ซึ่งเชื่อมต่อมาจากรอยต่อเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขานาคเกิด แต่อยู่นอกเขตป่าไม้ถาวร นายทุนรายใหญ่แย่งกันกว้านซื้อเอกสารสิทธิ์ราคาถูกมาจากชาวบ้านรุ่นเก่าที่ไม่ค่อยมีความรู้ ก่อนจะแห่กันไปขอออกโฉนดกันง่ายๆ แค่ยอมจ่ายหนัก

จึงไม่แปลกที่จะเห็นอาคารสูงถูกปลูกใหม่ขึ้นทดแทนแนวป่าเดิมอย่างหนาแน่น หากได้มีโอกาสขี่พารามอเตอร์หรือมองจากโดรนก็จะพบว่าโรงแรมกับคอนโดผุดขึ้นชุกชุมยิ่งกว่าดอกเห็ดหน้าฝน

ยี่สิบนาทีนับจากร้านข้าวแกงลูกหมี ปีกุนไม่ถูกนายอ่ำซักถามอะไรให้ชวนหัวเสียอีกเลย เขานั่งเงียบๆ มองวิวนอกรถไปแบบคนกำลังใช้ความคิด กระทั่งเธอพารถเลี้ยวผ่านซุ้มประตูก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่สู่อาณาเขตวัด ก่อนที่พาจะรถเข้าจอดอย่างนุ่มนวลยังลานทรายกว้างขวางด้านหน้าของวิหาร

"ถึงที่หมายแล้วค่ะทุกท่าน" หญิงสาวดึงเบรกและปลดล็อคพร้อมๆ กับส่งเสียงบอก คุณช้างส่งยิ้มผ่านกระจกและเปิดประตูก้าวลงจากรถไปเป็นคนแรก ปีกุนตามลงไปอีกคน ส่วนนายอ่ำก้าวลงมาเป็นคนสุดท้าย ไม่ลืมส่งเสียงไล่หลังเบาๆ จำเพาะแค่ให้เธอได้ยินว่า

"ขอบคุณนะลูกหมู"

แปลกชะมัด ทั้งที่คนโดนขอบคุณไม่ได้เหลียวหลังมา แต่เอรากลับรู้สึกถึงความยินดีที่ปีกุนส่งผ่าน ด้วยการเขยื้อนไหล่และโคลงศีรษะสองทีแทนการตอบรับ

เมื่อก้าวเข้ามาในวิหาร ถ้าใครเกิดมาได้เคยเข้าวัดบ้างย่อมรู้กันในเรื่องธรรมเนียบปฏิบัติ

นายอ่ำคงเพราะแขนขายาวกว่าใครเพื่อน เดินมาทีหลังแต่ถึงวิหารก่อนคนอื่น เขาค่อยๆ คลานแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าพระพุทธรูป ก่อนจะเอื้อมหยิบธูปที่ถูกจัดวางอยู่บนถาดใต้แท่นบูชา นับจำนวนครบชุดละสามแล้วส่งให้เธอกับคุณช้าง

รับธูปมาแล้วปีกุนยื่นปลายธูปต่อไฟจากเปลวเทียนตรงแท่นบูชาหน้าองค์พระ พร้อมกันกับที่ปลายธูปของนายอ่ำยื่นมาพอดี ธูปทั้งหกสัมผัสกัน ทั้งเธอและเขาเงยหน้ามองตากันอย่างรู้สึกแปลก

เพียงเสี้ยวลมหายใจต่างคนต่างถอนสายตาออกจากกันไวอย่างอัตโนมัติ ปีกุนรีบคลานถอยหลังห่างออกไปหลายฟุต

ข้างๆ เธอ คุณช้างเพียรจุดธูปจากไฟแช็คที่วางอยู่บนถาดจนลุกไหม้ควันโขมง นายอ่ำส่งเสียงจามฮัดชิ้วน้ำหูน้ำตาเล็ด

พอช่วยกันเป่าลมดับเพลิงเสร็จก็พบว่าความยาวธูปคุณช้างเหลือไม่ถึงสามนิ้ว แต่คุณช้างไม่ละความพยายาม  กระพุ่มมือยกธูปขึ้นจรดหน้าผากงึมงำเอ่ยคำอธิษฐาน

มาวัดกี่ครั้ง ปีกุนสวดมนต์ไหว้พระอธิษฐานขอพรอย่างเดิมทุกที คือขอให้แม่และน้องสุขภาพแข็งแรง การไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐ

สวดมนต์และขอพรสั้นๆ จบเธอก็คลานเอาธูปเข้าไปปักลงเถ้าในกระถาง เหลียวหลังกลับมา พบว่าคุณช้างยังอธิษฐานไม่จบ ส่วนธูปของเขานั้นมอดดับเหลือแต่ก้าน  

นายอ่ำปักธูปลงกระถางเสร็จไปนานแล้ว  แต่อาการไอจามเนื่องจากสำลักควันธูปยังไม่ทุเลา ภายใต้ใบหน้าคมสัน ดวงตาของเขาก่ำแดง

"คุณเป็นภูมิแพ้เหรอคะเนี่ย" เธอถามพร้อมๆ กับดึงกระดาษเช็ดหน้าแบบพกพาขึ้นจากกระเป๋าผ้าลดโลกร้อนส่งให้เขา

"อือ นิดหน่อย" เขาอู้อี้พยักหน้าตอบหลังจากรับกระดาษเช็ดหน้าจากเธอขึ้นซับน้ำหูน้ำตา

"ดูจากหนังหน้าแล้ว ผมดูไม่เหมือนคนขี้โรคเลยใช่ไหมล่ะ" เขาแขวะปมด้อยตัวเองต่อหน้าเธอแบบขำๆ

"ผมเป็นเอส แอล อี" เขาเอ่ยอย่างเรียบเย็น "ผมเสียพ่อไปด้วยโรคนี้เหมือนกัน" ดวงตาสีนิลแม้ไม่มีร่องรอยของความหมองหม่น แต่คนฟังกลับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

กิตติก้าวออกจากประตูวิหารด้วยความรู้สึกแช่มชื่นหัวใจ การได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และขอพรเป็นสิ่งที่ตนทำอยู่เป็นนิจ ซึ่งหัวข้อพรที่ขอบ่อยจนพระท่านคงจำได้แม่นเลยก็คือ ขอให้ได้พบรักแท้... เผลอๆ อาจเจอเข้าแล้วก็เป็นได้

เห็นหนุ่มตี๋เดินตรงมาเอราก็ได้สติ ดึงความเป็นตัวเองคืนกลับ ปรับสีหน้าให้เข้มขึ้นดังเดิม ก่อนจะหันไปเอ่ยถามกับคนที่กำลังเดินมาหา

"ไปทำบุญถวายสังฆทานกันต่อเลยไหมครับ คุณช้าง"

"ไปสิไป" กิตติยิ้มกว้างอย่างลิงโลด  ...คนกำลังอยากสมหวังในรัก ต้องหมั่นทำบุญให้หนักๆ ช่วงนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ช้ากว่านี้อาจพลาดเป้าหมายไปตลอดกาล... คิดได้ดังนั้นกิตติก็เริ่มต้นแผนโรดแมปของหัวใจ ด้วยการตีตัวเข้าหาปีกุน หมายจะให้เธอเป็นสะพานทอดพาไปยังเป้าหมาย

ปีกุนเลยกลายเป็นไกด์ผีไปโดยปริยาย พาคุณช้างกับผู้ติดตามเลือกชุดสังฆทานซึ่งมีวางจำหน่ายอยู่ในบริเวณวัด สามคนซื้อกันหนึ่งชุด ไม่ใช่เพราะขี้เหนียว คุณช้างบอกแบบคนไม่ถือตัวว่า

"ทำบุญร่วมกันน่ะดีแล้ว จะได้เอาฤกษ์เอาชัย ถือเป็นเคล็ดด้วยว่าลูกหมูจะได้อยู่ทำงานกับฉันไปนานๆ ยังไงล่ะ" แล้วยังให้ความเป็นกันเองกับเธอด้วยการเลื่อนมือมาคล้องบ่าพาเดินเข้าไปยังศาลาถวายภัตตาหาร ความที่เป็นวันพระ ผู้คนมาถวายเพล เครื่องสังฆภัณฑ์และอัฐบริขารกันอย่างหนาตากว่าวันปกติ

เอรามองตามสองคนนั้นไปพร้อมกับส่ายหน้ายิ้มขำ... ไหนบอกนักบอกหนาว่าไม่ควรสนิทสนมกับพนักงานที่รีสอร์ทให้มากนัก สุดท้ายกลับมาเป็นซะเอง ก่อนนี้ก็นายเขียว เดี๋ยวนี้มาปีกุน อีกหน่อยคงทั้งรีสอร์ท...นายกี้นะนายกี้!




....

ขอขอบคุณคนอ่านค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่