สวัสดีเพื่อนชาวpuntip ทุกคนครับ
อ่านกระทู้แล้วอาจมีหลายคนที่ดราม่ากับหัวข้อกระทู้ของผม
ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะอวดรวยหรืออยากโชว์ใดๆทั้งสิ้นนะครับ
ปัญหานี้มันเกิดขึ้นในชีวิตของผมจริงๆ ผมขอเล่าคร่าวๆให้เพื่อนๆอ่านนะครับ
ชีวิตผมเกิดในครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมมีพ่อ แม่และผม 3 คน พ่อผมเป็นที่ปรึกษาโรงงานชื่อดังแห่งนึง แม่เป็นแม่บ้านดูแลจัดการความเรียบร้อยและบัญชีในบ้าน ครอบครัวทางพ่อผมค่อนข้างมีฐานะ ผมเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดี เรียนโรงเรียนเอกชนชื่อดัง ซึ่งถ้าเอ่ยชื่อไป ทุกคนจะคิดว่าเด็กโรงเรียนนี้เป็นลูกคุณหนู แม่ผมเป็นคนที่ละเอียดละออในเรื่องของการใช้ชีวิต อะไรที่เป็นของผมทุกอย่างต้องเนียบ ต้องดีที่สุด และผมต้องไม่น้อยหน้าใคร เมื่อจบ ม.6 ผมก็ได้ไปศึกษาต่อมหาวิทยาลัยเอกชนเครือเดียวกับโรงเรียนเอกชนที่ผมจบ ม.ปลาย มา เมื่อจบปริญญาตรีผมใช้เวลา 6 เดือน ในการติดต่อทำเรื่องไปเรียนต่อปริญญาโทในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ
ก่อนผมจบผมได้วางแผนจะกลับประเทศไทยทันทีเมื่อจบการศึกษา แต่เมื่อผมกลับมาปัญหาคับข้องใจของผมก็ได้เกิดขึ้น........
พ่อแม่คุยกันว่าไม่อยากให้ผมไปทำงานที่กรุงเทพเพราะมันห่างไกล เรียนจบแลเวก็อยากให้กลับมาอยู่ที่บ้าน จริงๆแล้วผมเองอยากไปทำงานที่กรุงเทพมาก เพราะที่นั่นมีบริษัทที่ทำให้ผมเรียนรู้อะไรใหม่ๆได้เยอะ และหากผมไปทำงานที่นั่นผมเชื่อได้ว่าความรู้ที่ผมเรียนจบมาจะสามารถทำให้อนาคตผมดีขึ้นเรื่อยๆเป็นแน่ แต่แล้วสุดท้ายผมก็ได้ตัดสินใจอยู่ที่บ้านตามคำขอของพ่อและแม่ผม ผมเองก็รู้สึกดีเพราะถ้าผมไปอยู่กรุงเทพท่านทั้ง 2 ก็อายุมากขึ้นทุกวันๆ ผมจะได้อยู่ใกล้ๆดูแลท่าน ถ้ามีอะไรฉุกเฉินอย่างน้อยผมก็อยู่
เมื่อผมตัดสินใจจะหางานแถวบ้านแล้ว ผมใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะหางานที่ตรงสายกับผมได้
ผมได้งานล่ามโรงงานแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลจากบ้านประมาณ 25 กิโล ผมตกลงค่าจ้างสวัสดิการกับทางโรงงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เงินเดือนที่ทางโรงงานจ้างผม 35,000/เดือน เมื่อผมมาบอกแม่ แม่ผมไม่เห็นด้วยและบอกว่าผมเป็นภูมิแพ้ แม่ไม่อยากให้ไปทำงานในโรงงานสารพิษมันเยอะ ซึ่งผมพยายามอธิบายเกี่ยวกับการเป็นล่ามให้แม่ฟังเท่าไหร่ท่านก็ไม่ฟังผม จนสุดท้ายเราทะเลาะกันหนักมาก และผมก็ต้องถอดใจยอมฟังท่าน
เวลาผ่านไป 2 เดือน มีคนรู้จักแนะนำให้ไปทำงานเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษโรงเรียนมัธยมใกล้ๆบ้าน ผมลองสมัครและผมได้ แต่มันติดอยู่ที่ว่าเงินเดือนที่ทางโรงเรียนให้ค่อนข้างจะน้อย-น้อยมาก ทางโรงเรียนให้เงินเดือนผมรวมๆ 15,000 / ด. ซึ่งไม่ว่าผมจะจบสูงแค้ไหน จบเมืองนอกแต่เค้าก็ให้ผมได้แค่นี้เพราะผมไปเป็นแค่ครูพิเศษ ซึ่งเมื่อแม่ผมรู้แม่ผมก็ยินดีที่จะมให้ผมไปทำงานที่นั่น ซึ่งบางทีผมก็ไม่เข้าใจว่าแม่โอเคกับเงินเดือนน้อยๆของผมแบบนี้ได้ยังไง เมื่อผมทำงานไปได้ประมาณ3 เดือน แม่ซื้อรถหรูป้ายแดงให้ผมขับไปทำงาน ตอนนั้นผมดีใจมากครับเพราะนี่เป็นรถคันแรกในชีวิตของผม จากนั้นตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาแม่โอนเงินเข้าบัญชีฝากเก็บไว้ให้ผมเป็นระยะๆ ซึ่งสมุดบัญชีทั้งหมดแม่เป็นคนเก็บไว้เอง ผมมีเงินฝากเยอะจนถึง 8 หลักเลยทีเดียว
ชีวิตผมดำเนินไปอย่างวนไปวนมา ซ้ำๆ เดิมๆทุกวัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมชอบสอนเด็กนะครับ อยู่กับเด็กผมมีความสุขแต่พอเข้ามาอยู่ในออฟฟิศสังคมผู้หญิงนั่งเม้าส์กันนินทากัน ผมรู้สึกว่าสังคมแบบนี้ไร้สาระมากครับ ทำไมพวกผู้หญิงไม่หาอะไรทำหาทางพัฒนาตัวเองดีกว่าจะมานั่งเม้าท์คนโน้นทีคนนี้ที! แต่ก็ช่างเถอะครับเรื่องของเค้าไม่ใช่เรื่องของผู้ชายอย่างผม
จนตอนนี้ผมตัดสินใจจะลาออกมาเปิดธุรกิจนำเข้าของตนเอง แต่เงินทุนผมไม่พอ ผมจึงปรึกษาแม่ แม่ผมไม่เห็นด้วยท่านบอกว่ามันเสี่ยง ถ้าเกิดพลาดพลั้งมันจะทำให้ขาดทุน ลำพังตัวผมเองเป็นครูพิเศษ เงินเดือนผมก็ไม่มีปัญญาขนาดนั
ผมมีเงินมากมายใช้จนวันตายก็ไม่หมด แต่ผมไม่มีความสุขเลยครับ ชีวิตที่อยู่ในกรอบที่ครอบครัววางไว้ให้ ผมเดินออกไปเป็นอันต้องทะเลาะบ้านแตก สิ่งที่ผมอยากทำ อะไรหลายๆอย่างที่ผมตั้งใจ ความฝันทั้งหมดของผม ผมทำมันไม่ได้ซักอย่าง จนบางทีผมอยากแระชดชีวิตฆ่าตัวตายซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่ถ้าทำอย่างนั้นใครจะดูแลพ่อแม่........
บางคนอาจจะคิดว่าเรื่องที่ผมเล่าเป็นเรื่องเล็กๆ จิ๊บๆ
จริงๆแล้วเรื่องเล่าที่ผมเล่ามามันคร่าวๆเท่านั้นครับ
มันมีดีรายละเอียดกว่านี้อีกเยอะ ผมพิมพ์ไม่เก่งอันนี้กว่าจะเขียนออกมาได้ 2 วันเชียวนะครับ
สุดท้าย .... ขอบคุณทุกคนนะครับที่เข้ามาอ่านเรื่องของผม🙏🏻🙏🏻🙏🏻🙏🏻
มีเงินในบัญชีแต่ผมทุกข์มากครับ
อ่านกระทู้แล้วอาจมีหลายคนที่ดราม่ากับหัวข้อกระทู้ของผม
ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะอวดรวยหรืออยากโชว์ใดๆทั้งสิ้นนะครับ
ปัญหานี้มันเกิดขึ้นในชีวิตของผมจริงๆ ผมขอเล่าคร่าวๆให้เพื่อนๆอ่านนะครับ
ชีวิตผมเกิดในครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมมีพ่อ แม่และผม 3 คน พ่อผมเป็นที่ปรึกษาโรงงานชื่อดังแห่งนึง แม่เป็นแม่บ้านดูแลจัดการความเรียบร้อยและบัญชีในบ้าน ครอบครัวทางพ่อผมค่อนข้างมีฐานะ ผมเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดี เรียนโรงเรียนเอกชนชื่อดัง ซึ่งถ้าเอ่ยชื่อไป ทุกคนจะคิดว่าเด็กโรงเรียนนี้เป็นลูกคุณหนู แม่ผมเป็นคนที่ละเอียดละออในเรื่องของการใช้ชีวิต อะไรที่เป็นของผมทุกอย่างต้องเนียบ ต้องดีที่สุด และผมต้องไม่น้อยหน้าใคร เมื่อจบ ม.6 ผมก็ได้ไปศึกษาต่อมหาวิทยาลัยเอกชนเครือเดียวกับโรงเรียนเอกชนที่ผมจบ ม.ปลาย มา เมื่อจบปริญญาตรีผมใช้เวลา 6 เดือน ในการติดต่อทำเรื่องไปเรียนต่อปริญญาโทในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ
ก่อนผมจบผมได้วางแผนจะกลับประเทศไทยทันทีเมื่อจบการศึกษา แต่เมื่อผมกลับมาปัญหาคับข้องใจของผมก็ได้เกิดขึ้น........
พ่อแม่คุยกันว่าไม่อยากให้ผมไปทำงานที่กรุงเทพเพราะมันห่างไกล เรียนจบแลเวก็อยากให้กลับมาอยู่ที่บ้าน จริงๆแล้วผมเองอยากไปทำงานที่กรุงเทพมาก เพราะที่นั่นมีบริษัทที่ทำให้ผมเรียนรู้อะไรใหม่ๆได้เยอะ และหากผมไปทำงานที่นั่นผมเชื่อได้ว่าความรู้ที่ผมเรียนจบมาจะสามารถทำให้อนาคตผมดีขึ้นเรื่อยๆเป็นแน่ แต่แล้วสุดท้ายผมก็ได้ตัดสินใจอยู่ที่บ้านตามคำขอของพ่อและแม่ผม ผมเองก็รู้สึกดีเพราะถ้าผมไปอยู่กรุงเทพท่านทั้ง 2 ก็อายุมากขึ้นทุกวันๆ ผมจะได้อยู่ใกล้ๆดูแลท่าน ถ้ามีอะไรฉุกเฉินอย่างน้อยผมก็อยู่
เมื่อผมตัดสินใจจะหางานแถวบ้านแล้ว ผมใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะหางานที่ตรงสายกับผมได้
ผมได้งานล่ามโรงงานแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลจากบ้านประมาณ 25 กิโล ผมตกลงค่าจ้างสวัสดิการกับทางโรงงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เงินเดือนที่ทางโรงงานจ้างผม 35,000/เดือน เมื่อผมมาบอกแม่ แม่ผมไม่เห็นด้วยและบอกว่าผมเป็นภูมิแพ้ แม่ไม่อยากให้ไปทำงานในโรงงานสารพิษมันเยอะ ซึ่งผมพยายามอธิบายเกี่ยวกับการเป็นล่ามให้แม่ฟังเท่าไหร่ท่านก็ไม่ฟังผม จนสุดท้ายเราทะเลาะกันหนักมาก และผมก็ต้องถอดใจยอมฟังท่าน
เวลาผ่านไป 2 เดือน มีคนรู้จักแนะนำให้ไปทำงานเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษโรงเรียนมัธยมใกล้ๆบ้าน ผมลองสมัครและผมได้ แต่มันติดอยู่ที่ว่าเงินเดือนที่ทางโรงเรียนให้ค่อนข้างจะน้อย-น้อยมาก ทางโรงเรียนให้เงินเดือนผมรวมๆ 15,000 / ด. ซึ่งไม่ว่าผมจะจบสูงแค้ไหน จบเมืองนอกแต่เค้าก็ให้ผมได้แค่นี้เพราะผมไปเป็นแค่ครูพิเศษ ซึ่งเมื่อแม่ผมรู้แม่ผมก็ยินดีที่จะมให้ผมไปทำงานที่นั่น ซึ่งบางทีผมก็ไม่เข้าใจว่าแม่โอเคกับเงินเดือนน้อยๆของผมแบบนี้ได้ยังไง เมื่อผมทำงานไปได้ประมาณ3 เดือน แม่ซื้อรถหรูป้ายแดงให้ผมขับไปทำงาน ตอนนั้นผมดีใจมากครับเพราะนี่เป็นรถคันแรกในชีวิตของผม จากนั้นตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาแม่โอนเงินเข้าบัญชีฝากเก็บไว้ให้ผมเป็นระยะๆ ซึ่งสมุดบัญชีทั้งหมดแม่เป็นคนเก็บไว้เอง ผมมีเงินฝากเยอะจนถึง 8 หลักเลยทีเดียว
ชีวิตผมดำเนินไปอย่างวนไปวนมา ซ้ำๆ เดิมๆทุกวัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมชอบสอนเด็กนะครับ อยู่กับเด็กผมมีความสุขแต่พอเข้ามาอยู่ในออฟฟิศสังคมผู้หญิงนั่งเม้าส์กันนินทากัน ผมรู้สึกว่าสังคมแบบนี้ไร้สาระมากครับ ทำไมพวกผู้หญิงไม่หาอะไรทำหาทางพัฒนาตัวเองดีกว่าจะมานั่งเม้าท์คนโน้นทีคนนี้ที! แต่ก็ช่างเถอะครับเรื่องของเค้าไม่ใช่เรื่องของผู้ชายอย่างผม
จนตอนนี้ผมตัดสินใจจะลาออกมาเปิดธุรกิจนำเข้าของตนเอง แต่เงินทุนผมไม่พอ ผมจึงปรึกษาแม่ แม่ผมไม่เห็นด้วยท่านบอกว่ามันเสี่ยง ถ้าเกิดพลาดพลั้งมันจะทำให้ขาดทุน ลำพังตัวผมเองเป็นครูพิเศษ เงินเดือนผมก็ไม่มีปัญญาขนาดนั
ผมมีเงินมากมายใช้จนวันตายก็ไม่หมด แต่ผมไม่มีความสุขเลยครับ ชีวิตที่อยู่ในกรอบที่ครอบครัววางไว้ให้ ผมเดินออกไปเป็นอันต้องทะเลาะบ้านแตก สิ่งที่ผมอยากทำ อะไรหลายๆอย่างที่ผมตั้งใจ ความฝันทั้งหมดของผม ผมทำมันไม่ได้ซักอย่าง จนบางทีผมอยากแระชดชีวิตฆ่าตัวตายซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่ถ้าทำอย่างนั้นใครจะดูแลพ่อแม่........
บางคนอาจจะคิดว่าเรื่องที่ผมเล่าเป็นเรื่องเล็กๆ จิ๊บๆ
จริงๆแล้วเรื่องเล่าที่ผมเล่ามามันคร่าวๆเท่านั้นครับ
มันมีดีรายละเอียดกว่านี้อีกเยอะ ผมพิมพ์ไม่เก่งอันนี้กว่าจะเขียนออกมาได้ 2 วันเชียวนะครับ
สุดท้าย .... ขอบคุณทุกคนนะครับที่เข้ามาอ่านเรื่องของผม🙏🏻🙏🏻🙏🏻🙏🏻