ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ไม่ควรมีต้นไม้ใหญ่อยู่ข้างถนน

วันนี้ นั่งดูคลิปอุบัติเหตุ 2 เหตุต่อๆกัน
คันที่เกิดเหตุหักหลบรถแล้วไปชนต้นไม้ใหญ่ จากอุบัติเหตุที่ไม่ควรเกิดหรือเล็กๆ กลายเป็นเสียชีวิตทันที
หากพื้นที่ดังกล่าวไม่มีต้นไม้ใหญ่ มีเพียงแค่ต้นไม้พุ่มเตี้ย จะเป็นสาเหตุให้คนขับรถดังกล่าวเสียชีวิตหรือไม่

ผมอยากรณรงค์ให้ยกเลิกต้นไม้ที่อยู่ใกล้ขอบทางมากๆ เปลี่ยนเป็นไม้พุ่มเตี้ย เผื่อมีเหตุอย่างน้อย ไม้พุ่มเตี้ยยังรองรับแรงกระแทกหรือไม่ก่อให้เกิดเหตุร้ายแรงขึ้นได้ ทั้งยังเสี่ยงต่อการล้มขวางถนนหรือกิ่งไปเกี่ยวพันสายไฟฟ้าได้อีก

หรืออย่างน้อย ไม่ใหญ่ควรหลบเข้าไปอย่างน้อย 10 เมตร อะไรก็ว่าไปครับ

ผมลอง list ผลดี-ผลเสียไว้ด้วย

ผลดี
1. เป็นร่มไม้ระหว่างขับรถ (ซึ่งผมมองว่า ทุกวันนี้รถติดแอร์เกือบทั้งนั้น หรือใส่แว่นตาดำช่วยก็ได้)
2. เป็นที่หลบระหว่างฝนตก (ได้แค่ระดับนึง เชื่อผมสิ ตกหนักก็ไปหลบที่อื่นอยู่ดี)
3. กันรถจากฝั่งตรงข้ามไม่ให้มาชนประสานงาได้ตรงๆ (ซึ่งฝั่งตรงข้ามก็ชนต้นไม้อยู่ดีปะครับ)
4. ช่วยลดมลพิษ

ผลเสีย
1. เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ทำอุบัติเหตุเล็กๆ ให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ หากหักหลบชนต้นไม้
2. หากไม้ใหญ่ล้ม สามารถกีดขวางการจราจรและกำจัดต้องใช้เวลา (หากคุณเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ คุณอยากมาทำมั้ย หากต้องรอ ต้องรออย่างเร็วกี่ชั่วโมง ล้มวันเสาร์-อาทิตย์ล่ะ ชาวบ้านแถวนั้นต้องทำเองหรือไม่)
3. มีค่าบำรุงรักษา ดูแล (รดน้ำต้นไม้)
4. กิ่งไม้อาจไปพันสายไฟฟ้า (เสียเวลามาตกแต่งและเกิดค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น)
5. กิ่งไม้บดบังไฟส่องทางได้ ตามต่างจังหวัดผมเจอบ่อยมาก


ด้วยความเคารพ เพราะผมไม่รู้จะหาที่ไหนเป็นเวทีการแจ้งเรื่องดังกล่าวได้เลย
ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
จนทุกวันนี้ผมยังไม่เข้าใจว่า การขับด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดสำหรับคนไทยมันยากมากเลยเหรอครับ

คนไทยใช้รถผิดวัตถุประสงค์กันไปหมด ในทางสากล รถคือพาหนะที่พาเราเดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งด้วยความปลอดภัย ดังนั้นเราขับด้วยความเร็วไม่เกินที่กฎหมายกำหนดอย่างระมัดระวัง เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์คือถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ก็น่าจะพอแล้ว

นี่อะไร ตะบี้ตะบันขับกัน 130-140 ขับแบบเอามันส์ในอารมณ์ ขับแบบใจร้อนอยากถึงที่หมายเร็วๆ ขับแบบคนคิดน้อยวันๆ ไม่ได้คิดอะไร สุดท้ายพอมีอุบัติเหตุก็โทษดวง โทษว่าเป็นเหตุสุดวิสัยไม่มีใครอยากให้เกิด ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เหตุสุดวิสัยแค่ลดความเร็วลงเท่านั้นเอง

ตอนแรกก็ตกใจกระทู้ จขกท. ว่าจะพาลไปถึงต้นไม้ซะแล้ว แต่เข้าใจแนวคิดของคุณ จขกท นะครับ ว่าลักษณะการขับรถเร็ว ขับรถแบบเอามันส์ของคนไทย มันซึมไปยัง DNA/สันดาน ทำตามๆ กันทั้งประเทศไปแล้ว จนไม่รู้จะแก้ยังไง ผู้บังคับใช้กฎหมายก็ไม่จริงจัง หรืออาจจะทำดีที่สุดแล้วเช่นตั้งกล้องถ่ายจับความเร็ว แต่ก็มีคนไทยจำนวนมาก ทำเป็นเรื่องล้อเล่น เช่นจดหมายภาพถ่ายปรับความเร็ว ก็เอามาโพสต์บนเฟสบ็คบ่นเจ้าหน้าที่ว่าขับเร็วนิดเร็วหน่อยทำไมต้องโดนด้วย โดยไม่ได้สำนึกเลยซักนิดว่าการขับเร็วมันไม่ถูกต้อง

ผมพูดอย่างนี้ ก็คงจะกระทบหลายๆ คนเพราะการขับรถเร็วเกินกฎหมายของคนไทยมันกลายเป็นเรื่องปกติที่ซึมไปจนเรื่องพื้นฐานไปแล้ว แต่ถามจริงๆ รู้ว่าอันตรายแลัวทำไมถึงยังขับเร็ว ถ้ามั่นใจฝีมือตัวเอง แล้วเคยเห็นคลิปอุบัติเหตุต่างๆ ไหมครับว่ามันรุนแรงแค่ไหน มันแสดงความ "โง่ๆ" ของการขับรถแบบไทยๆ แค่ไหน แล้วได้ตระหนักหรือสะท้อนคิดอะไรไหมครับ หรือไม่คิดอะไรให้เปลืองสมอง ทำตามความเคยชินไป ก็ขับเร็วมาตลอดไม่เห็นเป็นอะไร อยู่ที่เรื่องของดวง คนถึงคราวจะตายก็ต้องตาย...อย่างงั้นเหรอครับ

ทั้งๆ ที่มันป้องกันได้ ด้วยการไม่ขับเร็ว ก็แค่นั้นเอง
ความคิดเห็นที่ 8
ผมสนับสนุนให้มีต้นไม้
ความคิดเห็นที่ 2
แบบนี้ในเมืองคงต้องทุบตึกริมฟุตบาทให้หมด

มันอยู่ของมันเฉยๆ
ถ้าจะรณรงค์ ให้รณรงค์ที่คนดีกว่า
ความคิดเห็นที่ 4
เหรียญมี 2 ด้านฉันใด
ทุกอย่าง ทุกแนวทาง ล้วนมีทั้งข้อดี และข้อเสียในตัว

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เก๋งเสียหลักเกือบพุ่งข้ามเลนมาชนประสานงา แต่ต้นไม้ช่วยกันไว้ก่อน เลยรอดหวุดหวิด

ในจุดที่เป็นทางโค้ง  รถหลุดโค้งบ่อยอาจเพิ่มจำนวนการติดตั้งอุปกรณ์แบบนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
"โรลลิ่งแบร์ริเออร์" นวัตกรรมเกาหลีที่ไทยมีนานกว่า 1 ปี


.
ความคิดเห็นที่ 5
แนะนำให้ทำไหล่ทางกว้างข้างละกิโลครับ ให้รถตกถนนได้ชิวๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่