17 เมษายน 2561
วันนี้เป็นวันแรกที่ผมตัดสินใจบวชเณรหน้าไฟให้กับคุณพ่อที่ล่วงลับไปแล้วเป็นเวลาห้าวัน (เคยอ่านเจอมาว่าหากบวชหน้าไฟเพียงวันเดียวอาจก่อให้เกิดอัปมงคลแก่ตัวเราได้ จึงขอบวชต่อนานขึ้น) ขอไม่กล่าวนะครับว่าบวชที่วัดใด เพราะอาจทำให้ชื่อเสียงของวัดเสื่อมเสียได้หากกล่าวอะไรผิดพลาดไป เริ่มวันด้วยการให้คุณแม่ คุณยาย คุณย่า ลุง ป้า น้า อา ค่อยเล็มผมออกลงในใบบัว หลังจากนั้นก็ให้พระท่านใช้แบตตาเลี่ยนโกนหัวอีกครั้ง เมื่อล้างตัวเสร็จแล้วก็ออกมาให้พระท่านห่มผ้าเหลืองดล่าวบทสวดมนต์และถ่ายรูปกับคุณแม่ คุณยาย เมื่อพิธีในช่วงเช้าสำเร็จ พระท่านก็ให้เรานั่งรอเวลาฉันเพล ระหว่างนั้นก็ได้ถามลูกพี่ลูกน้องที่ได้มาร่วมงานด้วยเกี่ยวกับประสบการณ์บวช และแล้วก็ถึงเวลาเลี้ยงเพล เณรก็ถูกแยกออกไปอีกโต๊ะหนึ่ง พระนั่งอีกมุมนึง พระท่านก็กล่าวคำสวดมนต์ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการเราก็ได้ฉันข้าวซึ่งเป็นโต๊ะจีนและผลไม้อีกครั้ง ทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในเที่ยง พระท่านอื่นก็กลับกุฏิและก็บอกให้เรานั่งรอเวลาเผาซึ่งคือช่วงห้าโมงเย็น ก่อนพิธีเผา ผมซึ่งเป็นสามเณรก็ได้เป็นคนนำเวียนศพตามประเพณี หลังจากเวียนศพเสร็จก็เริ่มมีแขกเดินทางมมายังวัด บ้างก็นิมนต์ให้เราไปถ่ายรูปด้วย และในพิธีเผาเราก็ได้เป็นคนไปวางดอกไม้จันทน์และโปรยลูกอมตามประเพณีต่อๆกันมา เมื่อพิธีเสร็จสิ้นเรียบร้อย พระพี่เลี้ยงก็พาเรากลับกุฏิและก็ได้ทราบว่ากุฏิที่อยู่นั้นเป็นกุฏิที่เข้าไปลึกพอสมควรและยังเป็นกุฏิเดียวในวัดที่ไม่ติดแอร์!! ในกุฏิก็มีทั้งหมาและแมวอยู่ร่วมกัน (แต่มันไม่กัดกัน55555) หมาตามสัญชาติญานของมัน ก็เห่าใส่คนแปลกหน้า พระพี่เลี้ยงท่านก็บอกว่าไม่ต้องห่วงมันเห่าแต่มันไม้กัด หลังจากนั้นพระพี่เลี้ยงก็ได้อธิบายส่วนต่างๆ ของกุฏิรวมถึงห้องน้ำซึ่งก็มีความเก่าแก่พอสมควร สกปรกเล็กน้อย ด้วยความที่เป็นคนชอบความส่วนตัวจึงขอแยกนอนออกมาในห้องเดี่ยวๆ ในระหว่างนั้นโยมแม่ผู้มีความเป็นห่วงเราก็ได้เข้ามาถวายพัดลมและนมบางส่วนแก้หิวช่วงดึกๆ หลังจากโยมแม่กลับเราก็ได้ทำการอาบน้ำและห่มจีวรมั่วๆ ออกมาก่อนเนื่องจากพระพี่เลี้ยงยังไม่ได้สอน ครั้งกลับมาที่ห้องแล้วพระพี่เลี้ยงก็ห่มให้เราอีกทีแต่อย่างถูกต้อง ท่านก็ได้สั่งให้เราท่องบทสวดต่างๆ ที่ต้องใช้ขณะใส่บาตร ท่านยังกล่าวถึงเส้นทางการบิณฑบาตอีกด้วย เมื่อสนทนากับท่านเสร็จแล้ว ท่านก็กลับห้องเราก็นอนในห้องของเรา และก็ได้ตั้งนาฬิกาปลุกกันไม่ตื่น
ประสบการณ์การบวชเณร
วันนี้เป็นวันแรกที่ผมตัดสินใจบวชเณรหน้าไฟให้กับคุณพ่อที่ล่วงลับไปแล้วเป็นเวลาห้าวัน (เคยอ่านเจอมาว่าหากบวชหน้าไฟเพียงวันเดียวอาจก่อให้เกิดอัปมงคลแก่ตัวเราได้ จึงขอบวชต่อนานขึ้น) ขอไม่กล่าวนะครับว่าบวชที่วัดใด เพราะอาจทำให้ชื่อเสียงของวัดเสื่อมเสียได้หากกล่าวอะไรผิดพลาดไป เริ่มวันด้วยการให้คุณแม่ คุณยาย คุณย่า ลุง ป้า น้า อา ค่อยเล็มผมออกลงในใบบัว หลังจากนั้นก็ให้พระท่านใช้แบตตาเลี่ยนโกนหัวอีกครั้ง เมื่อล้างตัวเสร็จแล้วก็ออกมาให้พระท่านห่มผ้าเหลืองดล่าวบทสวดมนต์และถ่ายรูปกับคุณแม่ คุณยาย เมื่อพิธีในช่วงเช้าสำเร็จ พระท่านก็ให้เรานั่งรอเวลาฉันเพล ระหว่างนั้นก็ได้ถามลูกพี่ลูกน้องที่ได้มาร่วมงานด้วยเกี่ยวกับประสบการณ์บวช และแล้วก็ถึงเวลาเลี้ยงเพล เณรก็ถูกแยกออกไปอีกโต๊ะหนึ่ง พระนั่งอีกมุมนึง พระท่านก็กล่าวคำสวดมนต์ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการเราก็ได้ฉันข้าวซึ่งเป็นโต๊ะจีนและผลไม้อีกครั้ง ทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในเที่ยง พระท่านอื่นก็กลับกุฏิและก็บอกให้เรานั่งรอเวลาเผาซึ่งคือช่วงห้าโมงเย็น ก่อนพิธีเผา ผมซึ่งเป็นสามเณรก็ได้เป็นคนนำเวียนศพตามประเพณี หลังจากเวียนศพเสร็จก็เริ่มมีแขกเดินทางมมายังวัด บ้างก็นิมนต์ให้เราไปถ่ายรูปด้วย และในพิธีเผาเราก็ได้เป็นคนไปวางดอกไม้จันทน์และโปรยลูกอมตามประเพณีต่อๆกันมา เมื่อพิธีเสร็จสิ้นเรียบร้อย พระพี่เลี้ยงก็พาเรากลับกุฏิและก็ได้ทราบว่ากุฏิที่อยู่นั้นเป็นกุฏิที่เข้าไปลึกพอสมควรและยังเป็นกุฏิเดียวในวัดที่ไม่ติดแอร์!! ในกุฏิก็มีทั้งหมาและแมวอยู่ร่วมกัน (แต่มันไม่กัดกัน55555) หมาตามสัญชาติญานของมัน ก็เห่าใส่คนแปลกหน้า พระพี่เลี้ยงท่านก็บอกว่าไม่ต้องห่วงมันเห่าแต่มันไม้กัด หลังจากนั้นพระพี่เลี้ยงก็ได้อธิบายส่วนต่างๆ ของกุฏิรวมถึงห้องน้ำซึ่งก็มีความเก่าแก่พอสมควร สกปรกเล็กน้อย ด้วยความที่เป็นคนชอบความส่วนตัวจึงขอแยกนอนออกมาในห้องเดี่ยวๆ ในระหว่างนั้นโยมแม่ผู้มีความเป็นห่วงเราก็ได้เข้ามาถวายพัดลมและนมบางส่วนแก้หิวช่วงดึกๆ หลังจากโยมแม่กลับเราก็ได้ทำการอาบน้ำและห่มจีวรมั่วๆ ออกมาก่อนเนื่องจากพระพี่เลี้ยงยังไม่ได้สอน ครั้งกลับมาที่ห้องแล้วพระพี่เลี้ยงก็ห่มให้เราอีกทีแต่อย่างถูกต้อง ท่านก็ได้สั่งให้เราท่องบทสวดต่างๆ ที่ต้องใช้ขณะใส่บาตร ท่านยังกล่าวถึงเส้นทางการบิณฑบาตอีกด้วย เมื่อสนทนากับท่านเสร็จแล้ว ท่านก็กลับห้องเราก็นอนในห้องของเรา และก็ได้ตั้งนาฬิกาปลุกกันไม่ตื่น