ทุกข์ของคนเข้าคิว

ทุกข์ของคนเข้าคิว

เคยไหมเข้าแถวจ่ายเงินในซุปเปอร์  คนเข้าแถวรอเต็มทุกช่อง ตัวเองไม่อยากรอนาน รีบกวาดสายตาเช็คปริมาณคน คำนวณง่ายๆก็ต้องเลือกแถวสั้นสุด แต่บางทีดันมองข้ามไปว่า ลูกค้าในช่องนั้นซื้อของเต็มรถเข็น หรือพนักงานดันเป็นเด็กฝึกงาน  แถวที่คิดว่าสั้นกลับติดแง็กไม่ไปไหน  ไอ้ครั้นจะเปลี่ยนช่องก็สายเสียแล้ว

นี่ยังไม่นับการเข้าแถวเก้อ  แบบยืนต่อแถวมานานจนเป็นคนสุดท้าย ลูกค้าที่มาใหม่ แทนที่จะต่อหลัง กลับแซงกันหน้าตาเฉย  ซื้อกาแฟนี่หล่ะค่ะ พอถึงคิวเรา กำลังจะอ้าปากสั่ง เสียงเอี๊ยดประตูเปิด  ทุกคนในร้านมองตามไปที่เสียงประตู หญิงสาวใส่ส้นสูงเดินก้าวฉับฉับเข้ามาในร้าน  “มอคค่าเย็นที่หนึ่ง” อะไรกันน้องคนสวย! ไม่ดูเลยนะ ว่ามีลูกค้ายืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์หัวโด่อยู่นี่   ตัวพนักงานก็บ้าจี้ ขานรับออเดอร์จะเสริฟเธอก่อน  แต่เราไม่ยอมเออ ออด้วย เจ๋อหน้าไปบอกพนักงาน “ฮะแฮ่ม ดิฉันมาก่อนนะคะ ยืนเข้าคิวมานานแล้วด้วย” บอกตามตรง พอพูดไป ก็รู้สึกเหมือนเป็นนักเรียนขี้ฟ้อง  “ครูขา...ครูขา..คนนี้มาที่หลัง หนูมาก่อนนะคะ”

แล้วเคยไหมแถวยาวเวลาไปซื้อตั๋วคอนเสิร์ต เพราะคิดถึงความสนุกที่จะได้ คิวยาวแค่ไหนไม่เกี่ยง แต่ต่อแถวยาวแบบนี้มักมีพวกหัวใสชอบลัดคิว   ทำทีมาทักทายคนยืนหน้าแถว แล้วก็เหวี่ยงตัวเข้าคิวอย่างแนบเนียน  เห็นตำตา จะทำไงดี  จะทักให้พวกเขาทำตามระเบียบสังคม มันก็ค่อนข้างเสี่ยง ชายหนุ่มร่างบึกรอยสักเต็มแขน   เราผู้หญิงตัวเล็กๆสองคน ถ้าเขาไม่พอใจ แล้วดักเหยียบคางหลุด อาจไม่คุ้ม

ส่วนแถวที่แค่คิดก็หมดสนุกก็คือแถวเช็คอินในสนามบิน  แถวที่แบ่งชนชั้นอย่างโจ่งแจ้ง  คนมีเงิน เช็คอินเคาน์เตอร์ first class จะมีพรมแดงมาปูรองฝ่าเท้าให้ลูกค้ารู้ซึ้งถึงความสำคัญของตัวเอง มันก็จริง ถ้าไม่สำคัญและมีตังค์จะนั่งชั้นหนึ่งเหรอ คิว first class ก็แถบจะไม่เคยเห็น เพราะเครื่องหนึ่งจะมีคนอย่างพวกคุณอยู่ไม่กี่คน แต่ไอ้ชั้นประหยัดอย่างเรานี่สิ สามสี่ร้อยกว่าชีวิต แค่เข้าแถวรอเช็คอินเท่านั้นยังไม่พอ  จะขึ้นเครื่องลงเครื่องก็ต้องยืนเข้าแถวรออีก ถ้าถึงเมืองไทยเมื่อไหร่เราจะเอาคืนแน่ เข้าช่องผ่านตรวจคนเข้าเมือง พวกชาวต่างชาติต้องเจอคิวยาวแน่นอน เพราะช่องสำหรับพาสปอรต์ไทย มักจะสั้นเมื่อเทียบกับช่องอื่น

อ้าวแต่เดี๋ยวสิ คนชาติอื่นพอเห็นคิวสั้นๆของเรา ก็ดันมาร่วมต่อด้วย  กลายเป็นคิวไม่เฉพาะเสียแล้ว
You you, here only Thai passport พูดแบบนี้ไม่ได้ผล คนจีนคนเกาหลี พูดอังกฤษไม่ได้ เราเลยได้แต่ชี้โบ้เบ้ไป แต่พวกกรุ้ปทัวร์พวกนี้กลับไม่สน เห็นช่องนี้แถวสั้นจะต่อเสียอย่าง

ตามใจ คอยดูน่ะ เดี๋ยวเถอะ พอไปถึงที่เคาน์เตอร์  เจ้าหน้าที่จะต้องชี้ให้พวกเธอกลับไปรอช่องชาวต่างชาติ  อ้าวแต่ไม่น่ะ ...ดูเหมือนว่าจะ Stamp ผ่านให้ไป โอ้ย! ทำไมไม่ช่วยรักษากฎกันเลย ก็เข้าใจหล่ะคำว่า เห็นใจ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ คงจะคิดว่าอาม้า อากงทั้งนั้น ช่วยได้ช่วยไป แต่คุณเจ้าหน้าที่ค่ะ ยังงี้กฎก็ไม่เป็นกฎสิ แล้วจะมีช่องที่เขียนว่า “เฉพาะคนไทย” ไปทำไม

ขอบอกก่อนเลยว่า ตัวเองไม่ใช่เกิดมาเป็นพวกมีวินัยจ๊ะจ๋าชอบเข้าแถวเป็นชีวิต  แม้จะถูกปลูกฝังจากโรงเรียน เข้าแถวร้องเพลงชาติ เดินแถวเข้าชั้นเรียน  ทำมันทุกวันเป็นเวลาสิบสี่ปี แต่พอออกนอกรั้วเมื่อไหร่  เรื่องเข้าแถวเข้าคิว กลับไม่อยู่ในจิตสำนึก  มันกลายเป็นทางเลือก เลือกจะทำหรือไม่ทำก็ได้ กฎที่ปฎิบัติในโรงเรียนเลยเป็นสิ่งที่ทำแค่ในสถาบันเท่านั้น

สมัยก่อนเวลาแซงคิวชาวบ้านได้ ก็นึกหลงชมตัวเอง เก่งอ่ะ ไม่ต้องเสียเวลาเข้าคิว ดูซิใครๆก็ทำกันทั้งนั้น เลยไม่รู้สึกผิด  ชาวบ้านเห็นแต่ไม่มีใครพูด คงคิดว่าเป็นเด็กเลยปล่อยไป เพราะปล่อยไปนี่ไงเด็กคนนี้เลยเลือกที่จะทำต่อ  แต่พอจบมัธยมปลาย ก็เริ่มที่จะมีคนแปลกหน้ามาท้วงมาทัก มาเตือนสมองอ่อนๆ  “น้องๆแถวมีทำไมไม่ไปต่อ”  “ทำไมมาแซงคิวเฉยเลย”

การที่มีคนในสังคมพูดเตือน มันช่างน่าอับอายนัก ดีนะเนี่ยพ่อแม่ไม่รู้เดี๋ยวท่านจะผิดหวัง   มองดูสีหน้าของพลเมืองดี มันช่างเต็มไปด้วยสายตาของการตำหนิ  “เธอ.... ยัยคนแซงคิว เห็นแก่ตัว ไม่มีมารยาท เรียนที่ไหนมา ไม่มีใครสั่งสอนหรือไง ....”   โธ่คุณพี่ อย่าด่าด้วยสายตากันมากไปกว่านี้  หน้ามันยังบางอยู่ คิดแล้วก็รีบหมุดหัวหนีข้ามถนนไปอีกฟาก  แล้วหลังจากนั้นยัยคนนี้ก็วางมือออกจากวงการแซงคิวอย่างถาวร

คนที่แซงคิวเพราะเคยชินนั้น พลเมืองดีทุกคนมีหน้าที่ช่วยกำกับ ตักเตือนบอกเกล่าให้เขารู้  เพราะ ของแบบนี้มันเลิกกันได้  ถ้าอยากเป็นพลเมืองดีของสังคม ไม่อยากถูกติงจากคนแปลกหน้า ก็ควรทำตามกฎระเบียบสังคม เสียเวลาดีกว่าเสียหน้า    

เข้าแถว ต่อแถว ถ้าไม่มีแถวก็สร้างแถวกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่