ภูสอยดาว 'เดินเขา แต่ไม่เหงา เพราะมี 2 เราไปเป็นเพื่อน' -ป่ะ ไปเที่ยวภูสอยดาวกัน-

***มือใหม่หัดถ่าย&แต่งรูป***

‘อยากไปหาเขาอ่ะ’
‘เขาช้างเผือกม่ะ’
‘-นก- โทรทุกวัน เต็มทุกวันไหมล่ะ ก็ช่วยกันโทรอยู่เนี้ยะ’
‘ผ้าห่มปกม่ะ’
‘ไกลอ่ะ งบไม่พอ’
‘โมโกจูม่ะ’
‘นี่ม่ะ ภูสอยดาว หน้าหนาวเค้าต้องขึ้นภูสิ อยากไปหาเขาไม่ใช่หรอ’
‘เห่ยยยยยดี ไปก็ไป’
เมื่อชะนี 3 นาง ที่ไม่เคยเดินป่ามาก่อนในชีวิต ริจะปีนภูสอยดาว จะรุ่งหรือจะร่วง ตามมาเลยค่ะ เราจะฝอยให้ฟัง ว่าร่างเราพังขนาดไหน
สวัสดี พ่อ แม่ พี่ น้องทุกคนนะคะ วันนี้เราจะมาเล่า 1 ทริปที่เราไปมาเมื่อนานมาแล้ว แต่เพิ่งจะมาเล่า เราเลือกไปภูสอยดาวกันค่ะ จากภาพถ่าย(เราก็มักจะถูกล่อลวงด้วยภาพงามๆหลายๆรอบ) มัน สวย มาก ทุกคนบอกว่าอากาศดีมาก เหมาะกับการไปรับอากาศที่บริสุทธิ์(ไม่ใช่โอโซนนะคะ โอโซนคือแก๊สพิษ มันเป็นพิษต่อร่างกาย โอโซนคือแก๊สพิษ! ท่องเอาไว้นะคะทุกค๊นน โอโซนคือแก๊สพิษ! อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม google รู้ google เห็น สอบถามอากู๋ได้เลยค่า) แต่ก่อนไป เราก็ต้องหาข้อมูลกันก่อน เพราะทริปนี้ชะนีล้วนค่า เราก็ต้องเซฟร่างเซฟงบนะคะ จะไปไหนก็ต้องรัดกุมกันนิดนึง ปลอดภัยไว้ก่อน Safety First, Lady First (เกี่ยว?!)ค่า หาข้อมูลไปๆมาๆ เราก็พบว่า เรามีคำถามประมาณ ล้านแปดแสนคำถาม(เวอร์วัง) ที่เกิดขึ้น แต่ by the way เราเลือกที่จะเป็น backpacker(ปลอมๆ) เราก็ต้อง adventure นิดนึงไง สุดท้ายข้อมูลที่น่ากลัวที่สุดคือ
‘เดินไกลมากเลยนะ 6.5 กิโลเลยนะ จะไหวหรอวะ’
‘ไหวดิ ไปถึงนั่นแล้วยังไงก็ต้องไหวป่ะวะ’
‘ไหวจริงๆใช่ม่ะ’
‘เออดิ’
‘เคๆ’
และในที่สุด ทริปนี้ก็เริ่มขึ้น เราเลือกเดินทางโดยรถไฟ ไปลงที่พิษณุโลกแล้วต่อรถไปที่ อ.ชาติตระการ และต่อรถ(อีกรอบ) ไปที่ทำการอุทยานฯ
THE TRIP BEGINS
พวกเราเริ่มจากสถานีรถไฟบางเขนนะคะ และเนื่องจากรถจากพิษณุโลกไป อ.ชาติตระการ รถรอบแรกจะออกตอน ตี 5 โดยประมาณ เราเลยเลือกไปขบวน 105 ออกจากบางเขน 21.27 น. ถึง เมืองพระพิษณุโลกสองแคว (ชื่อเต็มไปอิ๊ก) ประมาณ 3.06 น. จะได้มีเวลาสำรวจรอบๆนิดหน่อย ก่อนไปต่อรถ (มีความเผื่อเวลาแรงมาก) วันเดินทางของพวกเรา 3 มกราคม 2561 เริ่มปีด้วยการเที่ยวไปเลยค่า คืออากาศปีนี้ก็ไม่ได้หนาวขนาดนั้นปีก่อนๆ แต่ก็เตือนๆกันอยู่
‘ระวังหนาวนะ เอาเสื้อแขนยาวไปเผื่อด้วยนะ’
‘คงไม่หนาวขนาดนั้นหรอกมั้ง กูขี้ร้อนด้วยไง’

จย้า เตือนแล้วนาจา ขึ้นรถไปเสร็จเรียบร้อยก็หลับค่ะ อ่อ เรานั่งชั้น 3 นะคะ อากาศกำลังดี แต่พอออกจาก กทม.และเริ่มดึกมากเท่านั้นแหละค่ะ แม่เจ้าโว๊ยยยยยย หนาววววว หนาววมาก ตัดภาพไปที่เพื่อนคือเสื้อแขนยาวบางๆตัวเดียว 55555555 กูเตือนแล้วนาจา
พอถึงสถานีพิษณุโลก เดินไปเล็กน้อย เราก็จะเจอกับตลาดสด ขนาดใหญ่ ที่ขายของ ถูก มากก เราก็ตุนเสบียงจากที่นี่ละค่ะ ของสด น้ำดื่ม พร้อมมาก ซื้อเสร็จก็ไปนั่งรถสกายแลปจากสถานีรถไฟไป บขส.
พอถึง บขส. จะมีพี่ๆที่ขับรถสองแถวมาดักคอยถามว่า ไปภูสอยดาวไหม เนียะคนละ 300 เอง ไป 300 กลับ 300 เดี๋ยวขากลับพี่ไปรับถึงที่เลย วั่ยตั่ยแล้วว ไปกลับ คนละ 600 บาท !!! งบหมดแน่ๆค่ะคุ๊ณ เลยปฎิเศษไป พอปฎิเศษนางมีความ ‘ไปถึงนั้นก็ไม่มีรถต่อไปหร๊อกกก รถหายาก’ ไม่เป็นไรค่ะพี่ หนูชอบเสี่ยง
แล้วเราก็ไปนั่งรอรถทัวร์ต่อไป เราก็ได้ตั๋วมาในราคาประมาณ 80-90 บาท ขึ้นรถไป พี่คนเก็บตัวบนรถก็มาถามว่าไปภูสอยดาวใช่ไหม มีรถตู้เหมาไป ไป 800 กลับ 800 เอาไหม เดี๋ยวเค้าจะมารับที่ ชาติตระการ (หยุดค่ะ ชั้นรู้ว่าทุกคนกำลังคิดว่ามันแพงกว่ารถแดง นั่งตรงจาก บขส. ไป อช. ใช่ไหมค่ะ แต่ว่า โนววค่ะ มันถูกกว่า เพราะว่าเรามีเพื่อนรวมทางที่จะมาช่วยหารเพิ่มอีก 3 ชีวิต เท่ากับว่าเราจะ เสียค่ารถเหมา 800/6 = 133.3 (ไป-กลับ=266.6) บวกค่ารถทัวร์ที่เรานั้งมาไป-กลับประมาณ 180 รวมกันเป็น 267+180=447 ปัดเป็นตัวเลขกลมๆ ก็จะเสียค่าเดินทาง ไป-กลับประมาน 450 บาทค่ะ มันก็อาจจะต่างกันแค่ 150 บาท แต่มันก็ทำให้เราได้ของกินเพิ่มอีกหลายอย่างนะคะ วิธีนี้มันเวิร์คมากที่สุด ถ้าเรามีเพื่อนร่วมทางหลายๆคน ช่วยๆกันหาร ได้เพื่อนใหม่ ได้ประสบการณ์ใหม่ และที่สำคัญประหยัดงบค่ะ^^)
ด้วยความที่เราออกจาก บขส.ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ระหว่างทางเราเลยเจอกับวิวที่สวยมาก(แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ เพราะตอนนั้นเช้ามาก เบลอ ไม่ทันคิด) แสงสีส้มที่สาดส่องออกมาจากหลังเขา ตัดกับท้องฟ้าสีคราม มีเมฆลอยเหมือนขนมสายไหม(หิวอ่อ) ประปราย ท่ามกลางธรรมชาติ คือตอนนั้น รู้สึกคุ้มมากกับการอดหลับอดนอน เพราะฉะนั้น เวลาไปเที่ยวหรือไปไหนก็ตามอย่าลืมมองสิ่งรอบๆตัวนะคะ มันจะมีความสวยงามแฝงอยู่มากมายเลยค่ะ
พอเจอพี่คนขับรถเช่า พี่เค้าก็พาแวะตลาดซื้ออาหารเช้า อ่อ เราถึงประมาณ 6 โมงเกือบๆ 7 โมงนะคะ ได้อาหารเช้า กับหยูกยา(ยาคลายกล้ามเนื้อ ยานวด ยาแก้ปวด ดีที่ไหวตัวทัน ซื้อไว้ก่อน ส่วนจะได้ใช้ไหมนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป) แล้วเราก็ออกเดินทางไปยัง อช. ค่ะ รถที่เราเหมามา เป็นรถตู้รับส่งนักเรียน ที่มีที่นั่ง 3 แถวค่ะ ยาวๆ เหมือนรถแดง ที่มีแถวที่นั่งตรงกลางเพิ่มขึ้นมา ประมาณนั้น
หนทางยังอีกยาวไกล หนทางไกล ระยะทางจากอ.ชาติตระการ ไปอช. นั้นนนน ใกลพอสมควร แต่วิวดีมาก ทางก็คดเคี้ยว(และบางช่วงก็หวาดเสียวมากเช่นกัน) ใครที่เมารถนี่ลำบากในระดับหนึ่งเลย แต่วิวดีจริงๆนะคะ อากาศก็ดีมาก
พอถึง อช.ก็เสียค่าธรรมเนียม ค่าเข้า ชั่งของจ้างลูกหาบ ทำเรื่องเต๊นท์ นู้นนี่นั้น พี่จนท.ก็จะขับรถไปส่งเราที่จุดเริ่มเดิน แต่เราไม่ได้นั่งรถพ่วงแทรคเตอร์คันนั้นนะคะ (เสียใจสุด แต้มบุญไม่ถึง) เราได้นั่งรถกระบะกัน เราเริ่มเดินประมาน 11 โมง จากกระทู้ที่อ่านๆมา จะใช้เวลาเดินประมาน 4-5 ชม. ก็โอเคนะ เวลานี้ ได้อยู่ น้องๆที่ร่วมหารค่ารถ ยังอยู่ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว พวกเราเริ่มออกเดินก่อน มาดูกันว่าใครจะถึงก่อนกันค่ะ ฮึ!



บันไดเขียวที่เรา 'รัก'

คนหลังไม่ได้ตั้งใจจะดึงหน้า แต่นางเหนื่อยจากการขึ้นบันไดเขียวเมื่อสักครู่ 55555555 และใช่ค่ะ เสื้อแขนยาวสีดำบางๆนั้น ฝ่าฟันความหนาวบนรถไฟกับเรามาเมื่อคืน 'ไม่หนาวหรอก กูขี้ร้อน' 55555
ผ่านบันไดเขียวมา เราก็จะมาเจอกับธารน้ำใสไหลเย็น เห็นตัวปลา(มีด้วยอ่อ)

และเริ่มมีทางที่ชันมากขึ้น มากขึ้น เมื่อทางเดินขึ้นมันชัน ทางลงมันก็ต้องชันไม่แพ้กัน เราจำได้ภาพแบบนี้มา

และ

และ

เราไหวค่าาา (หรอ 5555555555555555555555)
ก่อนเดินออกมาจากจุดเริ่มต้น เราถามคุณ จนท.ว่า เคยมีใครเดินขึ้นไปไม่ถึงลานสนไหมคะ คุณ จนท.บอกไม่มีหร๊อกก เค้าก็เดินกันจนถึงนั้นแหละ ตัดภาพมาที่พวกเรา /// อาาาาาา เราก็ต้องทำให้ได้โน๊ะ

พ้นตรงนั้นมา ก็จะเข้าสู่ทางราบ ได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลา ระหว่างทางก็จะมีสิ่งสวยงามให้เราได้ชมตลอดสองข้างทาง





เราโชคดี ได้ไปเจอคุณคนนี้เข้า คุณเค้าบานพอดี



พอมาถึงตรงนี้ เราเริ่มไม่ไหวกันแล้ว เพราะสภาพร่างกายแต่ละคน ไม่แข็งแรงพอที่จะทำอะไรแบบนี้ ปกตินี่เดินขึ้นสะพานลอยยังหอบ นี่เดินได้ประมาณ 45 นาที เพื่อนไม่ไหว หน้าซีดจะเป็นลม เราเลยตัดสินใจพัก ระหว่างทางก็จะมีที่นั่งพักให้เรื่อยๆ พอเพ่ื่อนดีขึ้น เราจึงออกเดินต่อ อ่อ นี่ยังไม่ถึงเนินส่งญาตินะคะ 5555555555


ก่อนหน้าที่เรามา(น่าจะหลายๆเดือนก่อน) ฝนตกหนัก ต้นไม้ต้นใหญ่ๆจึงโค่นลงมา ทางเดินปกติถูกตัดขาด





ด้านหลังคือคุณลุงลูกหาบที่ขึ้นมาหลังเรา 2 ชั่วโมงกว่า ใช่ค่ะ เราเดินกันมา 2 ชั่วโมงกว่าแล้ว โดยที่เราไม่รู้เลยว่ามันอีกใกลไหม ข้างหน้าทางจะเป็นยังไง(แต่เรารู้สึกว่ามันคือเสน่ห์อย่างหนึ่งของการออกเดินทางไปยังที่ใหม่ๆ) ระหว่างที่เราเดินขึ้น ก็จะมีหลายๆคนที่กำลังลง
คำถามที่เราถามทุกคนตลอดทางคือ 'ไกล้ถึงหรือยังคะ' ทุกคนก็จะตอบเหมือนกันหมดเลยคือ 'อีกนิดนึง สู้ๆนะน้อง' คือหนูฟังประโยคนี้ มา ชั่วโมงกว่าละค่ะ หนูยังไม่ถึงเนินปราบเซียนเลยค่ะ

เจ้าสองต้นนี้ เราเจอไกล้ๆป้ายเนินปราบเซียน ไม่รู้ตอนนี้ยังอยู่ไหม แต่ก่อนออกมาเราได้ให้กำลังใจไว้แล้ว 'สู้ๆนะ เจ้าต้นไม้'







เราขอวาร์ปไปที่วิวจากเนินปราบเซียนเลยนะคะ








วิวดีมากกก สวยมากกกกและพระอาทิตย์จะไปแล้ว รวมๆแล้วเราใช้เวลาทั้งหมด จากจุดเริ่มต้นถึงลานสน เราใช้เวลา 6 ชั่วโมงกว่า OMG
แต่เราก็ถึงนะคะ 5555555 เราทำได้ค่ะทุกค๊น เราทำได้(ถึงลานสนประมาณ เกือบๆ 6 โมงเย็น) น้องๆที่หารค่ารถกับเราถึงก่อนเรา 2 ชั่วโมง เยี่ยมไปเลย วันแรก สารภาพเลยค่ะ ไม่ได้อาบน้ำ อากาศหนาว เหนื่อย สระผมอย่างเดียว แล้
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่